“นังผู้หญิงโง่นั้นก็เป็นแค่หมากที่ฉันเอามาใช้ทำให้หลินเฟิงอับอายก็เท่านั้นแหละ”“อีกสามวันข้างหน้าฉันต้องการให้หลินเฟิงอับอาย และต้องการให้หลี่ฮุ่ยหรานเสียศักดิ์ศรีที่มีทั้งหมด ให้หลินเฟิงมันเห็นผู้หญิงของตัวเองถูกผู้ชายคนอื่นเหยียดหยามศักดิ์ศรี”เสียงหัวเราะของกู้เฉินดังมาตามสาย“ไปบอกคุณชายหลงยวน ทางฝั่งฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือรอแค่ยอดฝีมือของทางนั้นมาถึงก็พอแล้ว”“ครับ”บอดี้การ์ดวางสายอย่างหวาดระแวงก่อนจะมองไปทางหลินเฟิงพร้อมกับสั่นไปทั้งตัวเขากลัวว่าหลินเฟิงจะโมโหแล้วเอาชีวิตของเขาใครจะไปคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้โมโหด้วยซ้ำ แต่สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า หรือจะบอกว่าเหม่อลอยก็ได้“คะ...คุณหลิน?”ต่อให้หลินเฟิงจะเหม่อลอย แต่เขาก็ไม่กล้าหนีไปจึงได้แต่เรียกอีกคนทั้งน้ำตา“ออกไปเถอะ”ผ่านไปนานกว่าหลินเฟิงจะดึงสติกลับมาก่อนจะมองไปทางบอดี้การ์ดคนนั้น “ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ อย่าคิดจะต่อกรกับฉัน แล้วถ้าถึงในวันงานแต่งทางที่ดี...อย่าโผล่หน้าไป”“ครับ ๆๆ! คุณหลิน ผม...ผมจะไม่บอกใครเรื่องนี้เด็ดขาด และจะไม่โผล่หน้าไปที่งานแต่งงานด้วย”บอดี้การ์ดคนนั้นรู้สึกโล่งใจ ก่อนที
จางกุ้ยหลานเห็นว่าด่าไปก็ไม่มีประโยชน์จึงเดินเข้ามาผลักหลินเฟิง“ออกไปซะ! ตอนนี้ฮุ่ยหรานไม่อยู่ ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”“หลี่ฮุ่ยหราน!”“วันมะรืน!”หลินเฟิงอดทนต่อกำปั้นและเล็บของจางกุ้ยหลานก่อนจะตะโกนใส่คฤหาสน์ตระกูลหลี่ “วันมะรืนนี้ฉันจะไปฉุดเจ้าสาว! ฉันจะไปแน่ ๆ!”“หลี่ฮุ่ยหราน ฉันจะเอาตัวเธอไปให้ได้! แล้วฉันก็ไม่สนด้วยว่าเธอจะยินดีไหม!”“ฉันหลินเฟิงคนนี้มันก็เอาแต่ใจแล้วก็บ้าแบบนี้นี่แหละ!”“ไม่มีใครห้ามฉันได้ คนตระกูลหลี่ก็ห้ามไม่ได้ กู้เฉินก็ห้ามไม่ได้ ตระกูลหลงของจิงเฉิงก็ห้ามฉันไม่ได้!”หลังจากตะโกนเสร็จหลินเฟิงก็ยืนเงียบ ๆ เพื่อจะรอฟังว่าหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ในคฤหาสน์จะพูดว่าอะไรแต่จนถึงตอนนี้ นอกจากเสียงตะโกนด่าทอของจางกุ้ยหลานก็ไม่มีเสียงอะไรเลยหลินเฟิงเองก็ไม่ได้ท้อแท้ ในตอนที่เขากำลังจะหันหลังกลับนั้นประตูของคฤหาสน์ก็เปิดออก หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ในชุดนอนกำลังเดินออกมา“นี่ลูกออกมาทำไม?!”จางกุ้ยหลานเห็นหลี่ฮุ่ยหลานเดินออกมาจริง ๆ ก็รู้สึกร้อนใจ“ลูกจ๊ะ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกับคุณชายกู้แล้ว เพื่อตระกูลหลี่ของเรา ลูกอย่าถูกเจ้าปีศาจคนนี้หลอกเอาเชียว
“หลี่ฮุ่ยหรานเธอโกหก ฉันรู้จักเธอดี เวลาที่เธอโกหกเธอจะหลบสายตา”หลินเฟิงพูดเสียงเบา“หลินเฟิง อย่าคิดว่าคุณรู้จักฉันดี ฉันเป็นคนยังไงคุณไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด ฉันจะบอกคุณก็ได้”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้ม “ตอนนี้ฉันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ใคร ๆ ก็ต้องอยู่กับความเป็นจริง และอย่าเอาแต่หวังสูง ผู้หญิงคนหนึ่งก็แค่หวังว่าจะได้แต่งงานกับคนที่พึ่งพาได้ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?”“แทนที่จะเอาแต่ต่อกรกับบรรดาพวกที่ถือหุ้นในบริษัท การเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านไม่สบายกว่าเหรอ แบบนี้ก็ดีกับทุกฝ่ายด้วย”“หลี่ฮุ่ยหราน นี่คือสิ่งที่คุณคิดจริง ๆ เหรอ?”หลินเฟิงจ้องตาของหลี่ฮุ่ยหราน“มันคือความจริงค่ะ”ครั้งนี้หลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้หลบสายตา เธอมองไปทางหลินเฟิงไม่กระพริบตา “ไม่สนว่าคุณจะคิดยังไง หรือจะเข้าข้างตัวเองแบบไหนหรืออยากจะอวดเก่งอะไร แต่วันพรุ่งนี้ฉันไม่มีทางหนีไปกับคุณแน่ ๆ คุณหยุดคิดเถอะ”“ดึกแล้ว ฉันเหนื่อยแล้วด้วย คุณกลับไปเถอะ”หลี่ฮุ่ยหรานพูดจบก็เดินกลับเข้าไปด้านในคฤหาสน์“เหม่ออะไรของแก? ไม่ได้ยินหรือไงว่าลูกสาวฉันไล่แล้ว? มั่นหน้าจริง ๆ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”จางกุ้ยหลานเดินเข้ามาผลักไหล่หลินเฟิงแต
ตระกูลผู้ดีมากมายและพวกข้าราชการต่างพากันมาร่วมงานรถหรูนับร้อยคันตั้งเป็นขบวนแห่ ที่จอดรถด้านนอกของตระกูลกู้ต่างก็จอดกันจนล้นออกไปด้านนอกกู้เฉินที่เซ็ตผมและแต่งตัวหล่อเหลายืนรับแขกที่ห้องโถงด้วยตัวเองแต่ก็จะมีเพียงคนดังในเมืองเจียงโจวเท่านั้นที่กู้เฉินจะเดินเข้าไปทักทายด้วยตัวเองถ้าหากว่าเป็นแค่เจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ หรือตระกูลที่ไม่ดังก็จะเป็นคนรับใช้ของตระกูลกู้เป็นฝ่ายรับหน้ากู้เฉินยกแก้วเหล้าในมือทักทายกับผู้คนในงานอย่างสบายใจ“คุณชายกู้ จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทางตระกูลเซี่ยงเหมือนจะมีเรื่อง ทางนั้นไม่ได้ส่งคนมา”คนรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามารายงานให้กู้เฉินฟัง“หึ ฉันก็ไม่ได้หวังว่าเซี่ยงตงเซิงจะช่วยอะไรได้หรอก”“ไม่ใช่หรอกครับ”คนรับใช้คนนั้นขยับเข้ามากระซิบข้างหูกู้เฉิน “โรงงานของทางตระกูลเซี่ยงถูกเซียวคุนกว้านซื้อไปจนหมด พวกนั้นหมดโอกาสที่จะร่วมมือกับเราแล้วครับ”“แต่ทางเซียวคุนกลับมีคนอยากจะร่วมมือกับเรา”“หืม?”กู้เฉินตะลึงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา “งั้นก็ตอบตกลงเซียวคุน เพราะถ้าทำให้ตระกูลถังและหลินเฟิงล่มจมได้ จะร่วมลงทุนกับใครฉันก็ไม่ติดทั้งนั้น”“ครับ”คนร
เห็นหลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วเพราะคำพูดของตัวเองจางกุ้ยหลานก็รีบเข้ามาปลอบ “วางใจเถอะลูกวันนั้นที่ไอ่หมอนั่นมาก่อกวนก็เพื่อจะหลอกให้ลูกหนีไปกับมันก็เท่านั้น”“มันไม่มีทางกล้าบุกเข้ามาในถ้ำเสือนี่แน่ ๆ ไม่แน่นะว่าตอนนี้อาจจะหนีออกไปจากเจียงโจวแล้วก็ได้ได้ยินแม่ปลอบใจตัวเองแบบนี้ถึงจะรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังพอมองเห็นความหวังอันริบหรี่อยู่บ้างตอนนี้เธอแค่หวังว่าหลินเฟิงจะปลอดภัยดีก็เท่านั้นและยังหวังว่าหลินเฟิงจะไม่ทำอะไรให้ตัวเขาเองตกอยู่ในที่นั่งลำบาก“ว้าว พี่คะ ของพวกนี้คุณชายกู้ให้มาเหรอคะ”จางซินเองก็เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว เธอจับดูกล่องเครื่องประดับก่อนจะมองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานแล้วถามออกมา “นี่พี่ยกสร้อยให้ฉันสักเส้นสองเส้นได้ไหมคะ? ฉันยังไม่เคยใส่เครื่องประดับแพง ๆ มาก่อน…”“อืม เอาไปสิ”หลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้สนใจเครื่องประดับ ก่อนจะฝืนยิ้มออกแล้วดันกล่องเครื่องประดับไปทางจางซิน“ขอบคุณค่ะ!”จางซินพูดออกมาอย่างดีใจก่อนจะหยิบเครื่องประดับในกล่องมาสวมใส่พร้อมกับบิดตัวไปมาอยู่หน้ากระจกเพื่อส่องดูความสวยของมันจางกุ้ยหลานที่ยืนอยู่อีกด้านได้แต่ถอนหายใจออกมาที่ลูกสาวของ
แต่คำพูดพวกนี้สำหรับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วกลับขัดเคืองหูมากกว่าสิ่งใดเธอคิดว่ามันมีแต่เรื่องประชดประชัน รักแท้อะไร คลั่งรักอะไร ไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องอะไร คำพูดพวกนี้มันคือคำโกหกทั้งนั้นทั้ง ๆ ที่ความจริงคือกู้เฉินเข้ามาบังคับ เพราะเขาต้องการจะเข้ามาควบคุมตระกูลหลี่ผ่านทางเธอในตอนนั้นเองที่หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกว่ามันช่างเหนื่อยจนเธออยากจะทิ้งทุกสิ่ง“หลินเฟิง นายมาช่วยฉันทีได้ไหม?”เธอพูดประโยคนี้เบา ๆ ในใจเธออดที่จะจินตนาการไม่ได้ถ้าเกิดว่าหลินเฟิงสามารถบุกเข้ามาที่เจียงโจวและช่วยเธอได้ ครั้งนี้เธอควรจะทำตามใจตัวเองแล้วหนีไปจากงานแต่งงานที่มีแต่คำหลอกลวงนี้ใช่หรือไม่?“ขอบคุณคุณชายกู้มากครับ ผมคิดว่าทุกคนคงจะซาบซึ้งกับความคลั่งรักของคุณชายกู้แน่ ๆ ต่อจากนี้ก็ขอเชิญคุณหลี่ฮุ่ยหรานขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ!”เสียงของพิธีกรดังมากจากด้านหน้าเธอหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจางกุ้ยหลานจะเดินเข้ามาสะกิดลูกสาวของตัวเอง หลี่ฮุ่ยหรานจึงดึงสติกลับมาและรู้ว่าถึงเวลาที่เธอต้องขึ้นเวทีแล้วเพราะอย่างนั้นเธอก็เดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือที่ออกจะมาช้าไปสักหน่อย เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวก่อนจะเ
"สามีภรรยาคำนับกัน!”พิธีกรประกาศออกมาเสียงดังอีกครั้งกู้เฉินและหลี่ฮุ่ยหรานหมุนตัวมามองหน้ากันกู้เฉินยิ้มจนเต็มใบหน้า เห็นว่ารอบข้างไม่มีใครอยู่ก็พูดออกมาเสียงเบา “ฮุ่ยหราน เธอวางใจเถอะเรื่องที่เธอขอร้องฉันไว้ก่อนหน้านี้ฉันบอกกับคุณชายหลงแล้ว ทางคุณชายหลงเองก็ตอบรับแล้วด้วย”“จริงเหรอคะ?”หลี่ฮุ่ยหรานชะงักไปเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความสับสนเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานทำสีหน้าแบบนี้ออกมา สายตาของกู้เฉินก็มีวี่แววของความเย็นชาก่อนจะยิ้มออกมา “แต่ทางคุณชายหลงมีเงื่อนไขมานิดหน่อย”“เงื่อนไขอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานใจสั่น เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล“ก็คือคืนนี้คนที่จะมาเข้าหอกับคุณคือน้องชายของคุณหลง”“อะไรนะคะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึง เธอเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ“กู้เฉิน...นี่คุณ…”“ทำไม? คุณจะไม่ยอมเหรอ?”กู้เฉินส่ายหน้าพลางยิ้ม “วางใจเถอะ ผมจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป แต่แค่จะถ่ายคลิปเอาไว้เผื่อเอาไว้ใช้ในอนาคต”“คุณมันโรคจิต!”หลี่ฮุ่ยหรานกัดฟันด่าออกมา“ขอบคุณที่ชมครับ”กู้เฉินฉีกยิ้มอย่างไม่รู้สึกอับอายเลยสักนิด “ยกผู้หญิงของตัวเองให้น้องชายของคุณชายหลงเนี่ย จริง ๆ ผมก
"ฮุ่ยหราน!”“คำนับสิ! รีบคำนับเร็ว!”“ถ้าแกไม่คำนับ วันนี้ตระกูลหลี่ของเราแย่แน่!”“พี่คะ รีบคำนับสิ!”“เจ้าสาวรีบคำนับเร็ว!”รอบด้านต่างพากันเร่งให้หลี่ฮุ่ยหรานโค้งคำนับ เธอมองไปรอบทิศทางอย่างหวาดระแวง คนที่เธอมองหากลับไม่โผล่เข้ามาเสียทีถ้าเธอโค้งคำนับไปก็จะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว“หลี่ฮุ่ยหราน เธออยากให้ฉันอับอายหรือไง?”“ทางที่ดีรับน้ำใจนี่ไว้ซะ ไม่อย่างนั้นหลินเฟิงไม่รอดแน่!”กู้เฉินใบหน้าเคร่งขรึมลงทันตา “ไม่ใช่แค่หลินเฟิง แต่ตระกูลหลี่ แม่ของเธอ น้องของเธอก็จะตายไม่มีที่ฝัง!”“เธอคิดให้ดีก็แล้วกัน!”“ต่อให้วันนี้เธอไม่ยอมคำนับก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้!”ได้ยินคำขู่ของกู้เฉิน หลี่ฮุ่ยหรานก็สั่นไปทั้งตัว สุดท้ายเธอจึงหลับตาลงก่อนจะคลายมือที่กำเอาไว้แน่นออกเธอยอมแล้ว“ได้...ฉันจะคำนับ”ในสายตาของหลี่ฮุ่ยหรานเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในตอนที่เธอกำลังจะโค้งคำนับกู้เฉินนั้นที่ประตูห้องโถงของตระกูลกู้ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น“อะไรกัน?!”“อะไร?”ประตูห้องโถงของตระกูลกู้ถูกกระแทกจนมันเปิดออกแขกทุกคนต่างพากันมองไปทางนั้นก่อนจะเห็นบอดี้การ์ดของตระกูลกู้ที่ล้มลงเมื่อกี้สิ่งที่กระแท