"พวกตระกูลหลี่จากทางเจียงเป่ยทำเรื่องเอาไว้ก็ไปรับผิดชอบเอง อย่าคิดจะหนีไปไหนเชียว!”หลัวอวี้เฟิ่งพูดเสียงดัง “เพื่อไม่ให้ตระกูลกู้และตระกูลหลงเข้าใจผิด วันนี้ฉันต้องจับพวกแกแม่ลูกเอาไปมอบให้ทั้งสองตระกูลนั้นจัดการ!”“แล้วจากวันนี้ไป สองตระกูลเราขาดกัน!”“อะไรนะ?!”จางกุ้ยหลานรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เกือบจะเป็นลมล้มลงไปที่พื้นจางซินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รีบเปลี่ยนสีหน้าก่อนจะรีบเข้าไปออเซาะ “คุณน้าหลัวคะ เราเป็นญาติกันอย่าตัดขาดกันขนาดนี้เลยค่ะ”“หึ”หลัวอวี้เฟิ่งแค่นยิ้ม ก่อนจะมองไปทางจางซินแล้วพูดประชดประชัน “จางซินเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้อยากจะมานับญาติกับฉัน”“เธอเป็นฐาติกับจางกุ้ยหลาน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”“ฉันไม่มีญาติที่ขโมยเครื่องประดับของคนอื่นในงานแต่งงานหรอกนะ!”เรื่องดี ๆไม่มีใครรู้ แต่เรื่องแย่ ๆ คนต่างก็รู้กันทั่วได้ยินหลัวอวี้เฟิ่งพูดแบบนี้ จางซินก็หน้าแข็งค้างไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เธอขโมยเครื่องประดับของหลี่ฮุ่ยหรานจะมีคนรู้เรื่องเร็วขนาดนี้ แล้วต่อจากนี้เธอจะทำมีหน้าไปเจอคนอื่นได้ยังไงล่ะ?“น้องสะใภ้ ถ้าซินซินเป็นคนนอกแต่ฉันไม่ใช่ ใช่ไหมล่ะ?”จา
พวกนั้นแย่งเอากระเป๋าถือของจางซินและจางกุ้ยหลานไว้ก่อนจะกดทั้งสองคนไว้ที่พื้นและมัดมือมัดเท้าเอาไว้“เอาตัวไป!”จางกุ้ยหลานและจางซินถูกลูกน้องของหลัวอวี้เฟิ่งแบกตัวออกไปส่วนกระเป๋าที่ใส่ของมีค่าถูกหลัวอวี้เฟิ่งเห็นเข้าก็ถูกยกเอาไปวางไว้ที่รถของตนเองและฮุบทุกอย่างเอาไว้เองคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือจางกุ้ยหลานและจางซินที่ยุ่งกันมาทั้งวันแต่ทุกอย่างกลับเป็นการทำเพื่อหลัวอวี้เฟิ่งทั้งนั้นผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงหลี่ฮุ่ยหรานที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจถูกเหยาปินพามาส่งที่คฤหาสน์ตระกูลหลินที่ด้านหน้าคฤหาสน์เธอเห็นรถที่เธอซื้อให้กับแม่ของเธอก็เลยคิดว่าจางกุ้ยหลานกลับมาแล้วแต่ในตอนที่เปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็พบว่าบ้านของตัวเองเหมือนถูกโจรบุกเข้ามาปล้นไม่มีผิดอย่าว่าแต่จางกุ้ยหลานและจางซินเลย ขนาดคนรับใช้ที่เธอจ้างไว้ก็ไม่เห็นสักคนในตอนนี้เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างถึงเธอจะไม่รู้ถึงจิตใจของจางกุ้ยหลาน แต่ไม่ว่ายังไงอีกฝ่ายก็เป็นแม่ของเธอ วันนี้ที่เธอกลับมาที่บ้านก็เพราะกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย“นี่อะไรน่ะ?”เหยาปินหยิบเอาตั๋วเครื่องบินสองใบจากพื้นขึ้นมา หลี่ฮุ่ยหรานรับเอามาถ
ผ่านไปได้ไม่นาน รถมายบัคของหลินเฟิงก็มาจอดลงที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลหลี่เขามาที่นี่ครั้งล่าสุดก็เมื่องานศพของหลี่ชานเหอหลินเฟิงมองไปรอบ ๆ บริเวณคฤหาสน์ตระกูลหลี่ ในใจก็ตัดสินใจสิ่งหนึ่งได้วันนี้เขาจะพาหลี่ฮุ่ยหรานกลับไปอยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ยคฤหาสน์นี้ก็เก็บเอาไว้จางกุ้ยหลานกับหลานสาวของเธอไปเถอะถ้าเกิดว่าเธอรู้ตัวแล้วไม่มาหาเรื่องเขาอีกในตอนที่เขากำลังจะกดกริ่งนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอเป็นเบอร์แปลกหน้าหลินเฟิงไม่ได้ลังเล เขาจึงกดรับสายทันทีในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงที่ทั้งเข็มแข็งและเข้มงวดของชายแก่คนหนึ่ง“เฟิงเอ่อร์ ไม่คิดเลยนะว่าแกจะยังมีชีวิตอยู่”น้ำเสียงนี้ทำให้เขานึกย้อนไปถึงช่วงเวลาในอดีต มือที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นอย่างรุนแรง เขาพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงราบเรียบ “ดูแล้วการที่ผมยังมีชีวิตอยู่จะทำให้คุณแปลกใจมาก ๆ งั้นเหรอ?”“หึหึ เฟิงเอ่อร์ยังคิดแค้นฉันอยู่เหรอ?”น้ำเสียงนั้นเหมือนกับว่าลอดผ่านหูของเขาเข้าไปที่สมอง“เสิ่นหานเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้รับคำแต่เปลี่ยนเป็นย้อนถามแทน“เปล่า ไม่ใช่เสิ่นหานแต่เจียงโจวเกิดเรื่อง
“63 ปีแล้วครับนายท่าน”พ่อบ้านที่ชื่ออาฝูตอบอย่างนอบน้อม“ลูกสาวของนาย...ได้ข่าวว่าไปได้ดีเลยที่จิงเฉิง?”“ก็พอได้ครับ”อาฝูพยักหน้าก่อนจะยิ้มบาง ๆ “เห็นว่าเป็นหัวหน้าของสำนักวรยุทธ์ สิ่งที่เด็ก ๆ เขาทำกัน พวกเราไม่เข้าใจหรอกครับ”“ในเมื่อหลินเฟิงไม่ได้ตาย สัญญาหมั้นของพวกเรายังนับไหม?”ราชาหลินแห่งตอนใต้หันหน้าไปมองพ่อบ้านที่เป็นทั้งเพื่อนเก่าแก่ของตัวเองพร้อมสายตายิ้ม ๆ“ต้องมีผลสิครับนายท่าน เดี๋ยวผมจะใช้คนไปส่งข่าวให้ลูกสาวของผมรีบเดินทางไปปกป้องคุณชายหลินที่เจียงโจว”“อืม”ราชาหลินแห่งตอนใต้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ประเทศมังกรมีแต่อันตราย ก็ได้แต่รอดูว่ามันจะคิดเองได้เมื่อไหร่!”เขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา“คุณชายหลินฉลาดเกินใคร จะต้องเข้าใจความเป็นห่วงของคุณแน่ครับ”ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันนั้น ที่ด้านนอกก็มีคนในชุดทหารเดินเข้ามา“รายงานครับ!”“มีอะไร”ราชาหลินแห่งตอนใต้กลับมาวางอำนาจดังเดิม ท่าทางโรยแรงเมื่อสักครู่ก็หายไปตอนนี้เหลือแค่เพียงความน่าเกรงขามและความเย็นชา“รายงายครับ นายพลหร่วนเหวินอาจากประเทศเวน่าขอเข้าพบ”“หร่วนเหวินอา?”ราชาหลินหัวเราะก่อนจ
“เจอแล้วครับ จางกุ้ยหลานกับจางซินถูกคนตระกูลหลี่จากเจียงหนานจับตัวไป”หลังจากออกไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมง เหยาปินก็กลับมาเพื่อบอกข่าวที่ตัวเองได้ไปสืบหามา“ตระกูลหลี่จากเจียงหนานเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เข้าใจ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ? จะจับตัวแม่และน้องสาวเธอไปทำไม?“ก็คงต้องการจะบอกทางนั้นว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรา”หลินเฟิงเห็นหลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้ตอบอะไรจึงอธิบายออกมาหน้านิ่งในที่สุดหลี่ฮุ่ยหรานก็ได้สติกลับมา สีหน้าของเธอตอนนี้แย่กว่าเดิมอีก“ไปเถอะ ถึงจางกุ้ยหลานไม่ควรจะเป็นแม่ใครแต่ยังไงก็เป็นแม่ของเธอ ฉันไม่มองดูอยู่นิ่ง ๆ หรอก”หลินเฟิงตัดสินใจจะไปที่ตระกูลหลี่ทางเจียงหนานเพื่อช่วยจางกุ้ยหลาน“ขอบคุณนะหลินเฟิง”ทำไมหลี่ฮุ่ยหรานจะไม่รู้ว่าหลินเฟิงคิดอะไรอยา แต่ตอนนี้เธอรู้สึกขอบคุณเขาเป็นอย่างมากทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลินเฟิงจะดีขนาดนี้?เมื่อคิดว่าถึงตรงนี้ ในใจเธอก็ยิ่งรู้สึกผิดเพราะอย่างนั้นในตอนที่บอกลาเหยาปิน หลินเฟิงก็ขับรถพาหลี่ฮุ่ยหรานไปที่ตระกูลหลี่ทันทีที่ด้านหน้าคฤหาสน์ของตระกูลหลี่แห่งเจียงหนาน เขาก็ลงรถและบอกสถานะของตนเองไม่คิดเลยว่าคนที่มาต้อ
“แต่ว่าเธอก็ไม่เคยติดต่อพวกเรามาเลย และจางกุ้ยเฟิงก็ไม่เคยให้เราติดต่อเธอได้ผ่านทางเขา เพราะอย่างนั้นมันเลยกลายมาเป็นแบบนี้”ตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมแม่ของเธอถึงไม่ยอมให้เธอกลับมาเยี่ยมพ่อบ้างยื้อกันมาตั้งนาน ที่แท้ก็พ่อของเธอเสียชีวิตไปแล้วนี่เอง!และสมบัติของพ่อจางฮุ่ยหรานก็อยากจะฮุบเอาไว้คนเดียวอีกด้วย!หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกปวดหัวมาก ๆ ถ้าไม่ได้หลินเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยประคองไว้เธออาจจะลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้วที่จางกุ้ยหลานวางแผนนับล้านอย่างเพื่อที่จะได้กลับมาที่ตระกูลหลี่ก็เพื่อที่จะกลับมาฮุบสมบัติทั้งหมดไว้คนเดียว!“จางกุ้ยหลานอยู่ที่ไหน?”หลินเฟิงเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานเริ่มจะแตกตื่นก็รีบถาม“นายคือหลินเฟิงสินะ?”หลี่กงเฉิงไม่ใช่คนที่ไม่รู้บุญคุณคนเขาส่ายหน้าไปมาพลางมองหลินเฟิง “ถึงผมจะไม่รู้ว่าคุณทำยังไงถึงหนีจากตระกูลกู้และตระกูลหลงได้”“แต่ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้วผมก็ไม่มีทางปล่อยคุณไปง่าย ๆ”พูดจบเขาก็ส่งสายตาให้บอดี้การ์ดที่หลีกทางให้กับหลินเฟิงท่าทางพวกนี้ถูกหลินเฟิงมองอยู่ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าลุงของหลี่ฮุ่ยหรานต้องการจะทำอะไรถึงแม้ว่าเขาจะทำเห
“ดูเหมือนว่ารสนิยมของคุณชายหลี่หยวนจะไม่เลวจริง ๆ”ประโยคถัดไปของหลินเฟิงทำให้หลี่หยวนตกตะลึงไปชั่วครู่เขาตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณก็ยอมรับมันแล้วใช่ไหม?”“ได้!” หลี่หยวนปรบมือด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “ทุกคนในตระกูลหลี่ของฉันเป็นพยาน ถ้าพี่หลินเฟิงท่านนี้ไม่ทำให้คุณชายหลงยอมจำนน เขาก็จะต้องกินอุจจาระของสุนัขล่าเนื้อของผม!”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”“หลินเฟิง อย่าฝืนรักในศักดิ์ศรีเลย คุณชายหลี่หยวนเป็นคนขึ้นชื่อเรื่อหัวรั้น แต่ฉันก็อยากเห็นนายกินอุจจาระสุนัขเหมือนกันนะ”หลี่เยว่หรูเหน็บแนมอยู่ข้าง ๆ“หลินเฟิง คนเราต้องยึดความจริงเป็นหลัก”หลี่กงเฉิงก็รู้สึกพูดไม่ออกกับการคุยโวโอ้อวดของหลินเฟิงตอนนี้พวกเขาต่างก็ปกป้องตัวเองได้ยากแล้ว ยังต้องมาช่วยจางกุ้ยหลานอีกแค่ช่วยจางกุ้ยหลานก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าเพื่อเป้าหมายของตัวเองแล้ว จะต้องพูดคำโกหกที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชนอีกด้วย คิดว่าตระกูลหลี่ของเขาต่างก็เป็นคนโง่กันหมดงั้นเหรอ?จะเชื่อคำพูดโกหกของเขางั้นเหรอ? หลี่กงเฉิงรู้สึกว่าสติปัญญาของตัวเองถูกหลินเฟิงสบประ
หลี่ฮุ่ยหรานก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ “พ่อของหนูล่ะ? ไหนแม่บอกว่าพ่อของหนูใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยไม่เห็นค่าเงินของตระกูลหลี่เมืองเจียงหนาน และไม่ต้องการแม่อีกแล้วไม่ใช่เหรอ??!”“นี่.....”จางกุ้ยหลานรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปแล้ว สุดท้ายเธอจึงถอนหายใจลึก ๆ แล้วพูดอย่างจนปัญญา “ฮุ่ยหราน การตายของพ่อลูกเป็นเพียงเหตุสุดวิสัย แม่....ในตอนนั้นแม่เองก็ไม่ได้ตั้งใจ”“ได้ ต่อให้แม่ไม่ได้ตั้งใจ”หลี่ฮุ่ยหรานเกือบจะกัดจนฟันกรามแตก พร้อมและพูดอย่างคับแค้นใจ “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่พูดเรื่องมรดกที่พ่อทิ้งเอาไว้ล่ะ? ทำไมแม่ถึงกีดกันหนูไม่ให้ติดต่อกับต้นตระกูลที่เมืองเจียงหนาน? ทั้งยังรีบเร่งที่อยากจะให้ตระกูลหลี่เมืองเจียนหนานทำการยอมรับใหม่อีกครั้ง?”“แม่ฉัน......แม่ฉัน......”สายตาของจางกุ้ยหลานกรอกไปมา เรื่องอื่นเธอสามารถพอที่จะเถียงถูๆไถๆข้าง ๆคู ๆได้ แต่มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น คนที่มีความเกี่ยวข้องต่างก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด เธอจึงไม่สามารถที่จะแก้ตัวได้อีก“โอ๊ย....”สุดท้ายจางกุ้ยหลานก็ไม่มีทางเลือก นอกจากเอะอะโวยวายเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“ลูกสาว....ลูกรู้ไหมว่าลูกทำร้ายพวกเราตระ