"ฮุ่ยหราน!”“คำนับสิ! รีบคำนับเร็ว!”“ถ้าแกไม่คำนับ วันนี้ตระกูลหลี่ของเราแย่แน่!”“พี่คะ รีบคำนับสิ!”“เจ้าสาวรีบคำนับเร็ว!”รอบด้านต่างพากันเร่งให้หลี่ฮุ่ยหรานโค้งคำนับ เธอมองไปรอบทิศทางอย่างหวาดระแวง คนที่เธอมองหากลับไม่โผล่เข้ามาเสียทีถ้าเธอโค้งคำนับไปก็จะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว“หลี่ฮุ่ยหราน เธออยากให้ฉันอับอายหรือไง?”“ทางที่ดีรับน้ำใจนี่ไว้ซะ ไม่อย่างนั้นหลินเฟิงไม่รอดแน่!”กู้เฉินใบหน้าเคร่งขรึมลงทันตา “ไม่ใช่แค่หลินเฟิง แต่ตระกูลหลี่ แม่ของเธอ น้องของเธอก็จะตายไม่มีที่ฝัง!”“เธอคิดให้ดีก็แล้วกัน!”“ต่อให้วันนี้เธอไม่ยอมคำนับก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้!”ได้ยินคำขู่ของกู้เฉิน หลี่ฮุ่ยหรานก็สั่นไปทั้งตัว สุดท้ายเธอจึงหลับตาลงก่อนจะคลายมือที่กำเอาไว้แน่นออกเธอยอมแล้ว“ได้...ฉันจะคำนับ”ในสายตาของหลี่ฮุ่ยหรานเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในตอนที่เธอกำลังจะโค้งคำนับกู้เฉินนั้นที่ประตูห้องโถงของตระกูลกู้ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น“อะไรกัน?!”“อะไร?”ประตูห้องโถงของตระกูลกู้ถูกกระแทกจนมันเปิดออกแขกทุกคนต่างพากันมองไปทางนั้นก่อนจะเห็นบอดี้การ์ดของตระกูลกู้ที่ล้มลงเมื่อกี้สิ่งที่กระแท
"หลินเฟิงเหรอ? ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อนี้ที่เจียงหนานมาก่อนเลยล่ะ?”“นั่นสิ เขาเป็นใครกันน่ะ? ทำไมถึงกล้ามาหยามคุณชายกู้กัน?”“นี่เขาโง่หรือเปล่า? อยากตายหรือไง?”“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ มีพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้แล้ว”“มีเรื่องน่าสนใจแล้วสิ!”ตอนแรกภายในงานเต็มไปด้วยความเงียบก่อนจะตามมาด้วยเสียงซุบซิบก่อนที่เสียงจะค่อย ๆ ดังขึ้นในตอนนี้ทุกคนต่างพากันพูดถึงสถานะของหลินเฟิง ก่อนจะพูดถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลกู้ว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ถึงได้มีการฉุดเจ้าสาวกันเกิดขึ้น“ว้าว เรื่องแบบนี้แค่ในฝันฉันก็ยังอยากจะเจอเลย”“เจ้าหญิงจะแต่งงานกับเจ้าชาย แต่ว่าในตอนที่จะแต่งงานกลับมีคนรักของเจ้าหญิงเข้ามาป่วนงาน”หญิงสาวคนหนึ่งมองมาอย่างเพ้อ ๆ“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ นี่มันเป็นเรื่องจริงนะไม่ใช่นิทาน ไอ่หมอนั่นตายแน่”“ใช่ รอดูเถอะว่าทางคุณชายกู้จะว่ายังไง”“จะจัดการยังไงได้? ไอ่หนุ่มนั่นคงตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ ๆ”ไม่ว่าคนด้านล่างจะพูดกันว่ายังไงแต่ในสายตาของหลี่ฮุ่ยหรานมีแค่หลินเฟิงเท่านั้นถึงแม้ตอนนี้เสื้อผ้าของหลินเฟิงจะขาดไปสักหน่อยหรือว่าบนใบหน้าจะม
"หลินเฟิง? คุณมาทำไม?”“รีบหนีไปตอนที่ตระกูลกู้ยังไม่ลงมือกับคุณเร็วเข้า!”หลี่ฮุ่ยหรานกระวนกระวายใจมาก เธอแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วเพราะตอนนี้เธอเห็นแล้วว่าบอดี้การ์ดของตระกูลกู้กำลังพากันลุกขึ้นแล้วเดินมาทางเวที“หนีไปเหรอ?”หลินเฟิงยิ้มออกมา “งั้นก็ต้องพาคุณไปด้วยสิถึงจะถูก”“หลินเฟิง เวลานี้แล้วคุณยังจะล้อเล่นอีกเหรอ!”หลี่ฮุ่ยหรานร้อนรนจนน้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาจากดวงตาแล้ว“ผมไม่ได้ล้อเล่น”หลินเฟิงเองก็เปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นเขาหันมามองหลี่ฮุ่ยหรานก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมรู้แล้วนะว่าการแต่งงานครั้งนี้มันคือการบังคับคุณ โดยใช้ความปลอดภัยของผมมาเป็นข้ออ้าง”เมื่อหลินเฟิงพูดจบ คนทั้งงานก็ตกตะลึงก่อนจะพูดออกมาเสียงดังภาพลักษณ์คนคลั่งรักที่กู้เฉินพยายามสร้างมาถล่มลงในทันตาที่แท้หลี่ฮุ่ยหรานถูกกู้เฉินบังคับงั้นเหรอ?เธอไม่ได้อยากจะแต่งงานกับกู้เฉินใช่ไหม?ไม่มีใครไม่ชอบเรื่องฉาวโดยเฉพาะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของพวกคนรวย บรรดาแขกเหรื่อที่มาต่างก็พากันตั้งใจเงี่ยหูฟังเรื่องราวในวันนี้“บังคับแล้วมันยังไง? หลินเฟิงฉันรู้นะว่าคุณมีความสามารถแล้วยังมีถังหว่านคอยช่วย
"ฮุ่ยหราน หลานไม่ต้องมีเหตุผลมากก็ได้”“หลานเป็นผู้หญิง บางครั้งก็ควรจะเอาแต่ใจบ้าง เชื่อในความรู้สึกของตัวเองเถอะ!”“เวลาที่เจอเรื่องยาก ๆ ก็เคารพหัวใจของตัวเองแล้วเลือกตามนั้น”“ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นแบบปู่ เสียใจไปตลอดชีวิต”หลี่ฮุ่ยหรานนึกถึงประโยคสุดท้ายในพินัยกรรมท่อนสุดท้ายที่เขียนถึงเธอ ตอนนี้ความสับสนในดวงตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่มากขึ้นโชคดีที่เพราะมีความฉลาดของหลี่ฮุ่ยหรานหลี่ซื่อกรุ๊ปถึงได้มีอยู่อย่างทุกวันนี้แต่ก็เพราะความฉลาดเช่นเดียวกัน มันถึงทำให้เธอไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แม้แต่คำพูดของหลินเฟิงเธอเองก็เคยคิดและรู้สึกผิดมาก่อนแต่ก็ถูกความรู้สึกในใจกลบมันลงไปก็เหมือนกับตอนนี้ตัวเธอกำลังบอกว่าไม่ควรจะไปกับหลินเฟิงถ้าเกิดว่าเธอไปเรื่องที่จะต้องรับผิดชอบหลังจากนี้มีอีกมากแต่ว่า!ในใจของเธอกลับปฏิเสธ เธออยากจะจับมือกับหลินเฟิง อยากมาก ๆ อยากจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว“หึ...หึหึหึหึ…”สุดท้ายท่ามกลางสายตาคนมากมาย เธอก็หัวเราะออกมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอหัวเราะออกมาอย่างใสซื่อและสะใจ“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันคิดอยู่ตลอดว่าฉันสู้ถังหว่านไม่ได้ตรงไหน ทำไมสิ่
เพราะตั้งแต่เขารู้จักหลี่ฮุ่ยหรานมา เธอเป็นคนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด ต่อให้จะเผชิญหน้ากับเขาก็จะมีแต่สีหน้าเย็นชาแต่ท่าทางที่อาละวาดวันนี้ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้เขาไม่ใจกระตุกเขาโอบหลี่ฮุ่ยหรานไว้แน่น ในสายตามีประกายขึ้นมา“วางใจเถอะฮุ่ยหราน ผมไม่มีทางให้คุณตายที่นี่หรอก ไม่มีทางเด็ดขาด!”“อืม!”หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าแรง ๆในเมื่อเธอเลือกที่จะเชื่อหลินเฟิงงั้นก็ต้องเชื่อให้ถึงที่สุด!“หลี่ฮุ่ยหราน เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?!”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานเข้าไปกอดหลินเฟิง กู้เฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างสายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ใบหน้าเผยความดุร้ายออกมาในที่สุดเขาก็เผยตัวตนแล้วต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ท่าทางของหลี่ฮุ่ยหรานเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่แค่ทำให้เขาอับอายแต่เหมือนเป็นการเฉือนเอาเนื้อบนหน้าของเขาออกมาด้วยซ้ำ!เพราะว่าที่เจ้าสาวของเขากล้าที่จะล่มงานแต่งต่อหน้าล่มงานแต่งก็แล้วไปแต่กลับเปิดโปงเขาต่อหน้าคนอื่น ตบหน้าเขาแล้วยังจะคิดจะหนีไปกับผู้ชายอื่นอีกแบบนี้ไม่ต่างจากการเอาชื่อเสียงและศักดิ์ศรีมาเหยียบลงบนพื้นแบบนี้พวกแขกเหรื่อที่ร่ำรวยในเจียงหนานจะมองเขายังไง? แล้วจะมองว่าตระกูล
"พอกันที!”จางกุ้ยหลานก้าวออกมาก่อนจะตะโกนใส่หลี่ฮุ่ยหราน “ฮุ่ยหราน แกระวังคำพูดหน่อยนะ จางซินเป็นลูกพี่ลูกน้องของแกนะ!”“แกจะบีบให้น้องจนมุมเลยเหรอ?”“หนูบีบให้น้องจนมุมเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานหัวเราะออกมา “หนูเป็นลูกของแม่นะ!”“เพราะว่าพ่อเข้ากับแม่ไม่ได้ก็เลยแยกบ้านกัน แม่มาขอพึ่งพิงหนูก็แล้วไป แต่ยังพายัยตัวถ่วงจางซินนี่มาด้วย”“เธอทำเรื่องเลว ๆ ตั้งมากมาย มีเรื่องไหนที่แม่ไม่รู้บ้าง?! แม่คิดว่าหนูโง่จริง ๆ เหรอ?”พูดจบหลี่ฮุ่ยหรานก็ชี้นิ้วไปทางจางกุ้ยหลาน“แม่อยู่กับพ่อไม่ได้แล้วมาหาหนู หนูยินดีต้อนรับนะ!”“แต่ตั้งแต่วันแรกที่แม่มาถึงเจียงเป่ย หนูก็ไม่เคยมีวันไหนที่สงบเลยสักวัน แม่โทษว่าที่นี่ไม่มีสังคมแบบที่แม่ต้องการ โทษว่าคุณปู่บงการชีวิตแม่”“แล้วยังจะมาหลอกหนู ให้หนูต้องหย่ากับหลินเฟิง! แล้วยังจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา ทำให้คุณปู่ต้องตาย!”“แม่พอใจแล้ว จางซินพอใจแล้ว แล้วหนูล่ะ?!”“คนแบบแม่เคยมองว่าหนูเป็นลูกบ้างไหม?!”“แม่มองว่าหนูเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่เอาไว้ต่อรองกับพ่อก็เท่านั้นแหละ!”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานตะโกนใส่หน้าตัวเองทั้งน้ำตา จางกุ้ยหลานเองก็รู้สึกผิดจึงได้แต่อ้ำ
เห็นบอดี้การ์ดที่เข้ามาเป็นคนของตระกูลหลง ต่อให้เป็นเหยาปินก็ต้องคิดอยู่เหมือนกัน“ฆ่ามัน!”หลินเฟิงปิดตาของหลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดออกมาสั้น ๆเหยาปินเผยสีหน้าดุดันออกมา แค่หลินเฟิงพูดคำเดียวเขาก็ไม่ต้องระแวงอะไรแล้ว เขาตวัดกระบี่ในมือก่อเกิดเป็นท่าร่ายรำคนของตระกูลหลงไม่ทันได้ตั้งตัวแขนขาจึงถูกคมกระบี่เข้าเลือดนองไปทั่วสถานที่แค่ไม่นานที่พื้นก็มีร่างของคนกองอยู่ เลือดที่ไหลออกมาไม่ต่างจากสายน้ำ“อะไรกัน? นี่มัน...ระดับเซียนเทียนนี่? เหยาปินบรรลุถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?!”แขกที่ยังไม่ออกไปยังมียอดฝีมือหลงเหลืออยู่บ้างมีหลายคนที่ดูออกว่าคนคนนี้คือเหยาปินแต่เมื่อเห็นเหยาปินตวัดกระบี่ในมือต่างก็พากันแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา“ยอดฝีมือระดับเซียนเทียน?!”บอดี้การ์ดตระกูลกู้ที่ได้ยินเสียงซุบซิบต่างก็พากันถอยหลังเหยาปินคนนี้สมชื่อของเขาจริง ๆ แค่ไม่นานก็จัดการจนล้มลงไปกองแล้วห้าคน และห้าคนนั้นก็ถูกตัดแขนตัดขาจนหมด นอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นน่ากลัวมากจริง ๆ!“ห้ามถอย จัดการมันซะ!”กู้เฉินเลือดขึ้นหน้า เห็นว่าบอดี้การ์ดจะถอยก็ตะโกนสั่งออกมาเสียงดังบอดี้การ์ดของตระกูลกู้เองก็ทำอะไรไม
“คนที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาแบบแกกล้าออกคำสั่งกับฉันด้วยเหรอ?”หลินเฟิงดูถูกท่าทางของถังอวิ๋นเฟิงเป็นอย่างมากตอนแรกต่อหน้าถังหว่านเขาไม่อยากจะยุ่งวุ่นวายกับคนคนนี้นัก แต่ในเมื่อมาหาเรื่องถึงที่จะมาโทษหลินเฟิงไม่ได้แล้วล่ะ“ทางที่ดีก่อนจะพูดอะไรช่วยคิดก่อนด้วย”จางอวิ๋นเฟิงทำหน้าเคร่งขรึมก่อนจะพูด “รออีกไม่นานคุณหลงยวนก็จะมาที่นี่!”“ถ้าแกยังมีสมองอยู่ ก็ให้เหยาปินปล่อยตัวคุณชายกู้แล้วคุกเข่าแล้วมัดมือเท้าตัวเองซะ เผื่อว่าคุณหลงยวนมาถึงจะให้อภัยแล้วปล่อยแกไปสักครั้ง!”“ถ้าแกยังโง่งมอยู่แบบนี้ ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่แกและฉันจะควบคุมได้แล้วนะ”“ฮ่าๆๆๆ…”เห็นถังอวิ๋นเฟิงยังคงทำสีหน้าดุดัน หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ และพูดขึ้นมา “ถังอวิ๋นเฟิงนะถังอวิ๋นเฟิง ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่านายก็เป็นคนตระกูลถัง แต่ถังหว่านฉลาดออกปานนั้นแต่ทำไมนายถึงได้โง่งมนัก?”“กล้าด่าฉันเหรอวะ?”ถังอวิ๋นเฟิงมองไปทางหลินเฟิงอย่างโมโห“ศิษย์พี่หลิน พาหลี่ฮุ่ยหรานไปเถอะที่นี่ยังมีผมอยู่”หลายวันก่อนเหยาปินเพิ่งจะได้รับยาอมตะเลือดราชันย์มาจากหลินเฟิง ไม่ใช่แค่ช่วยให
“อีกเดี๋ยว แกไปหลี่ซื่อกรุ๊ปกับฉัน คุกเข่าขอร้องหลี่ฮุ่ยหรานพี่สาวของแก ขอให้เขาช่วยแก”“สำหรับเรื่องที่ดิน ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก”“ไม่มีทาง!”หลี่เหวินเชาตะโกนขึ้นมาด้วยความคลุ้มคลั่ง:“ฆ่าผมเถอะ ฆ่าผมผมก็ไม่ยอมคุกเข่าให้หลินเฟิง!”“งั้น…”จางกุ้ยหลานเห็นว่าลูกชายของเธอเป็นคนดื้อรั้นขนาดนี้ จึงไม่รู้จะทำยังไงชั่วขณะจางซินก็เสนอตัวขึ้นมา“คุณป้า พูดอีกอย่าง ประธานโจวของเจี้ยนหงกรุ๊ปคนนั้นก็แค่อยากได้เงิน แบบนี้แล้ว คุณป้าคิดหาวิธีเอาที่ดินมาจากในเมื่อของหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหราน”“จากนั้นพวกเราให้เงินประธานโจวก้อนหนึ่ง ใช้เพื่อไถ่ตัวหลี่เหวินเชา รักษาชีวิตน้อยๆ ของเขาเอาไว้ เงินที่เหลือเราค่อยแบ่งกัน”“แบบนี้ก็สิ้นเรื่องไม่ใช่เหรอ?”หลี่เหวินเชาเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของจางซินอย่างรวดเร็วเขาเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นยิ้มพูดว่า:“ไม่เสียแรงที่เป็นพี่จางซิน ฉลาดจริงๆ!”“หึ ไม่รู้เมื่อครู่ใครยังจะสู้ตายกับฉันอยู่เลยนะ”จางซินกลอกตาไปมาด้วยความครุมเครือ“ยังต้องเอาที่ดินอีกเหรอ…นี่มัน…”จางกุ้ยหลานลังเลอย่างเห็นได้ชัด“คุณป้า คุณป้าคิดดูนะคะ นั่นเป็นเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาท ต่อให้เ
จางกุ้ยหลานวางโทรศัพท์ลง ภายใต้สายตาคาดหวังของจางซินและหลี่เหวินเชา จากนั้นถอนหายใจพูดว่า:“ช่างเถอะ ในเมื่อที่ดินผืนนี้ได้ถูกขายไปแล้ว งั้นฉันก็ไม่เอาแล้ว ในเมื่อ…”จางซินรู้ดีอยู่แล้ว แต่เธอหนังหน้าหนาพูดเกลี้ยกล่อมว่า:“คุณป้า นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทเชียวนะ!”“มีเงินสองพันห้าล้านบาทนี้ ชีวิตที่เหลือของเราก็มีแต่ความร่ำรวยรุ่งโรจน์ อยากได้อะไรก็ได้หมด?”“ตอนนี้ไปขอจากหลินเฟิง คิดว่าสุดท้ายเขาเห็นแก่หน้าของหลี่ฮุ่ยหราน ก็ยังคืนที่ดินผืนนั้นมาให้เราอยู่ดี”“ในเมื่อไอ้หมอนี่ชอบโอ้อวดต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานมากที่สุด”คำแนะนำของจางซินทำให้จางกุ้ยหลานหวั่นไหวจริงด้วย นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทเชียวนะ!มีเงินมหาศาลก้อนนี้ ชีวิตที่เหลือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ“แม่ แม่ต้องซื้อที่ดินผืนนั้นกลับมาจากในมือหลินเฟิงให้ได้นะ ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นลูกชายแม่ต้องตายแน่!”หลี่เหวินเชาล้มลงบนเตียงและร้องไห้โฮออกมา“อะไร?! ไม่มีที่ดินผืนนี้ ก็จะตายเหรอ?”จางกุ้ยหลานตกตะลึงส่วนจางซินกลับมองความเสแสร้งของไอ้หมอนี่ออก พูดยิ้มว่า:“คุณป้า ไม่ใช่ว่าจนถึงตอนนี้ป้ายังดูไม่ออก
“คุณป้า สิบเท่า! ไม่เพียงแค่สิบเท่า!”จางซินนับนิ้วมือ คำนวณและพูดว่า:“ก่อนหน้านี้พวกเราใช้เงินจำนวนสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ และตอนนี้ มูลค่าของที่ดินผืนนี้เกินสองหมื่นห้าพันล้านบาทแล้ว!”“ป้า นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทแล้ว!”ได้ยินตัวเลขที่จางซินรายงานออกมา จางกุ้ยหลายงุนงงไปหมด เธอนั่งลงบนเตียง พูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่“เร็ว…เร็ว…เร็ว…”จางกุ้ยหลานตั้งสติอยู่นาน ถึงได้ยกมือขึ้นอย่างเหม่อลอย มองไปทางจางซินและพูดว่า:“เอาโทรศัพท์ของฉันมา ฉัน…ฉันจะโทรศัพท์ไปหาหลินเฟิง!”“ได้ค่ะ!”จางซินกระตือรือร้นอย่างมาก ที่ดินผืนนี้ถ้าหากจางกุ้ยหลานได้มา งั้นเธอยังไงก็ได้รับเงินส่วนแบ่งจางกุ้ยหลานถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ เปิดสมุดโทรศัพท์เลื่อนไปที่หมายเลขของหลินเฟิงในตอนที่ปุ่มโทรออก จู่ๆ เธอก็นิ่งอึ้งไป“คุณป้า เป็นอะไรไป? รีบโทรสิคะ!”เห็นได้ชัดว่าจางซินร้อนใจยิ่งกว่าจางกุ้ยหลานส่วนหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจอย่างมาก รีบพูดเร่งว่า: “แม่ รีบโทรสิ แม่ยังลังเลอะไรอีก?”“ฉัน…”จางกุ้ยหลานพูดไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถึงได้มองไปทางจางซินกับหลี่เหวินเชาด้วยความกร
“ก็ปล่อยให้เธออยู่ด้วยกันกับหลินเฟิงไปเถอะ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องจบเห่!”“สุดท้ายพี่สาวของผมก็ต้องร้องไห้กลับมาขอร้องพวกเรา”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดจางกุ้ยหลานก็วางใจ“ได้ได้ได้ เด็กอย่างแกถือว่าคิดได้แล้วนะ”หลังจากที่ได้รับคำชม สีหน้าของจางกุ้ยหลานก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน โดยมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย“ที่พูดมานั้นก็เป็นเรื่องจริง แต่.....เหวินเชา ที่ดินตรงนั้น....ที่ดินตรงนั้นถูกฉันขายทิ้งไปแล้ว”“อะไรนะ?!”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ หลี่เหวินเชาก็กระโดดสูงสามฟุตเหมือนกับแมวที่ถูกเหยียบหาง “แม่....แม่...แม่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีคนซื้อที่ดินตรงนี้ในเวลาอันสั้นแบบนี้ล่ะ?”“แม่ขายให้ใครไป?”เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้ของลูกชายตัวเอง จางกุ้ยหลานก็รู้สึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วนพร้อมกับพูดว่า :“หลังจากที่ลูกโทรมาหาในวันนั้น แม่ก็กังวลนิดหน่อย สุดท้ายก็เลยเอาที่ดินตรงนั้นขายให้กับหลินเฟิงไป”“หลินเฟิง? แม่ขายให้กับหลินเฟิง?!”เมื่อหลี่เหวินเชาได้ยินชื่อนี้ หัวก็แทบจะระเบิด แต่เขายังคงกอดความหวังสุดท้ายเอาไว้ ก่อนจะฝืนรอยยิ้มสุดท้า
“ไอ้สารเลว แกยังกล้ากลับมาอีกนะ!”ทันทีที่จางกุ้ยหลานเห็นหลี่เหวินเชา สีหน้าก็เปลี่ยนไป ก่อนที่จะเริ่มด่าทอหลี่เหวินเชาทำเธอเจ็บปวดอย่างมากสุดท้ายหากไม่ใช่หลินเฟิงที่เป็นคนโดนโกง แล้วเอาที่ดินที่ขายไม่ออกตรงนั้นไปเธอก็คงจะเดือดร้อนมากแน่ ๆไม่เพียงแค่สูญเสียวิลล่าหรูหราเท่านั้น ถึงขั้นที่ถูกคนไล่ล่าอีกด้วยจุดจบแบบนั้น แค่คิดก็ทำให้จางกุ้ยหลานสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นตัวการสำคัญคนนี้ จางกุ้ยหลานก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้อีกต่อไป ก่อนจะชี้ไปที่หน้าของหลี่เหวินเชาและด่าทอเสียงดัง“ไอ้สารเลวน่ารังเกียจ แกต้องการจะฆ่าแม่ของแกให้ตาย! แล้วตอนนี้แกยังกล้าโผล่หน้ามาเจอฉันอีกเหรอ?!”“แม่ แม่ก็พูดเกินไป”หลี่เหวินเชาเกาหัว ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน สุดท้ายก็วางดอกไม้ที่พามาด้วยไว้บนโต๊ะที่อยู่ด้านข้างจางกุ้ยหลานแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจางกุ้ยหลานจะไม่ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อยก่อนจะปัดช่อดอกไม้ร่วงตกไปอยู่บนพื้น“แกออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก ฉันไม่มีลูกชายสารเลวที่หลอกได้แม้กระทั่งแม่อย่างแก!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหลี่เหวินเชาก็เปลี่ยนไปแต่เมื่อเขาคิดถึงราคาที่ดินตรงนั้น
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหลี่เหวินเชาต้องการที่จะเลี่ยงความรับผิดชอบชายที่ถูกเรียกว่ารองประธานโจวก็ลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะเดินไปข้าง ๆหลี่เหวินเชา แล้วจับคอเสื้อของเขา พร้เอมกับด่าทอว่า :“แล้วมันไม่ใช่ความคิดของไอ้สารเลวอย่างแกเหรอ? ที่บอกว่าเอาที่ดินตรงนี้ ไปหลอกเอาเงินแม่ของแกเพื่อมาใช้หนี้พนัน.....”“แม่งเอ๊ย ตอนนี้กลับเป็นคนในครอบครัวของแกได้เปรียบไป”รองประธานโจวโยนหลี่เหวินเชาลงบนโซฟาแล้วตะโกนใส่ว่า :“ฉันจะให้เวลาแกสามวันไปคิดหาทางซื้อที่ดินตรงนี้คืนจากกลับมาให้ฉัน หากซื้อคืนกลับมาไม่ได้ นายก็รอถูกตัดหัวได้เลย!”หลังจากที่พูดคำนี้จบ ประธานโจวก็ทุบโต๊ะ“รปภ.!”ทันใดนั้น ประตูบานคู่ของสำนักงานก็เปิดออก ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่ดูแข็งแกร่งและสูงสองเมตรจะเดินเข้ามา“จับมันโยนออกไป!”รองประธานโจวชี้ไปที่หลี่เหวินเชา พร้อมกับตะโกนขึ้น“ครับ รองประธานโจว”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนหิ้วปีกหลี่เหวินเชาออกไปจากบริษัทราวกับจับลูกไก่ แล้วไปโยนทิ้งไว้บนถนนเหมือนกับสุนัขที่ตายแล้วตัวหนึ่ง“พวกแก....พวกแกจะเกินไปแล้วนะ!”หลี่เหวินเชาลุกขึ้นจากพื้น พร้อมกับป
เขาอุ้มหลินเสวี่ยฮุ่ยออกมาจากในอ่างอาบน้ำ วางลงบนเตียงก็อยากจะออกจากห้องของเธอไปทั้งแบบนี้แต่เห็นท่าทางหลับสนิทของหลินเสวี่ยฮุ่ย และผมกับร่างกายที่เปียกชุ่ม หลินเฟิงก็อดไม่ได้หากจะเดินจากไปโดยตรงถ้าหลับต่อไปแบบนี้ ต้องไม่สบายแน่นอนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลินเฟิงถึงได้ทำการตัดสินใจยังไงเธอก็หลับแล้ว ไม่รู้อะไรทั้งนั้นหลินเฟิงค้นหาเสื้อผ้าของหลินเสวี่ยฮุ่ยในตู้เสื้อผ้า และใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดร่างกายให้เธอสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นชุดแนบเนื้อที่สะอาดสะอ้านระหว่างนี้ หลินเฟิงถึงแม้จะพยายามเต็มที่แล้ว แต่สิ่งที่ควรดูไม่ควรดูเขาก็ดูจนหมดแล้วเขารู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก แต่โชคดีที่สุดท้ายก็เปลี่ยนเสร็จหลินเฟิงถอนหายใจยาวๆ ออกจากห้องของหลินเสวี่ยฮุ่ยเหมือนหนีตาย......หลินเฟิงไม่กล้าอยู่ต่อนานนักเขากลัวว่าหลังจากหลินเสวี่ยฮุ่ยตื่นขึ้นมา เมื่อนึกถึงบรรยากาศกระอักกระอ่วนระหว่างทั้งสองคน ดังนั้นจึงรีบขับรถออกจากเมืองเจียงโจวในคืนเดียวกันวันต่อมาเขาปรากฏตัวที่เมืองเจิ้งเต๋อ มารายงานตัวที่หลี่ซื่อกรุ๊ปตรงเวลาในฐานะหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป งานของหลินเฟิงพูดได้ว
“เธอถูกพิษ อดทนหน่อย กลับไปฉันจะถอนพิษให้เธอ”หลินเฟิงกัดฟัน อดกลั้นกับร่างกายหญิงสาวที่อ่อนนุ่ม ตั้งสมาธิทั้งหมดไปที่บนถนนที่อยู่นอกรถ“อื้อ...อืม”หลินเสวี่ยฮุ่ยครวญคราง แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างเชื่อฟังกว่าจะกลับมาถึงอ่าวเทียนสุ่ยได้หลินเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มหลินเสวี่ยฮุ่ยเข้าไปในห้องของเธอโดยตรง โชคดีที่ตอนนี้ในคฤหาสน์ไม่มีคนพอดีจ้าวเฉียวอวิ๋นก็กำลังยุ่งอยู่ที่ในร้าน ไม่ได้กลับมาส่วนอิ่นนั่วเจียกับพวกอวี๋จื่อเสวียนออกจากมหาวิทยาลัยไปที่บริษัท หลังจากเสร็จสิ้นงานรับปริญญาของพวกเธอตอนนี้ก็ยังไม่กลับมานี่เป็นโอกาสดีที่หาได้ยากมาก...เพิ่งคิดถึงตรงนี้ หลินเฟิงก็เกือบจะทนไม่ไหวจนตบหน้าตัวเอง โอกาสดีที่หาได้ยากอะไรกัน?หลินเฟิงฝืนยิ้มออกมา ภายในห้องรับน้ำอาบอ่างใหญ่ ละลายยาแก้พิษ และใช้พลังชี่แท้เร่งให้ออกฤทธิ์ไม่นานนัก น้ำในอ่างอาบน้ำนี้ก็ส่งกลิ่นยาออกมา“เอาล่ะเสวี่ยฮุ่ย ตอนนี้เธอ...”หลินเฟิงเพิ่งหันหน้าไป ก็เห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยในตอนนี้แต่งตัวเย็นสบายอย่างมาก สวมแค่เพียงชุดชั้นใน เห็นสายตาตะลึงงันของหลินเฟิง เธอก็ยิ้มซื่อๆ เหมือนกับดื่มเหล้าเมาและพูดว่า:“ร้อนมาก ฉั
“พี่หลินเฟิง...”ในตอนนี้เอง หลินเสวี่ยฮุ่ยเดินโซเซเข้ามาที่ด้านข้างของหลินเฟิง และหายใจหอบพูดขอร้องว่า:“พี่หลินเฟิง ไม่เอา...อย่าวู่วามนะ ถ้าหากฆ่าเขา...พี่ก็จะเดือดร้อน!”“พี่หลินเฟิง อย่าวู่วามเด็ดขาด อย่า...”หลินเสวี่ยฮุ่ยจับแขนของหลินเฟิงไว้ พูดขอความเมตตาได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆๆ ก็หลับตาลง และหมดสติล้มไปบนพื้น“เสวี่ยฮุ่ย!”หลินเฟิงเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยหมดสติ จึงไม่สนใจเจียงปินอีกต่อไปเขารีบผลักเจียงปินไปที่ด้านข้าง ประคองหลินเสวี่ยฮุ่ยขึ้นมา และหลับตาลงตรวจภายในร่างกายของหลินเสวี่ยฮุ่ยไม่นานนัก หลินเฟิงก็พบว่าภายในร่างกายของหลินเสวี่ยฮุ่ยมีไฟหยินกลุ่มหนึ่งที่ยิ่งอยู่ยิ่งโหมกระหน่ำสำหรับอาการแบบนี้ หลินเฟิงงงงวยเล็กน้อย แต่ไม่นานนัก จู่ๆ เขาก็นึกถึงเหล้าที่เจียงปินฝืนกรอกปากให้หลินเสวี่ยฮุ่ยในเหล้านั้น คงจะผสมยาที่กระตุ้นอารมณ์บางอย่าง เพิ่มไฟหยินขึ้นมา“ไอ้สารเลว!”หลินเฟิงจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเจียงปินคิดอะไรอยู่เขาจึงโกรธขึ้นมาฉับพลัน แต่ติดตรงที่ตรงนี้อยู่ภายใต้สายตาของทุกคน ไม่สามารถถอนพิษให้เสวี่ยฮุ่ยที่ตรงนี้ได้ ดังนั้นทำได้เพียงไว้ชีวิตเจียงปินก่อนชั่วคราว