“คนที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาแบบแกกล้าออกคำสั่งกับฉันด้วยเหรอ?”หลินเฟิงดูถูกท่าทางของถังอวิ๋นเฟิงเป็นอย่างมากตอนแรกต่อหน้าถังหว่านเขาไม่อยากจะยุ่งวุ่นวายกับคนคนนี้นัก แต่ในเมื่อมาหาเรื่องถึงที่จะมาโทษหลินเฟิงไม่ได้แล้วล่ะ“ทางที่ดีก่อนจะพูดอะไรช่วยคิดก่อนด้วย”จางอวิ๋นเฟิงทำหน้าเคร่งขรึมก่อนจะพูด “รออีกไม่นานคุณหลงยวนก็จะมาที่นี่!”“ถ้าแกยังมีสมองอยู่ ก็ให้เหยาปินปล่อยตัวคุณชายกู้แล้วคุกเข่าแล้วมัดมือเท้าตัวเองซะ เผื่อว่าคุณหลงยวนมาถึงจะให้อภัยแล้วปล่อยแกไปสักครั้ง!”“ถ้าแกยังโง่งมอยู่แบบนี้ ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่แกและฉันจะควบคุมได้แล้วนะ”“ฮ่าๆๆๆ…”เห็นถังอวิ๋นเฟิงยังคงทำสีหน้าดุดัน หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ และพูดขึ้นมา “ถังอวิ๋นเฟิงนะถังอวิ๋นเฟิง ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่านายก็เป็นคนตระกูลถัง แต่ถังหว่านฉลาดออกปานนั้นแต่ทำไมนายถึงได้โง่งมนัก?”“กล้าด่าฉันเหรอวะ?”ถังอวิ๋นเฟิงมองไปทางหลินเฟิงอย่างโมโห“ศิษย์พี่หลิน พาหลี่ฮุ่ยหรานไปเถอะที่นี่ยังมีผมอยู่”หลายวันก่อนเหยาปินเพิ่งจะได้รับยาอมตะเลือดราชันย์มาจากหลินเฟิง ไม่ใช่แค่ช่วยให
ชายหนุ่มในชุดฉางเผา เส้นผมยาวดกดำที่มีกระจุกสีขาวแซมอยู่เดินนำคนอื่น ๆ เข้ามาคนคนนี้สูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร กล้ามเนื้อหนั่นแน่น แค่มองดูก็รู้ว่าเป็นนักสู้ฝีมือดีและแววตาก็เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง แข็งแกร่งคนคนนี้คือหลงยวนแห่งตระกูลหลง“พี่ครับ รีบช่วยคุณชายกู้เร็วเข้า ไอ่หลินเฟิงนั่นจะฆ่าเขาแล้ว!”ชายอ้วนคนนั้นรีบพูดขึ้น“อย่ากังวลไป”หลงยวนใช้สายตาปลอบโยนน้องชายของตนเองก่อนจะก้าวเดินมาทางเวทีอย่างมั่นคงพร้อมกับเงยหน้ายิ้มให้หลินเฟิงที่ยืนอยู่บนเวทีเล็กน้อย“ดูท่าแล้วท่านนี้คือหลินเฟิงใช่ไหม?”“ตอนอยู่ด้านนอกผมได้ยินหมดแล้วว่าคุณไม่กลัวผม”ถึงแม้ว่าหลงยวนจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่ส่งมาทำเอาเหยาปินเองก็ยืนอยู่ไม่สุขจนต้องถอยหลังออกไปหลายก้าวตอนที่เหยาปินได้สติกลับมาก็อดตะลึงไม่ได้“นี่มันขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน! นี่...นี่คือความสามารถที่แท้จริงของหลงยวนงั้นเหรอ?!”“ทำไมผมต้องกลัวคุณ”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ในอ้อมกอดของหลินเฟิงจับเสื้อของอีกคนไว้แน่น แต่หลินเฟิงเองก็ไม่คิดจะหลบเช่นกันเขามองจ้องไปที่ดวงตาของหลงยวนพวกเขาจ้องกันอย่างน
เห็นท่าทีของหลงยวนที่เปลี่ยนไป กู้เฉิน หลงเชาและถังอวิ๋นเฟิงที่ยืนอยู่ไกล ๆ ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาหลงยวนก็คือหลงยวน เขาก็แค่ทำความเคารพก่อนจะเริ่มสู้ก็เท่านั้นเอง“คุณฆ่าหม่าซือหาวเพื่อนของผม แล้วยังฆ่าบอดี้การ์ดของตระกูลหลงและยังกล้าบุกเข้ามาฉุดเจ้าสาวในงานแต่งงานของคุณชายกู้ ทุกเรื่องเป็นเรื่องจริงและก็เกี่ยวข้องกับชีวิตคน หวังว่าคุณชายหลินจะมีคำอธิบายให้กับผมด้วย!”พูดคำนี้จบร่างกายของหลงยวนก็ระเบิดพลังออกมาก่อนจะพุ่งไปทางหลินเฟิงหลินเฟิงเองก็ไม่ได้อ่อนแออะไร เขาผลักหลี่ฮุ่ยหรานไปทางเหยาปิน ก่อนจะระเบิดเอาพลังของตัวเองออกมาต้านทานพลังของหลงยวนไว้โดยไม่ล้ม“เอ๋?”เห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา หลงยวนเองก็ ‘จิ๊’ ปากออกมาเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะเก่งกาจขนาดนี้“เหยาปิน พาฮุ่ยหรานหนีไป”หลินเฟิงหันไปมองทางเหยาปินอย่างไม่ใส่ใจ“ครับ!”เหยาปินมองไปทางหลงยวน เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงยวนถ้ายังอยู่ที่นี่มีแต่จะทำให้หลินเฟิงลำบากเพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรให้มากความแล้วจับมือของหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ก่อนจะดีดนิ้วมือด้านบนของห้องโถงก็มีการโรยเชือ
เขาเคยได้ยินมาบ้างว่าถังหว่านและหลินเฟิงมีความสัมพันธ์กัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะลึกซึ้งถึงขั้นนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมรับได้หรอกถ้าจะต้องถูกว่าที่ภรรยาสวมเขาให้ไม่ต้องพูดถึงคุณชายหลงยวนของตระกูลหลงแค่เพียงไม่นานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม“คุณชายหลิน ที่ถังอวิ๋นเฟิงพูดคือความจริงเหรอ?”ไม่รอให้หลินเฟิงตอบถังอวิ๋นเฟิงก็รีบก้าวเข้ามาชี้หน้าหลินเฟิงก่อนจะตะคอก “หลินเฟิง แกกล้าพูดไหมว่าคฤหาสน์ที่อ่าวเทียนสุ่ยแกไม่ได้นอนกับถังหว่านน่ะ!”“ถังหว่านนอนที่ห้องฉันจริง ๆ”หลินเฟิงไม่ได้มีความกลัวยิ่งเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของหลินเฟิงก็พูดเสียงเรียบ “แต่ว่าระหว่างฉันกับถังหว่านไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น”“ฉันกับพวกเธอเกี่ยวข้องกันแค่เรื่องของงานในบริษัท จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของพวกนาย”“โกหก!”ถังอวิ๋นเฟิงพูดด้วยความโมโห “น้องสาวของฉัน ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันคอยห้ามไว้ น้องของฉันคงหลงกลแกไปแล้ว!”“หึ แกจะไม่ยอมรับก็ช่างเถอะ แต่ฉันมีเสียงบันทึกอยู่!”พูดจบถังอวิ๋นเฟิงก็ยิ้มร้ายก่อนจะเปิดโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะเลื่อนไปที่คลิปเสียงที่ถังหว่านคุยโทรศัพท์อยู่ใน
“คุกเข่าลงแล้วฆ่าตัวตายซะหลินเฟิง แล้วฉันจะเหลือร่างของแกไว้”หลงยวนกุมอำนาจครั้งนี้ไว้ก่อนจะพูดออกมาอย่างโมโหบอดี้การ์ดที่เขาเลือกมาไม่มีคนธรรมดาเลยสักคน ต่อให้เป็นหลินเฟิงแต่ถ้าต้องเจอกับคนมากมายขนาดนี้ก็คงจะสู้ไม่ไหวยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าจะต้องเจอกับหลงยวนที่บรรลุถึงขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่านและไหนจะมียอดฝีมืออีกนับสิบคนด้วยพูดได้เลยว่าครั้งนี้หลินเฟิงไม่มีทางหนีไปได้ง่าย ๆ“หึ คุณชายหลงยวนผมก็นึกว่าคุณจะเชื่อใจในฝีมือของตัวเอง”หลินเฟิงหัวเราะออกมาก่อนจะพูด “แต่ไม่คิดเลยนะว่าคุณก็ไม่เท่าไหร่ แค่จะรับมือกับผมคนเดียวก็ต้องเรียกคนมามากขนาดนี้”“ต่อให้คุณฆ่าผมให้ตายได้ แต่ไม่คิดเหรอว่ามันไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเลย?”“สิงโตจับกระต่ายป่าก็ยังต้องใช้แรงตั้งมากมาย”หลงยวนไม่ได้หลงกลคำพูดของหลินเฟิงเขาหัวเราะเสียงเย็นชา “ฉันคุ้นกับฝีมือของคนตระกูลหลินดี ถ้าไม่มียอดฝีมือมากพอก็คงจะจัดการแกไม่ได้”“เพื่อที่จะจัดการแกให้สิ้นซาก ฉันไม่สนใจศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น”“หึหึ...”ได้ยินหลงยวนพูดแบบนี้หลินเฟิงก็หัวเราะออกมา“ดูท่าคนพวกนี้คือคนที่คุณชายหลงยวนพามาจากจิงเฉิงสินะ? ผมยอมรับว่าค
หยางเทียนฉีหัวเราะเสียงดังก่อนจะพาคนเดินเข้ามาในห้องโถงของตระกูลกู้ในฐานะของประธานหอการค้าของเมืองเจียงโจว จางเทียนฉีถือว่าเป็นคนที่มีเงินเยอะที่สุดในกลุ่มนั้น เพื่อที่จะได้สนิทกับหลินเฟิงเขาเองก็ลงแรงไปไม่น้อยไม่ใช่แค่เพียงแบ่งคนในตระกูลแต่ก็ยังต้องซื้อพวกยอดฝีมือจากตลาดมืดมาอีกหลายสิบคนตอนนี้มีคนมากกว่าหนึ่งพันคน“คุณหลิน สำนักเทียนเตาของเรามากันหมดแล้วเพื่อที่จะร่วมสู้ไปกับคุณ!”ซ่งเฉียนคุนก้าวยาว ๆ เข้ามาด้านในห้องโถงใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาและด้านหลังก็ตามมาด้านบรรดาลูกศิษย์ในสำนักเทียนเตา“หึหึ คุณหลิน สำนักร้อยพฤกษาก็มาแล้ว คนอาจจะน้อยหน่อย อย่าโกรธกันนะครับ”จางเต๋อหลินพูดขึ้นอย่างมั่นคงก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับการประคองของหลานสาวจางเจียหนิงด้านหลังของเขาก็มีคนจากตระกูลเล็กใหญ่อื่น ๆ ที่ติดค้างบุญคุณของจางเต๋อหลินเดินตามเข้ามา นับดูก็หลายร้อยคนเช่นกันเพราะว่าคนที่เข้ามามีมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่อยู่ห้องโถงของตระกูลกู้เองก็เริ่มที่จะเบียดกันแล้วขนาดคฤหาสน์ของตระกูลกู้ยังถูกคนจำนวนมากล้อมเอาไว้คนใหญ่คนโตในเมืองเจียงโจวต่างก็พากันมารวมตัวอยู่ที่นี่ ขนาดคนตระกูลป๋
ถึงว่าล่ะทำไมหลินเฟิงถึงได้แสดงออกอย่างเย็นชาและบ้าคลั่งขนาดนั้นที่แท้ก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี!แน่นอนว่ากู้เฉินและถังอวิ๋นเฟิงไม่มีทางเดาได้ว่าหลินเฟิงจะรู้แผนการของพวกเขาแล้ววางแผนมาแบบนี้เรื่องนี้ต้องไปถามป๋ายจินเต๋อดูแล้วล่ะตอนนี้กู้เฉินและถังอวิ๋นเฟิงรู้สึกหมดหวังเป็นอย่างมากต่อให้เป็นตระกูลหลงแต่ก็ไม่สามารถต่อกรกับหลินเฟิงที่มีอำนาจของคนทั้งเมืองคอยหนุนหลังไว้ได้และพวกเขาทั้งสองคนในสถานการณ์แบบนี้ก็ไปกระตุกหนวดเสืออย่างหลินเฟิงเข้าแล้ว ก็คงไม่ได้มีจุดจบที่ดีเช่นกันตระกูลหลงก็คงช่วยพวกเขาไม่ได้เพราะแม้แต่หลงยวนเองก็ยังแทบจะปกป้องตัวเองไม่ได้อยู่แล้วถ้าหลงยวนกล้าที่จะลงมือกับหลินเฟิงคนพวกนี้ไม่มีทางนิ่งดูดายแน่ ๆหรือถ้าหากจะลองดูสักตั้งทั้งหลงยวนและคนตระกูลหลงคงต้องได้ฝากชื่อไว้ที่นี่“พี่...พี่ ผม...ผมกลัว! ผมกลัวอ่ะ! ผมไม่อยากตาย! ผมไม่อยากตายที่นี่นะ!”หลงเชาตกใจจนร้องไห้ แม้แต่กางเกงเองก็เปียกไปหมดเพราะฉี่ราดออกมา“ถูกล้อมไว้หมดแล้ว…”หลงยวนมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นว่าด้านนอกห้องโถงก็มีคนล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด เขารู้ดีว่าเขาสูญเสียอำนาจไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์จะไ
"ทำไม? หรือว่าคุณชายหลินไม่อยากยอมรามือ?”แววตาของหลงยวนมีความโมโหผุดขึ้นมาไอ่บ้าหลินเฟิงนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว“คุณชายหลิน อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณนะ ถ้าเกิดว่าผมเป็นอะไรไปที่เจียงโจว…”หลงยวนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็นชา “พวกผู้อำนาจที่นี่อย่าคิดจะว่าจะรอดแม้แต่คนเดียว!”ได้ยินคำขู่ของหลงยวน ผู้คนของเมืองเจียงเจียงโจวต่างก็พากันแสดงสีหน้ากังวลออกมา“ผมไม่ได้จะต่อกรกับคุณ”หลินเฟิงค่อย ๆ เดินตรงไปข้างหน้าก่อนจะมองตาหลงยวน “ก็แค่อยากจะอธิบายเรื่องนึงให้คุณเข้าใจ”“เรื่องอะไร?”หลงยวนยังพอรับรู้จากความรู้สึกได้ว่าเลเซอร์สีแดงพวกนั้นยังคงถูกส่องมาที่ตัวของเขา“เรื่องของถังหว่าน”หลินเฟิงพูดคำนี้จบ หลงยวนก็แทบจะระงับความโมโหในใจของตัวเองไม่อยู่“ทำไม? คุณชายหลินจะทำให้ผมอับอายต่อหน้าคนมากมายแบบนี้เหรอ?”หลงยวนหัวเราะเสียงเย็นชา“ผมไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น แล้วก็ไม่สนใจจะทำด้วย”หลินเฟิงส่ายหน้า “ผมสามารถใช้ตัวผมเป็นประกันได้เลยว่าผมกับถังหว่านไม่มีอะไรเกินเลยทั้งนั้น”“คุณจะพูดแค่นี้เหรอ? คุณคิดว่าผมจะเชื่อไหม? ยังจะเอาชีวิตมาเป็นประกัน ชีวิตคุณมันมีค่าสักเท่าไหร่กันเชียว?”
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน
“ใช่ครับ!”เริ่นโหย่วไฉพูดอย่างกระวนกระวาย: "คุณรีบพาคนมาที่นี่เร็วๆ เถอะครับ ทางด้านผม... ผมจะต้านไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว!"“ต้านไม่อยู่?”จางฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจียจะเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?ที่นี่เริ่นโหย่วไฉมีผู้คุ้มกันนับร้อยคน เขาคนเดียวสามารถจัดการผู้คุ้มกันทั้งหมดได้?”จางฉุนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ไม่นานความคิดอีกอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจเขาเริ่นโหย่วไฉคนนี้คงจะพูดเกินจริงไปมากอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเองเพิ่มมากขึ้นหลังจากสาปแช่งจิ้งจอกแก่แล้ว จางฉุนก็เพียงแต่เร่งฝีเท้าของลูกน้องเขาให้เร็วขึ้นเท่านั้นแต่ที่แปลกคือระหว่างทางกลับเงียบสงบมากและพวกยามโรงงานเสื้อผ้าที่อยู่ที่นี่แต่เดิมก็หายไปไหนไม่รู้"เดี๋ยวก่อน!"สวีโจวยื่นมือออกไปเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเขาจ้องดูใบหน้าที่ใจร้อนของจางฉุนแล้วขมวดคิ้วพูด:“คุณ...จางฉุน หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติบ้างหรือ?”“ไม่ปกติอะไร?”ในขณะนี้จางฉุนเอาแต่นึกถึงรูปร่างที่น่าสะพรึงกลัวและใบหน้าที่งดงามของอิ่นนั่วเจียเพียงเท่านั้นยิ่งระยะทางใกล้เข้ามา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไฟที่อยู่ด้านล่
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป