"หลินเฟิงเหรอ? ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อนี้ที่เจียงหนานมาก่อนเลยล่ะ?”“นั่นสิ เขาเป็นใครกันน่ะ? ทำไมถึงกล้ามาหยามคุณชายกู้กัน?”“นี่เขาโง่หรือเปล่า? อยากตายหรือไง?”“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ มีพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้แล้ว”“มีเรื่องน่าสนใจแล้วสิ!”ตอนแรกภายในงานเต็มไปด้วยความเงียบก่อนจะตามมาด้วยเสียงซุบซิบก่อนที่เสียงจะค่อย ๆ ดังขึ้นในตอนนี้ทุกคนต่างพากันพูดถึงสถานะของหลินเฟิง ก่อนจะพูดถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลกู้ว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ถึงได้มีการฉุดเจ้าสาวกันเกิดขึ้น“ว้าว เรื่องแบบนี้แค่ในฝันฉันก็ยังอยากจะเจอเลย”“เจ้าหญิงจะแต่งงานกับเจ้าชาย แต่ว่าในตอนที่จะแต่งงานกลับมีคนรักของเจ้าหญิงเข้ามาป่วนงาน”หญิงสาวคนหนึ่งมองมาอย่างเพ้อ ๆ“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ นี่มันเป็นเรื่องจริงนะไม่ใช่นิทาน ไอ่หมอนั่นตายแน่”“ใช่ รอดูเถอะว่าทางคุณชายกู้จะว่ายังไง”“จะจัดการยังไงได้? ไอ่หนุ่มนั่นคงตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ ๆ”ไม่ว่าคนด้านล่างจะพูดกันว่ายังไงแต่ในสายตาของหลี่ฮุ่ยหรานมีแค่หลินเฟิงเท่านั้นถึงแม้ตอนนี้เสื้อผ้าของหลินเฟิงจะขาดไปสักหน่อยหรือว่าบนใบหน้าจะม
"หลินเฟิง? คุณมาทำไม?”“รีบหนีไปตอนที่ตระกูลกู้ยังไม่ลงมือกับคุณเร็วเข้า!”หลี่ฮุ่ยหรานกระวนกระวายใจมาก เธอแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วเพราะตอนนี้เธอเห็นแล้วว่าบอดี้การ์ดของตระกูลกู้กำลังพากันลุกขึ้นแล้วเดินมาทางเวที“หนีไปเหรอ?”หลินเฟิงยิ้มออกมา “งั้นก็ต้องพาคุณไปด้วยสิถึงจะถูก”“หลินเฟิง เวลานี้แล้วคุณยังจะล้อเล่นอีกเหรอ!”หลี่ฮุ่ยหรานร้อนรนจนน้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาจากดวงตาแล้ว“ผมไม่ได้ล้อเล่น”หลินเฟิงเองก็เปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นเขาหันมามองหลี่ฮุ่ยหรานก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมรู้แล้วนะว่าการแต่งงานครั้งนี้มันคือการบังคับคุณ โดยใช้ความปลอดภัยของผมมาเป็นข้ออ้าง”เมื่อหลินเฟิงพูดจบ คนทั้งงานก็ตกตะลึงก่อนจะพูดออกมาเสียงดังภาพลักษณ์คนคลั่งรักที่กู้เฉินพยายามสร้างมาถล่มลงในทันตาที่แท้หลี่ฮุ่ยหรานถูกกู้เฉินบังคับงั้นเหรอ?เธอไม่ได้อยากจะแต่งงานกับกู้เฉินใช่ไหม?ไม่มีใครไม่ชอบเรื่องฉาวโดยเฉพาะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของพวกคนรวย บรรดาแขกเหรื่อที่มาต่างก็พากันตั้งใจเงี่ยหูฟังเรื่องราวในวันนี้“บังคับแล้วมันยังไง? หลินเฟิงฉันรู้นะว่าคุณมีความสามารถแล้วยังมีถังหว่านคอยช่วย
"ฮุ่ยหราน หลานไม่ต้องมีเหตุผลมากก็ได้”“หลานเป็นผู้หญิง บางครั้งก็ควรจะเอาแต่ใจบ้าง เชื่อในความรู้สึกของตัวเองเถอะ!”“เวลาที่เจอเรื่องยาก ๆ ก็เคารพหัวใจของตัวเองแล้วเลือกตามนั้น”“ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นแบบปู่ เสียใจไปตลอดชีวิต”หลี่ฮุ่ยหรานนึกถึงประโยคสุดท้ายในพินัยกรรมท่อนสุดท้ายที่เขียนถึงเธอ ตอนนี้ความสับสนในดวงตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่มากขึ้นโชคดีที่เพราะมีความฉลาดของหลี่ฮุ่ยหรานหลี่ซื่อกรุ๊ปถึงได้มีอยู่อย่างทุกวันนี้แต่ก็เพราะความฉลาดเช่นเดียวกัน มันถึงทำให้เธอไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แม้แต่คำพูดของหลินเฟิงเธอเองก็เคยคิดและรู้สึกผิดมาก่อนแต่ก็ถูกความรู้สึกในใจกลบมันลงไปก็เหมือนกับตอนนี้ตัวเธอกำลังบอกว่าไม่ควรจะไปกับหลินเฟิงถ้าเกิดว่าเธอไปเรื่องที่จะต้องรับผิดชอบหลังจากนี้มีอีกมากแต่ว่า!ในใจของเธอกลับปฏิเสธ เธออยากจะจับมือกับหลินเฟิง อยากมาก ๆ อยากจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว“หึ...หึหึหึหึ…”สุดท้ายท่ามกลางสายตาคนมากมาย เธอก็หัวเราะออกมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอหัวเราะออกมาอย่างใสซื่อและสะใจ“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันคิดอยู่ตลอดว่าฉันสู้ถังหว่านไม่ได้ตรงไหน ทำไมสิ่
เพราะตั้งแต่เขารู้จักหลี่ฮุ่ยหรานมา เธอเป็นคนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด ต่อให้จะเผชิญหน้ากับเขาก็จะมีแต่สีหน้าเย็นชาแต่ท่าทางที่อาละวาดวันนี้ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้เขาไม่ใจกระตุกเขาโอบหลี่ฮุ่ยหรานไว้แน่น ในสายตามีประกายขึ้นมา“วางใจเถอะฮุ่ยหราน ผมไม่มีทางให้คุณตายที่นี่หรอก ไม่มีทางเด็ดขาด!”“อืม!”หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าแรง ๆในเมื่อเธอเลือกที่จะเชื่อหลินเฟิงงั้นก็ต้องเชื่อให้ถึงที่สุด!“หลี่ฮุ่ยหราน เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?!”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานเข้าไปกอดหลินเฟิง กู้เฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างสายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ใบหน้าเผยความดุร้ายออกมาในที่สุดเขาก็เผยตัวตนแล้วต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ท่าทางของหลี่ฮุ่ยหรานเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่แค่ทำให้เขาอับอายแต่เหมือนเป็นการเฉือนเอาเนื้อบนหน้าของเขาออกมาด้วยซ้ำ!เพราะว่าที่เจ้าสาวของเขากล้าที่จะล่มงานแต่งต่อหน้าล่มงานแต่งก็แล้วไปแต่กลับเปิดโปงเขาต่อหน้าคนอื่น ตบหน้าเขาแล้วยังจะคิดจะหนีไปกับผู้ชายอื่นอีกแบบนี้ไม่ต่างจากการเอาชื่อเสียงและศักดิ์ศรีมาเหยียบลงบนพื้นแบบนี้พวกแขกเหรื่อที่ร่ำรวยในเจียงหนานจะมองเขายังไง? แล้วจะมองว่าตระกูล
"พอกันที!”จางกุ้ยหลานก้าวออกมาก่อนจะตะโกนใส่หลี่ฮุ่ยหราน “ฮุ่ยหราน แกระวังคำพูดหน่อยนะ จางซินเป็นลูกพี่ลูกน้องของแกนะ!”“แกจะบีบให้น้องจนมุมเลยเหรอ?”“หนูบีบให้น้องจนมุมเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานหัวเราะออกมา “หนูเป็นลูกของแม่นะ!”“เพราะว่าพ่อเข้ากับแม่ไม่ได้ก็เลยแยกบ้านกัน แม่มาขอพึ่งพิงหนูก็แล้วไป แต่ยังพายัยตัวถ่วงจางซินนี่มาด้วย”“เธอทำเรื่องเลว ๆ ตั้งมากมาย มีเรื่องไหนที่แม่ไม่รู้บ้าง?! แม่คิดว่าหนูโง่จริง ๆ เหรอ?”พูดจบหลี่ฮุ่ยหรานก็ชี้นิ้วไปทางจางกุ้ยหลาน“แม่อยู่กับพ่อไม่ได้แล้วมาหาหนู หนูยินดีต้อนรับนะ!”“แต่ตั้งแต่วันแรกที่แม่มาถึงเจียงเป่ย หนูก็ไม่เคยมีวันไหนที่สงบเลยสักวัน แม่โทษว่าที่นี่ไม่มีสังคมแบบที่แม่ต้องการ โทษว่าคุณปู่บงการชีวิตแม่”“แล้วยังจะมาหลอกหนู ให้หนูต้องหย่ากับหลินเฟิง! แล้วยังจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา ทำให้คุณปู่ต้องตาย!”“แม่พอใจแล้ว จางซินพอใจแล้ว แล้วหนูล่ะ?!”“คนแบบแม่เคยมองว่าหนูเป็นลูกบ้างไหม?!”“แม่มองว่าหนูเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่เอาไว้ต่อรองกับพ่อก็เท่านั้นแหละ!”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานตะโกนใส่หน้าตัวเองทั้งน้ำตา จางกุ้ยหลานเองก็รู้สึกผิดจึงได้แต่อ้ำ
เห็นบอดี้การ์ดที่เข้ามาเป็นคนของตระกูลหลง ต่อให้เป็นเหยาปินก็ต้องคิดอยู่เหมือนกัน“ฆ่ามัน!”หลินเฟิงปิดตาของหลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดออกมาสั้น ๆเหยาปินเผยสีหน้าดุดันออกมา แค่หลินเฟิงพูดคำเดียวเขาก็ไม่ต้องระแวงอะไรแล้ว เขาตวัดกระบี่ในมือก่อเกิดเป็นท่าร่ายรำคนของตระกูลหลงไม่ทันได้ตั้งตัวแขนขาจึงถูกคมกระบี่เข้าเลือดนองไปทั่วสถานที่แค่ไม่นานที่พื้นก็มีร่างของคนกองอยู่ เลือดที่ไหลออกมาไม่ต่างจากสายน้ำ“อะไรกัน? นี่มัน...ระดับเซียนเทียนนี่? เหยาปินบรรลุถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?!”แขกที่ยังไม่ออกไปยังมียอดฝีมือหลงเหลืออยู่บ้างมีหลายคนที่ดูออกว่าคนคนนี้คือเหยาปินแต่เมื่อเห็นเหยาปินตวัดกระบี่ในมือต่างก็พากันแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา“ยอดฝีมือระดับเซียนเทียน?!”บอดี้การ์ดตระกูลกู้ที่ได้ยินเสียงซุบซิบต่างก็พากันถอยหลังเหยาปินคนนี้สมชื่อของเขาจริง ๆ แค่ไม่นานก็จัดการจนล้มลงไปกองแล้วห้าคน และห้าคนนั้นก็ถูกตัดแขนตัดขาจนหมด นอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นน่ากลัวมากจริง ๆ!“ห้ามถอย จัดการมันซะ!”กู้เฉินเลือดขึ้นหน้า เห็นว่าบอดี้การ์ดจะถอยก็ตะโกนสั่งออกมาเสียงดังบอดี้การ์ดของตระกูลกู้เองก็ทำอะไรไม
“คนที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาแบบแกกล้าออกคำสั่งกับฉันด้วยเหรอ?”หลินเฟิงดูถูกท่าทางของถังอวิ๋นเฟิงเป็นอย่างมากตอนแรกต่อหน้าถังหว่านเขาไม่อยากจะยุ่งวุ่นวายกับคนคนนี้นัก แต่ในเมื่อมาหาเรื่องถึงที่จะมาโทษหลินเฟิงไม่ได้แล้วล่ะ“ทางที่ดีก่อนจะพูดอะไรช่วยคิดก่อนด้วย”จางอวิ๋นเฟิงทำหน้าเคร่งขรึมก่อนจะพูด “รออีกไม่นานคุณหลงยวนก็จะมาที่นี่!”“ถ้าแกยังมีสมองอยู่ ก็ให้เหยาปินปล่อยตัวคุณชายกู้แล้วคุกเข่าแล้วมัดมือเท้าตัวเองซะ เผื่อว่าคุณหลงยวนมาถึงจะให้อภัยแล้วปล่อยแกไปสักครั้ง!”“ถ้าแกยังโง่งมอยู่แบบนี้ ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่แกและฉันจะควบคุมได้แล้วนะ”“ฮ่าๆๆๆ…”เห็นถังอวิ๋นเฟิงยังคงทำสีหน้าดุดัน หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ และพูดขึ้นมา “ถังอวิ๋นเฟิงนะถังอวิ๋นเฟิง ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่านายก็เป็นคนตระกูลถัง แต่ถังหว่านฉลาดออกปานนั้นแต่ทำไมนายถึงได้โง่งมนัก?”“กล้าด่าฉันเหรอวะ?”ถังอวิ๋นเฟิงมองไปทางหลินเฟิงอย่างโมโห“ศิษย์พี่หลิน พาหลี่ฮุ่ยหรานไปเถอะที่นี่ยังมีผมอยู่”หลายวันก่อนเหยาปินเพิ่งจะได้รับยาอมตะเลือดราชันย์มาจากหลินเฟิง ไม่ใช่แค่ช่วยให
ชายหนุ่มในชุดฉางเผา เส้นผมยาวดกดำที่มีกระจุกสีขาวแซมอยู่เดินนำคนอื่น ๆ เข้ามาคนคนนี้สูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร กล้ามเนื้อหนั่นแน่น แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นนักสู้ฝีมือดีและแววตาก็เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง แข็งแกร่งคนคนนี้คือหลงยวนแห่งตระกูลหลง“พี่ครับ รีบช่วยคุณชายกู้เร็วเข้า ไอ่หลินเฟิงนั่นจะฆ่าเขาแล้ว!”ชายอ้วนคนนั้นรีบพูดขึ้น“อย่ากังวลไป”หลงยวนใช้สายตาปลอบโยนน้องชายของตนเองก่อนจะก้าวเดินมาทางเวทีอย่างมั่นคงพร้อมกับเงยหน้ายิ้มให้หลินเฟิงที่ยืนอยู่บนเวทีเล็กน้อย“ดูท่าแล้วท่านนี้คือหลินเฟิงใช่ไหม?”“ตอนอยู่ด้านนอกผมได้ยินหมดแล้วว่าคุณไม่กลัวผม”ถึงแม้ว่าหลงยวนจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่ส่งมาทำเอาเหยาปินเองก็ยืนอยู่ไม่สุขจนต้องถอยหลังออกไปหลายก้าวตอนที่เหยาปินได้สติกลับมาก็อดตะลึงไม่ได้“นี่มันขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน! นี่...นี่คือความสามารถที่แท้จริงของหลงยวนงั้นเหรอ?!”“ทำไมผมต้องกลัวคุณ”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ในอ้อมกอดของหลินเฟิงจับเสื้อของอีกคนไว้แน่น แต่หลินเฟิงเองก็ไม่คิดจะหลบเช่นกันเขามองจ้องไปที่ดวงตาของหลงยวนพวกเขาจ้องกันอย่างน