"พวกตระกูลหลี่จากทางเจียงเป่ยทำเรื่องเอาไว้ก็ไปรับผิดชอบเอง อย่าคิดจะหนีไปไหนเชียว!”หลัวอวี้เฟิ่งพูดเสียงดัง “เพื่อไม่ให้ตระกูลกู้และตระกูลหลงเข้าใจผิด วันนี้ฉันต้องจับพวกแกแม่ลูกเอาไปมอบให้ทั้งสองตระกูลนั้นจัดการ!”“แล้วจากวันนี้ไป สองตระกูลเราขาดกัน!”“อะไรนะ?!”จางกุ้ยหลานรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เกือบจะเป็นลมล้มลงไปที่พื้นจางซินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รีบเปลี่ยนสีหน้าก่อนจะรีบเข้าไปออเซาะ “คุณน้าหลัวคะ เราเป็นญาติกันอย่าตัดขาดกันขนาดนี้เลยค่ะ”“หึ”หลัวอวี้เฟิ่งแค่นยิ้ม ก่อนจะมองไปทางจางซินแล้วพูดประชดประชัน “จางซินเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้อยากจะมานับญาติกับฉัน”“เธอเป็นฐาติกับจางกุ้ยหลาน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”“ฉันไม่มีญาติที่ขโมยเครื่องประดับของคนอื่นในงานแต่งงานหรอกนะ!”เรื่องดี ๆไม่มีใครรู้ แต่เรื่องแย่ ๆ คนต่างก็รู้กันทั่วได้ยินหลัวอวี้เฟิ่งพูดแบบนี้ จางซินก็หน้าแข็งค้างไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เธอขโมยเครื่องประดับของหลี่ฮุ่ยหรานจะมีคนรู้เรื่องเร็วขนาดนี้ แล้วต่อจากนี้เธอจะทำมีหน้าไปเจอคนอื่นได้ยังไงล่ะ?“น้องสะใภ้ ถ้าซินซินเป็นคนนอกแต่ฉันไม่ใช่ ใช่ไหมล่ะ?”จา
พวกนั้นแย่งเอากระเป๋าถือของจางซินและจางกุ้ยหลานไว้ก่อนจะกดทั้งสองคนไว้ที่พื้นและมัดมือมัดเท้าเอาไว้“เอาตัวไป!”จางกุ้ยหลานและจางซินถูกลูกน้องของหลัวอวี้เฟิ่งแบกตัวออกไปส่วนกระเป๋าที่ใส่ของมีค่าถูกหลัวอวี้เฟิ่งเห็นเข้าก็ถูกยกเอาไปวางไว้ที่รถของตนเองและฮุบทุกอย่างเอาไว้เองคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือจางกุ้ยหลานและจางซินที่ยุ่งกันมาทั้งวันแต่ทุกอย่างกลับเป็นการทำเพื่อหลัวอวี้เฟิ่งทั้งนั้นผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงหลี่ฮุ่ยหรานที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจถูกเหยาปินพามาส่งที่คฤหาสน์ตระกูลหลินที่ด้านหน้าคฤหาสน์เธอเห็นรถที่เธอซื้อให้กับแม่ของเธอก็เลยคิดว่าจางกุ้ยหลานกลับมาแล้วแต่ในตอนที่เปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็พบว่าบ้านของตัวเองเหมือนถูกโจรบุกเข้ามาปล้นไม่มีผิดอย่าว่าแต่จางกุ้ยหลานและจางซินเลย ขนาดคนรับใช้ที่เธอจ้างไว้ก็ไม่เห็นสักคนในตอนนี้เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างถึงเธอจะไม่รู้ถึงจิตใจของจางกุ้ยหลาน แต่ไม่ว่ายังไงอีกฝ่ายก็เป็นแม่ของเธอ วันนี้ที่เธอกลับมาที่บ้านก็เพราะกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย“นี่อะไรน่ะ?”เหยาปินหยิบเอาตั๋วเครื่องบินสองใบจากพื้นขึ้นมา หลี่ฮุ่ยหรานรับเอามาถ
ผ่านไปได้ไม่นาน รถมายบัคของหลินเฟิงก็มาจอดลงที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลหลี่เขามาที่นี่ครั้งล่าสุดก็เมื่องานศพของหลี่ชานเหอหลินเฟิงมองไปรอบ ๆ บริเวณคฤหาสน์ตระกูลหลี่ ในใจก็ตัดสินใจสิ่งหนึ่งได้วันนี้เขาจะพาหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปอยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ยคฤหาสน์นี้ก็เก็บเอาไว้จางกุ้ยหลานกับหลานสาวของเธอไปเถอะถ้าเกิดว่าเธอรู้ตัวแล้วไม่มาหาเรื่องเขาอีกในตอนที่เขากำลังจะกดกริ่งนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอเป็นเบอร์แปลกหน้าหลินเฟิงไม่ได้ลังเล เขาจึงกดรับสายทันทีในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงที่ทั้งเข็มแข็งและเข้มงวดของชายแก่คนหนึ่ง“เฟิงเอ่อร์ ไม่คิดเลยนะว่าแกจะยังมีชีวิตอยู่”น้ำเสียงนี้ทำให้เขานึกย้อนไปถึงช่วงเวลาในอดีต มือที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นอย่างรุนแรง เขาพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงราบเรียบ “ดูแล้วการที่ผมยังมีชีวิตอยู่จะทำให้คุณแปลกใจมาก ๆ งั้นเหรอ?”“หึหึ เฟิงเอ่อร์ยังคิดแค้นฉันอยู่เหรอ?”น้ำเสียงนั้นเหมือนกับว่าลอดผ่านหูของเขาเข้าไปที่สมอง“เสิ่นหานเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้รับคำแต่เปลี่ยนเป็นย้อนถามแทน“เปล่า ไม่ใช่เสิ่นหานแต่เจียงโจวเกิดเรื่อง
“63 ปีแล้วครับนายท่าน”พ่อบ้านที่ชื่ออาฝูตอบอย่างนอบน้อม“ลูกสาวของนาย...ได้ข่าวว่าไปได้ดีเลยที่จิงเฉิง?”“ก็พอได้ครับ”อาฝูพยักหน้าก่อนจะยิ้มบาง ๆ “เห็นว่าเป็นหัวหน้าของสำนักวรยุทธ์ สิ่งที่เด็ก ๆ เขาทำกัน พวกเราไม่เข้าใจหรอกครับ”“ในเมื่อหลินเฟิงไม่ได้ตาย สัญญาหมั้นของพวกเรายังนับไหม?”ราชาหลินแห่งตอนใต้หันหน้าไปมองพ่อบ้านที่เป็นทั้งเพื่อนเก่าแก่ของตัวเองพร้อมสายตายิ้ม ๆ“ต้องมีผลสิครับนายท่าน เดี๋ยวผมจะใช้คนไปส่งข่าวให้ลูกสาวของผมรีบเดินทางไปปกป้องคุณชายหลินที่เจียงโจว”“อืม”ราชาหลินแห่งตอนใต้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ประเทศมังกรมีแต่อันตราย ก็ได้แต่รอดูว่ามันจะคิดเองได้เมื่อไหร่!”เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา“คุณชายหลินฉลาดเกินใคร จะต้องเข้าใจความเป็นห่วงของคุณแน่ครับ”ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันนั้น ที่ด้านนอกก็มีคนในชุดทหารเดินเข้ามา“รายงานครับ!”“มีอะไร”ราชาหลินแห่งตอนใต้กลับมาวางอำนาจดังเดิม ท่าทางโรยแรงเมื่อสักครู่ก็หายไปตอนนี้เหลือแค่เพียงความน่าเกรงขามและความเย็นชา“รายงายครับ นายพลหร่วนเหวินอาจากประเทศเวน่าขอเข้าพบ”“หร่วนเหวินอา?”ราชาหลินหัวเราะก่อนจ
“เจอแล้วครับ จางกุ้ยหลานกับจางซินถูกคนตระกูลหลี่จากเจียงหนานจับตัวไป”หลังจากออกไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมง เหยาปินก็กลับมาเพื่อบอกข่าวที่ตัวเองได้ไปสืบหามา“ตระกูลหลี่จากเจียงหนานเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เข้าใจ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ? จะจับตัวแม่และน้องสาวเธอไปทำไม?“ก็คงต้องการจะบอกทางนั้นว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรา”หลินเฟิงเห็นหลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้ตอบอะไรจึงอธิบายออกมาหน้านิ่งในที่สุดหลี่ฮุ่ยหรานก็ได้สติกลับมา สีหน้าของเธอตอนนี้แย่กว่าเดิมอีก“ไปเถอะ ถึงจางกุ้ยหลานไม่ควรจะเป็นแม่ใครแต่ยังไงก็เป็นแม่ของเธอ ฉันไม่มองดูอยู่นิ่ง ๆ หรอก”หลินเฟิงตัดสินใจจะไปที่ตระกูลหลี่ทางเจียงหนานเพื่อช่วยจางกุ้ยหลาน“ขอบคุณนะหลินเฟิง”ทำไมหลี่ฮุ่ยหรานจะไม่รู้ว่าหลินเฟิงคิดอะไรอยา แต่ตอนนี้เธอรู้สึกขอบคุณเขาเป็นอย่างมากทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลินเฟิงจะดีขนาดนี้?เมื่อคิดว่าถึงตรงนี้ ในใจเธอก็ยิ่งรู้สึกผิดเพราะอย่างนั้นในตอนที่บอกลาเหยาปิน หลินเฟิงก็ขับรถพาหลี่ฮุ่ยหรานไปที่ตระกูลหลี่ทันทีที่ด้านหน้าคฤหาสน์ของตระกูลหลี่แห่งเจียงหนาน เขาก็ลงรถและบอกสถานะของตนเองไม่คิดเลยว่าคนที่มาต้อ
“แต่ว่าเธอก็ไม่เคยติดต่อพวกเรามาเลย และจางกุ้ยเฟิงก็ไม่เคยให้เราติดต่อเธอได้ผ่านทางเขา เพราะอย่างนั้นมันเลยกลายมาเป็นแบบนี้”ตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมแม่ของเธอถึงไม่ยอมให้เธอกลับมาเยี่ยมพ่อบ้างยื้อกันมาตั้งนาน ที่แท้ก็พ่อของเธอเสียชีวิตไปแล้วนี่เอง!และสมบัติของพ่อจางฮุ่ยหรานก็อยากจะฮุบเอาไว้คนเดียวอีกด้วย!หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกปวดหัวมาก ๆ ถ้าไม่ได้หลินเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยประคองไว้เธออาจจะลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้วที่จางกุ้ยหลานวางแผนนับล้านอย่างเพื่อที่จะได้กลับมาที่ตระกูลหลี่ก็เพื่อที่จะกลับมาฮุบสมบัติทั้งหมดไว้คนเดียว!“จางกุ้ยหลานอยู่ที่ไหน?”หลินเฟิงเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานเริ่มจะแตกตื่นก็รีบถาม“นายคือหลินเฟิงสินะ?”หลี่กงเฉิงไม่ใช่คนที่ไม่รู้บุญคุณคนเขาส่ายหน้าไปมาพลางมองหลินเฟิง “ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณทำยังไงถึงหนีจากตระกูลกู้และตระกูลหลงได้”“แต่ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้วผมก็ไม่มีทางปล่อยคุณไปง่าย ๆ”พูดจบเขาก็ส่งสายตาให้บอดี้การ์ดที่หลีกทางให้กับหลินเฟิงท่าทางพวกนี้ถูกหลินเฟิงมองอยู่ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าลุงของหลี่ฮุ่ยหรานต้องการจะทำอะไรถึงแม้ว่าเขาจะทำเห
“ดูเหมือนว่ารสนิยมของคุณชายหลี่หยวนจะไม่เลวจริง ๆ”ประโยคถัดไปของหลินเฟิงทำให้หลี่หยวนตกตะลึงไปชั่วครู่เขาตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณก็ยอมรับมันแล้วใช่ไหม?”“ได้!” หลี่หยวนปรบมือด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “ทุกคนในตระกูลหลี่ของฉันเป็นพยาน ถ้าพี่หลินเฟิงท่านนี้ไม่ทำให้คุณชายหลงยอมจำนน เขาก็จะต้องกินอุจจาระของสุนัขล่าเนื้อของผม!”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”“หลินเฟิง อย่าฝืนรักในศักดิ์ศรีเลย คุณชายหลี่หยวนเป็นคนขึ้นชื่อเรื่อหัวรั้น แต่ฉันก็อยากเห็นนายกินอุจจาระสุนัขเหมือนกันนะ”หลี่เยว่หรูเหน็บแนมอยู่ข้าง ๆ“หลินเฟิง คนเราต้องยึดความจริงเป็นหลัก”หลี่กงเฉิงก็รู้สึกพูดไม่ออกกับการคุยโวโอ้อวดของหลินเฟิงตอนนี้พวกเขาต่างก็ปกป้องตัวเองได้ยากแล้ว ยังต้องมาช่วยจางกุ้ยหลานอีกแค่ช่วยจางกุ้ยหลานก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าเพื่อเป้าหมายของตัวเองแล้ว จะต้องพูดคำโกหกที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชนอีกด้วย คิดว่าตระกูลหลี่ของเขาต่างก็เป็นคนโง่กันหมดงั้นเหรอ?จะเชื่อคำพูดโกหกของเขางั้นเหรอ? หลี่กงเฉิงรู้สึกว่าสติปัญญาของตัวเองถูกหลินเฟิงสบประ
หลี่ฮุ่ยหรานก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ “พ่อของหนูล่ะ? ไหนแม่บอกว่าพ่อของหนูใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยไม่เห็นค่าเงินของตระกูลหลี่เมืองเจียงหนาน และไม่ต้องการแม่อีกแล้วไม่ใช่เหรอ??!”“นี่.....”จางกุ้ยหลานรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปแล้ว สุดท้ายเธอจึงถอนหายใจลึก ๆ แล้วพูดอย่างจนปัญญา “ฮุ่ยหราน การตายของพ่อลูกเป็นเพียงเหตุสุดวิสัย แม่....ในตอนนั้นแม่เองก็ไม่ได้ตั้งใจ”“ได้ ต่อให้แม่ไม่ได้ตั้งใจ”หลี่ฮุ่ยหรานเกือบจะกัดจนฟันกรามแตก พร้อมและพูดอย่างคับแค้นใจ “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่พูดเรื่องมรดกที่พ่อทิ้งเอาไว้ล่ะ? ทำไมแม่ถึงกีดกันหนูไม่ให้ติดต่อกับต้นตระกูลที่เมืองเจียงหนาน? ทั้งยังรีบเร่งที่อยากจะให้ตระกูลหลี่เมืองเจียนหนานทำการยอมรับใหม่อีกครั้ง?”“แม่ฉัน......แม่ฉัน......”สายตาของจางกุ้ยหลานกรอกไปมา เรื่องอื่นเธอสามารถพอที่จะเถียงถูๆไถๆข้าง ๆคู ๆได้ แต่มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น คนที่มีความเกี่ยวข้องต่างก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด เธอจึงไม่สามารถที่จะแก้ตัวได้อีก“โอ๊ย....”สุดท้ายจางกุ้ยหลานก็ไม่มีทางเลือก นอกจากเอะอะโวยวายเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“ลูกสาว....ลูกรู้ไหมว่าลูกทำร้ายพวกเราตระ
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน
“ในเมื่อพวกนายหาที่ตาย งั้นฉันก็จะตอบสนองพวกนาย!”หลินเฟิงสายตาเย็นชา พลิกฝ่ามือตบออกไป ทำให้หมัดของหานเวยแตกหักทันที“หือ?!”ความรู้สึกที่กระดูกแตกหักนั้นชัดเจนจนดังเข้ามาในหัวของหลินเฟิงหลังจากเสียงร้องโอดครวญของหานเวย หลินเฟิงกลับยืนอยู่กับที่และมองฝ่ามือของตัวเองด้วยความตกตะลึง เขาจำได้ว่า...ตัวเองน่าจะไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนี้หรอกมั้ง?”ตามแผนการย้อนโจมตีที่หลินเฟิงวางแผนเอาไว้เขาจะผลักกำปั้นที่ดุดันของหานเวยออก จากนั้นใช้หมัดอีกข้างหนึ่งโจมตีกลับ ต่อยหน้าผากของหานเวยจนแตก ทำให้เขาตายในทันทีแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงประหลานใจเล็กน้อยก็คือ ฝ่ามือที่เขาทำเพื่อป้องกันการโจมตีของหานเวย กลับเป็นเหมือนกับมีดสับเต้าหู้ ที่ตัดทั้งกำปั้นของหานเวยโดยตรงภายใต้ความแอบตกตะลึง หลินเฟิงกลับลืมที่จะโจมตีต่อไปเขายืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความงุนงง“พลังชี่แท้ภายในร่างกายไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด มีเพียงหนึ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของร่างกายของฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงตั้งตัวไม่ได้ชั่วขณะ“ไอ้หนุ่ม นายใช้วิธีชั่วร้ายอะไร?!”เห็
เถ้าแก่โจวเห็นสองพี่น้องตระกูลหานพูดออกมา เขาก็ขมวดคิ้ว และบ่นพึมพำในใจเขาหันหน้ามองไปทางหลี่เหวินเชา“นายมั่นใจว่าเขาก็คือหลินเฟิง? สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง!”หลี่เหวินเชาจ้องมองหลินเฟิง และแสยะยิ้มพูดว่า: “ประธานโจว คุณวางใจได้ ต่อให้เขากลายเป็นขี้เถ้าผมก็จำได้”“หึ ถ้าหากไม่ใช่ นายรู้จุดจบนะ”ประธานโจวยิ้มเยาะได้ยินคำพูดแบบนี้ หลี่เหวินเชาตัวสั่นไปหมด และก็รีบยิ้มประจบสอพอพูดว่า:“ประธานโจวพูดอะไรกันครับ ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไงล่ะ?!”“คนผู้นี้ก็คือหลินเฟิงแน่นอน ถ้าหากผมพูดผิด คุณก็ฆ่าผมได้เลย!”“อีกอย่าง ผมยังค้างเงินคุณอยู่อีกสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท!”ต่อให้ทำเพื่อเอาหลี่ซื่อกรุ๊ปมาจำนำ ผมก็ไม่สามารถบอกคุณได้ ถูกไหมครับ?”หลินเฟิงที่อยู่กลางวงล้อมรอบถือว่าได้ยินชัดเจนแล้วที่แท้หลี่เหวินเชาติดหนี้ประธานโจวคนนี้ ถูกบีบบังคับให้คิดหาวิธี จึงทำได้แค่เอาพี่สาวของตัวเองออกมาเป็นเกาะกำบัง“ไอ้เวร...”หลินเฟิงสีหน้าดุดัน ครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหรานทำไมถึงไร้มนุษยธรรมแบบนี้? เอาเปรียบหลี่ฮุ่ยหรานอย่างถึงที่สุด?“หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ที่ไหน?”เมื่อเห็นว่าคนที่ออยู่รอบๆ จะลงมือ
ประธานโจว ประธานโจว! ผมพาคนมาแล้ว!”“รบกวนคุณให้พรรคพวกของคุณลงมือ กำจัดหลินเฟิงคนนี้ซะ!”หลี่เหวินเชาลงจากรถ ตะโกนไปด้วย พร้อมทั้งวิ่งไปในโรงงานร้าง“หึหึ...”แต่ในตอนนี้ ชายแก่ที่ดูอายุประมาณหกสิบปี สวมชุดสูทลายทาง ปากคาบซิการ์เดินออกมาจากภายในโรงงานหลินเฟิงก็จำคนคนนี้ได้เช่นกันตอนนั้นที่งานประมูล เคยพูดคุยกับหลี่ฮุ่ยหรานหลินเฟิงจำได้ว่า คนคนนี้เหมือนจะยังถูกคนนอกเรียกว่าหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเจิ้งเต๋อนามสกุลโจวตอนนั้น ข้างกายของเขายังมีฉู่ฮวาจิ่นติดตามอยู่ด้วยเมื่อเห็นหลินเฟิงลงมาจากรถ และเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายใจ ประธานโจวคนนี้ก็สูบซิการ์ พ่นควันออกมา และหัวเราะเบาๆ พูดว่า:“นายคือหลินเฟิง สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง”หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา เหลือบมองหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ตระกูลโจว และส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม:“เดิมทีคิดว่าช่วงเวลาที่นายออกจากเมืองเจียงโจว น่าจะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่านายจะไร้ยางอายแบบนี้”“หึ ไร้ยางอายก็ต้องดูว่าเป็นใคร!”หลี่เหวินเชาพูดยิ้มเยาะ: “สำหรับขยะแบบนาย ไม่มีคำพูดอะไรที่น่าประนีประนอมด้วย!”“
“หลี่เหวินเชา? พี่สาวนายล่ะ?”หลินเฟิงตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้หลี่เหวินเชาตกใจจนเกือบโยนโทรศัพท์มาในตอนที่เขาเห็นว่าคนที่มาถึงคือหลินเฟิง ก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันที“ไม่รู้ อย่ามาถามฉัน!”หลังจากตอบกลับด้วยความหงุดหงิด หลี่เหวินเชาก็ตกอยู่ในโลกเกมของตัวเองอีกครั้งหลินเฟิงเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยโดยเฉพาะเรื่องที่หลี่เหวินเชาคนนี้เอาเท้าวางไว้บนโต๊ะที่ปกติหลี่ฮุ่ยหรานไว้ใช้ทำงาน ถึงขั้นที่เอกสารจำนวนมากถูกเหยียบจนมีรอยเท้า“เอ๊ะ? หัวหน้าหลิน?”ในตอนนี้ เลขาที่หลี่ฮุ่ยหรานโยกย้ายมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจียงโจวเห็นหลินเฟิง เธอจำหลินเฟิงได้แน่นอนอยู่แล้วเธอรีบดึงหลินเฟิงไปที่ด้านข้างและพูดเสียงเบาว่า:“โทรศัพท์ของประธานหลี่หายไปเมื่อคืน พวกเราหาทั้งคนก็ตามหาไม่พบ เมื่อครู่ประธานหลี่ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแล้ว“ประธานหลี่กำชับกับฉัน หากเห็นคุณกลับมาก็ให้บอกเธอสักคำ”หลินเฟิงฟังเลขาที่อยู่ข้างๆ อธิบายกับเขากลับรู้สึกได้ว่าหลี่เหวินเชากำลังแอบมองเขาอยู่รอตอนที่หลินเฟิงมองไปทางหลี่เหวินเชา เขาก็รีบเคลื่อนสมาธิไปที่บนโทรศัพท์ ปากก็ตะโกนไม่หยุดแสร้งทำท่าเป็นใช้
ออกมาจากในร้านกาแฟ หลินเฟิงท่าทางเหนื่อยล้าเล็กน้อยต่อไปถ้าหากหลี่ฮุ่ยหรานให้เขาทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก ตีให้ตายเขาก็ไม่ทำหรอกมองดูรถมัสแตงเปิดประทุนสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าร้าน ในหัวของหลินเฟิงนึกถึงคำพูดที่ฉู่ฮวาจิ่นพูดเมื่อครู่นี้“เป็นศัตรูกับฉัน ไม่มีผลดีอะไรต่อคุณสักนิด”“ถ้าหากคุณยอมรับฉันอย่างว่าง่าย ฉันก็สามารถให้ข่าวสารของประเทศมังกรทั้งหมดที่คุณอยากรู้ได้นะ!”“เพื่อแสดงความจริงใจ...”“ตึกร้างทั่วทั้งแถบที่อยู่นอกเมืองเจิ้งเต๋อ คุณให้ประธานหลี่กว้านซื้อเอาไว้ ใช้เวลาไม่กี่วัน ตรงนั้นก็จะถูกรื้อถอน”“มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า!”หลินเฟิงถามฉู่ฮวาจิ่นทันทีว่าได้ยินข่าวนี้มาจากที่ไหน แต่ทว่าเธอเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย“ไมอาจบอกได้ นอกจากว่าคุณจะรับปากฉัน”เดินออกจากร้านกาแฟ หลินเฟิงล้วงโทรศัพท์ออกมา โทรไปหาจ้าวเทียนหัว“คุณชายหลิน”จ้าวเทียนหัวยังคงมีความนอบน้อม รับสายของหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว“ไปตรวจสอบผู้หญิงที่ชื่อว่าเชียนเปี้ยนฮวาจิ่นให้ฉันหน่อย”“เชียนเปี้ยนฮวาจิ่น?”จ้าวเทียนหัวได้ยินชื่อนี้ น้ำเสียงก็ประหลาดใจย่างเห็นได้ชัด“ทำไม นายรู้จักเธอเหรอ?”
“คุณอยากจะทำอะไรกันแน่?!”หลินเฟิงปิดโน้ตบุ๊คลง และจ้องมองเทพธิดาฉู่“ฉันไม่ได้อยากทำอะไรนะ ฉันแค่ชอบคุณเท่านั้นเอง!”เทพธิดาฉู่หัวเราะคิกคัก ทำให้หลินเฟิงโมโหมากยิ่งขึ้น“หึ”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเธอ จะหันหลังเดินจากไป“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน!”เทพธิดาฉู่รีบเข้ามาดึงแขนของหลินเฟิงเอาไว้ จากนั้นยิ้มขอโทษ: “คุณอย่าโกรธนะ หรือว่าคุณไม่อยากรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร? หลินชิงเสวียน?”“อะไรนะ?”หลินเฟิงนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง รีบหันหน้ากลับมา“คุณรู้ชื่อของผมในอดีต? พูดมา! คุณเป็นใครกันแน่?”“ฉันน่ะเหรอ...”เทพธิดาฉู่ส่ายหน้า แสร้งทำเป็นเคร่งขรึมพูดว่า:“ฉันเป็นคนเร่ร่อนที่มีบ้านแต่กลับไปไม่ได้ เหมือนกับคุณ”“......”หลินเฟิงรวบรวมหยวนชี่ทั้งห้าที่อยู่ภายในร่างกาย แผ่นซ่านพลังออกมารอบตัวเห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงเตรียมจะลงมือแล้วในเมื่อผู้หญิงคนนี้พูดดีๆ ไม่ฟัง งั้นหลินเฟิงก็จะใช้ไม้แข็งกับเธอแล้ว!”“โธ่ อย่าใจร้อนขนาดนี้สิ! คุณเป็นคนใจร้อนจริงๆ เลยนะ”เทพธิดาฉู่ถอยหลังไปสองก้าว ยิ้มออดอ้อนและพูดว่า:“ในเมื่อคุณอยากรู้ขนาดนี้ งั้นฉันบอกคุณก็ได้”“ชื่อของฉันมีหลายชื่อ บอกคุณชื่อไหนดีล่ะ? อืม อ่
“อะไรนะ? หลินเฟิง ทางด้านคุณทำอะไรกันอยู่?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินเสียงที่อุจาดของเทพธิดาฉู่ จึงตวาดเสียงต่ำที่ตรงหน้าจอ“ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง!”หลินเฟิงนิ่งอึ้งทันที เขาถึงนึกขึ้นได้มิน่าล่ะตอนที่เขาเจอเทพธิดาฉู่ครั้งแรกก็รู้สึกว่าเธอคุ้นตาที่แท้เธอก็คือผู้หญิงของประธานโจวคนนั้นที่หลินเฟิงได้เจอ ตอนงานประมูลที่เมืองเจิ้งเต๋อตอนนั้นเธอก็เชิญเขาไปงานเลี้ยงหน้ากากอะไรสักอย่างเพียงแต่เขาไม่ได้สนใจ ดังนั้นจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้ไปใส่ใจคิดไม่ถึงว่าเธอยังจะมาปรากฏตัวที่เมืองจิง!“คุณมีเป้าหมายอะไรกันแน่?!”หลินเฟิงสายตาเฉียบคม จับเท้าสวยของเทพธิดาฉู่ที่ยื่นมาตรงจุดอ่อนของเขา และตวาดเสียงทุ้มต่ำ“โอ๊ย คุณทำฉันเจ็บนะ...ถึงแม้ฉันก็ไม่ได้รังเกียจก็เถอะ แต่คุณทำแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้ คุณต้องการจริงๆ เหรอ?”เทพธิดาฉู่บอกให้หลินเฟิงมองไปอีกทางหลินเฟิงหันหน้ากลับไปมองถึงได้พบว่าไม่รู้ว่าที่ร้านกาแฟมีลูกค้าเพิ่มมาสองโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้พวกเขาต่างจ้องมองหลินเฟิงกับเทพธิดาฉู่อยู่อีกทั้งหลินเฟิงในตอนนี้ก็จับเท้าของเทพธิดาฉู่เอาไว้อยู่ บรรยากาศคลุมเครือและหวานซึ้งอย่างถึง
ไฝเสน่ห์ที่อยู่ใต้ตาของเธอ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธอเป็นพิเศษเมื่อเผชิญกับสาวสวยแบบนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นมาก็คงจะต้านทานไว้ไม่อยู่“หลินเฟิง เป็นอะไรไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่บนหน้าจอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่ายหน้า เขาไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นท่าทางในตอนนี้ ไม่งั้นจะต้องหึงหวงและเข้าใจผิดแน่นอนแต่ถึงแม้หลินเฟิงจิตใจฟุ้งซ่าน แต่ไม่ถึงกับหลงกลของเทพธิดาฉู่คนนี้จริงๆหลินเฟิงเข้าใจอย่างสุดซึ้งผู้หญิงที่ยิ่งสวย ลับหลังก็ยิ่งอันตรายยิ่งเป็นผู้หญิงที่รุกหนัก ก็ยิ่งมีหวังผลต่อคุณเทพธิดาฉู่ปรากฏตัวในสายตาของหลินเฟิงหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เป็นการกระทำที่เธอตั้งใจเธอหาหลินเฟิง อีกทั้งรุกเข้าหาถึงขนาดนี้ ต้องหวังผลอะไรต่อเขาอย่างแน่นอน“คุณฉู่ ที่ดินที่คุณต้องการพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คุณพูดว่าจะพัฒนาเมืองสถานบันเทิง โครงการนี้ฉันก็ทำหนังสือแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”“นี่คือรายละเอียดแบบแผนของหนังสือแผนงาน คุณดูสิคะ”หลี่ฮุ่ยหรานเปิดพาวเวอร์พอยต์ออกมา เธอใช้น้ำเสียงที่ชำนาญการแนะนำแผนการให้กับเท