“อ้อ……ที่โรงแรมจิ่วโจวแล้วกัน ตอนเย็นมีเพื่อนสมัยเรียนสองสามคนมาหาฉันพอดี คุณก็มาช่วยสมทบฉันด้วย”พูดจบประโยคนี้ ถังหว่านก็เอานิ้วพันรอบสายโทรศัพท์อีกครั้ง และพูดเสริมไปอีกว่า:“อ่อใช่ เพื่อนร่วมชั้นของฉันมีแต่สาวสวยนะ”“ชิ งั้นผมก็ไม่ไปแล้ว”“โอ๊ยคุณเนี่ยนะ”ถังหว่านหัวเราะด้วยท่าทีของหลินเฟิง และถามด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอกิ๊กของฉัน? คุณกลัวว่าความงามของฉันไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์เอาไว้ได้เหรอ และคุณจะไปตกหลุมรักคนอื่นอย่างอดไม่ได้งั้นเหรอ?”“กิ๊กคืออะไร……”หลินเฟิงพูดอย่างจนใจ: “งานเลี้ยงของเพื่อนร่วมชั้นพวกคุณ ผมไม่ไปดีกว่า”“ฉันเคยพูดไปแล้วว่า ให้คุณไปเป็นหน้าเป็นตา เพื่อนร่วมชั้นของฉันมีสามีกันหมดแล้ว มีฉันที่ไปตัวคนเดียว ดูอึดอัดเกินไปหน่อย”ถังหว่านเบะปากพูด“เป็นยังไง ตกลงว่าคุณจะไปไหม”“ก็ได้”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความจนใจ: “ดูเหมือนว่าวันนี้ที่คุณโทรมาหาผม ก็เพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะสิน่ะ!”“ฉลาด”ริมฝีปากสีแดงของถังหว่านยกขึ้น และทำการวางโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไป“ถังหว่าน ฉันไม่เตือนเธอไม่ได้หรอกนะ เธอเป็นคนที่มีคู่หมั้นแล้ว ทางที่ดีควรไปมาหาสู่กับไอ้ส
ภายใต้การนำทางของพนักงานเสิร์ฟ หลินเฟิงกับถังหว่านเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งหรูหรา“อุ๊ยถังหว่านคุณหนูตระกูลถังของฉัน คุณเป็นคนที่งานยุ่งมากจริง ๆ เลยนะ พวกเรารอพวกคุณอยู่ตั้งนานแล้ว”โต๊ะขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้องส่วนตัวมีคนนั่งอยู่เต็มตั้งนานแล้ว มีผู้ชายมีผู้หญิง ดูแล้วคุ้นเคยกับถังหว่านเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่มีคนเอ่ยปากพูดหยอกล้อถังหว่านโดยตรง“พูดซี้ซั้วอะไรน่ะ? พวกเธอก็เพิ่งมาถึงกันชัด ๆ เลย”ถังหว่านยิ้มตาหยีแล้วคล้องแขนหลินเฟิงเข้าประจำที่นั่งเพื่อนนักเรียนหญิงที่อยู่รอบ ๆ หลังจากที่เห็นหลินเฟิงที่อยู่ข้างกายถังหว่าน ดวงตาก็เป็นประกายพูดขึ้น: “อุ๊ยถังหว่าน ไม่ได้เจอกันหลายปี เธอก็มีหนุ่มหล่อแล้วเหรอ?”“พูดอะไรน่ะ ถังหว่านมีหมั้นหมายกับคุณชายหลงเมืองจิงตั้งนานแล้ว”“ท่านนี้เกรงว่าจะเป็นคุณชายหลงยวนจากเมืองจิงสินะ ผมคือเว่ยเฉินของตระกูลเว่ยเมืองหนิงโจว ได้ยินชื่อเสียงไม่สู้ได้เจอหน้าจริง ๆ นะครับ ตระกูลหลงชื่อเสียงโด่งดังกึกก้องเชียวนะครับ”เพื่อนนักเรียนชายของถังหว่านสองคนยืนขึ้นทันที และพยักหน้าไปทางหลินเฟิง ใบหน้ามีรอยยิ้มที่ประจบสอพลอเล็กน้อย“อุ๊ย ท่านนี้ก็คือคุณชายหล
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกลับมา ถังหว่านสีหน้าจึงดีขึ้นเล็กน้อย และนั่งกลับลงไปยังที่นั่งของตัวเอง“อ่อใช่คุณหนูถังหว่านของฉัน เรื่องที่เธอแอบมีกิ๊กข้างนอก คุณชายหลงรู้เรื่องไหม?”เว่ยเชินกำลังจะดื่มน้ำ จู่ ๆ ชุยหยวนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น นี่ทำให้น้ำที่อยู่ในปากของเว่ยเชินเกือบพุ่งออกมาชุยหยวนพูดอย่างไร้เดียงสา: “พวกเธอคิดดูสิ บอดี้การ์ดส่วนตัวนะ! จะต้องอย่างว่า ใช่ไหมล่ะ?”ชุยหยวนยังเลิกคิ้ว เผยสีหน้าที่บอกว่าคุณก็คงเข้าใจ“ชุยหยวน เธอพูดจาซี้ซั้วอะไร?”เว่ยเชินกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วขมวดคิ้ว: “ถังหว่านไม่ใช่คนแบบที่เธอพูด!”“ฮิฮิ ร้อนใจแล้วร้อนใจล้วน พวกเธอรีบดูเว่ยเชินสิ!”ชุยหยวนกลัวว่าเรื่องราวจะใหญ่โตไม่พอ และปรบมือยิ้มพูด: “โอ๊ย พวกเราต่างรู้ว่าเว่ยเชินชบคุณหนูตระกูลถัง เพื่อเธอแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แต่งงานเลยนะ”ผู้หญิงชุดราตรีสีแดงที่เหน็บแนมหลินเฟิงเมื่อครู่นี้กลับเบะปาก แล้วพูดเสียงเบา: “มีคู่หมั้นแล้วยังจะแอบมีกิ๊กข้างนอก หน้าด้านจริง ๆ”“เผิงหย่าฟาง เธอพูดจาซี้ซั้วอะไร”ถังหว่านพูดเสียงดัง: “อะไรเรียกว่าคู่หมั้น อะไรเรียกว่าแอบมีกิ๊ก? ฉันไม่เคยรับปากการจัดการ
ถังหว่านยังไม่ทันได้ตอบกลับหมิงอิ่งอิ่งเว่ยเฉินลุกขึ้นยืนในทันทีสายตาของเขามองไปทางหลินเฟิงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉยว่า “อิ่งอิ่ง ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ก็ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรอก”“ยิ่งไปกว่านั้น คนบางคนแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังไม่รู้ เป็นไปได้อาจจะเป็นเพียงพวกขี้เมาที่รู้แค่ท่ามวยฉาบฉวยก็ได้”“คนพวกนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดพวกนี้พุ่งตรงไปที่หลินเฟิงโดยเฉพาะหลินเฟิงหัวเราะเยาะ แล้วกินอาหารของตัวเองต่อไป โดยที่ไม่ได้สนใจเว่ยเฉินอีกถังหว่านกลัวว่าหลินเฟิงจะโกรธ จึงเข้าไปขวางกั้นการจ้องมองหลินเฟิงอย่างเหยียดหยามของเว่ยเฉิน ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “คนที่ฉันเลือกด้วยตัวเอง ย่อมแข็งแกร่งอยู่แล้ว คนอื่นไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม”“เอาล่ะ เอาล่ะ ทำไมบรรยากาศมันเริ่มรุนแรงขึ้นอีกแล้วล่ะ?” ชุยหยวนรีบไกล่เกลี่ย“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่บางคนพาคนแปลกหน้าเข้ามา เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ?”เผิงหย่าฟางที่สวมชุดสีแดงกอดอกด้วยสีหน้าที่ประชดประชัน“เผิงหย่าฟาง คุณพูดให้น้อยลงหน่อย มันจะตายไหม?”ชุยหยวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องรู้ไว้ว่า โดยพื้นฐานแล้วเพื่อนร่วมชั้นพวกนี้ต่า
แต่ทั้งสองก็คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะมาหากันถึงที่ได้รวดเร็ว“อ้าว นี่ไม่ใช่คุณถังหว่านจากตระกูลถังหรอกเหรอ!”เด็กหนุ่มผิวปาก มองถังหว่านขึ้น ๆลง ๆ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นผู้หญิงที่สวยและหุ่นเย้ายวนจริง ๆ ถ้าให้คุณมาเข้าร่วมกับบริษัทเรา...ช่างเถอะช่างเถอะ ผมไม่บาดหมางกับคุณชายหลง”หลังจากพูดจบ เด็กหนุ่มก็มองไปทางคนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ก่อนจะแนะนำตัวเอง “สวัสดี นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ผมชื่อซือหม่าหาว มาจากเมืองจิง”“ซือหม่าหาว?!”เผิงหย่าฟางปิดปากตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดว่า “หรือว่าจะเป็นคุณชายสามจากตระกูลซือหม่า เมืองจิง.....”“หืม? คิดไม่ถึงว่าจะมีคนรู้จักผมด้วย? ไม่เลว ไม่เลว”ซือหม่าหาวปรบมือก่อนจะหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ในเมื่อคุณรู้จักผม งั้นผมก็จะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก หมิงอิ่งอิ่งเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงภายใต้ ซือหม่าเอนเตอร์เทนเม้นของเรา ผมจะพาเธอไป พวกคุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”“แน่นอน ถ้าหากมีความคิดเห็นก็ต้องเก็บมันไว้”ซือหม่าหาวผิวปากราวกับเรียกสุนัข และทำเสียงเรียกสุนัขไปทางหมิงอิ่งอิ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไป ไป ถ้าคุณไม่ไป งั้นผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ?”
“ถังหว่าน ทำไมคุณถึงชอบไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านมากมายขนาดนั้นนะ?”เผิงหย่าฟางที่อยู่ด้านข้างไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้ “คุณชายซือหม่าต้องการจะพาพนักงานของบริษัทบันเทิงของตัวเองไป เธอจะมาเข้าแทรกทำอะไร?”“หรือว่าเธอจะลากพวกเราไปลงน้ำด้วยกัน และผิดใจกับตระกูลซือหม่าในเมืองจิง?”“เอ่อ...”สีหน้าของชุยหยวนและคนอื่น ๆก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน ใช่แล้ว พวกเขาไม่กล้ายั่วยุตระกูลซือหม่าจริง ๆดังนั้นทั้งที่เพิ่งจะเริ่ม ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูด“ฮ่าฮ่า สาวงามคนนี้ยังรู้จักเอาตัวรอดนะ ขอถามสาวงามคนนี้หน่อย ว่าคุณชื่ออะไร?”ซือหม่าหาวมองไปทางเผิงหย่าฟาง แล้วเผิงหย่าฟางก็พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “คุณชายซือหม่า ฉันชื่อเผิงหย่าฟาง”“ฮ่าฮ่า โอเค เห็นว่าคุณมีออร่า ไม่สู้มาเข้าร่วมซือหม่าเอนเตอร์เทนเม้นของพวกเราล่ะ วางใจเถอะ วีเจดังคนถัดไปต้องเป็นคุณ!”“ขอบคุณคุณชายซือหม่า!”เผิงหย่าฟางได้ยินก็ดีใจมาก“นี่คือนามบัตรของผม มาหาผมคืนนี้ที่ห้อง 1008 ที่โรงแรมจิ่วโจว ทำให้ผมดูว่าคุณมีคุณสมบัติหรือเปล่า”ซือหม่าหาวจับคางก่อนจะยิ้มออกมาเขาโยนนามบัตรให้เผิงหย่าฟาง ซึ่งเผิงหย่าฟางก็รับมันไว้ด้วยความตื
เขาเป็นคนเดียวในเหตุการณ์ที่ดูจะไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยในเวลานี้เมื่อคิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับตัวเอง ในที่สุดเว่ยเชินก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ“ฮึ่ม ถือว่ายังมีความกล้าอยู่บ้าง”หลิงเฟิงยิ้มอยู่ในใจดูเหมือนว่าเขากำลังกินข้าวอยู่ แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยไม่ใช่ว่าไม่สนใจถังหว่านเขาได้ใช้หยวนชี่ทั้งห้าที่ออกมาจากชี่แท้ เพื่อสร้างตาข่ายป้องกันล้อมร่างกายของถังหว่านไว้ถ้าหากมือของบอดี้การ์ดแตะต้องถังหว่านในตอนนี้ จุดจบของบอดี้การ์ดคนนั้นก็คงจะน่าเศร้ามากแน่นอนสุดท้ายแล้วก็ถูกถังหว่านประกาศอย่างเอิกเกริกอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ถ้าหลินเฟิงไม่ทำอะไรเลย มันจะเป็นการสูญเสียตำแหน่งเกินไปแต่ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเว่ยเชินจะสามารถสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ เขายังคิดว่าหลินเฟิงไม่ได้สนใจความเป็นความตายของถังหว่านอยู่“ฮึ่ม ดูแบบนี้แล้ว ไอ้หมอนี่คงจะถูกซือหม่าหาวทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฟ่อแล้ว ก็เลยกินอาหารเพื่อปกปิดความสับสนวุ่นวายของในใจของตัวเองสินะ”ถึงแม้ว่าเว่ยเชินจะเกรงกลัวเบื้องหลังของซือหม่าหาว แต่ในจุดนี้ เขาจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบออกมาให้มากกว่าหนุ่มน้อยที่หน้าตาดีคนนี
“เอ่อ…เอ่อ นี่ครับ”ตอนนี้บอดี้การ์ดกำลังอยู่ในสภาวะมึนงง ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงนำกล่องไม้จิ้มฟันยื่นไปให้หลินเฟิงด้วยความตกตะลึงเขามองไปทางหลินเฟิงที่หยิบไม้จิ้มฟันออกมาแคะฟันอย่างงงงวยหลินเฟิงก็ชะงักงัน จากนั้นหันมองไปทางบอดี้การณ์ดคนนี้ด้วยความแปลกประหลาดแล้วพูดขึ้น: “นายดูฉันทำไม? ตอนนี้นายควรจะลงมือแทนผู้ว่าจ้างของนายต่อไม่ใช่เหรอ?”เมื่อได้ยินคำเตือนของหลินเฟิง บอดี้การ์ดคนนี้ถึงได้ตั้งตัวได้ และตะโกนด้วยความโมโห จากนั้นก็โผเข้าไปหาเว่ยเชินที่ถูกล้อมรอบไว้อยู่ผลปรากฏว่าไม่มีเรื่องประหลาดใจอะไรบอดี้การ์ดหลายคนนี้ถึงแม้ต่อสู้เก่ง แต่อยู่ต่อหน้ายอดฝีมือกำลังภายในก็ยังไม่เพียงพอเว่ยเชินคนนี้ก็มีความสามารถอยู่บ้าง ถึงแม้ผมจะยุ่งเหยิบ เสื้อผ้าจะเสียหาย แต่เขาก็ถือว่าผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาได้ยกหนึ่ง และกระทืบลูกน้องที่ซือหม่าหาวพามาจนนอนหมอบ“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยอดฝีมือกำลังภายใน? ไอ้หนุ่ม แกรอฉันได้เลย!”ซือหม่าหาวเห็นท่าทางไม่ดี ก็วิ่งออกไปจากห้องส่วนตัวทันที“ว้าว หล่อมาก ๆ เลยเว่ยเชิน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถจัดการพวกเขาที่ล้อมรอบอยู่หลายคนขนาดนี้
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน