ถึงว่าล่ะทำไมหลินเฟิงถึงได้แสดงออกอย่างเย็นชาและบ้าคลั่งขนาดนั้นที่แท้ก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี!แน่นอนว่ากู้เฉินและถังอวิ๋นเฟิงไม่มีทางเดาได้ว่าหลินเฟิงจะรู้แผนการของพวกเขาแล้ววางแผนมาแบบนี้เรื่องนี้ต้องไปถามป๋ายจินเต๋อดูแล้วล่ะตอนนี้กู้เฉินและถังอวิ๋นเฟิงรู้สึกหมดหวังเป็นอย่างมากต่อให้เป็นตระกูลหลงแต่ก็ไม่สามารถต่อกรกับหลินเฟิงที่มีอำนาจของคนทั้งเมืองคอยหนุนหลังไว้ได้และพวกเขาทั้งสองคนในสถานการณ์แบบนี้ก็ไปกระตุกหนวดเสืออย่างหลินเฟิงเข้าแล้ว ก็คงไม่ได้มีจุดจบที่ดีเช่นกันตระกูลหลงก็คงช่วยพวกเขาไม่ได้เพราะแม้แต่หลงยวนเองก็ยังแทบจะปกป้องตัวเองไม่ได้อยู่แล้วถ้าหลงยวนกล้าที่จะลงมือกับหลินเฟิงคนพวกนี้ไม่มีทางนิ่งดูดายแน่ ๆหรือถ้าหากจะลองดูสักตั้งทั้งหลงยวนและคนตระกูลหลงคงต้องได้ฝากชื่อไว้ที่นี่“พี่...พี่ ผม...ผมกลัว! ผมกลัวอ่ะ! ผมไม่อยากตาย! ผมไม่อยากตายที่นี่นะ!”หลงเชาตกใจจนร้องไห้ แม้แต่กางเกงเองก็เปียกไปหมดเพราะฉี่ราดออกมา“ถูกล้อมไว้หมดแล้ว…”หลงยวนมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นว่าด้านนอกห้องโถงก็มีคนล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด เขารู้ดีว่าเขาสูญเสียอำนาจไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์จะไ
"ทำไม? หรือว่าคุณชายหลินไม่อยากยอมรามือ?”แววตาของหลงยวนมีความโมโหผุดขึ้นมาไอ่บ้าหลินเฟิงนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว“คุณชายหลิน อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณนะ ถ้าเกิดว่าผมเป็นอะไรไปที่เจียงโจว…”หลงยวนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็นชา “พวกผู้อำนาจที่นี่อย่าคิดจะว่าจะรอดแม้แต่คนเดียว!”ได้ยินคำขู่ของหลงยวน ผู้คนของเมืองเจียงเจียงโจวต่างก็พากันแสดงสีหน้ากังวลออกมา“ผมไม่ได้จะต่อกรกับคุณ”หลินเฟิงค่อย ๆ เดินตรงไปข้างหน้าก่อนจะมองตาหลงยวน “ก็แค่อยากจะอธิบายเรื่องนึงให้คุณเข้าใจ”“เรื่องอะไร?”หลงยวนยังพอรับรู้จากความรู้สึกได้ว่าเลเซอร์สีแดงพวกนั้นยังคงถูกส่องมาที่ตัวของเขา“เรื่องของถังหว่าน”หลินเฟิงพูดคำนี้จบ หลงยวนก็แทบจะระงับความโมโหในใจของตัวเองไม่อยู่“ทำไม? คุณชายหลินจะทำให้ผมอับอายต่อหน้าคนมากมายแบบนี้เหรอ?”หลงยวนหัวเราะเสียงเย็นชา“ผมไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น แล้วก็ไม่สนใจจะทำด้วย”หลินเฟิงส่ายหน้า “ผมสามารถใช้ตัวผมเป็นประกันได้เลยว่าผมกับถังหว่านไม่มีอะไรเกินเลยทั้งนั้น”“คุณจะพูดแค่นี้เหรอ? คุณคิดว่าผมจะเชื่อไหม? ยังจะเอาชีวิตมาเป็นประกัน ชีวิตคุณมันมีค่าสักเท่าไหร่กันเชียว?”
"คุณชายหลิน สองคนนี้เหรอ?”เสิ่นหานเดินเข้ามาก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาแสดงสีหน้าสงสัย“เก็บเอาไว้ก็เป็นปัญหา ตระกูลกู้ต่อจากนี้ก็ไม่ต้องมีแล้วก็ได้ ส่วนถังอวิ๋นเฟิง…”หลินเฟิงมองถังอวิ๋นเฟิงที่คุกเข่าโขกหัวขอร้องตัวเองเหมือนกับมองสุนัขตัวหนึ่งเขายิ้มเบา ๆ “พวกที่เลี้ยงไม่เชื่องแบบนี้ถ่ายคลิปความผิดของเขาไว้แล้วส่งไปให้ตระกูลถัง ส่วนตัวคนก็จัดการได้เลย”“ครับ”เสิ่นหานทำความเคารพ“คะ...คุณชายหลินไว้ชีวิตผมด้วย ไว้ชีวิตผมด้วย! ผมถูกคนอื่นหลอก ผมถูกกู้เฉินหลอกนะครับ ไว้ชีวิตผมด้วย…”ทหารสองคนหิ้วปีกถังอวิ๋นเฟิงที่ยังไม่หยุดโวยวายออกไปส่วนกู้เฉินนั้นเขาเหมือนกับเสียสติไปแล้ว ตอนนี้เขาลงไปนั่งหัวเราะเสียงดังอยู่ที่พื้น“ไม่คิดเลยนะหลินเฟิง ฉันคิดไม่ถึงเลย! ว่าแกจะมีคนคอยหนุนหลังมากขนาดนี้ ฉันผิดเอง ฉันคำนวณผิดเอง…”กู้เฉินทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ“หลินเฟิง ฉันทำคนเดียวฉันรับคนเดียว”กู้เฉินพยายามฝืนตัวออกจากบรรดาทหารที่เข้ามารุมล้อม “ถือว่าฉันขอแก ทั้งหมดนี่เป็นแผนของฉันคนเดียว ไม่เกี่ยวกับพ่อของฉัน…”“ไม่เกี่ยวกับลูกน้องของฉันแกปล่อยตระกูลกู้ไปได้ไหม?!”“แกปล่อยตระกูลกู้ไปได้ไ
"เร็วเข้าซินซิน เหลืออีกแค่สิบนาทีพวกเรายังไปสนามบินทันอยู่!”จางกุ้ยหลานเร่ง“มาแล้วค่ะ ๆ!”จางซินหอบเอาเครื่องสำอางค์ราคาแพงของหลี่ฮุ่ยหรานออกมาจากห้องของเธอ ก่อนจะจับทั้งหมดยัดลงไปในกระเป๋าถือ“เราอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่เจียงโจวเลย เราอยู่ที่ประเทศนี้ไม่ได้แล้ว เก็บของแล้วหนีไปหลบที่ประเทศอื่นก่อน!”จางกุ้ยหลานมองจางซินที่พยายามยัดเครื่องสำอางค์ลงไปในกระเป๋าก็อดจะโมโหไม่ได้ “โถ่เอ๊ยซินซิน ถ้ามัดยัดลงไปไม่ได้ก็ไม่ต้องยัดแล้ว ของพวกนี้มันจะราคาเท่าไหร่กันเชียว? รีบไปเร็วเข้า!”“คุณอาซื้อตั๋วเครื่องบินหรือยังคะ?”“ซื้อแล้ว ฉันมีเงินในบัญชีอยู่หลายแสน แล้วก็ของพวกนี้ด้วย พอให้พวกเราอยู่เมืองนอกไปสักระยะแล้วล่ะ!จางกุ้ยหลานเร่งรีบในตอนที่พวกเธอหนีออกมาพร้อมแขกคนอื่นๆก็ไม่ได้เลือกว่าจะอยู่ที่ตระกูลกู้นานนักเพราะดูจากท่าทีของหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว จางกุ้ยหลานก็รู้ว่าวันนี้การแต่งงานไม่มีทางสำเร็จแน่นอนในเมื่อหลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้แต่งงานกับตระกูลกู้งั้นตระกูลหลี่ก็คงไม่ต้อนรับพวกเธอ และไหนจะยังไปมีเรื่องกับตระกูลกู้และตรงกูลหลงอีก โดยเฉพาะตระกูลหลงยิ่งแล้วใหญ่ถ้าตระกูล
"พวกตระกูลหลี่จากทางเจียงเป่ยทำเรื่องเอาไว้ก็ไปรับผิดชอบเอง อย่าคิดจะหนีไปไหนเชียว!”หลัวอวี้เฟิ่งพูดเสียงดัง “เพื่อไม่ให้ตระกูลกู้และตระกูลหลงเข้าใจผิด วันนี้ฉันต้องจับพวกแกแม่ลูกเอาไปมอบให้ทั้งสองตระกูลนั้นจัดการ!”“แล้วจากวันนี้ไป สองตระกูลเราขาดกัน!”“อะไรนะ?!”จางกุ้ยหลานรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เกือบจะเป็นลมล้มลงไปที่พื้นจางซินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รีบเปลี่ยนสีหน้าก่อนจะรีบเข้าไปออเซาะ “คุณน้าหลัวคะ เราเป็นญาติกันอย่าตัดขาดกันขนาดนี้เลยค่ะ”“หึ”หลัวอวี้เฟิ่งแค่นยิ้ม ก่อนจะมองไปทางจางซินแล้วพูดประชดประชัน “จางซินเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้อยากจะมานับญาติกับฉัน”“เธอเป็นฐาติกับจางกุ้ยหลาน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”“ฉันไม่มีญาติที่ขโมยเครื่องประดับของคนอื่นในงานแต่งงานหรอกนะ!”เรื่องดี ๆไม่มีใครรู้ แต่เรื่องแย่ ๆ คนต่างก็รู้กันทั่วได้ยินหลัวอวี้เฟิ่งพูดแบบนี้ จางซินก็หน้าแข็งค้างไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เธอขโมยเครื่องประดับของหลี่ฮุ่ยหรานจะมีคนรู้เรื่องเร็วขนาดนี้ แล้วต่อจากนี้เธอจะทำมีหน้าไปเจอคนอื่นได้ยังไงล่ะ?“น้องสะใภ้ ถ้าซินซินเป็นคนนอกแต่ฉันไม่ใช่ ใช่ไหมล่ะ?”จา
พวกนั้นแย่งเอากระเป๋าถือของจางซินและจางกุ้ยหลานไว้ก่อนจะกดทั้งสองคนไว้ที่พื้นและมัดมือมัดเท้าเอาไว้“เอาตัวไป!”จางกุ้ยหลานและจางซินถูกลูกน้องของหลัวอวี้เฟิ่งแบกตัวออกไปส่วนกระเป๋าที่ใส่ของมีค่าถูกหลัวอวี้เฟิ่งเห็นเข้าก็ถูกยกเอาไปวางไว้ที่รถของตนเองและฮุบทุกอย่างเอาไว้เองคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือจางกุ้ยหลานและจางซินที่ยุ่งกันมาทั้งวันแต่ทุกอย่างกลับเป็นการทำเพื่อหลัวอวี้เฟิ่งทั้งนั้นผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงหลี่ฮุ่ยหรานที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจถูกเหยาปินพามาส่งที่คฤหาสน์ตระกูลหลินที่ด้านหน้าคฤหาสน์เธอเห็นรถที่เธอซื้อให้กับแม่ของเธอก็เลยคิดว่าจางกุ้ยหลานกลับมาแล้วแต่ในตอนที่เปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็พบว่าบ้านของตัวเองเหมือนถูกโจรบุกเข้ามาปล้นไม่มีผิดอย่าว่าแต่จางกุ้ยหลานและจางซินเลย ขนาดคนรับใช้ที่เธอจ้างไว้ก็ไม่เห็นสักคนในตอนนี้เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างถึงเธอจะไม่รู้ถึงจิตใจของจางกุ้ยหลาน แต่ไม่ว่ายังไงอีกฝ่ายก็เป็นแม่ของเธอ วันนี้ที่เธอกลับมาที่บ้านก็เพราะกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย“นี่อะไรน่ะ?”เหยาปินหยิบเอาตั๋วเครื่องบินสองใบจากพื้นขึ้นมา หลี่ฮุ่ยหรานรับเอามาถ
ผ่านไปได้ไม่นาน รถมายบัคของหลินเฟิงก็มาจอดลงที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลหลี่เขามาที่นี่ครั้งล่าสุดก็เมื่องานศพของหลี่ชานเหอหลินเฟิงมองไปรอบ ๆ บริเวณคฤหาสน์ตระกูลหลี่ ในใจก็ตัดสินใจสิ่งหนึ่งได้วันนี้เขาจะพาหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปอยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ยคฤหาสน์นี้ก็เก็บเอาไว้จางกุ้ยหลานกับหลานสาวของเธอไปเถอะถ้าเกิดว่าเธอรู้ตัวแล้วไม่มาหาเรื่องเขาอีกในตอนที่เขากำลังจะกดกริ่งนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอเป็นเบอร์แปลกหน้าหลินเฟิงไม่ได้ลังเล เขาจึงกดรับสายทันทีในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงที่ทั้งเข็มแข็งและเข้มงวดของชายแก่คนหนึ่ง“เฟิงเอ่อร์ ไม่คิดเลยนะว่าแกจะยังมีชีวิตอยู่”น้ำเสียงนี้ทำให้เขานึกย้อนไปถึงช่วงเวลาในอดีต มือที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นอย่างรุนแรง เขาพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงราบเรียบ “ดูแล้วการที่ผมยังมีชีวิตอยู่จะทำให้คุณแปลกใจมาก ๆ งั้นเหรอ?”“หึหึ เฟิงเอ่อร์ยังคิดแค้นฉันอยู่เหรอ?”น้ำเสียงนั้นเหมือนกับว่าลอดผ่านหูของเขาเข้าไปที่สมอง“เสิ่นหานเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้รับคำแต่เปลี่ยนเป็นย้อนถามแทน“เปล่า ไม่ใช่เสิ่นหานแต่เจียงโจวเกิดเรื่อง
“63 ปีแล้วครับนายท่าน”พ่อบ้านที่ชื่ออาฝูตอบอย่างนอบน้อม“ลูกสาวของนาย...ได้ข่าวว่าไปได้ดีเลยที่จิงเฉิง?”“ก็พอได้ครับ”อาฝูพยักหน้าก่อนจะยิ้มบาง ๆ “เห็นว่าเป็นหัวหน้าของสำนักวรยุทธ์ สิ่งที่เด็ก ๆ เขาทำกัน พวกเราไม่เข้าใจหรอกครับ”“ในเมื่อหลินเฟิงไม่ได้ตาย สัญญาหมั้นของพวกเรายังนับไหม?”ราชาหลินแห่งตอนใต้หันหน้าไปมองพ่อบ้านที่เป็นทั้งเพื่อนเก่าแก่ของตัวเองพร้อมสายตายิ้ม ๆ“ต้องมีผลสิครับนายท่าน เดี๋ยวผมจะใช้คนไปส่งข่าวให้ลูกสาวของผมรีบเดินทางไปปกป้องคุณชายหลินที่เจียงโจว”“อืม”ราชาหลินแห่งตอนใต้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ประเทศมังกรมีแต่อันตราย ก็ได้แต่รอดูว่ามันจะคิดเองได้เมื่อไหร่!”เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา“คุณชายหลินฉลาดเกินใคร จะต้องเข้าใจความเป็นห่วงของคุณแน่ครับ”ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันนั้น ที่ด้านนอกก็มีคนในชุดทหารเดินเข้ามา“รายงานครับ!”“มีอะไร”ราชาหลินแห่งตอนใต้กลับมาวางอำนาจดังเดิม ท่าทางโรยแรงเมื่อสักครู่ก็หายไปตอนนี้เหลือแค่เพียงความน่าเกรงขามและความเย็นชา“รายงายครับ นายพลหร่วนเหวินอาจากประเทศเวน่าขอเข้าพบ”“หร่วนเหวินอา?”ราชาหลินหัวเราะก่อนจ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน
“ใช่ครับ!”เริ่นโหย่วไฉพูดอย่างกระวนกระวาย: "คุณรีบพาคนมาที่นี่เร็วๆ เถอะครับ ทางด้านผม... ผมจะต้านไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว!"“ต้านไม่อยู่?”จางฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจียจะเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?ที่นี่เริ่นโหย่วไฉมีผู้คุ้มกันนับร้อยคน เขาคนเดียวสามารถจัดการผู้คุ้มกันทั้งหมดได้?”จางฉุนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ไม่นานความคิดอีกอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจเขาเริ่นโหย่วไฉคนนี้คงจะพูดเกินจริงไปมากอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเองเพิ่มมากขึ้นหลังจากสาปแช่งจิ้งจอกแก่แล้ว จางฉุนก็เพียงแต่เร่งฝีเท้าของลูกน้องเขาให้เร็วขึ้นเท่านั้นแต่ที่แปลกคือระหว่างทางกลับเงียบสงบมากและพวกยามโรงงานเสื้อผ้าที่อยู่ที่นี่แต่เดิมก็หายไปไหนไม่รู้"เดี๋ยวก่อน!"สวีโจวยื่นมือออกไปเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเขาจ้องดูใบหน้าที่ใจร้อนของจางฉุนแล้วขมวดคิ้วพูด:“คุณ...จางฉุน หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติบ้างหรือ?”“ไม่ปกติอะไร?”ในขณะนี้จางฉุนเอาแต่นึกถึงรูปร่างที่น่าสะพรึงกลัวและใบหน้าที่งดงามของอิ่นนั่วเจียเพียงเท่านั้นยิ่งระยะทางใกล้เข้ามา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไฟที่อยู่ด้านล่
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส