“แต่ว่า?”หลี่ฮุ่ยหรานงงงวยเล็กน้อย แต่เห็นสายตาของกู้เฉินกวาดมองนักเรียนที่มาเรียนกังฟูเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ขยับปากมาใกล้ ๆ ข้างหูของหลี่ฮุ่ยหรานและพูดว่า:“แต่ว่าตระกูลกู้ของผมในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่เมืองเจียงหนาน และผมก็เป็นประธานของสมาคมบู๊ไห่โจว ต้องมีความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้อยู่แล้ว”เห็นหลี่ฮุ่ยหรานยังคงไม่เข้าใจ กู้เฉินยิ้มอย่างลึกลับ:“ฮุ่ยหราน ถ้าหากคุณฝึกวิทยายุทธพร้อมกับนักเรียนคนอื่น ๆ ที่นี่ งั้นอย่างน้อยจะต้องเหวี่ยงหมัดเตะขาดอยู่หลายปีถึงจะมีการพัฒนา”“คุณรอนานขนาดนั้นได้ไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานกวาดมองไปรอบ ๆ ตามสายตาของกู้เฉิน พบว่าที่นี่ลูกศิษย์จำนวนมากในนี้ต่างกำลังฝึกการแสดงพื้นฐานอยู่ เธอก็ไม่ได้เก่งไปกว่าพวกเขาสักเท่าไหร่“ในมือของคุณยังมีหลี่ซื่อกรุ๊ปให้ต้องจัดการ จะเหมือนกับนักเรียนทั่วไปเหล่านี้ได้อย่างไร เพียงแค่กระบวนท่าพื้นฐานทั่วไปก็ฝึกฝนหลายปี?”“ไป ผมพาคุณไปห้องลับ สอนเคล็ดลับของตระกูลกู้ของผมให้กับคุณชุดหนึ่ง”กู้เฉินวิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผล แต่หลี่ฮุ่ยหรานไม่ใช่คนที่จะไม่รู้จักหนักเบา เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น:“กู้เฉ
“มาเถอะ เธอลงมือเองเถอะ!”“หลิน...หลินเฟิง...”หลี่ฮุ่ยหรานปีนป่ายไปทางกู้เฉิน เหมือนกับถูกตัณหาครอบงำ คุกเข่าทำท่ายั่วยวน และก็มีสีหน้าอ้อนวอนไปด้วย“ขอร้องล่ะ หลินเฟิง...เป็นฉัน...ฉันไม่ดีเอง...คุณ...คุณอย่าโกรธฉันเลยนะ...”“หลินเฟิง...”เมื่อได้ยินหลี่ฮุ่ยหรานยังเรียกชื่อของหลินเฟิงคนนั้นในเวลาแบบนี้ ก้นบึ้งหัวใจของเขามีความอิจฉาอยู่เล็กน้อยทันทีถนนใหญ่เจียงหลิงหลังจากเดินทางออกมาจากโรงพยาบาลหลินเฟิงที่ขับรถมายบัคกำลังจะย้อนกลับไปที่อ่าวเทียนสุ่ย กลับได้รับสายของจ้าวเทียนหวาด้วยความประหลาดใจ“คุณชายหลิน ก่อนหน้านี้คนที่คุณให้เฝ้าดูหลี่ฮุ่ยหรานได้รายงานว่า หลี่ฮุ่ยหรานกับกู้เฉินของตระกูลกู้เมืองเจียงหนานคนนั้นเข้าร่วมงานตัดริบบิ้นโรงฝึกบู๊เปิดใหม่”“กู้เฉินยังสอนหลี่ฮุ่ยหรานเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้”ได้ยินการรายงานของจ้าวเทียนหวา หลินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นผ่อนคลายเล็กน้อย และพูดอย่างนิ่งเฉย:“แล้วยังไง? หลี่ฮุ่ยหรานอยากไปเอง ไม่เกี่ยวกับผม ต่อไปพวกคุณไม่ต้องเฝ้าดูเธอแล้ว”“เอ่อ...”จ้าวเทียนหวาที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์เห็นได้ชัดว่าลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อ:“แต่ว่าค
ตอนนี้หลินเฟิงหมดความอดทน และก็ไมได้มีสีหน้าที่ดีอะไรแล้ว จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังภายในโรงบู๊และก็เป็นเพราะเสียงตวาดด้วยความโมโหของเขา ดึงดูดสายตาของทุกคนในลาน นักเรียนที่เดินทางมาเรียนที่นี่ต่างก็มองมาทางด้านนี้ด้วยความประหลาดใจ“อุ๊ย นี่ก็คือการท้าดวลในตำนานสินะ?”“นี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว เปิดกิจการวันแรกก็ท้าดาล”“นายดูได้เลย ฉันได้ยินมาว่าชายหัวล้านคนนั้นชื่อเจิ้นเฟิง เป็นปรมาจารย์บู๊ของเจียงหลิง บุคคลยิ่งใหญ่ที่อยู่บนอันดับโลก”“อันดับโลกคืออะไร?”“อันดับโลก...ฉันก็ไม่รู้ เอาเป็นว่านายรู้แค่ว่าเก่งกาจมากก็พอแล้ว”“งั้น...งั้นคนที่มาดวล ผอมแห้งอ่อนแรง ขาวสะอาด จำเป็นคู่ต่อสู้ของเจิ้นเฟิงได้อย่างไร?”“ฉันก็ไม่รู้ แต่หวังว่าเขาอย่าตายจนน่าอนาถเกินไป...”“เอ๊ะ? นั่นมันพี่หลินเฟิงไม่ใช่เหรอ?”ผู้หญิงที่เป็นหนึ่งในนักเรียนจำหลินเฟิงได้ เธอก็คือโจวเสี่ยวหางที่สนิทสนมกับหลินเสวี่ยฮุ่ยก่อนหน้านี้เมื่อก่อนสวมหมวกแก๊ปมาโดยตลอด ตอนนี้ผูกหางม้า ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ“พี่หลินเฟิงมาทำอะไรที่นี่? ท้าดวล?”โจวเสี่ยวหางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยผู้ชายที่สามชุดฝึกสองสามคนได้ยินการวิพ
“แกรนหาที่ตายเหรอ!”ชายร่างกำยำอีกสองคนในชุดฝึกซ้อมโผเข้าหาหลินเฟิงโดยตรง แต่หลินเฟิงก็ไม่ได้ปล่อยตามอำเภอใจ รับมือกับคนไม่สำคัญเหล่านี้ เขาถึงขั้นที่ไม่ต้องออกแรงสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ“เพี๊ยะ เพี๊ยะ!”เสียงตบหน้าดังขึ้นสองครั้ง โดยที่หลินเฟิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม และบีบมือของชายกำยำที่ส่งเสียงร้องอนาถอย่างแรงครูสอนศิลปะการต่อสู้สองคนที่โผเข้ามาหาเขา ในเวลานี้ต่างล้มลงกับพื้นเสียงดังลั่นซ้ายข้างหนึ่งขวาข้างหนึ่ง จนขนานกันเป็นคู่“ฮะ?”พวกนักเรียนส่งเสียงตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง“พรึ่บ”ดูท่าครูหัวโล้นคนนั้นก็ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมายเมื่อเห็นเรื่องราวพัฒนามาถึงตรงนื้ ก็คุกเข่าลงข้างเดียวทันที เขาฝืนใจคารวะหลินเฟิงแล้วพูดว่า:“คุณชายท่านนี้ เมื่อสักครู่ผมล่วงเกินไปมาก ไม่รู้ว่าคุณใช่ปรมาจารย์อันดับสวรรค์หรือเปล่าครับ?”“สาม!”หลินเฟิงหรี่ตาลง แล้วตะโกนออกมาเป็นเลขตัวสุดท้าย“คุณ...คุณชายกู้อยู่ในห้องลับทางด้านนั้น ต้องการให้ผมไปเรียกเขาไหมครับ?” เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ครูหัวโล้นคนนั้นก็รู้สึกโกรธในใจขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะสายตาหลังจากที่หลินเฟิงคนนั
“ฉันเสียใจ......เสียใจแทบตายอยู่แล้ว......ฉันไม่ควรฟังที่แม่พูดเลย......หลินเฟิง......ขอร้องล่ะ ได้โปรดยกโทษให้ฉันเถอะนะ......”หมัดที่กำแน่นของหลินเฟิงก็ค่อย ๆ คลายออกหลี่ฮุ่ยหราน ประธานสาวผู้ที่มีจิตใจดั่งธารน้ำแข็ง ในที่สุดก็เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอออกมาแต่ทันใดนั้นหลินเฟิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ตรงหน้าเขายังมีกู้เฉินอยู่ด้วย“นี่คือสิ่งที่นายเรียกว่าความสุขของฮุ่ยหรานอย่างงั้นเหรอ? ”หลินเฟิงมองไปทางกู้เฉินด้วยสายตาที่เย็นชาจู่ ๆ ใบหน้าของกู้เฉินก็กระตุก พูดด่าว่าผู้หญิงสารเลวเสียงเบาวิธีการฝังเข็มที่ตัวเองเรียนรู้มาจากอาจารย์หมอหนานโจว สามารถกระตุ้นตัณหาที่รุนแรงที่สุดในใจของคนได้คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่หลี่ฮุ่ยหรานคนนี้โดนกระตุ้นไปแล้ว ปากของเธอจะยังตะโกนชื่อของหลินเฟิงออกมาอยู่นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมากเห็นได้ชัดว่าคนในตระกูลของพวกเขาไม่ชอบผู้ชายคนนี้ถึงขนาดนี้ แต่ทำไมหลี่ฮุ่ยหรานถึงยังคิดถึงเขาอยู่อีก?“หึหึ”แม้ว่ากู้เฉินจะสาปแช่งอยู่ในใจ แต่ภายนอกเขายังคงเผยรอยยิ้มออกมาอยู่ ทั้งยังยื่นมือออกไปหาหลินเฟิงอีก แล้วพูดว่า:“หลินเฟิง ฉันขอแนะนำนายว
“หลินเฟิง!”ท่าทางของหลี่ฮุ่ยหรานดูเป็นทุกข์เอามาก ๆ “ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้อยู่ตลอดเลย แค่คุณก้มหัวให้สักครั้งจะทำไมเหรอ? ”“ทำไมผมจะต้องก้มหัวให้ด้วย? ”หลินเฟิงเองก็ถูกกระตุ้นความโกรธขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเย็นชา:“หลี่ฮุ่ยหราน ครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อคุณไม่คิดที่จะเชื่อผม งั้นพวกเราก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันอีก คุณก็วิ่งไล่ตามความสุขของคุณต่อไปเถอะ! ”“ตั้งแต่นี้ต่อไปพวกเราขาดกัน! แล้วผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของคุณอีก! คุณเองก็อย่ามายุ่งกับผมด้วยเช่นกัน! ”หลังจากพูดอย่างนั้น หลินเฟิงก็สะบัดมือของหลี่ฮุ่ยหรานออก และเดินตรงออกจากโรงฝึก“หลินเฟิง! ”หลี่ฮุ่ยหรานเดินโซเซและพยายามตามหลินเฟิงให้ทัน แต่หลินเฟิงก็จากไปแล้ว ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองเลยด้วยซ้ำหลี่ฮุ่ยหรานยืนพิงเสาตรงประตูของโรงฝึก ในใจรู้สึกโศกเศร้า เธอเอามือปิดหน้า และค่อย ๆ คุกเข่าลงกับพื้น“ทำไม......ทำไมคุณถึงได้ดื้อแบบนี้อยู่ตลอดเลย...... ”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เข้าใจเขาจริง ๆ“ฮุ่ยหราน อย่าเศร้าไปเลยนะครับ คนอย่างสามีเก่าของคุณ ไม่มีค่าพอให้นึกถึงหรอกครับ”กู้เฉินแอบด่าหลินเฟิงที่เพิ่งจ
หลินเฟิงเข้าประเด็น และถามออกไปในทันที: “ใครเป็นคนทำร้ายคุณน้าจ้าว? แล้วเสวี่ยฮุ่ยล่ะ อยู่ไหน? ! ”ในสายโทรศัพท์ จ้าวเทียนหวาสัมผัสได้ถึงความโกรธที่ยังระงับเอาไว้อยู่ของหลินเฟิง จ้าวเทียวหวาเองก็ไม่กล้าโกหก เลยทำได้แค่กัดฟันแล้วพูดออกไปว่า:“เสวี่ยฮุ่ยอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ครับ”“ตระกูลหลี่! ตระกูลหลี่งั้นเหรอ! ”หลินเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขากัดฟันและส่งเสียงบดขยี้อย่างน่ากลัว “ฉัน หลินเฟิง เริ่มชักจะเบื่อพวกเขาเต็มทีแล้ว! วันนี้ จะเป็นวันที่ฉันจะยุติความสัมพันธ์ของฉันกับพวกเขาตระกูลหลี่! ”“จ้าวเทียนหวา นายส่งหมอที่ดีที่สุดมาดูแลคุณน้าจ้าวให้ฉันที! ”“ครับ! ”จ้าวเทียนหวาเองก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งหลังจากวางสายโทรศัพท์ หลินเฟิงก็เดินออกจากวิลล่าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง จู่ ๆ รอบ ๆ ตัวเขาก็มีฝนตกหนัก และมีฟ้าแลบฟ้าร้องบนท้องฟ้า เช่นเดียวกับอารมณ์ของหลินเฟิงในเวลานี้“คุณปู่ครับ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเฟิงพยายามเมตตามากที่สุดแล้วครับ! ”“จากนี้ไป ตระกูลหลี่ของพวกคุณ ก็อวยพรให้ตัวเองโชคดีก็แล้วกันนะ! ”“บรื้น! ”หลินเฟิงสตาร์ทรถมายบัค จากนั้นก็พุ่งทะลุราวกั้นถนน แล้วมุ่งหน้
ในตอนนี้หลี่ไห่ชานก็กำลังนั่งอยู่ตรงระเบียงเขามองดูฟ้าแลบฟ้าร้องด้านนอกวิลล่า เขาจมอยู่กับความคิดตัวเองท่ามกลางเสียงของสายฝน“คุณปู่คะ”หลี่ฮุ่ยหรานเรียกออกไปอีกครั้ง หลี่ไห่ชานถึงได้มีการตอบสนอง เขาหันกลับมาและฝืนยิ้มให้ “ฮุ่ยหราน มาแล้วเหรอ? ทำไมไม่ทานข้าวกับพวกแม่ของหลานล่ะ? ”เธอมองดูรอยย่นบนใบหน้าของคุณปู่ตัวเองที่เพิ่มขึ้นเพราะเรื่องของไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงทำได้แค่ปิดปากเงียบเพื่อระงับความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ“ฮุ่ยหรานเอ๋ย......ฮุ่ยหราน”หลี่ไห่ซานประคองหลี่ฮุ่ยหรานที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ขึ้น แล้วดึงเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา ลูบผมของหลานสาวตัวเอง แล้วพูดอย่างเจ็บปวด“หลินเฟิงเป็นเด็กที่โดดเด่นมากขนาดนั้น ทำไมทุกคนถึงไม่เข้าใจเขาเลยนะ? ”“คุณปู่คะ หนูรู้ค่ะ หนูรู้”หลี่ฮุ่ยหรานสะอื้น “แต่เขาหยิ่งแล้วก็ดื้อรั้นเกินไป เขาไม่เต็มใจแม้แต่จะกล่าวขอบคุณคุณชายกู้เลยด้วยซ้ำ”“คุณชายกู้เป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้เลยนะคะ! ”“คุณชายกู้? กู้เฉินน่ะเหรอ? ”คุณปู่ตระกูลหลี่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตบไปที่ต้นขาตัวเองแรง ๆ “ฮุ่ยหราน หลานเลอะเลือนแล้วล
ไฝเสน่ห์ที่อยู่ใต้ตาของเธอ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเธอเป็นพิเศษเมื่อเผชิญกับสาวสวยแบบนี้เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นมาก็คงจะต้านทานไว้ไม่อยู่“หลินเฟิง เป็นอะไรไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่บนหน้าจอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่ายหน้า เขาไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นท่าทางในตอนนี้ ไม่งั้นจะต้องหึงหวงและเข้าใจผิดแน่นอนแต่ถึงแม้หลินเฟิงจิตใจฟุ้งซ่าน แต่ไม่ถึงกับหลงกลของเทพธิดาฉู่คนนี้จริงๆหลินเฟิงเข้าใจอย่างสุดซึ้งผู้หญิงที่ยิ่งสวย ลับหลังก็ยิ่งอันตรายยิ่งเป็นผู้หญิงที่รุกหนัก ก็ยิ่งมีหวังผลต่อคุณเทพธิดาฉู่ปรากฏตัวในสายตาของหลินเฟิงหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เป็นการกระทำที่เธอตั้งใจเธอหาหลินเฟิง อีกทั้งรุกเข้าหาถึงขนาดนี้ ต้องหวังผลอะไรต่อเขาอย่างแน่นอน“คุณฉู่ ที่ดินที่คุณต้องการพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ที่คุณพูดว่าจะพัฒนาเมืองสถานบันเทิง โครงการนี้ฉันก็ทำหนังสือแผนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว”“นี่คือรายละเอียดแบบแผนของหนังสือแผนงาน คุณดูสิคะ”หลี่ฮุ่ยหรานเปิดพาวเวอร์พอยต์ออกมา เธอใช้น้ำเสียงที่ชำนาญการแนะนำแผนการให้กับเท
หลี่ฮุ่ยหรานกระแอมเล็กน้อยและพูดว่า:“ฉันส่งที่อยู่ไปให้คุณแล้ว คุณออกมาเดี๋ยวนี้เลยเถอะ”“อ่อใช่ การร่วมมือต้องให้คุณเซ็นชื่อ แต่ต้องหลังจากที่พวกเราประชุมผ่านวิดีโอกันเสร็จ”“เข้าใจแล้วยัง?”“เข้าใจ”หลินเฟิงพยักหน้าหลังจากวางโทรศัพท์ หลินเฟิงหันหลังกลับไปมองคฤหาสน์ที่เงียบสงุด จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆวุ่นวายอยู่นานก็เพื่อที่จะมาดื่มชาหนึ่งแก้วหลินเฟิงไม่เข้าใจแต่เขาไม่มีเวลาให้ยืดเยื้อ จึงรีบสตาร์ทรถมายบัค เร่งขับไปยังที่อยู่ที่หลี่ฮุ่ยหรานส่งให้เขาเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงหลินเฟิงเดินเข้าไปในร้านกาแฟร้านหนึ่ง สายตามองไป ก็เห็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยคนหนึ่ง“คุณคือ...คนที่ถนนเสรี...”หลินเฟิงตกตะลึงเล็กน้อยในตอนนี้ผู้หญิงที่นั่งไขว้ห้าง สวมชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำ เผยผิวพรรณที่ขาวผ่องออกมา เธอก็คือเทพธิดาฉู่ในคืนนั้นที่ให้เบาะแสกับเขาที่ถนนเสรีเธอยกกาแฟขึ้นดื่มอย่างสง่างาม และจิบหนึ่งคำเผยรอยยิ้มที่ยั่วยวนที่สุดไปทางหลินเฟิงที่เข้ามาในร้านถึงขั้นที่ยังอ้าริมฝีปากแดง เลียนิ้วมือของตัวเอง“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอหน้ากันไวขนาดนี้นะหนุ่มหล่อ”เธอยิ้มสวยหยาดเยิ้มหลินเฟิง
ในที่สุดหลินเฟิงก็ไม่สามารถระงับความสงสัยในใจได้ ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้น“ทำไม? ไม่ได้งั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้จิบชาอีกครั้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ดูเหมือนว่าทักษะของหยินหลิงก็ดีขึ้นไม่น้อย หลังจากนี้ลูกก็สามารถให้เธอชงให้ลูกดื่มได้”หลินเฟิงเร่งรีบมาตลอดทาง พร้อมกับครุ่นคิดเรื่องของราชาหลินแห่งตอนใต้ก่อนจะนึกถึงสายตาของเขาที่แทบจะขอร้องอ้อนวอนแล้วยังบอกว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาแล้ว....“เหอะ!”หลินเฟิงทำเสียงออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินจากไปเดิมทีคิดว่าคราวนี้เขาจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะยังเหมือนเดิม ทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กและไม่พูดไม่อธิบายอะไรสักอย่าง“คุณลุง แบบนี้...แบบนี้ดีแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นหลินเฟิงจากไป หยินหลิงก็มองไปทางราชาหลินแห่งตอนใต้ด้วยความกังวลเล็กน้อย“มีอะไรที่ไม่ดีงั้นเหรอ?”ราชาหลินแห่งตอนใต้ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบอีกครั้ง“ไม่ต้องห่วง ฉันได้เก็บสิ่งที่ควรจะเหลือไว้ให้กับเจ้าเด็กสารเลวนั้นแล้ว บางครั้งการไม่รู้อะไรเลยก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง”“ตามนิสัยของเด็กคนนั้น หากบอกเขาไปในตอนนี้ ก็กลัว
วันรุ่งขึ้น หลินเฟิงก็เดินออกจากบ้านตระกูลถังเพียงลำพังเขาไม่ได้บอกใครว่าตัวเองไปที่ไหน แล้วแอบขับรถไปที่หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองที่เมืองจิงวิลล่าแห่งนี้สร้างขึ้นในป่าไผ่ ถึงแม้จะไม่ใหญ่ แต่ก็เงียบสงบและหรูหรา แล้วก็ไม่มีความเร่งรีบที่วุ่นวายเหมือนอย่างในเมืองแค่ได้เห็นวิลล่าแห่งนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกสงบมากขึ้นไม่น้อยเขาผลักประตูเข้าไป และยังไม่ทันได้เข้าห้องโถง ก็ไม่กลิ่นชาจาง ๆเพียงได้ยินเสียงเก่า ๆที่คุ้นเคยดังมาจากในประตู“มาแล้วเหรอ”“อืม”หลินเฟิงก้าวเข้าไปในห้องเขามองเห็นราชาหลินแห่งตอนใต้พ่อของตัวเอง ที่ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงหลัก และล้อมรอบด้วยกลิ่นหอมจาง ๆของชาที่เล็ดลอดออกมาจากชามชาโบราณในมือของเขา“พี่ชาย พี่นั่งสิ”ร่างสวยงามที่ไม่รู้ว่าเดินมาจากทางไหน เธอถือถ้วยชาแบบเดียวกัน ก่อนจะวางลงอีกด้านหนึ่งของโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับราชาหลินแห่งตอนใต้หลินเฟิงหันกลับไปมอง ร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหยินหลิงที่เคารพนอบน้อม“......”เดิมทีหลินเฟิงอยากจะพูดขอบคุณเรื่องของถังว่านหลี่ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงทำได้เพียงพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงอีกด้านหนึ่ง
ถังว่านหลี่กล่าวต่อไปว่า :“ในวันนั้นที่ฉันถูกกลุ่มพันธมิตรบู๊พาตัวไป เป็นหลินเฟิงที่ยืนขึ้นและขู่หยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ หากเธอไม่ตอบตกลงที่จะปฏิบัติต่อฉันอย่างดี ตอนนั้นหลินเฟิงก็จะแตกหักกับผู้นำ!”“สุดท้าย แม้ว่าผู้นำของเมืองจิงจะโกรธอยู่ แต่ก็ปกป้องฉันไว้”“เธอพูดเรื่องของหลินเฟิงกับฉันเยอะมาก....”“จริง ๆแล้วพวกเราตระกูลถัง ไม่เหมาะสมกับหลินเฟิงเลย”ถังว่านหลี่มองหลินเฟิงด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นก็เช็ดน้ำตา ก่อนจะพูดอย่างขมขื่นว่า :“หลินเฟิง ต่อจากนี้ไปจะมอบถังหว่านให้กับนาย ไม่ลำบากใจใช่ไหม?”“ไม่ลำบากใจครับ”หลินเฟิงพยักหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยเช่นกัน“ไม่ลำบากใจก็ดี....”ถังว่านหลี่ถอนหายใจ จากนั้นก็พูดว่า :“หลินเฟิง จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันถังว่านหลี่ที่อยู่ตรงนี้ จะเป็นครอบครัวของนาย”“อืม”จริง ๆแล้วหลินเฟิงรู้สึกผิดหวังกับตระกูลถังแต่ท่าทางของถังว่านหลี่กับถังเจี้ยนหยวน ในที่สุดก็ทำให้หลินเฟิงกลับมาอบอุ่นในหัวใจ“สุดท้าย หลินเฟิง”ถังว่านหลี่เอ่ยขึ้นเบา ๆว่า : ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิงขอให้ฉันนำคำพูดมาให้คุณด้วย”“ข้อความ...อะไร?”
มองสายตาซาบซึ้งใจของถังว่านหลี่ หลินเฟิงยิ้มแล้วส่ายหน้าแสดงออกว่าไม่เป็นไรแต่ตอนนี้ในใจเขากลับเกิดความรู้สึกผิดต่อหยินหลิงเล็กน้อยคิดว่าปกป้องถังว่านหลี่เอาไว้ หยินหลิงก็คงต้องแบกรับความลำบากเอาไว้มากมาย“ว่านหลี่ ครั้งนี้นายสามารถกลับมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความพยายามของหลงยวนคุณชายของตระกูลหลง“ถ้าหากว่าไม่ใช่เขามีคุณธรรมลงโทษคนในครอบครัวที่ทำผิด ฆ่าน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง เพื่ออธิบายที่ไปที่มาของเรื่องราว”“ไม่แน่ตอนนี้นายก็อาจจะยังอยู่ในคุกก็ได้!”ในตอนนี้ คนระดับสูงของตระกูลถังออกหน้าเขาแสดงท่าที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่ถังว่านหลี่ซาบซึ้งต่อหลินเฟิง“จริงด้วยอาถังว่านหลี่ อาขอบคุณหลินเฟิงทำไม เป็นคุณชายหลงยวนที่ส่งคนมาจัดการปัญหาโดยเฉพาะ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน อาถึงกลับมาได้”“เขาพูดจาดีๆ กับผู้ว่ารัฐมนตรีเมืองจิงมากมาย”“จุ๊จุ๊ ดูท่าคุณชายหลงยวนมีความจริงใจต่อตระกูลถังของเรา พบว่าน้องสาวของตัวเองได้ทำร้ายคุณ จึงฆ่าญาติที่ทำผิดโดยตรง!”“เกรงว่าก็คงเป็นเพราะอาว่านหลี่เป็นพ่อของพี่ถังหว่านสินะ?”“เฮ้อ คุณชายหลงยวนก็ลุ่มหลงต่อพี่ถังหว่านมาก! น่าเสียดายพี่ถังหว่านจ
“ไม่...เขาฆ่าหลงเซียวของตระกูลหลง นั่นเป็นถึงลูกหลานสายตรงของตระกูลหลงเชียวนะ ตระกูลหลงไม่มีทางปล่อยตระกูลถังของเราไปอย่างแน่นอน!”“เจี้ยนหยวน นายต้องให้ความสำคัญกับภาพรวมนะ!”“ให้ความสำคัญกับภาพรวมงั้นเหรอ...”ถังเจี้ยนหยวนหยุดชะงักเล็กน้อยจากนั้นบนใบหน้าก็เผยสีหน้าเยาะหยันออกมาเล็กน้อย“ไม่สู้ คุณดูจดหมายที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาก่อนดีไหม?”ถังเจี้ยนหยวนนำจดหมายที่ถูกเปิดมาแล้วยื่นให้กับถังเทียนเต๋อ“หนังสือแจ้งตระกูลถัง”“ข้าพเจ้าผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง เป็นเพราะก่อนหน้านี้เข้าใจถังว่านหลี่ตระกูลถังผิดไป จึงขออภัยตระกูลถังอย่างสุดซึ้ง...”ถังเทียนเต๋อจ้องมองเนื้อหาที่อยู่บนจดหมายยิ่งดู สีหน้ายิ่งไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากที่เห็น “ลายเซ็นของผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง” ตัวอักษรสุดท้ายคนทั้งคนก็ทรุดนั่งลงบนพื้นงุนงงไปหมด“พ่อ มันคือจดหมายอะไร? ในจดหมายเขียนว่ายังไงเหรอ?”ถังว่านเฉวียนรีบถามขึ้นมา“มันคือ...คือจดหมายที่ผู้ว่ารัฐมนตรีเขียนเองกับมือ”ถังเทียนเต๋อกลืนน้ำลาย และพูดอย่างยากลำบาก:“เขารู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว อีกทั้ง...อีกทั้งทางด้านตระกูลหลงเองก็ยอ
แต่โชคดีที่ถังจวินเตรียมป้องกันไว้ตั้งนานแล้วเขาปล่อยพลังชี่แท้ออกมา สกัดกั้นเอาไว้สุดพลังกระสุนเม็ดนี้ถึงแม้จะยังคงยิงโดนหน้าอกของเขา แต่ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บให้กับเขามากเท่าไหร่นักเพียงแค่กระเทือนกระดูกซี่โครงของเขาจนหักถึงแม้จะสภาพย่ำแย่ แต่อย่างน้อยถังจวินก็รับไว้ได้เห็นถังหว่านท่าทางแน่วแน่แบบนี้ ถังเทียนเต๋อเตรียมจะเปลี่ยนวิธีการสายตาของเขามองข้ามถังหว่าน มองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า8“หลินเฟิง นายฆ่าหลงเซียวลูกหลานสายตรงของตระกูลหลง ความผิดมหันต์แบบนี้ นายยังอยากจะสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลถังของฉันงั้นเหรอ?!”“......”“หยุดเถอะ”ในที่สุดหลินเฟิงก็ลงมือแล้วเพียงแต่มือที่เขาลงมือนั้น จับไปที่ปากกระบอกปืนขของถังหว่าน เขาส่ายหน้าให้ถังหว่านช้าๆถ้าหากปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปแบบนี้เกรงว่าสุดท้ายคงจะวุ่นวายจนไม่สามารถจบเรื่องราวได้ความคิดของถังหว่านเขาเข้าใจ แต่เขาก็ไม่อยากให้ถังหว่านฆ่าคน“คนที่ฆ่าหลงเซียวไม่ใช่ฉัน แต่...ความผิดนี้ฉันสามารถรับเอาไว้ได้”หลินเฟิงมองไปทางคนตระกูลถัง ยื่นมือออกไปห้ามถังหว่านที่จะพูดคำออกมาด้วยความร้อนใจและหัวเราะเยาะพูดว่
เมื่อเขาเห็นว่าถังเทียนเต๋อออกคำสั่ง ก็ไม่มีความคิดอย่างอื่นอีก ก่อนจะโบกมือเรียกให้หน่วยลับของตัวเองที่อยู่ใกล้ตัว จับถังหว่านและหลินเฟิงให้ได้“ออกไป!”เมื่อเห็นว่าหน่วยลับที่อยู่รอบ ๆกำลังเข้ามาใกล้พวกเขามาขึ้นเรื่อย ๆในที่สุดถังหว่านก็โมโหแล้วเธอหันกลับไปคว้าปืนพกสีเข้มออกมาจากใต้หมอนของตัวเอง แล้วเล็งไปที่ถังจวิน“หากพวกคุณกล้าก้าวมาอีกก้าวหนึ่ง ฉันก็จะฆ่าพวกคุณ!”“ยังมีพวกแก ถังเทียนเต๋อ ไอ้แก่หนังเหนียวอย่างแก ถ้าพวกเขากล้าเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง ฉันก็จะฆ่าแกก่อน!”“ถังหว่าน! เธอจะกบฏงั้นเหรอ?!”ถังเทียนเต๋อพูดด้วยความโกรธ“ถังหว่าน วางอาวุธซะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่!”ถังว่านเฉวียนก็ตะโกนอย่างเด็ดขาด“เหอะ แน่จริงก็ยิงฉันให้ตายเลย ฉันไม่เชื่อว่าวันนี้เธอจะกล้ายิงฉัน”ถังว่านเชวีย ลูกชายคนรองของถังเทียนเต๋อยิ้มเยาะ แล้วเดินตรงไปหาถังหว่าน“ปัง!”ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน คิดไม่ถึงว่าถังหว่านจะเหนี่ยวไกปืนไปที่หน้าอกของถังว่านเชวียโดยตรงหลังจากถูกยิง ถังว่านเชวียยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆรอจนเขาก้มหน้ามองดูหน้าอกตรงกลางหัวใจของตัวเอง ที่มีเลือดไหลออกมา พร้อมกับแสด