ตระกูลผู้ดีมากมายและพวกข้าราชการต่างพากันมาร่วมงานรถหรูนับร้อยคันตั้งเป็นขบวนแห่ ที่จอดรถด้านนอกของตระกูลกู้ต่างก็จอดกันจนล้นออกไปด้านนอกกู้เฉินที่เซ็ตผมและแต่งตัวหล่อเหลายืนรับแขกที่ห้องโถงด้วยตัวเองแต่ก็จะมีเพียงคนดังในเมืองเจียงโจวเท่านั้นที่กู้เฉินจะเดินเข้าไปทักทายด้วยตัวเองถ้าหากว่าเป็นแค่เจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ หรือตระกูลที่ไม่ดังก็จะเป็นคนรับใช้ของตระกูลกู้เป็นฝ่ายรับหน้ากู้เฉินยกแก้วเหล้าในมือทักทายกับผู้คนในงานอย่างสบายใจ“คุณชายกู้ จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทางตระกูลเซี่ยงเหมือนจะมีเรื่อง ทางนั้นไม่ได้ส่งคนมา”คนรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามารายงานให้กู้เฉินฟัง“หึ ฉันก็ไม่ได้หวังว่าเซี่ยงตงเซิงจะช่วยอะไรได้หรอก”“ไม่ใช่หรอกครับ”คนรับใช้คนนั้นขยับเข้ามากระซิบข้างหูกู้เฉิน “โรงงานของทางตระกูลเซี่ยงถูกเซียวคุนกว้านซื้อไปจนหมด พวกนั้นหมดโอกาสที่จะร่วมมือกับเราแล้วครับ”“แต่ทางเซียวคุนกลับมีคนอยากจะร่วมมือกับเรา”“หืม?”กู้เฉินตะลึงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา “งั้นก็ตอบตกลงเซียวคุน เพราะถ้าทำให้ตระกูลถังและหลินเฟิงล่มจมได้ จะร่วมลงทุนกับใครฉันก็ไม่ติดทั้งนั้น”“ครับ”คนร
เห็นหลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วเพราะคำพูดของตัวเองจางกุ้ยหลานก็รีบเข้ามาปลอบ “วางใจเถอะลูกวันนั้นที่ไอ่หมอนั่นมาก่อกวนก็เพื่อจะหลอกให้ลูกหนีไปกับมันก็เท่านั้น”“มันไม่มีทางกล้าบุกเข้ามาในถ้ำเสือนี่แน่ ๆ ไม่แน่นะว่าตอนนี้อาจจะหนีออกไปจากเจียงโจวแล้วก็ได้ได้ยินแม่ปลอบใจตัวเองแบบนี้ถึงจะรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังพอมองเห็นความหวังอันริบหรี่อยู่บ้างตอนนี้เธอแค่หวังว่าหลินเฟิงจะปลอดภัยดีก็เท่านั้นและยังหวังว่าหลินเฟิงจะไม่ทำอะไรให้ตัวเขาเองตกอยู่ในที่นั่งลำบาก“ว้าว พี่คะ ของพวกนี้คุณชายกู้ให้มาเหรอคะ”จางซินเองก็เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว เธอจับดูกล่องเครื่องประดับก่อนจะมองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานแล้วถามออกมา “นี่พี่ยกสร้อยให้ฉันสักเส้นสองเส้นได้ไหมคะ? ฉันยังไม่เคยใส่เครื่องประดับแพง ๆ มาก่อน…”“อืม เอาไปสิ”หลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้สนใจเครื่องประดับ ก่อนจะฝืนยิ้มออกแล้วดันกล่องเครื่องประดับไปทางจางซิน“ขอบคุณค่ะ!”จางซินพูดออกมาอย่างดีใจก่อนจะหยิบเครื่องประดับในกล่องมาสวมใส่พร้อมกับบิดตัวไปมาอยู่หน้ากระจกเพื่อส่องดูความสวยของมันจางกุ้ยหลานที่ยืนอยู่อีกด้านได้แต่ถอนหายใจออกมาที่ลูกสาวของ
แต่คำพูดพวกนี้สำหรับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วกลับขัดเคืองหูมากกว่าสิ่งใดเธอคิดว่ามันมีแต่เรื่องประชดประชัน รักแท้อะไร คลั่งรักอะไร ไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องอะไร คำพูดพวกนี้มันคือคำโกหกทั้งนั้นทั้ง ๆ ที่ความจริงคือกู้เฉินเข้ามาบังคับ เพราะเขาต้องการจะเข้ามาควบคุมตระกูลหลี่ผ่านทางเธอในตอนนั้นเองที่หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกว่ามันช่างเหนื่อยจนเธออยากจะทิ้งทุกสิ่ง“หลินเฟิง นายมาช่วยฉันทีได้ไหม?”เธอพูดประโยคนี้เบา ๆ ในใจเธออดที่จะจินตนาการไม่ได้ถ้าเกิดว่าหลินเฟิงสามารถบุกเข้ามาที่เจียงโจวและช่วยเธอได้ ครั้งนี้เธอควรจะทำตามใจตัวเองแล้วหนีไปจากงานแต่งงานที่มีแต่คำหลอกลวงนี้ใช่หรือไม่?“ขอบคุณคุณชายกู้มากครับ ผมคิดว่าทุกคนคงจะซาบซึ้งกับความคลั่งรักของคุณชายกู้แน่ ๆ ต่อจากนี้ก็ขอเชิญคุณหลี่ฮุ่ยหรานขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ!”เสียงของพิธีกรดังมากจากด้านหน้าเธอหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจางกุ้ยหลานจะเดินเข้ามาสะกิดลูกสาวของตัวเอง หลี่ฮุ่ยหรานจึงดึงสติกลับมาและรู้ว่าถึงเวลาที่เธอต้องขึ้นเวทีแล้วเพราะอย่างนั้นเธอก็เดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือที่ออกจะมาช้าไปสักหน่อย เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวก่อนจะเ
"สามีภรรยาคำนับกัน!”พิธีกรประกาศออกมาเสียงดังอีกครั้งกู้เฉินและหลี่ฮุ่ยหรานหมุนตัวมามองหน้ากันกู้เฉินยิ้มจนเต็มใบหน้า เห็นว่ารอบข้างไม่มีใครอยู่ก็พูดออกมาเสียงเบา “ฮุ่ยหราน เธอวางใจเถอะเรื่องที่เธอขอร้องฉันไว้ก่อนหน้านี้ฉันบอกกับคุณชายหลงแล้ว ทางคุณชายหลงเองก็ตอบรับแล้วด้วย”“จริงเหรอคะ?”หลี่ฮุ่ยหรานชะงักไปเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความสับสนเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานทำสีหน้าแบบนี้ออกมา สายตาของกู้เฉินก็มีวี่แววของความเย็นชาก่อนจะยิ้มออกมา “แต่ทางคุณชายหลงมีเงื่อนไขมานิดหน่อย”“เงื่อนไขอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานใจสั่น เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล“ก็คือคืนนี้คนที่จะมาเข้าหอกับคุณคือน้องชายของคุณหลง”“อะไรนะคะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึง เธอเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ“กู้เฉิน...นี่คุณ…”“ทำไม? คุณจะไม่ยอมเหรอ?”กู้เฉินส่ายหน้าพลางยิ้ม “วางใจเถอะ ผมจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป แต่แค่จะถ่ายคลิปเอาไว้เผื่อเอาไว้ใช้ในอนาคต”“คุณมันโรคจิต!”หลี่ฮุ่ยหรานกัดฟันด่าออกมา“ขอบคุณที่ชมครับ”กู้เฉินฉีกยิ้มอย่างไม่รู้สึกอับอายเลยสักนิด “ยกผู้หญิงของตัวเองให้น้องชายของคุณชายหลงเนี่ย จริง ๆ ผมก
"ฮุ่ยหราน!”“คำนับสิ! รีบคำนับเร็ว!”“ถ้าแกไม่คำนับ วันนี้ตระกูลหลี่ของเราแย่แน่!”“พี่คะ รีบคำนับสิ!”“เจ้าสาวรีบคำนับเร็ว!”รอบด้านต่างพากันเร่งให้หลี่ฮุ่ยหรานโค้งคำนับ เธอมองไปรอบทิศทางอย่างหวาดระแวง คนที่เธอมองหากลับไม่โผล่เข้ามาเสียทีถ้าเธอโค้งคำนับไปก็จะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว“หลี่ฮุ่ยหราน เธออยากให้ฉันอับอายหรือไง?”“ทางที่ดีรับน้ำใจนี่ไว้ซะ ไม่อย่างนั้นหลินเฟิงไม่รอดแน่!”กู้เฉินใบหน้าเคร่งขรึมลงทันตา “ไม่ใช่แค่หลินเฟิง แต่ตระกูลหลี่ แม่ของเธอ น้องของเธอก็จะตายไม่มีที่ฝัง!”“เธอคิดให้ดีก็แล้วกัน!”“ต่อให้วันนี้เธอไม่ยอมคำนับก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้!”ได้ยินคำขู่ของกู้เฉิน หลี่ฮุ่ยหรานก็สั่นไปทั้งตัว สุดท้ายเธอจึงหลับตาลงก่อนจะคลายมือที่กำเอาไว้แน่นออกเธอยอมแล้ว“ได้...ฉันจะคำนับ”ในสายตาของหลี่ฮุ่ยหรานเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในตอนที่เธอกำลังจะโค้งคำนับกู้เฉินนั้นที่ประตูห้องโถงของตระกูลกู้ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น“อะไรกัน?!”“อะไร?”ประตูห้องโถงของตระกูลกู้ถูกกระแทกจนมันเปิดออกแขกทุกคนต่างพากันมองไปทางนั้นก่อนจะเห็นบอดี้การ์ดของตระกูลกู้ที่ล้มลงเมื่อกี้สิ่งที่กระแท
"หลินเฟิงเหรอ? ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อนี้ที่เจียงหนานมาก่อนเลยล่ะ?”“นั่นสิ เขาเป็นใครกันน่ะ? ทำไมถึงกล้ามาหยามคุณชายกู้กัน?”“นี่เขาโง่หรือเปล่า? อยากตายหรือไง?”“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ มีพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้แล้ว”“มีเรื่องน่าสนใจแล้วสิ!”ตอนแรกภายในงานเต็มไปด้วยความเงียบก่อนจะตามมาด้วยเสียงซุบซิบก่อนที่เสียงจะค่อย ๆ ดังขึ้นในตอนนี้ทุกคนต่างพากันพูดถึงสถานะของหลินเฟิง ก่อนจะพูดถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลกู้ว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ถึงได้มีการฉุดเจ้าสาวกันเกิดขึ้น“ว้าว เรื่องแบบนี้แค่ในฝันฉันก็ยังอยากจะเจอเลย”“เจ้าหญิงจะแต่งงานกับเจ้าชาย แต่ว่าในตอนที่จะแต่งงานกลับมีคนรักของเจ้าหญิงเข้ามาป่วนงาน”หญิงสาวคนหนึ่งมองมาอย่างเพ้อ ๆ“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ นี่มันเป็นเรื่องจริงนะไม่ใช่นิทาน ไอ่หมอนั่นตายแน่”“ใช่ รอดูเถอะว่าทางคุณชายกู้จะว่ายังไง”“จะจัดการยังไงได้? ไอ่หนุ่มนั่นคงตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ ๆ”ไม่ว่าคนด้านล่างจะพูดกันว่ายังไงแต่ในสายตาของหลี่ฮุ่ยหรานมีแค่หลินเฟิงเท่านั้นถึงแม้ตอนนี้เสื้อผ้าของหลินเฟิงจะขาดไปสักหน่อยหรือว่าบนใบหน้าจะม
"หลินเฟิง? คุณมาทำไม?”“รีบหนีไปตอนที่ตระกูลกู้ยังไม่ลงมือกับคุณเร็วเข้า!”หลี่ฮุ่ยหรานกระวนกระวายใจมาก เธอแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วเพราะตอนนี้เธอเห็นแล้วว่าบอดี้การ์ดของตระกูลกู้กำลังพากันลุกขึ้นแล้วเดินมาทางเวที“หนีไปเหรอ?”หลินเฟิงยิ้มออกมา “งั้นก็ต้องพาคุณไปด้วยสิถึงจะถูก”“หลินเฟิง เวลานี้แล้วคุณยังจะล้อเล่นอีกเหรอ!”หลี่ฮุ่ยหรานร้อนรนจนน้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาจากดวงตาแล้ว“ผมไม่ได้ล้อเล่น”หลินเฟิงเองก็เปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นเขาหันมามองหลี่ฮุ่ยหรานก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมรู้แล้วนะว่าการแต่งงานครั้งนี้มันคือการบังคับคุณ โดยใช้ความปลอดภัยของผมมาเป็นข้ออ้าง”เมื่อหลินเฟิงพูดจบ คนทั้งงานก็ตกตะลึงก่อนจะพูดออกมาเสียงดังภาพลักษณ์คนคลั่งรักที่กู้เฉินพยายามสร้างมาถล่มลงในทันตาที่แท้หลี่ฮุ่ยหรานถูกกู้เฉินบังคับงั้นเหรอ?เธอไม่ได้อยากจะแต่งงานกับกู้เฉินใช่ไหม?ไม่มีใครไม่ชอบเรื่องฉาวโดยเฉพาะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของพวกคนรวย บรรดาแขกเหรื่อที่มาต่างก็พากันตั้งใจเงี่ยหูฟังเรื่องราวในวันนี้“บังคับแล้วมันยังไง? หลินเฟิงฉันรู้นะว่าคุณมีความสามารถแล้วยังมีถังหว่านคอยช่วย
"ฮุ่ยหราน หลานไม่ต้องมีเหตุผลมากก็ได้”“หลานเป็นผู้หญิง บางครั้งก็ควรจะเอาแต่ใจบ้าง เชื่อในความรู้สึกของตัวเองเถอะ!”“เวลาที่เจอเรื่องยาก ๆ ก็เคารพหัวใจของตัวเองแล้วเลือกตามนั้น”“ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นแบบปู่ เสียใจไปตลอดชีวิต”หลี่ฮุ่ยหรานนึกถึงประโยคสุดท้ายในพินัยกรรมท่อนสุดท้ายที่เขียนถึงเธอ ตอนนี้ความสับสนในดวงตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่มากขึ้นโชคดีที่เพราะมีความฉลาดของหลี่ฮุ่ยหรานหลี่ซื่อกรุ๊ปถึงได้มีอยู่อย่างทุกวันนี้แต่ก็เพราะความฉลาดเช่นเดียวกัน มันถึงทำให้เธอไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แม้แต่คำพูดของหลินเฟิงเธอเองก็เคยคิดและรู้สึกผิดมาก่อนแต่ก็ถูกความรู้สึกในใจกลบมันลงไปก็เหมือนกับตอนนี้ตัวเธอกำลังบอกว่าไม่ควรจะไปกับหลินเฟิงถ้าเกิดว่าเธอไปเรื่องที่จะต้องรับผิดชอบหลังจากนี้มีอีกมากแต่ว่า!ในใจของเธอกลับปฏิเสธ เธออยากจะจับมือกับหลินเฟิง อยากมาก ๆ อยากจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว“หึ...หึหึหึหึ…”สุดท้ายท่ามกลางสายตาคนมากมาย เธอก็หัวเราะออกมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอหัวเราะออกมาอย่างใสซื่อและสะใจ“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันคิดอยู่ตลอดว่าฉันสู้ถังหว่านไม่ได้ตรงไหน ทำไมสิ่