ชายชรามีหนวดเครายาวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และยืนตะโกนอยู่ที่ด้านหลังหลินเฟิง: “ฉันบอกให้นายปล่อยมือ นายไม่ได้ยินหรือไง?!”“หือ?”หลินเฟิงหันหน้าไปช้า ๆ ก็เห็นงานปักสีขาวตรงหน้าอกชุดสูทของชายชราเป็นตัวอักษรหรงตัวใหญ่ ๆ“คนของตระกูลหรง?”หลินเฟิงถามโดยไร้ความรู้สึก“ในเมื่อรู้แล้ว ยังไม่รีบปล่อยคุณชายซือหม่าอีกเหรอ?”“คุณชายซือหม่าตอนนี้ได้รับการปกป้องจากตระกูลหรงของเรา หลินเฟิง ถ้าหากนายทำอะไรมั่วๆ งั้นก็อย่าโทษที่ตระกูลหรงของฉันเห็นนายเป็นศัตรู!”ชายชราตะโกนเสียงดัง“หึ”หลินเฟิงไม่ยอมรับการข่มขู่จากชายชราตระกูลหรง แต่กลับส่ายหน้าแล้วหัวเราะพูดว่า: “ซือหม่าหาวคนนี้แหกกฏของผมก่อน อีกทั้งยังขู่ว่าจะฆ่าครอบครัวของผม ถ้าหากผมปล่อยเขาไป เขาจะคลายปมกับผมได้เหรอ?”“นายปล่อยคุณซือหม่าหาวก่อน ตระกูลหรงของฉันรับประกันที่ตรงนี้ จะไม่ให้เขาทำอะไรซี้ซั้ว”ชายชราขมวดคิ้ว และรับประกันต่อหลินเฟิง“หึ”หลินเฟิงส่งเสียงในลำคอเบา ๆ และปล่อยมือออก ไว้ชีวิตซือหม่าหาวสักครั้ง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไว้หน้าตระกูลหรงของพวกคุณ”ในเมื่อหลินเฟิงก็ไม่อยากมีปัญหากับทุกคนไปหมดซือหม่าหาวหายใจ
ชายชราหันหน้ามองไปทางซือหม่าหาวแล้วพูดเกลี้ยกล่อม:“คุณชายซือหม่าหาว วันนี้คุณยอมก้มหัวให้คุณหลินเฟิงก่อน รับความผิด และรับประกันว่าต่อไปจะไม่มาหาเรื่องคุณหลินเฟิงแล้ว พวกคุณสองคนเปลี่ยนจากการต่อสู้เป็นมิตรภาพกัน แบบนี้เป็นอย่างไร?”“ฉันก้มหัวรับผิดต่อเขา?”ซือหม่าหาวสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป และมองชายชราอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ถูกต้อง”ชายชราพยักหน้า ถือว่าเป็นการยืนยันวิธีคำพูดนี้”ทำไมกัน?!”ซือหม่าหาวชี้ไปทางหลินเฟิงแล้วพูดอย่างโมโห: “ไอ้หมอนี่ไม่เพียงขวางทางมั่งคั่งของฉัน ถึงขั้นที่วิ่งมาคุกคามความปลอดภัยของฉันถึงที่นี่ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยังจะให้ฉันขอโทษเขาเหรอ?!”“ไม่มีทาง! พวกนายเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหรงไม่ใช่เหรอ?หรือว่าไอ้หมอนี่จะกล้าแตะต้องพวกนายงั้นเหรอ? เขามีความกล้าขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?”อันที่จริงชายชราเป็นพ่อบ้านของตระกูหรงประจำเมืองเจียงโจวเขาในฐานะพ่อบ้านตระกูลหรง เส้นสายที่รู้จักจึงมีมากมายอยู่แล้วเขาเคยได้ยินนายกรัฐมนตรีฉินเซี่ยวเทียน และผู้ว่าหลิวกั๋วฮุยเล่าเรื่องของวัยรุ่นที่ชื่อหลินเฟิงคนนี้นานแล้วเขายังได้ยินว่าหมอนี่กับถังหว่านคู่หมั้นของคุณชายหรงยวน
“นาย...หลินเฟิง นาย...”หลินเฟิงคนนี้เห็นได้ชัดว่าบ้าบิ่นยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้ ชายชราถลึงตาโต และล้มลงบนพื้นด้วยความไม่เต็มใจยอมรับจัดการชายชราภายในหมัดเดียว หลินเฟิงถึงได้มองไปทางบอดี้การ์ดของตระกูลหรงที่เหลืออยู่จากนั้นพูดอย่างเรียบเฉย: “เพื่อปกป้องไอ้โง่คนนี้ ดูท่าตระกลหรงของพวกคุณ ไม่เสียดายที่จะเป็นศัตรูกับหลินเฟิง? ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกคุณก็อย่าคิดที่จะกลับไปเลย!”“หลินเฟิง! แกมันเป็นคนบ้า!”เห็นภาพนี้ ซือหม่าหาวตกใจจนงุนงงไปหมดพลังอำนาจของตระกูลหรงที่เมืองจิงเขารู้ดีเป็นอย่างมาก ไม่เพียงที่เมืองจิง ทั่วทั้งประเทศหรงต่างนับว่าเป็นที่หนึ่งที่สองถึงขั้นที่อาศัยสำนักหลงผานเมืองหนานไห่ หรงตระกูลหรงมีอิทธิพลใหญ่โตแทบจะทั่วทั้งประเทศมังกร“ไอ้หมอนี่หรือว่าเป็นบ้าจริง ๆ? เพื่อฆ่าเขาแล้ว ถึงขั้นที่ไม่เสียดายที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลหรง เขามีที่มาอย่างไรกันแน่?!”ซือหม่าหาวกำลังคิดแบบนี้ บอดี้การ์ดตระกูลหรงที่อยู่ข้างกายพากันมุ่งหน้าไปทางหลินเฟิง“ไอ้สารเลว คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าฆ่าพ่อบ้านตระกูลหรงเมืองเจียงโจวของเรา!”“แกใจกล้ามากจริง ๆ!”เห็นหลินเฟิงกล้าลงมือจริง ๆ พวกบอด
ในตอนที่หลินเฟิงกำลังจะจัดการศพของซือหม่าหาว ประตูลิฟต์ที่อยู่ข้าง ๆ เปิดออกกกะทันหันใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินเฟิง“หลินเฟิง?”คนที่อยู่ในลิฟต์กลับเป็นหลี่ฮุ่ยหรานหลินเฟิงเหลือบมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเฉยเมย เธอผอมลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีขอบตาดำคล้ำอย่างรุนแรง ถึงแม้เธอใช้การแต่งหน้าปกปิด แต่จะปิดบังหลินเฟิงที่อยู่ด้วยกันกับเธอมาสามปีได้อย่างไรดูท่าหลายวันมานี้เธอใช้ชีวิตได้ไม่ดีเท่าไหร่นักหลินเฟิงไม่ได้พูดจาตอนนี้เขากับหลี่ฮุ่ยหรานตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว อีกทั้งอีกสองวันหลี่ฮุ่ยหรานก็จะแต่งงานกับกู้เฉิน หลินเฟิงไม่มีอะไรจะพูดกับเธอแต่ใครจะรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานพุ่งมาตรงหน้า และจับมือของหลินเฟงเอาไว้: “หลินเฟิง ฉันได้ยินมาจากกู้เฉินว่า คุณกับซือหม่าหาวของตระกูลซือหม่ามีปัญหากัน”“คุณอย่าวู่วามเด็ดขาดนะ! ไป ฉันพาคุณไปขอโทษคุณชายซือหม่า”“ตระกูลซือหม่าช่วงนี้เพิ่งจะร่วมธุรกิจกับตระกูลหรง ตอนนี้ซือหม่าหาวเป็นคนของหลงยวนแล้ว ถ้าคุณมีปัญหากับซือหม่าหาว...”หลี่ฮุ่ยหรานยังพูดไม่จบ รูม่านตาก็หดตัวลง เพราะมองเห็นศพที่ไร้ลมหายใจ นอนคว่ำอยู่ตรงที่บันไดศพหนึ่ง“นี่
เธอเพิ่งจะได้ยินจากกู้เฉินว่าหลินเฟิงได้ไปบาดหมางกับซือหม่าหาวเข้าแล้ว จึงรีบมาหาอย่างรีบร้อน อยากจะพาหลินเฟิงไปขอโทษซือหม่าหาวอย่าว่าแต่พูดขอโทษเลยหลินเฟิงได้สังหารซือหม่าหาวไปแล้วเวลานี้ก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับอีกแล้วเรื่องมาจนถึงตอนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานยังคงไม่ยอมแพ้ ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดว่า “หลินเฟิง คุณไม่เข้าใจฉันก็ไม่เป็นไร ไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะไม่ให้คุณตายต่อหน้าฉัน”“ไม่อย่างแน่นอน”หลังจากที่พูดจบแล้ว หลี่ฮุ่ยหรานก็เช็ดน้ำตาแล้วต่อสายโทรศัพท์หากู้เฉิน“กู้เฉิน ฉันอยากจอร้องคุณสักเรื่อง....”กระวนกระวายใจมากหลินเฟิงออกมาจากโรงแรม ก่อนจะนั่งบนรถแล้วต่อยพวงมาลัยอย่างแรง“ไอ้เลว!”ถึงแม้ว่าจะรู้มานานแล้วว่าหลี่ฮุ่ยหรานกำลังจะแต่งงานกับกู้เฉิน เมื่อคิดถึงใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานเมื่อครู่นี้ หลินเฟิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายอยู่ในใจ กู้เฉินสันดานแบบไหน หลินเฟิงรู้ดีก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินจากไป๋จินเต๋อว่า กู้เฉินนั้นกำลังจะลงมือกับหลินเฟิงในวันแต่งงานของหลี่ฮุ่ยหรานเช่นนั้นหลินเฟิงไม่ไปงานแต่งงานของหลี่ฮุ่ยหรานก็ได้สินะ?คำตอบคือทำไม่ไ
“นังผู้หญิงโง่นั้นก็เป็นแค่หมากที่ฉันเอามาใช้ทำให้หลินเฟิงอับอายก็เท่านั้นแหละ”“อีกสามวันข้างหน้าฉันต้องการให้หลินเฟิงอับอาย และต้องการให้หลี่ฮุ่ยหรานเสียศักดิ์ศรีที่มีทั้งหมด ให้หลินเฟิงมันเห็นผู้หญิงของตัวเองถูกผู้ชายคนอื่นเหยียดหยามศักดิ์ศรี”เสียงหัวเราะของกู้เฉินดังมาตามสาย“ไปบอกคุณชายหลงยวน ทางฝั่งฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือรอแค่ยอดฝีมือของทางนั้นมาถึงก็พอแล้ว”“ครับ”บอดี้การ์ดวางสายอย่างหวาดระแวงก่อนจะมองไปทางหลินเฟิงพร้อมกับสั่นไปทั้งตัวเขากลัวว่าหลินเฟิงจะโมโหแล้วเอาชีวิตของเขาใครจะไปคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้โมโหด้วยซ้ำ แต่สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า หรือจะบอกว่าเหม่อลอยก็ได้“คะ...คุณหลิน?”ต่อให้หลินเฟิงจะเหม่อลอย แต่เขาก็ไม่กล้าหนีไปจึงได้แต่เรียกอีกคนทั้งน้ำตา“ออกไปเถอะ”ผ่านไปนานกว่าหลินเฟิงจะดึงสติกลับมาก่อนจะมองไปทางบอดี้การ์ดคนนั้น “ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ อย่าคิดจะต่อกรกับฉัน แล้วถ้าถึงในวันงานแต่งทางที่ดี...อย่าโผล่หน้าไป”“ครับ ๆๆ! คุณหลิน ผม...ผมจะไม่บอกใครเรื่องนี้เด็ดขาด และจะไม่โผล่หน้าไปที่งานแต่งงานด้วย”บอดี้การ์ดคนนั้นรู้สึกโล่งใจ ก่อนที
จางกุ้ยหลานเห็นว่าด่าไปก็ไม่มีประโยชน์จึงเดินเข้ามาผลักหลินเฟิง“ออกไปซะ! ตอนนี้ฮุ่ยหรานไม่อยู่ ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”“หลี่ฮุ่ยหราน!”“วันมะรืน!”หลินเฟิงอดทนต่อกำปั้นและเล็บของจางกุ้ยหลานก่อนจะตะโกนใส่คฤหาสน์ตระกูลหลี่ “วันมะรืนนี้ฉันจะไปฉุดเจ้าสาว! ฉันจะไปแน่ ๆ!”“หลี่ฮุ่ยหราน ฉันจะเอาตัวเธอไปให้ได้! แล้วฉันก็ไม่สนด้วยว่าเธอจะยินดีไหม!”“ฉันหลินเฟิงคนนี้มันก็เอาแต่ใจแล้วก็บ้าแบบนี้นี่แหละ!”“ไม่มีใครห้ามฉันได้ คนตระกูลหลี่ก็ห้ามไม่ได้ กู้เฉินก็ห้ามไม่ได้ ตระกูลหลงของจิงเฉิงก็ห้ามฉันไม่ได้!”หลังจากตะโกนเสร็จหลินเฟิงก็ยืนเงียบ ๆ เพื่อจะรอฟังว่าหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ในคฤหาสน์จะพูดว่าอะไรแต่จนถึงตอนนี้ นอกจากเสียงตะโกนด่าทอของจางกุ้ยหลานก็ไม่มีเสียงอะไรเลยหลินเฟิงเองก็ไม่ได้ท้อแท้ ในตอนที่เขากำลังจะหันหลังกลับนั้นประตูของคฤหาสน์ก็เปิดออก หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ในชุดนอนกำลังเดินออกมา“นี่ลูกออกมาทำไม?!”จางกุ้ยหลานเห็นหลี่ฮุ่ยหลานเดินออกมาจริง ๆ ก็รู้สึกร้อนใจ“ลูกจ๊ะ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกับคุณชายกู้แล้ว เพื่อตระกูลหลี่ของเรา ลูกอย่าถูกเจ้าปีศาจคนนี้หลอกเอาเชียว
“หลี่ฮุ่ยหรานเธอโกหก ฉันรู้จักเธอดี เวลาที่เธอโกหกเธอจะหลบสายตา”หลินเฟิงพูดเสียงเบา“หลินเฟิง อย่าคิดว่าคุณรู้จักฉันดี ฉันเป็นคนยังไงคุณไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด ฉันจะบอกคุณก็ได้”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้ม “ตอนนี้ฉันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ใคร ๆ ก็ต้องอยู่กับความเป็นจริง และอย่าเอาแต่หวังสูง ผู้หญิงคนหนึ่งก็แค่หวังว่าจะได้แต่งงานกับคนที่พึ่งพาได้ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?”“แทนที่จะเอาแต่ต่อกรกับบรรดาพวกที่ถือหุ้นในบริษัท การเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านไม่สบายกว่าเหรอ แบบนี้ก็ดีกับทุกฝ่ายด้วย”“หลี่ฮุ่ยหราน นี่คือสิ่งที่คุณคิดจริง ๆ เหรอ?”หลินเฟิงจ้องตาของหลี่ฮุ่ยหราน“มันคือความจริงค่ะ”ครั้งนี้หลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้หลบสายตา เธอมองไปทางหลินเฟิงไม่กระพริบตา “ไม่สนว่าคุณจะคิดยังไง หรือจะเข้าข้างตัวเองแบบไหนหรืออยากจะอวดเก่งอะไร แต่วันพรุ่งนี้ฉันไม่มีทางหนีไปกับคุณแน่ ๆ คุณหยุดคิดเถอะ”“ดึกแล้ว ฉันเหนื่อยแล้วด้วย คุณกลับไปเถอะ”หลี่ฮุ่ยหรานพูดจบก็เดินกลับเข้าไปด้านในคฤหาสน์“เหม่ออะไรของแก? ไม่ได้ยินหรือไงว่าลูกสาวฉันไล่แล้ว? มั่นหน้าจริง ๆ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”จางกุ้ยหลานเดินเข้ามาผลักไหล่หลินเฟิงแต