ภายใต้การนำทางของพนักงานเสิร์ฟ หลินเฟิงกับถังหว่านเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งหรูหรา“อุ๊ยถังหว่านคุณหนูตระกูลถังของฉัน คุณเป็นคนที่งานยุ่งมากจริง ๆ เลยนะ พวกเรารอพวกคุณอยู่ตั้งนานแล้ว”โต๊ะขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้องส่วนตัวมีคนนั่งอยู่เต็มตั้งนานแล้ว มีผู้ชายมีผู้หญิง ดูแล้วคุ้นเคยกับถังหว่านเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่มีคนเอ่ยปากพูดหยอกล้อถังหว่านโดยตรง“พูดซี้ซั้วอะไรน่ะ? พวกเธอก็เพิ่งมาถึงกันชัด ๆ เลย”ถังหว่านยิ้มตาหยีแล้วคล้องแขนหลินเฟิงเข้าประจำที่นั่งเพื่อนนักเรียนหญิงที่อยู่รอบ ๆ หลังจากที่เห็นหลินเฟิงที่อยู่ข้างกายถังหว่าน ดวงตาก็เป็นประกายพูดขึ้น: “อุ๊ยถังหว่าน ไม่ได้เจอกันหลายปี เธอก็มีหนุ่มหล่อแล้วเหรอ?”“พูดอะไรน่ะ ถังหว่านมีหมั้นหมายกับคุณชายหลงเมืองจิงตั้งนานแล้ว”“ท่านนี้เกรงว่าจะเป็นคุณชายหลงยวนจากเมืองจิงสินะ ผมคือเว่ยเฉินของตระกูลเว่ยเมืองหนิงโจว ได้ยินชื่อเสียงไม่สู้ได้เจอหน้าจริง ๆ นะครับ ตระกูลหลงชื่อเสียงโด่งดังกึกก้องเชียวนะครับ”เพื่อนนักเรียนชายของถังหว่านสองคนยืนขึ้นทันที และพยักหน้าไปทางหลินเฟิง ใบหน้ามีรอยยิ้มที่ประจบสอพลอเล็กน้อย“อุ๊ย ท่านนี้ก็คือคุณชายหล
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกลับมา ถังหว่านสีหน้าจึงดีขึ้นเล็กน้อย และนั่งกลับลงไปยังที่นั่งของตัวเอง“อ่อใช่คุณหนูถังหว่านของฉัน เรื่องที่เธอแอบมีกิ๊กข้างนอก คุณชายหลงรู้เรื่องไหม?”เว่ยเชินกำลังจะดื่มน้ำ จู่ ๆ ชุยหยวนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น นี่ทำให้น้ำที่อยู่ในปากของเว่ยเชินเกือบพุ่งออกมาชุยหยวนพูดอย่างไร้เดียงสา: “พวกเธอคิดดูสิ บอดี้การ์ดส่วนตัวนะ! จะต้องอย่างว่า ใช่ไหมล่ะ?”ชุยหยวนยังเลิกคิ้ว เผยสีหน้าที่บอกว่าคุณก็คงเข้าใจ“ชุยหยวน เธอพูดจาซี้ซั้วอะไร?”เว่ยเชินกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วขมวดคิ้ว: “ถังหว่านไม่ใช่คนแบบที่เธอพูด!”“ฮิฮิ ร้อนใจแล้วร้อนใจล้วน พวกเธอรีบดูเว่ยเชินสิ!”ชุยหยวนกลัวว่าเรื่องราวจะใหญ่โตไม่พอ และปรบมือยิ้มพูด: “โอ๊ย พวกเราต่างรู้ว่าเว่ยเชินชบคุณหนูตระกูลถัง เพื่อเธอแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งงานเลยนะ”ผู้หญิงชุดราตรีสีแดงที่เหน็บแนมหลินเฟิงเมื่อครู่นี้กลับเบะปาก แล้วพูดเสียงเบา: “มีคู่หมั้นแล้วยังจะแอบมีกิ๊กข้างนอก หน้าด้านจริง ๆ”“เผิงหย่าฟาง เธอพูดจาซี้ซั้วอะไร”ถังหว่านพูดเสียงดัง: “อะไรเรียกว่าคู่หมั้น อะไรเรียกว่าแอบมีกิ๊ก? ฉันไม่เคยรับปากการจัดการ
ถังหว่านยังไม่ทันได้ตอบกลับหมิงอิ่งอิ่งเว่ยเฉินลุกขึ้นยืนในทันทีสายตาของเขามองไปทางหลินเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉยว่า “อิ่งอิ่ง ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ก็ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรอก”“ยิ่งไปกว่านั้น คนบางคนแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังไม่รู้ เป็นไปได้อาจจะเป็นเพียงพวกขี้เมาที่รู้แค่ท่ามวยฉาบฉวยก็ได้”“คนพวกนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดพวกนี้พุ่งตรงไปที่หลินเฟิงโดยเฉพาะหลินเฟิงหัวเราะเยาะ แล้วกินอาหารของตัวเองต่อไป โดยที่ไม่ได้สนใจเว่ยเฉินอีกถังหว่านกลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธ จึงเข้าไปขวางกั้นการจ้องมองหลินเฟิงอย่างเหยียดหยามของเว่ยเฉิน ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “คนที่ฉันเลือกด้วยตัวเอง ย่อมแข็งแกร่งอยู่แล้ว คนอื่นไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม”“เอาล่ะ เอาล่ะ ทำไมบรรยากาศมันเริ่มรุนแรงขึ้นอีกแล้วล่ะ?” ชุยหยวนรีบไกล่เกลี่ย“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่บางคนพาคนแปลกหน้าเข้ามา เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ?”เผิงหย่าฟางที่สวมชุดสีแดงกอดอกด้วยสีหน้าที่ประชดประชัน“เผิงหย่าฟาง คุณพูดให้น้อยลงหน่อย มันจะตายไหม?”ชุยหยวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องรู้ไว้ว่า โดยพื้นฐานแล้วเพื่อนร่วมชั้นพวกนี้ต่า
แต่ทั้งสองก็คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะมาหากันถึงที่ได้รวดเร็ว“อ้าว นี่ไม่ใช่คุณถังหว่านจากตระกูลถังหรอกเหรอ!”เด็กหนุ่มผิวปาก มองถังหว่านขึ้น ๆลง ๆ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นผู้หญิงที่สวยและหุ่นเย้ายวนจริง ๆ ถ้าให้คุณมาเข้าร่วมกับบริษัทเรา...ช่างเถอะช่างเถอะ ผมไม่บาดหมางกับคุณชายหลง”หลังจากพูดจบ เด็กหนุ่มก็มองไปทางคนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ก่อนจะแนะนำตัวเอง “สวัสดี นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ผมชื่อซือหม่าหาว มาจากเมืองจิง”“ซือหม่าหาว?!”เผิงหย่าฟางปิดปากตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดว่า “หรือว่าจะเป็นคุณชายสามจากตระกูลซือหม่า เมืองจิง.....”“หืม? คิดไม่ถึงว่าจะมีคนรู้จักผมด้วย? ไม่เลว ไม่เลว”ซือหม่าหาวปรบมือก่อนจะหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ในเมื่อคุณรู้จักผม งั้นผมก็จะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก หมิงอิ่งอิ่งเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงภายใต้ ซือหม่าเอนเตอร์เทนเม้นของเรา ผมจะพาเธอไป พวกคุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”“แน่นอน ถ้าหากมีความคิดเห็นก็ต้องเก็บมันไว้”ซือหม่าหาวผิวปากราวกับเรียกสุนัข และทำเสียงเรียกสุนัขไปทางหมิงอิ่งอิ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไป ไป ถ้าคุณไม่ไป งั้นผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ?”
“ถังหว่าน ทำไมคุณถึงชอบไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านมากมายขนาดนั้นนะ?”เผิงหย่าฟางที่อยู่ด้านข้างไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้ “คุณชายซือหม่าต้องการจะพาพนักงานของบริษัทบันเทิงของตัวเองไป เธอจะมาเข้าแทรกทำอะไร?”“หรือว่าเธอจะลากพวกเราไปลงน้ำด้วยกัน และผิดใจกับตระกูลซือหม่าในเมืองจิง?”“เอ่อ...”สีหน้าของชุยหยวนและคนอื่น ๆก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน ใช่แล้ว พวกเขาไม่กล้ายั่วยุตระกูลซือหม่าจริง ๆดังนั้นทั้งที่เพิ่งจะเริ่ม ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูด“ฮ่าฮ่า สาวงามคนนี้ยังรู้จักเอาตัวรอดนะ ขอถามสาวงามคนนี้หน่อย ว่าคุณชื่ออะไร?”ซือหม่าหาวมองไปทางเผิงหย่าฟาง แล้วเผิงหย่าฟางก็พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “คุณชายซือหม่า ฉันชื่อเผิงหย่าฟาง”“ฮ่าฮ่า โอเค เห็นว่าคุณมีออร่า ไม่สู้มาเข้าร่วมซือหม่าเอนเตอร์เทนเม้นของพวกเราล่ะ วางใจเถอะ วีเจดังคนถัดไปต้องเป็นคุณ!”“ขอบคุณคุณชายซือหม่า!”เผิงหย่าฟางได้ยินก็ดีใจมาก“นี่คือนามบัตรของผม มาหาผมคืนนี้ที่ห้อง 1008 ที่โรงแรมจิ่วโจว ทำให้ผมดูว่าคุณมีคุณสมบัติหรือเปล่า”ซือหม่าหาวจับคางก่อนจะยิ้มออกมาเขาโยนนามบัตรให้เผิงหย่าฟาง ซึ่งเผิงหย่าฟางก็รับมันไว้ด้วยความตื
เขาเป็นคนเดียวในเหตุการณ์ที่ดูจะไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยในเวลานี้เมื่อคิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับตัวเอง ในที่สุดเว่ยเชินก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ“ฮึ่ม ถือว่ายังมีความกล้าอยู่บ้าง”หลิงเฟิงยิ้มอยู่ในใจดูเหมือนว่าเขากำลังกินข้าวอยู่ แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยไม่ใช่ว่าไม่สนใจถังหว่านเขาได้ใช้หยวนชี่ทั้งห้าที่ออกมาจากชี่แท้ เพื่อสร้างตาข่ายป้องกันล้อมร่างกายของถังหว่านไว้ถ้าหากมือของบอดี้การ์ดแตะต้องถังหว่านในตอนนี้ จุดจบของบอดี้การ์ดคนนั้นก็คงจะน่าเศร้ามากแน่นอนสุดท้ายแล้วก็ถูกถังหว่านประกาศอย่างเอิกเกริกอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ถ้าหลินเฟิงไม่ทำอะไรเลย มันจะเป็นการสูญเสียตำแหน่งเกินไปแต่ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเว่ยเชินจะสามารถสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ เขายังคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้สนใจความเป็นความตายของถังหว่านอยู่“ฮึ่ม ดูแบบนี้แล้ว ไอ้หมอนี่คงจะถูกซือหม่าหาวทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฟ่อแล้ว ก็เลยกินอาหารเพื่อปกปิดความสับสนวุ่นวายของในใจของตัวเองสินะ”ถึงแม้ว่าเว่ยเชินจะเกรงกลัวเบื้องหลังของซือหม่าหาว แต่ในจุดนี้ เขาจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบออกมาให้มากกว่าหนุ่มน้อยที่หน้าตาดีคนนี
“เอ่อ…เอ่อ นี่ครับ”ตอนนี้บอดี้การ์ดกำลังอยู่ในสภาวะมึนงง ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงนำกล่องไม้จิ้มฟันยื่นไปให้หลินเฟิงด้วยความตกตะลึงเขามองไปทางหลินเฟิงที่หยิบไม้จิ้มฟันออกมาแคะฟันอย่างงงงวยหลินเฟิงก็ชะงักงัน จากนั้นหันมองไปทางบอดี้การณ์ดคนนี้ด้วยความแปลกประหลาดแล้วพูดขึ้น: “นายดูฉันทำไม? ตอนนี้นายควรจะลงมือแทนผู้ว่าจ้างของนายต่อไม่ใช่เหรอ?”เมื่อได้ยินคำเตือนของหลินเฟิง บอดี้การ์ดคนนี้ถึงได้ตั้งตัวได้ และตะโกนด้วยความโมโห จากนั้นก็โผเข้าไปหาเว่ยเชินที่ถูกล้อมรอบไว้อยู่ผลปรากฏว่าไม่มีเรื่องประหลาดใจอะไรบอดี้การ์ดหลายคนนี้ถึงแม้ต่อสู้เก่ง แต่อยู่ต่อหน้ายอดฝีมือกำลังภายในก็ยังไม่เพียงพอเว่ยเชินคนนี้ก็มีความสามารถอยู่บ้าง ถึงแม้ผมจะยุ่งเหยิบ เสื้อผ้าจะเสียหาย แต่เขาก็ถือว่าผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาได้ยกหนึ่ง และกระทืบลูกน้องที่ซือหม่าหาวพามาจนนอนหมอบ“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยอดฝีมือกำลังภายใน? ไอ้หนุ่ม แกรอฉันได้เลย!”ซือหม่าหาวเห็นท่าทางไม่ดี ก็วิ่งออกไปจากห้องส่วนตัวทันที“ว้าว หล่อมาก ๆ เลยเว่ยเชิน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถจัดการพวกเขาที่ล้อมรอบอยู่หลายคนขนาดนี้
ชุยหยวนส่งเสียงไม่พอใจออกมาด้วยความเหยียดหยาม “ถ้าหากรู้แต่แรกว่าเธอกลายเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่น่าเรียกเธอมาด้วย”“เอาเถอะ”ถังหว่านยิ้มแล้วพูด: “พวกเราทานข้าวกันต่อเถอะ”ในตอนที่ทุกคนกลับไปนั่งประจำที่ตรงที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง จู่ ๆ นอกประตูก็มีเสียงกรีดร้องของเผิงหย่าฟางดังขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้น?!”ในใจของทุกคนสุขุมแล้วพากันมองไปทางประตูซือหม่าหาวจากไปและก็กลับมาอีกแล้วข้างกายเขาก็มีชายวัยกลางคนที่สวมชุดจงซานสองคนติดตามมา ชายวัยกลางคนสองคนนี้ลมหายใจยาวเหยียด ท่าทางกระปรี้กระเปร่า แค่ดูก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือกำลังภายในอีกทั้งกำปั้นของชายวัยกลางคนสองคนนี้ยังมีหยดเลือดอยู่เล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เลือดของพวกเขา“คุณชายซือหม่า เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?”“ยอมแพ้?”ซือหม่าหาวหัวเราะเสียงดัง และไม่ได้มีสีหน้าที่ดีเหมือนอย่างเมื่อครู่แล้ว เขามีสีหน้าดุดัน และหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา: “ไอ้หนุ่มแกอย่าคิดว่ามีความสามารถนิดหน่อยแล้วจะกล้าทำอวดเก่งต่อหน้าฉันนะ สองท่านนี้คือพ่อบ้านของตระกูลซือหม่าที่ประจำเมืองเจียงโจว”“วันนี้ฉันจะให้พวกเขากำจัดชีวิตน้อย ๆ ของแกซะ!”
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน
“ในเมื่อพวกนายหาที่ตาย งั้นฉันก็จะตอบสนองพวกนาย!”หลินเฟิงสายตาเย็นชา พลิกฝ่ามือตบออกไป ทำให้หมัดของหานเวยแตกหักทันที“หือ?!”ความรู้สึกที่กระดูกแตกหักนั้นชัดเจนจนดังเข้ามาในหัวของหลินเฟิงหลังจากเสียงร้องโอดครวญของหานเวย หลินเฟิงกลับยืนอยู่กับที่และมองฝ่ามือของตัวเองด้วยความตกตะลึง เขาจำได้ว่า...ตัวเองน่าจะไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนี้หรอกมั้ง?”ตามแผนการย้อนโจมตีที่หลินเฟิงวางแผนเอาไว้เขาจะผลักกำปั้นที่ดุดันของหานเวยออก จากนั้นใช้หมัดอีกข้างหนึ่งโจมตีกลับ ต่อยหน้าผากของหานเวยจนแตก ทำให้เขาตายในทันทีแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงประหลานใจเล็กน้อยก็คือ ฝ่ามือที่เขาทำเพื่อป้องกันการโจมตีของหานเวย กลับเป็นเหมือนกับมีดสับเต้าหู้ ที่ตัดทั้งกำปั้นของหานเวยโดยตรงภายใต้ความแอบตกตะลึง หลินเฟิงกลับลืมที่จะโจมตีต่อไปเขายืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความงุนงง“พลังชี่แท้ภายในร่างกายไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด มีเพียงหนึ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของร่างกายของฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงตั้งตัวไม่ได้ชั่วขณะ“ไอ้หนุ่ม นายใช้วิธีชั่วร้ายอะไร?!”เห็
เถ้าแก่โจวเห็นสองพี่น้องตระกูลหานพูดออกมา เขาก็ขมวดคิ้ว และบ่นพึมพำในใจเขาหันหน้ามองไปทางหลี่เหวินเชา“นายมั่นใจว่าเขาก็คือหลินเฟิง? สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง!”หลี่เหวินเชาจ้องมองหลินเฟิง และแสยะยิ้มพูดว่า: “ประธานโจว คุณวางใจได้ ต่อให้เขากลายเป็นขี้เถ้าผมก็จำได้”“หึ ถ้าหากไม่ใช่ นายรู้จุดจบนะ”ประธานโจวยิ้มเยาะได้ยินคำพูดแบบนี้ หลี่เหวินเชาตัวสั่นไปหมด และก็รีบยิ้มประจบสอพอพูดว่า:“ประธานโจวพูดอะไรกันครับ ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไงล่ะ?!”“คนผู้นี้ก็คือหลินเฟิงแน่นอน ถ้าหากผมพูดผิด คุณก็ฆ่าผมได้เลย!”“อีกอย่าง ผมยังค้างเงินคุณอยู่อีกสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท!”ต่อให้ทำเพื่อเอาหลี่ซื่อกรุ๊ปมาจำนำ ผมก็ไม่สามารถบอกคุณได้ ถูกไหมครับ?”หลินเฟิงที่อยู่กลางวงล้อมรอบถือว่าได้ยินชัดเจนแล้วที่แท้หลี่เหวินเชาติดหนี้ประธานโจวคนนี้ ถูกบีบบังคับให้คิดหาวิธี จึงทำได้แค่เอาพี่สาวของตัวเองออกมาเป็นเกาะกำบัง“ไอ้เวร...”หลินเฟิงสีหน้าดุดัน ครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหรานทำไมถึงไร้มนุษยธรรมแบบนี้? เอาเปรียบหลี่ฮุ่ยหรานอย่างถึงที่สุด?“หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ที่ไหน?”เมื่อเห็นว่าคนที่ออยู่รอบๆ จะลงมือ
ประธานโจว ประธานโจว! ผมพาคนมาแล้ว!”“รบกวนคุณให้พรรคพวกของคุณลงมือ กำจัดหลินเฟิงคนนี้ซะ!”หลี่เหวินเชาลงจากรถ ตะโกนไปด้วย พร้อมทั้งวิ่งไปในโรงงานร้าง“หึหึ...”แต่ในตอนนี้ ชายแก่ที่ดูอายุประมาณหกสิบปี สวมชุดสูทลายทาง ปากคาบซิการ์เดินออกมาจากภายในโรงงานหลินเฟิงก็จำคนคนนี้ได้เช่นกันตอนนั้นที่งานประมูล เคยพูดคุยกับหลี่ฮุ่ยหรานหลินเฟิงจำได้ว่า คนคนนี้เหมือนจะยังถูกคนนอกเรียกว่าหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเจิ้งเต๋อนามสกุลโจวตอนนั้น ข้างกายของเขายังมีฉู่ฮวาจิ่นติดตามอยู่ด้วยเมื่อเห็นหลินเฟิงลงมาจากรถ และเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายใจ ประธานโจวคนนี้ก็สูบซิการ์ พ่นควันออกมา และหัวเราะเบาๆ พูดว่า:“นายคือหลินเฟิง สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง”หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา เหลือบมองหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ตระกูลโจว และส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม:“เดิมทีคิดว่าช่วงเวลาที่นายออกจากเมืองเจียงโจว น่าจะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่านายจะไร้ยางอายแบบนี้”“หึ ไร้ยางอายก็ต้องดูว่าเป็นใคร!”หลี่เหวินเชาพูดยิ้มเยาะ: “สำหรับขยะแบบนาย ไม่มีคำพูดอะไรที่น่าประนีประนอมด้วย!”“
“หลี่เหวินเชา? พี่สาวนายล่ะ?”หลินเฟิงตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้หลี่เหวินเชาตกใจจนเกือบโยนโทรศัพท์มาในตอนที่เขาเห็นว่าคนที่มาถึงคือหลินเฟิง ก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันที“ไม่รู้ อย่ามาถามฉัน!”หลังจากตอบกลับด้วยความหงุดหงิด หลี่เหวินเชาก็ตกอยู่ในโลกเกมของตัวเองอีกครั้งหลินเฟิงเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยโดยเฉพาะเรื่องที่หลี่เหวินเชาคนนี้เอาเท้าวางไว้บนโต๊ะที่ปกติหลี่ฮุ่ยหรานไว้ใช้ทำงาน ถึงขั้นที่เอกสารจำนวนมากถูกเหยียบจนมีรอยเท้า“เอ๊ะ? หัวหน้าหลิน?”ในตอนนี้ เลขาที่หลี่ฮุ่ยหรานโยกย้ายมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจียงโจวเห็นหลินเฟิง เธอจำหลินเฟิงได้แน่นอนอยู่แล้วเธอรีบดึงหลินเฟิงไปที่ด้านข้างและพูดเสียงเบาว่า:“โทรศัพท์ของประธานหลี่หายไปเมื่อคืน พวกเราหาทั้งคนก็ตามหาไม่พบ เมื่อครู่ประธานหลี่ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแล้ว“ประธานหลี่กำชับกับฉัน หากเห็นคุณกลับมาก็ให้บอกเธอสักคำ”หลินเฟิงฟังเลขาที่อยู่ข้างๆ อธิบายกับเขากลับรู้สึกได้ว่าหลี่เหวินเชากำลังแอบมองเขาอยู่รอตอนที่หลินเฟิงมองไปทางหลี่เหวินเชา เขาก็รีบเคลื่อนสมาธิไปที่บนโทรศัพท์ ปากก็ตะโกนไม่หยุดแสร้งทำท่าเป็นใช้
ออกมาจากในร้านกาแฟ หลินเฟิงท่าทางเหนื่อยล้าเล็กน้อยต่อไปถ้าหากหลี่ฮุ่ยหรานให้เขาทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก ตีให้ตายเขาก็ไม่ทำหรอกมองดูรถมัสแตงเปิดประทุนสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าร้าน ในหัวของหลินเฟิงนึกถึงคำพูดที่ฉู่ฮวาจิ่นพูดเมื่อครู่นี้“เป็นศัตรูกับฉัน ไม่มีผลดีอะไรต่อคุณสักนิด”“ถ้าหากคุณยอมรับฉันอย่างว่าง่าย ฉันก็สามารถให้ข่าวสารของประเทศมังกรทั้งหมดที่คุณอยากรู้ได้นะ!”“เพื่อแสดงความจริงใจ...”“ตึกร้างทั่วทั้งแถบที่อยู่นอกเมืองเจิ้งเต๋อ คุณให้ประธานหลี่กว้านซื้อเอาไว้ ใช้เวลาไม่กี่วัน ตรงนั้นก็จะถูกรื้อถอน”“มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า!”หลินเฟิงถามฉู่ฮวาจิ่นทันทีว่าได้ยินข่าวนี้มาจากที่ไหน แต่ทว่าเธอเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย“ไมอาจบอกได้ นอกจากว่าคุณจะรับปากฉัน”เดินออกจากร้านกาแฟ หลินเฟิงล้วงโทรศัพท์ออกมา โทรไปหาจ้าวเทียนหัว“คุณชายหลิน”จ้าวเทียนหัวยังคงมีความนอบน้อม รับสายของหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว“ไปตรวจสอบผู้หญิงที่ชื่อว่าเชียนเปี้ยนฮวาจิ่นให้ฉันหน่อย”“เชียนเปี้ยนฮวาจิ่น?”จ้าวเทียนหัวได้ยินชื่อนี้ น้ำเสียงก็ประหลาดใจย่างเห็นได้ชัด“ทำไม นายรู้จักเธอเหรอ?”
“คุณอยากจะทำอะไรกันแน่?!”หลินเฟิงปิดโน้ตบุ๊คลง และจ้องมองเทพธิดาฉู่“ฉันไม่ได้อยากทำอะไรนะ ฉันแค่ชอบคุณเท่านั้นเอง!”เทพธิดาฉู่หัวเราะคิกคัก ทำให้หลินเฟิงโมโหมากยิ่งขึ้น“หึ”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเธอ จะหันหลังเดินจากไป“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน!”เทพธิดาฉู่รีบเข้ามาดึงแขนของหลินเฟิงเอาไว้ จากนั้นยิ้มขอโทษ: “คุณอย่าโกรธนะ หรือว่าคุณไม่อยากรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร? หลินชิงเสวียน?”“อะไรนะ?”หลินเฟิงนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง รีบหันหน้ากลับมา“คุณรู้ชื่อของผมในอดีต? พูดมา! คุณเป็นใครกันแน่?”“ฉันน่ะเหรอ...”เทพธิดาฉู่ส่ายหน้า แสร้งทำเป็นเคร่งขรึมพูดว่า:“ฉันเป็นคนเร่ร่อนที่มีบ้านแต่กลับไปไม่ได้ เหมือนกับคุณ”“......”หลินเฟิงรวบรวมหยวนชี่ทั้งห้าที่อยู่ภายในร่างกาย แผ่นซ่านพลังออกมารอบตัวเห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงเตรียมจะลงมือแล้วในเมื่อผู้หญิงคนนี้พูดดีๆ ไม่ฟัง งั้นหลินเฟิงก็จะใช้ไม้แข็งกับเธอแล้ว!”“โธ่ อย่าใจร้อนขนาดนี้สิ! คุณเป็นคนใจร้อนจริงๆ เลยนะ”เทพธิดาฉู่ถอยหลังไปสองก้าว ยิ้มออดอ้อนและพูดว่า:“ในเมื่อคุณอยากรู้ขนาดนี้ งั้นฉันบอกคุณก็ได้”“ชื่อของฉันมีหลายชื่อ บอกคุณชื่อไหนดีล่ะ? อืม อ่
“อะไรนะ? หลินเฟิง ทางด้านคุณทำอะไรกันอยู่?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินเสียงที่อุจาดของเทพธิดาฉู่ จึงตวาดเสียงต่ำที่ตรงหน้าจอ“ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง!”หลินเฟิงนิ่งอึ้งทันที เขาถึงนึกขึ้นได้มิน่าล่ะตอนที่เขาเจอเทพธิดาฉู่ครั้งแรกก็รู้สึกว่าเธอคุ้นตาที่แท้เธอก็คือผู้หญิงของประธานโจวคนนั้นที่หลินเฟิงได้เจอ ตอนงานประมูลที่เมืองเจิ้งเต๋อตอนนั้นเธอก็เชิญเขาไปงานเลี้ยงหน้ากากอะไรสักอย่างเพียงแต่เขาไม่ได้สนใจ ดังนั้นจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้ไปใส่ใจคิดไม่ถึงว่าเธอยังจะมาปรากฏตัวที่เมืองจิง!“คุณมีเป้าหมายอะไรกันแน่?!”หลินเฟิงสายตาเฉียบคม จับเท้าสวยของเทพธิดาฉู่ที่ยื่นมาตรงจุดอ่อนของเขา และตวาดเสียงทุ้มต่ำ“โอ๊ย คุณทำฉันเจ็บนะ...ถึงแม้ฉันก็ไม่ได้รังเกียจก็เถอะ แต่คุณทำแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้ คุณต้องการจริงๆ เหรอ?”เทพธิดาฉู่บอกให้หลินเฟิงมองไปอีกทางหลินเฟิงหันหน้ากลับไปมองถึงได้พบว่าไม่รู้ว่าที่ร้านกาแฟมีลูกค้าเพิ่มมาสองโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้พวกเขาต่างจ้องมองหลินเฟิงกับเทพธิดาฉู่อยู่อีกทั้งหลินเฟิงในตอนนี้ก็จับเท้าของเทพธิดาฉู่เอาไว้อยู่ บรรยากาศคลุมเครือและหวานซึ้งอย่างถึง
ไฝเสน่ห์ที่อยู่ใต้ตาของเธอ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธอเป็นพิเศษเมื่อเผชิญกับสาวสวยแบบนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นมาก็คงจะต้านทานไว้ไม่อยู่“หลินเฟิง เป็นอะไรไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่บนหน้าจอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่ายหน้า เขาไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นท่าทางในตอนนี้ ไม่งั้นจะต้องหึงหวงและเข้าใจผิดแน่นอนแต่ถึงแม้หลินเฟิงจิตใจฟุ้งซ่าน แต่ไม่ถึงกับหลงกลของเทพธิดาฉู่คนนี้จริงๆหลินเฟิงเข้าใจอย่างสุดซึ้งผู้หญิงที่ยิ่งสวย ลับหลังก็ยิ่งอันตรายยิ่งเป็นผู้หญิงที่รุกหนัก ก็ยิ่งมีหวังผลต่อคุณเทพธิดาฉู่ปรากฏตัวในสายตาของหลินเฟิงหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เป็นการกระทำที่เธอตั้งใจเธอหาหลินเฟิง อีกทั้งรุกเข้าหาถึงขนาดนี้ ต้องหวังผลอะไรต่อเขาอย่างแน่นอน“คุณฉู่ ที่ดินที่คุณต้องการพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คุณพูดว่าจะพัฒนาเมืองสถานบันเทิง โครงการนี้ฉันก็ทำหนังสือแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”“นี่คือรายละเอียดแบบแผนของหนังสือแผนงาน คุณดูสิคะ”หลี่ฮุ่ยหรานเปิดพาวเวอร์พอยต์ออกมา เธอใช้น้ำเสียงที่ชำนาญการแนะนำแผนการให้กับเท