“ฉันเสียใจ......เสียใจแทบตายอยู่แล้ว......ฉันไม่ควรฟังที่แม่พูดเลย......หลินเฟิง......ขอร้องล่ะ ได้โปรดยกโทษให้ฉันเถอะนะ......”หมัดที่กำแน่นของหลินเฟิงก็ค่อย ๆ คลายออกหลี่ฮุ่ยหราน ประธานสาวผู้ที่มีจิตใจดั่งธารน้ำแข็ง ในที่สุดก็เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอออกมาแต่ทันใดนั้นหลินเฟิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ตรงหน้าเขายังมีกู้เฉินอยู่ด้วย“นี่คือสิ่งที่นายเรียกว่าความสุขของฮุ่ยหรานอย่างงั้นเหรอ? ”หลินเฟิงมองไปทางกู้เฉินด้วยสายตาที่เย็นชาจู่ ๆ ใบหน้าของกู้เฉินก็กระตุก พูดด่าว่าผู้หญิงสารเลวเสียงเบาวิธีการฝังเข็มที่ตัวเองเรียนรู้มาจากอาจารย์หมอหนานโจว สามารถกระตุ้นตัณหาที่รุนแรงที่สุดในใจของคนได้คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่หลี่ฮุ่ยหรานคนนี้โดนกระตุ้นไปแล้ว ปากของเธอจะยังตะโกนชื่อของหลินเฟิงออกมาอยู่นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมากเห็นได้ชัดว่าคนในตระกูลของพวกเขาไม่ชอบผู้ชายคนนี้ถึงขนาดนี้ แต่ทำไมหลี่ฮุ่ยหรานถึงยังคิดถึงเขาอยู่อีก?“หึหึ”แม้ว่ากู้เฉินจะสาปแช่งอยู่ในใจ แต่ภายนอกเขายังคงเผยรอยยิ้มออกมาอยู่ ทั้งยังยื่นมือออกไปหาหลินเฟิงอีก แล้วพูดว่า:“หลินเฟิง ฉันขอแนะนำนายว
“หลินเฟิง!”ท่าทางของหลี่ฮุ่ยหรานดูเป็นทุกข์เอามาก ๆ “ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้อยู่ตลอดเลย แค่คุณก้มหัวให้สักครั้งจะทำไมเหรอ? ”“ทำไมผมจะต้องก้มหัวให้ด้วย? ”หลินเฟิงเองก็ถูกกระตุ้นความโกรธขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเย็นชา:“หลี่ฮุ่ยหราน ครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อคุณไม่คิดที่จะเชื่อผม งั้นพวกเราก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันอีก คุณก็วิ่งไล่ตามความสุขของคุณต่อไปเถอะ! ”“ตั้งแต่นี้ต่อไปพวกเราขาดกัน! แล้วผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของคุณอีก! คุณเองก็อย่ามายุ่งกับผมด้วยเช่นกัน! ”หลังจากพูดอย่างนั้น หลินเฟิงก็สะบัดมือของหลี่ฮุ่ยหรานออก และเดินตรงออกจากโรงฝึก“หลินเฟิง! ”หลี่ฮุ่ยหรานเดินโซเซและพยายามตามหลินเฟิงให้ทัน แต่หลินเฟิงก็จากไปแล้ว ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองเลยด้วยซ้ำหลี่ฮุ่ยหรานยืนพิงเสาตรงประตูของโรงฝึก ในใจรู้สึกโศกเศร้า เธอเอามือปิดหน้า และค่อย ๆ คุกเข่าลงกับพื้น“ทำไม......ทำไมคุณถึงได้ดื้อแบบนี้อยู่ตลอดเลย...... ”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เข้าใจเขาจริง ๆ“ฮุ่ยหราน อย่าเศร้าไปเลยนะครับ คนอย่างสามีเก่าของคุณ ไม่มีค่าพอให้นึกถึงหรอกครับ”กู้เฉินแอบด่าหลินเฟิงที่เพิ่งจ
หลินเฟิงเข้าประเด็น และถามออกไปในทันที: “ใครเป็นคนทำร้ายคุณน้าจ้าว? แล้วเสวี่ยฮุ่ยล่ะ อยู่ไหน? ! ”ในสายโทรศัพท์ จ้าวเทียนหวาสัมผัสได้ถึงความโกรธที่ยังระงับเอาไว้อยู่ของหลินเฟิง จ้าวเทียวหวาเองก็ไม่กล้าโกหก เลยทำได้แค่กัดฟันแล้วพูดออกไปว่า:“เสวี่ยฮุ่ยอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ครับ”“ตระกูลหลี่! ตระกูลหลี่งั้นเหรอ! ”หลินเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขากัดฟันและส่งเสียงบดขยี้อย่างน่ากลัว “ฉัน หลินเฟิง เริ่มชักจะเบื่อพวกเขาเต็มทีแล้ว! วันนี้ จะเป็นวันที่ฉันจะยุติความสัมพันธ์ของฉันกับพวกเขาตระกูลหลี่! ”“จ้าวเทียนหวา นายส่งหมอที่ดีที่สุดมาดูแลคุณน้าจ้าวให้ฉันที! ”“ครับ! ”จ้าวเทียนหวาเองก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งหลังจากวางสายโทรศัพท์ หลินเฟิงก็เดินออกจากวิลล่าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง จู่ ๆ รอบ ๆ ตัวเขาก็มีฝนตกหนัก และมีฟ้าแลบฟ้าร้องบนท้องฟ้า เช่นเดียวกับอารมณ์ของหลินเฟิงในเวลานี้“คุณปู่ครับ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเฟิงพยายามเมตตามากที่สุดแล้วครับ! ”“จากนี้ไป ตระกูลหลี่ของพวกคุณ ก็อวยพรให้ตัวเองโชคดีก็แล้วกันนะ! ”“บรื้น! ”หลินเฟิงสตาร์ทรถมายบัค จากนั้นก็พุ่งทะลุราวกั้นถนน แล้วมุ่งหน้
ในตอนนี้หลี่ไห่ชานก็กำลังนั่งอยู่ตรงระเบียงเขามองดูฟ้าแลบฟ้าร้องด้านนอกวิลล่า เขาจมอยู่กับความคิดตัวเองท่ามกลางเสียงของสายฝน“คุณปู่คะ”หลี่ฮุ่ยหรานเรียกออกไปอีกครั้ง หลี่ไห่ชานถึงได้มีการตอบสนอง เขาหันกลับมาและฝืนยิ้มให้ “ฮุ่ยหราน มาแล้วเหรอ? ทำไมไม่ทานข้าวกับพวกแม่ของหลานล่ะ? ”เธอมองดูรอยย่นบนใบหน้าของคุณปู่ตัวเองที่เพิ่มขึ้นเพราะเรื่องของไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงทำได้แค่ปิดปากเงียบเพื่อระงับความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ“ฮุ่ยหรานเอ๋ย......ฮุ่ยหราน”หลี่ไห่ซานประคองหลี่ฮุ่ยหรานที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ขึ้น แล้วดึงเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา ลูบผมของหลานสาวตัวเอง แล้วพูดอย่างเจ็บปวด“หลินเฟิงเป็นเด็กที่โดดเด่นมากขนาดนั้น ทำไมทุกคนถึงไม่เข้าใจเขาเลยนะ? ”“คุณปู่คะ หนูรู้ค่ะ หนูรู้”หลี่ฮุ่ยหรานสะอื้น “แต่เขาหยิ่งแล้วก็ดื้อรั้นเกินไป เขาไม่เต็มใจแม้แต่จะกล่าวขอบคุณคุณชายกู้เลยด้วยซ้ำ”“คุณชายกู้เป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้เลยนะคะ! ”“คุณชายกู้? กู้เฉินน่ะเหรอ? ”คุณปู่ตระกูลหลี่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตบไปที่ต้นขาตัวเองแรง ๆ “ฮุ่ยหราน หลานเลอะเลือนแล้วล
คนที่แทบรอไม่ไหวที่จะได้แก้แค้นอย่างหลี่เยว่หรูที่เห็นหลี่ฮุ่ยหรานกำลังรีบสวมรองเท้าอย่างเร่งรีบ เธอก็ขมวดคิ้วและพูดออกไปว่า “อย่าบอกนะว่าพี่จะไปปกป้องไอ้สารเลวที่มันลวนลามฉัน?”“ปัง! ”หลี่ฮุ่ยหรานเพิกเฉยต่อเธอ แล้วรีบวิ่งออกจากประตูด้วยรองเท้าส้นสูงฝนด้านอกตกค่อนข้างหนัก ทำให้ทุกอย่างมืดไปหมดและภายใต้ความมืดมิดนั้น ร่างสูงก็ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานที่กำลังวิ่งโผล่พ้นความมืดเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์“เปรี้ยง! ”เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบก็ดังสนั่นไปทั่วบริเวณรอบ ๆ ในทันที หลี่ฮุ่ยหรานถือโอกาสที่ฟ้าแลบมองเห็นรูปร่างหน้าตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ นอกจากหลินเฟิงแล้ว เธอยังจะมองเห็นใครได้อีก?“หลินเฟิง เข้าไปข้างในก่อนเถอะ! มีเรื่องอะไร พวกเราก็ค่อยว่ากัน! ”หลี่ฮุ่ยหรานยื่นมือออกไปหาหลินเฟิง และพูดท่ามกลางสายฝน “หลินเฟิง ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรไม่เชื่อคุณ คุณช่วยยกโทษให้ฉันได้ไหม? ”ร่างนั้นยังคงไม่พูดอะไรออกมาหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาเลิกสนใจหลี่ฮุ่ยหรานแล้วโดยสิ้นเชิง“โธ่เอ้ย ฮุ่ยหราน ลูกออกมาได้ยังไง ฝนตกหนักขนาดนี้ แกไม่เอาร่มออกมาด้วยล่ะ”จางกุ้ยหล
หวงติ่งคนนี้ก็หยิ่งมากเช่นกัน เห็นสวีเฉียงและคนอื่น ๆ เขาก็ไม่พอใจ และพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าฉันบอกให้พวกแกอยู่แต่ในบ้านห้ามออกมาไม่ใช่รึไง?”“เรื่องตรงนี้ปล่อยให้พวกฉันจัดการก็พอแล้ว”เนื่องจากหวงติ่งหมัดคุนหลุนคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ทุกครั้งที่เขาลงมือก็มักจะส่งผลให้ร่างกายของคู่ต่อสู้นั้นระเบิด และมีเลือดกระจายอย่างมาก เพราะงั้นเขาจึงมักไม่ชอบให้มีคนมาดูอยู่ข้าง ๆ“ได้ ๆ ๆ”สวีเฉียงเองก็ไม่กล้าเถียง จากนั้นเขาก็ดึงจางซินเข้าบ้านไป“ฮุ่ยหราน ไปได้แล้ว ปล่อยให้คนที่สวีเฉียงพามาจัดการหลินเฟิงไป พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่ง”จางกุ้ยหลานกำลังจะดึงหลี่ฮุ่ยหรานไป แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ หลี่ฮุ่ยหรานจะสะบัดมือจางกุ้ยหลานออก และถามแม่ของเธอออกไปว่า “แม่คะ! ที่หลินเฟิงพูดหมายความว่ายังไง? เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของหลินเฟิง? ”“นางเด็กอัปลักษณ์นั่น...... ”จางกุ้ยหลานรู้สึกสะอึกสะอักเกินกว่าจะพูด จากนั้นเธอก็โกรธขึ้นมา แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้แกก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว มันเกี่ยวข้องกับการกลับมาของตระกูลหลี่แห่งเจียงหนานของพวกเรา ฮุ่ยหราน แกแค่ต้องแต่งงานกับคุณชายกู้ก็พอแล้ว! ”“แม่คะ! ”หล
อยากที่จะกินทั้งสองฝั่งหลินเฟิงเหลือบมองรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงของหวงติ่ง และตะโกนออกไปว่า“ไสหัวไปซะ”รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงติ่งแข็งทื่อทันที“เจ้าหนู แน่ใจนะว่าแกอยากจะรนหาที่ตายจริง ๆ? ”“คนที่รนหาที่ตายนั่นมันแกต่างหาก” หลินเฟิงค่อย ๆ จ้องมองไปยังใบหน้าของหวงติ่งช้า ๆ และจ้องมองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่อยากตาย ก็ถอยไปซะ”พอหวงติ่งได้ยิ่นสิ่งที่หลินเฟิงพูด เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฉันอยู่บนถนนสายนี้มาหลายปีแล้ว แล้วก็ยังไม่เคยเจอใครที่กล้าสั่งให้ฉันหลีกทางให้”“วันนี้แกก็ได้ยินแล้วนี่”หลินเฟิงยังคงไม่แสดงสีหน้า เมื่อหวงติ่งเห็นแบบนั้น เขาก็โกรธจนสูญเสียการควบคุมในที่สุด เขาคว้าไหล่ของหลินเฟิง และพุ่งหมัดชกเข้าไปตรงท้องของหลินเฟิง“รนหาที่ตายนักนะ! ”รอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏบนขึ้นบนใบหน้าของหวงติ่ง ราวกับว่าเขาจะสามารถเห็นฉากที่ท้องของหลินเฟิงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยหมัดที่พุ่งผ่านช่องท้องส่วนล่างของเขาในหมัดเดียว“บูม! ”แต่แล้วก็มีฉากที่เปลี่ยนให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงติ่งให้กลายเป็นความประหลาดใจเกิดขึ้นหมัดคุนหลุนที่ไร้เทียมทานของเขา ในระยะห่างที่ใกล้ม
พอมาถึงจุดนี้ หลินเฟิงคือคนที่ทำลายแก๊งอันธพาลในตลาดมืดด้วยตัวคนเดียวจางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในบ้านของตระกลูหลี่ที่มีฉนวนกันเสียง บวกกับเสียงฝนตกฟ้าร้อง จึงไม่มีใครได้ยินเสียงการสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียวที่เกิดขึ้นด้านนอก รวมถึงเสียงกรีดร้องของพวกอันธพาลก็ด้วยพวกเขาคิดว่า แม้ว่าหลินเฟิงจะสู้ได้ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็รับมือกับคนมากมายขนาดนั้นไม่ได้อย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหมัดคุนหลุน หวงติ่งผู้โด่งดังในตลาดมืดเป็นผู้ลงมืออีกต่างหากอดีตสามีที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง คงได้ตายสมใจอยากแล้วไม่ใช่รึไง?จางกุ้ยหลานถึงขั้นนำไวน์แดงลาฟิตต์ที่เตรียมไว้ออกมาล่วงหน้า แล้วเทให้โจวอวี้เฟิ่งและคนอื่น ๆ จากนั้นก็รอฉลองให้กับร่างของหลินเฟิงที่หวงติ่งอุ้มเข้ามา“ซินซิน หนูได้ส่งรูปภาพไปให้ตระกูลถังแล้วหรือยัง? ”จางกุ้ยหลานมองไปทางจางซินจางซินพยักหน้า และพูดด้วยรอยยิ้ม“ว่างใจเถอะค่ะคุณป้า แม้ว่าหนูจะเกลียดถังหว่านมากแค่ไหน แต่ขอแค่เธอได้รู้ว่าคนที่เธอเลี้ยงดูมาแอบเลี้ยงดูนางเด็กสารเลวนั่นอยู่โดยไม่บอกเธอล่ะก็ เธอจะต้องโกรธแน่นอนค่ะ”“แล้วตอนนี้พวกเราก็โยนร่างของหลินเฟิงให้เธอไปด้วย ไม่แ