เขาเป็นคนเดียวในเหตุการณ์ที่ดูจะไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยในเวลานี้เมื่อคิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับตัวเอง ในที่สุดเว่ยเชินก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ“ฮึ่ม ถือว่ายังมีความกล้าอยู่บ้าง”หลิงเฟิงยิ้มอยู่ในใจดูเหมือนว่าเขากำลังกินข้าวอยู่ แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยไม่ใช่ว่าไม่สนใจถังหว่านเขาได้ใช้หยวนชี่ทั้งห้าที่ออกมาจากชี่แท้ เพื่อสร้างตาข่ายป้องกันล้อมร่างกายของถังหว่านไว้ถ้าหากมือของบอดี้การ์ดแตะต้องถังหว่านในตอนนี้ จุดจบของบอดี้การ์ดคนนั้นก็คงจะน่าเศร้ามากแน่นอนสุดท้ายแล้วก็ถูกถังหว่านประกาศอย่างเอิกเกริกอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ถ้าหลินเฟิงไม่ทำอะไรเลย มันจะเป็นการสูญเสียตำแหน่งเกินไปแต่ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเว่ยเชินจะสามารถสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ เขายังคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้สนใจความเป็นความตายของถังหว่านอยู่“ฮึ่ม ดูแบบนี้แล้ว ไอ้หมอนี่คงจะถูกซือหม่าหาวทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฟ่อแล้ว ก็เลยกินอาหารเพื่อปกปิดความสับสนวุ่นวายของในใจของตัวเองสินะ”ถึงแม้ว่าเว่ยเชินจะเกรงกลัวเบื้องหลังของซือหม่าหาว แต่ในจุดนี้ เขาจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบออกมาให้มากกว่าหนุ่มน้อยที่หน้าตาดีคนนี
“เอ่อ…เอ่อ นี่ครับ”ตอนนี้บอดี้การ์ดกำลังอยู่ในสภาวะมึนงง ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงนำกล่องไม้จิ้มฟันยื่นไปให้หลินเฟิงด้วยความตกตะลึงเขามองไปทางหลินเฟิงที่หยิบไม้จิ้มฟันออกมาแคะฟันอย่างงงงวยหลินเฟิงก็ชะงักงัน จากนั้นหันมองไปทางบอดี้การณ์ดคนนี้ด้วยความแปลกประหลาดแล้วพูดขึ้น: “นายดูฉันทำไม? ตอนนี้นายควรจะลงมือแทนผู้ว่าจ้างของนายต่อไม่ใช่เหรอ?”เมื่อได้ยินคำเตือนของหลินเฟิง บอดี้การ์ดคนนี้ถึงได้ตั้งตัวได้ และตะโกนด้วยความโมโห จากนั้นก็โผเข้าไปหาเว่ยเชินที่ถูกล้อมรอบไว้อยู่ผลปรากฏว่าไม่มีเรื่องประหลาดใจอะไรบอดี้การ์ดหลายคนนี้ถึงแม้ต่อสู้เก่ง แต่อยู่ต่อหน้ายอดฝีมือกำลังภายในก็ยังไม่เพียงพอเว่ยเชินคนนี้ก็มีความสามารถอยู่บ้าง ถึงแม้ผมจะยุ่งเหยิบ เสื้อผ้าจะเสียหาย แต่เขาก็ถือว่าผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาได้ยกหนึ่ง และกระทืบลูกน้องที่ซือหม่าหาวพามาจนนอนหมอบ“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยอดฝีมือกำลังภายใน? ไอ้หนุ่ม แกรอฉันได้เลย!”ซือหม่าหาวเห็นท่าทางไม่ดี ก็วิ่งออกไปจากห้องส่วนตัวทันที“ว้าว หล่อมาก ๆ เลยเว่ยเชิน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถจัดการพวกเขาที่ล้อมรอบอยู่หลายคนขนาดนี้
ชุยหยวนส่งเสียงไม่พอใจออกมาด้วยความเหยียดหยาม “ถ้าหากรู้แต่แรกว่าเธอกลายเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่น่าเรียกเธอมาด้วย”“เอาเถอะ”ถังหว่านยิ้มแล้วพูด: “พวกเราทานข้าวกันต่อเถอะ”ในตอนที่ทุกคนกลับไปนั่งประจำที่ตรงที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง จู่ ๆ นอกประตูก็มีเสียงกรีดร้องของเผิงหย่าฟางดังขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้น?!”ในใจของทุกคนสุขุมแล้วพากันมองไปทางประตูซือหม่าหาวจากไปและก็กลับมาอีกแล้วข้างกายเขาก็มีชายวัยกลางคนที่สวมชุดจงซานสองคนติดตามมา ชายวัยกลางคนสองคนนี้ลมหายใจยาวเหยียด ท่าทางกระปรี้กระเปร่า แค่ดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือกำลังภายในอีกทั้งกำปั้นของชายวัยกลางคนสองคนนี้ยังมีหยดเลือดอยู่เล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เลือดของพวกเขา“คุณชายซือหม่า เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?”“ยอมแพ้?”ซือหม่าหาวหัวเราะเสียงดัง และไม่ได้มีสีหน้าที่ดีเหมือนอย่างเมื่อครู่แล้ว เขามีสีหน้าดุดัน และหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา: “ไอ้หนุ่มแกอย่าคิดว่ามีความสามารถนิดหน่อยแล้วจะกล้าทำอวดเก่งต่อหน้าฉันนะ สองท่านนี้คือพ่อบ้านของตระกูลซือหม่าที่ประจำเมืองเจียงโจว”“วันนี้ฉันจะให้พวกเขากำจัดชีวิตน้อย ๆ ของแกซะ!”
ในตอนที่เว่ยเชินหลังตาลง เตรียมจะรับความตายของเขาจู่ ๆ เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น“วุ่นวายพอแล้วยัง? ถ้าวุ่นวายพอแล้วก็ไสหัวไปซะ”“เอ๊ะ?”เว่ยเชินคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างนี้ นี่มัน...นี่มันผู้ชายหน้าตัวเมียที่ชื่อหลินเฟิงคนนั้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงกล้าพูดแบบนี้ในเวลานี้?หรือว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว?เว่ยเชินเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยความสงสัย และเห็นภาพที่ทำให้เขาตกตะลึง เห็นเพียงแค่พ่อบ้านจางคนนี้ยกหมัดขึ้นสูง เห็นได้ชัดว่าต้องการต่อศีรษะของเขาให้ระเบิดแต่แขนของพ่อบ้านจางกลับถูกวัยรุ่นที่หน้าตาเฉยเมยยื่นมือออกมาจับไว้ จึงทำให้พ่อบ้านจางคนนั้นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หน้าผากเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ“ไอ้หนุ่ม...นายเป็นใคร?!”ซือหม่าหาวที่อยู่ข้าง ๆ เห็นหลินเฟิงจับเขนของพ่อบ้านจางเอาไว้ได้ เขาคิดว่าพ่อบ้านจางก็แค่ไม่ทันได้ระวังถึงได้ถูกเขาจับเอาไว้ได้“พ่อบ้านจาง พ่อบ้านหลี่ ฆ่าทุกคนที่อยู่ภายในห้องนี้ให้หมด! อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”“พ่อบ้านจาง คุณไม่ได้ยินคำพูดของผมเหรอ? ยังจะนิ่งเฉยอะไรอยู่อีก?!”เห็นพ่อบ้านจางยังคงแข็งทื่ออยู่กับที่ ซือหม่าหาวยังคิดว่าชายวัยกลางคนคนนี้ไม
ชายวัยกลางคนสองคนนั้นที่ซือหม่าหาวพามาเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนทั่วไป แค่ลงมือก็บดขยี้เว่ยเชินได้แต่อยู่ที่หลินเฟิงหลินเฟิงยังไม่ได้ลงมือ ก็ทำให้สองคนนี้ตกตะลึงจนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากแค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้ทั้งสองคนพาซือหม่าหาวหนีไปอย่างตื่นตระหนก กลัวว่าถ้าหนีไปช้าก็จะถูกฆ่าตายได้ความแข็งแกร่งในความสามารถของหลินเฟิง ไม่จำเป็นต้องยืนยันเพิ่มเติมอีกแล้ว“ขอบคุณคุณหลินที่ช่วยชีวิตผม บุญคุณในวันนี้ เว่ยเชินจดจำเอาไว้ในใจแล้ว”คนที่ทำลายความเงียบงันก่อนก็คือเว่ยเชินที่ฝืนลุกขึ้นมาจากพื้นตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ขาข้างหนึ่งของตัวเองถูกทำให้พิการไปโดยสิ้นเชิงแล้ว แต่อย่างน้อยเป็นเพราะหลินเฟิงลงมือถึงได้มีชีวิตรอดกลับมาได้หลังจากที่ได้รับรู้ว่าหลินเฟิงอยู่ระดับเซียนเทียน เขาก็หมดความคิดที่จะหาเรื่องกับหลินเฟิงในทันทีเมืองเจียงโจวที่ใหญ่โต มียอดฝีมือระดับเซียนเทียนสักกี่คน?อีกทั้งยังอายุน้อยอย่างเช่นหลินเฟิงแบบนี้ บอกว่าหลินเฟิงไม่มีคนหนุนหลัง ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ“ผมฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ ยังจะไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ไม่มีหน้าจะเผชิญหน้ากับคุณหลินอีกแล้วจริง ๆ ต่อไปคุณหนูทั
“ห้องนี้คือ 106 คุณพักอยู่ที่นี่ชั่วคราวเถอะ”หลังจากที่จัดแจงที่พักให้หมิงอิ่งอิ่งเรียบร้อย ทุกอย่างเหมาะสม หลินเฟิงไตร่ตรองครู่หนึ่ง ก็เดินออกจากประตูใหญ่คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยตามลำพัง ตรงกลางถนนที่มืดมิด รถหรูลินคอล์นจอดลงตรงหน้าหลินเฟิงช้า ๆหลินเฟิงยืนอยู่ตรงหน้าไฟรถของรถหรูแล้วถอนหายใจพูดว่า:“ดูท่าซือหม่าหาวคิดอยากตายจริง ๆ สินะ”“ไอ้หนุ่ม หาเรื่องตระกูลซือหม่าของฉัน ยังคิดจะจากไปง่าย ๆ งั้นเหรอ?”ประตูรถเปิดออก ชายชราหนวดเคราสีเทาที่สวมชุดสีดำทั้งตัวลงมาจากรถ และมองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางทะนงองอาจ: “ไอ้หนุ่ม นายจะต้องชดใช้กับความประมาทเลินเล่อของนายเอง!”“ส่วนพวกคุณ ก็จะต้องชดใช้เพราะความไม่รู้ของตัวเองหรือไม่?”หลินเฟิงถามชายชรากลับด้วยสีหน้านิ่งเฉยนี่ทำให้ชายชราสีหน้าเย็นชา เขาหัวเราะเสียงดังแล้วพูดขึ้น: “นายที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้น่ะเหรอ อยากจะมางัดข้อกับคนแก่อย่างฉัน?”“นายคู่ควรด้วยเหรอ?”“ประโยคนี้ส่งกลับไปให้คุณเหมือนกัน ตาแก่”สายตาของหลินเฟิงเผยความเฉียบคมออกมา เขาไม่พูดพล่ามอีกต่อไป จากนั้นดีดตัวขึ้น เด้งออกไปเหมือนกระแสไฟ และปรากฏที่ตรงหน้าของชายชรา
ทวารทั้งเจ็ดมีเลือดไหล ตายไปอย่างน่าอนาถที่สุด“ออกรถ ไปโรงแรมจิ่วโจว”หลินเฟิงเปิดประตูรถ ขึ้นรถยนต์ลินคอล์นของชายชราในตอนนี้คนขับรถตกใจจนมึนงงไม่มีเวลาครุ่นคิดอย่างอื่น เพื่อรอดชีวิตคนขับรถทำได้เพียงฟังคำสั่งของหลินเฟิง เลี้ยวหัวรถและขับไปทางโรงแรมจิ่วโจวและในตอนนี้ ภายในโรงแรม ซือหม่าหาวกำลังสวมชุดคลุมอาบน้ำ เพลิดเพลินกับการนวดของเผิงหย่าฟางเขานอนคว่ำอยู่บนเตียง มือกำโทรศัพท์เอาไว้“คุณชายซือหม่าย ทำไมเสียงของคุณท่าทางดูอารมณ์ไม่ดี”อีกฝ่ายของโทรศัพท์กลับมีเสียงพูดของกู้เฉินดังขึ้น“เป็นเพราะช่วงนี้ตัวทำเงินในบริษัทของผมหนีไปแล้วน่ะสิ แม่ง”ซือหม่าเจียด่าทอคำหยาบ และบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แก่กู้เฉิน“อะไรนะ?!”กู้เฉินที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์นิ่งอึ้งอย่างเห็นได้ชัด และยืนยันกับหม่าซือเจียซ้ำ ๆ ว่าหลินเฟิงที่เขาพูดถึงเป็นหลินเฟิงคนไหน“คุณชายซือหม่าย ผมเกลี้ยกล่อมให้คุณรีบหนีไปเถอะครับ”หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กู้เฉินที่อยู่อีกฝ่ายขอโทรศัพท์ก็พูดขึ้น: “หลินเฟิงคนนั้นความสามารถแข็งแกร่งมาก อีทั้งนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่ ถ้าหากผมเดาไม่ผิด ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ระหว
“ตรงนี้มีที่ให้เธอพูดจาด้วยเหรอ?”หลินเฟิงสายตาเย็นชาหวาดมองเผิงหย่าฟาง ในดวงตาเต็มไปด้วยแรงสังหารแต่เผิงหย่างฟางไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย เธอแอ่นอกเผชิญหน้ากับหลินเฟิงแล้วพูดว่า: “นายก็แค่ถือว่าถังหว่านนังผู้หญิงต่ำช้าคนนั้นหนุนหลังนายไม่ใช่เหรอ?”“ฉันยอมรับว่าตระกูลถังมีความสามารถอยู่บ้าง แต่คุณชายซือหม่าก็ใช่ว่าจะกลัวตระกูลถัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายหน้าตัวเมียที่เกาะถังหว่าอย่างนาย ทางที่ดีนายควรจะสำนึกถึงสถานะของตัวเอง!”การดูถูกเหยียดหยามติดต่อกันของเผิงหย่าฟางทำให้หลินเฟิสีหน้าเปลี่ยนไปเย็นชา“แก…หุบปาก!”เห็นความดุดันบนตัวของหลินเฟิงยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง ซือหม่าหาวก็รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี เขารีบตวาดเผิงหย่าฟางให้หุบปาก แต่เผิงหย่าฟางไม่มีท่าทีจะหยุดด้วยซ้ำ แต่กลับพูดยั่วโมโหหลินเฟิงต่อ: “คุณชายซือหม่าทำการตรวจสอบนายเรียบร้อย ได้ยินว่านายมีอดีตภรรยาคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายอดีตภรรยาของนายอีกสองวันก็จะแต่งงานกับคุณชายของตระกูลกู้เมืองเจียงโจวแล้ว”“ถ้าฉันเป็นนาย คงจะหาที่ที่ไม่มีคนและเช็ดน้ำตาไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่านายเอาความกล้ามาจากไหน ยังกล้ามาพาลเกเรถึงที่คุณชายซือหม่า!”