“มาเถอะ เธอลงมือเองเถอะ!”“หลิน...หลินเฟิง...”หลี่ฮุ่ยหรานปีนป่ายไปทางกู้เฉิน เหมือนกับถูกตัณหาครอบงำ คุกเข่าทำท่ายั่วยวน และก็มีสีหน้าอ้อนวอนไปด้วย“ขอร้องล่ะ หลินเฟิง...เป็นฉัน...ฉันไม่ดีเอง...คุณ...คุณอย่าโกรธฉันเลยนะ...”“หลินเฟิง...”เมื่อได้ยินหลี่ฮุ่ยหรานยังเรียกชื่อของหลินเฟิงคนนั้นในเวลาแบบนี้ ก้นบึ้งหัวใจของเขามีความอิจฉาอยู่เล็กน้อยทันทีถนนใหญ่เจียงหลิงหลังจากเดินทางออกมาจากโรงพยาบาลหลินเฟิงที่ขับรถมายบัคกำลังจะย้อนกลับไปที่อ่าวเทียนสุ่ย กลับได้รับสายของจ้าวเทียนหวาด้วยความประหลาดใจ“คุณชายหลิน ก่อนหน้านี้คนที่คุณให้เฝ้าดูหลี่ฮุ่ยหรานได้รายงานว่า หลี่ฮุ่ยหรานกับกู้เฉินของตระกูลกู้เมืองเจียงหนานคนนั้นเข้าร่วมงานตัดริบบิ้นโรงฝึกบู๊เปิดใหม่”“กู้เฉินยังสอนหลี่ฮุ่ยหรานเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้”ได้ยินการรายงานของจ้าวเทียนหวา หลินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นผ่อนคลายเล็กน้อย และพูดอย่างนิ่งเฉย:“แล้วยังไง? หลี่ฮุ่ยหรานอยากไปเอง ไม่เกี่ยวกับผม ต่อไปพวกคุณไม่ต้องเฝ้าดูเธอแล้ว”“เอ่อ...”จ้าวเทียนหวาที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์เห็นได้ชัดว่าลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อ:“แต่ว่าค
ตอนนี้หลินเฟิงหมดความอดทน และก็ไมได้มีสีหน้าที่ดีอะไรแล้ว จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังภายในโรงบู๊และก็เป็นเพราะเสียงตวาดด้วยความโมโหของเขา ดึงดูดสายตาของทุกคนในลาน นักเรียนที่เดินทางมาเรียนที่นี่ต่างก็มองมาทางด้านนี้ด้วยความประหลาดใจ“อุ๊ย นี่ก็คือการท้าดวลในตำนานสินะ?”“นี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว เปิดกิจการวันแรกก็ท้าดาล”“นายดูได้เลย ฉันได้ยินมาว่าชายหัวล้านคนนั้นชื่อเจิ้นเฟิง เป็นปรมาจารย์บู๊ของเจียงหลิง บุคคลยิ่งใหญ่ที่อยู่บนอันดับโลก”“อันดับโลกคืออะไร?”“อันดับโลก...ฉันก็ไม่รู้ เอาเป็นว่านายรู้แค่ว่าเก่งกาจมากก็พอแล้ว”“งั้น...งั้นคนที่มาดวล ผอมแห้งอ่อนแรง ขาวสะอาด จำเป็นคู่ต่อสู้ของเจิ้นเฟิงได้อย่างไร?”“ฉันก็ไม่รู้ แต่หวังว่าเขาอย่าตายจนน่าอนาถเกินไป...”“เอ๊ะ? นั่นมันพี่หลินเฟิงไม่ใช่เหรอ?”ผู้หญิงที่เป็นหนึ่งในนักเรียนจำหลินเฟิงได้ เธอก็คือโจวเสี่ยวหางที่สนิทสนมกับหลินเสวี่ยฮุ่ยก่อนหน้านี้เมื่อก่อนสวมหมวกแก๊ปมาโดยตลอด ตอนนี้ผูกหางม้า ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ“พี่หลินเฟิงมาทำอะไรที่นี่? ท้าดวล?”โจวเสี่ยวหางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยผู้ชายที่สามชุดฝึกสองสามคนได้ยินการวิพ
“แกรนหาที่ตายเหรอ!”ชายร่างกำยำอีกสองคนในชุดฝึกซ้อมโผเข้าหาหลินเฟิงโดยตรง แต่หลินเฟิงก็ไม่ได้ปล่อยตามอำเภอใจ รับมือกับคนไม่สำคัญเหล่านี้ เขาถึงขั้นที่ไม่ต้องออกแรงสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ“เพี๊ยะ เพี๊ยะ!”เสียงตบหน้าดังขึ้นสองครั้ง โดยที่หลินเฟิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม และบีบมือของชายกำยำที่ส่งเสียงร้องอนาถอย่างแรงครูสอนศิลปะการต่อสู้สองคนที่โผเข้ามาหาเขา ในเวลานี้ต่างล้มลงกับพื้นเสียงดังลั่นซ้ายข้างหนึ่งขวาข้างหนึ่ง จนขนานกันเป็นคู่“ฮะ?”พวกนักเรียนส่งเสียงตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง“พรึ่บ”ดูท่าครูหัวโล้นคนนั้นก็ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมายเมื่อเห็นเรื่องราวพัฒนามาถึงตรงนื้ ก็คุกเข่าลงข้างเดียวทันที เขาฝืนใจคารวะหลินเฟิงแล้วพูดว่า:“คุณชายท่านนี้ เมื่อสักครู่ผมล่วงเกินไปมาก ไม่รู้ว่าคุณใช่ปรมาจารย์อันดับสวรรค์หรือเปล่าครับ?”“สาม!”หลินเฟิงหรี่ตาลง แล้วตะโกนออกมาเป็นเลขตัวสุดท้าย“คุณ...คุณชายกู้อยู่ในห้องลับทางด้านนั้น ต้องการให้ผมไปเรียกเขาไหมครับ?” เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ครูหัวโล้นคนนั้นก็รู้สึกโกรธในใจขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะสายตาหลังจากที่หลินเฟิงคนนั
“ฉันเสียใจ......เสียใจแทบตายอยู่แล้ว......ฉันไม่ควรฟังที่แม่พูดเลย......หลินเฟิง......ขอร้องล่ะ ได้โปรดยกโทษให้ฉันเถอะนะ......”หมัดที่กำแน่นของหลินเฟิงก็ค่อย ๆ คลายออกหลี่ฮุ่ยหราน ประธานสาวผู้ที่มีจิตใจดั่งธารน้ำแข็ง ในที่สุดก็เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอออกมาแต่ทันใดนั้นหลินเฟิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ตรงหน้าเขายังมีกู้เฉินอยู่ด้วย“นี่คือสิ่งที่นายเรียกว่าความสุขของฮุ่ยหรานอย่างงั้นเหรอ? ”หลินเฟิงมองไปทางกู้เฉินด้วยสายตาที่เย็นชาจู่ ๆ ใบหน้าของกู้เฉินก็กระตุก พูดด่าว่าผู้หญิงสารเลวเสียงเบาวิธีการฝังเข็มที่ตัวเองเรียนรู้มาจากอาจารย์หมอหนานโจว สามารถกระตุ้นตัณหาที่รุนแรงที่สุดในใจของคนได้คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่หลี่ฮุ่ยหรานคนนี้โดนกระตุ้นไปแล้ว ปากของเธอจะยังตะโกนชื่อของหลินเฟิงออกมาอยู่นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมากเห็นได้ชัดว่าคนในตระกูลของพวกเขาไม่ชอบผู้ชายคนนี้ถึงขนาดนี้ แต่ทำไมหลี่ฮุ่ยหรานถึงยังคิดถึงเขาอยู่อีก?“หึหึ”แม้ว่ากู้เฉินจะสาปแช่งอยู่ในใจ แต่ภายนอกเขายังคงเผยรอยยิ้มออกมาอยู่ ทั้งยังยื่นมือออกไปหาหลินเฟิงอีก แล้วพูดว่า:“หลินเฟิง ฉันขอแนะนำนายว
“หลินเฟิง!”ท่าทางของหลี่ฮุ่ยหรานดูเป็นทุกข์เอามาก ๆ “ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้อยู่ตลอดเลย แค่คุณก้มหัวให้สักครั้งจะทำไมเหรอ? ”“ทำไมผมจะต้องก้มหัวให้ด้วย? ”หลินเฟิงเองก็ถูกกระตุ้นความโกรธขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเย็นชา:“หลี่ฮุ่ยหราน ครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อคุณไม่คิดที่จะเชื่อผม งั้นพวกเราก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันอีก คุณก็วิ่งไล่ตามความสุขของคุณต่อไปเถอะ! ”“ตั้งแต่นี้ต่อไปพวกเราขาดกัน! แล้วผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของคุณอีก! คุณเองก็อย่ามายุ่งกับผมด้วยเช่นกัน! ”หลังจากพูดอย่างนั้น หลินเฟิงก็สะบัดมือของหลี่ฮุ่ยหรานออก และเดินตรงออกจากโรงฝึก“หลินเฟิง! ”หลี่ฮุ่ยหรานเดินโซเซและพยายามตามหลินเฟิงให้ทัน แต่หลินเฟิงก็จากไปแล้ว ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองเลยด้วยซ้ำหลี่ฮุ่ยหรานยืนพิงเสาตรงประตูของโรงฝึก ในใจรู้สึกโศกเศร้า เธอเอามือปิดหน้า และค่อย ๆ คุกเข่าลงกับพื้น“ทำไม......ทำไมคุณถึงได้ดื้อแบบนี้อยู่ตลอดเลย...... ”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เข้าใจเขาจริง ๆ“ฮุ่ยหราน อย่าเศร้าไปเลยนะครับ คนอย่างสามีเก่าของคุณ ไม่มีค่าพอให้นึกถึงหรอกครับ”กู้เฉินแอบด่าหลินเฟิงที่เพิ่งจ
หลินเฟิงเข้าประเด็น และถามออกไปในทันที: “ใครเป็นคนทำร้ายคุณน้าจ้าว? แล้วเสวี่ยฮุ่ยล่ะ อยู่ไหน? ! ”ในสายโทรศัพท์ จ้าวเทียนหวาสัมผัสได้ถึงความโกรธที่ยังระงับเอาไว้อยู่ของหลินเฟิง จ้าวเทียวหวาเองก็ไม่กล้าโกหก เลยทำได้แค่กัดฟันแล้วพูดออกไปว่า:“เสวี่ยฮุ่ยอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ครับ”“ตระกูลหลี่! ตระกูลหลี่งั้นเหรอ! ”หลินเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขากัดฟันและส่งเสียงบดขยี้อย่างน่ากลัว “ฉัน หลินเฟิง เริ่มชักจะเบื่อพวกเขาเต็มทีแล้ว! วันนี้ จะเป็นวันที่ฉันจะยุติความสัมพันธ์ของฉันกับพวกเขาตระกูลหลี่! ”“จ้าวเทียนหวา นายส่งหมอที่ดีที่สุดมาดูแลคุณน้าจ้าวให้ฉันที! ”“ครับ! ”จ้าวเทียนหวาเองก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งหลังจากวางสายโทรศัพท์ หลินเฟิงก็เดินออกจากวิลล่าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง จู่ ๆ รอบ ๆ ตัวเขาก็มีฝนตกหนัก และมีฟ้าแลบฟ้าร้องบนท้องฟ้า เช่นเดียวกับอารมณ์ของหลินเฟิงในเวลานี้“คุณปู่ครับ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเฟิงพยายามเมตตามากที่สุดแล้วครับ! ”“จากนี้ไป ตระกูลหลี่ของพวกคุณ ก็อวยพรให้ตัวเองโชคดีก็แล้วกันนะ! ”“บรื้น! ”หลินเฟิงสตาร์ทรถมายบัค จากนั้นก็พุ่งทะลุราวกั้นถนน แล้วมุ่งหน้
ในตอนนี้หลี่ไห่ชานก็กำลังนั่งอยู่ตรงระเบียงเขามองดูฟ้าแลบฟ้าร้องด้านนอกวิลล่า เขาจมอยู่กับความคิดตัวเองท่ามกลางเสียงของสายฝน“คุณปู่คะ”หลี่ฮุ่ยหรานเรียกออกไปอีกครั้ง หลี่ไห่ชานถึงได้มีการตอบสนอง เขาหันกลับมาและฝืนยิ้มให้ “ฮุ่ยหราน มาแล้วเหรอ? ทำไมไม่ทานข้าวกับพวกแม่ของหลานล่ะ? ”เธอมองดูรอยย่นบนใบหน้าของคุณปู่ตัวเองที่เพิ่มขึ้นเพราะเรื่องของไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงทำได้แค่ปิดปากเงียบเพื่อระงับความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ“ฮุ่ยหรานเอ๋ย......ฮุ่ยหราน”หลี่ไห่ซานประคองหลี่ฮุ่ยหรานที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ขึ้น แล้วดึงเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา ลูบผมของหลานสาวตัวเอง แล้วพูดอย่างเจ็บปวด“หลินเฟิงเป็นเด็กที่โดดเด่นมากขนาดนั้น ทำไมทุกคนถึงไม่เข้าใจเขาเลยนะ? ”“คุณปู่คะ หนูรู้ค่ะ หนูรู้”หลี่ฮุ่ยหรานสะอื้น “แต่เขาหยิ่งแล้วก็ดื้อรั้นเกินไป เขาไม่เต็มใจแม้แต่จะกล่าวขอบคุณคุณชายกู้เลยด้วยซ้ำ”“คุณชายกู้เป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้เลยนะคะ! ”“คุณชายกู้? กู้เฉินน่ะเหรอ? ”คุณปู่ตระกูลหลี่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตบไปที่ต้นขาตัวเองแรง ๆ “ฮุ่ยหราน หลานเลอะเลือนแล้วล
คนที่แทบรอไม่ไหวที่จะได้แก้แค้นอย่างหลี่เยว่หรูที่เห็นหลี่ฮุ่ยหรานกำลังรีบสวมรองเท้าอย่างเร่งรีบ เธอก็ขมวดคิ้วและพูดออกไปว่า “อย่าบอกนะว่าพี่จะไปปกป้องไอ้สารเลวที่มันลวนลามฉัน?”“ปัง! ”หลี่ฮุ่ยหรานเพิกเฉยต่อเธอ แล้วรีบวิ่งออกจากประตูด้วยรองเท้าส้นสูงฝนด้านอกตกค่อนข้างหนัก ทำให้ทุกอย่างมืดไปหมดและภายใต้ความมืดมิดนั้น ร่างสูงก็ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานที่กำลังวิ่งโผล่พ้นความมืดเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์“เปรี้ยง! ”เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบก็ดังสนั่นไปทั่วบริเวณรอบ ๆ ในทันที หลี่ฮุ่ยหรานถือโอกาสที่ฟ้าแลบมองเห็นรูปร่างหน้าตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ นอกจากหลินเฟิงแล้ว เธอยังจะมองเห็นใครได้อีก?“หลินเฟิง เข้าไปข้างในก่อนเถอะ! มีเรื่องอะไร พวกเราก็ค่อยว่ากัน! ”หลี่ฮุ่ยหรานยื่นมือออกไปหาหลินเฟิง และพูดท่ามกลางสายฝน “หลินเฟิง ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรไม่เชื่อคุณ คุณช่วยยกโทษให้ฉันได้ไหม? ”ร่างนั้นยังคงไม่พูดอะไรออกมาหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาเลิกสนใจหลี่ฮุ่ยหรานแล้วโดยสิ้นเชิง“โธ่เอ้ย ฮุ่ยหราน ลูกออกมาได้ยังไง ฝนตกหนักขนาดนี้ แกไม่เอาร่มออกมาด้วยล่ะ”จางกุ้ยหล