“คุณมาได้ ฉันก็รู้สึกดีใจมาก”หลี่ฮุ่ยหรานอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แล้วพูดขึ้นมา: “แน่นอน คุณปู่ก็ยิ่งดีใจ”เธอยังอยากจะอธิบายเรื่องเข้าใจผิดเมื่อครั้งที่แล้วกับหลินเฟิงสักหน่อย แต่กลับไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรหลินเฟิงกลับไม่ได้มองเธอสักนิด เขาหันหลังเดินไปทางห้องโถงใหญ่“อุ๊ย คุณเอาของขวัญอะไรมาน่ะ?” หลี่ว์เจิ้งหยางที่ยืนอยู่ตรงประตูยิ้มแล้วถามขึ้นหลินเฟิงเหลือบตามองเขา: “ผมเอาของขวัญอะไรมา หรือว่าต้องรายงานกับคุณด้วยเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้น: “หึหึ วันนี้เป็นวันเกิดแปดสิบปีของคุณปู่ ผมกลัวว่าของขวัญของคุณจะเอาออกมาโชว์ไม่ได้น่ะสิ ผมให้คุณยืมเงินหน่อยไหม?”หลินเฟิงกวาดตามองกล่องของขวัญที่อยู่ในมือของเขา ดูความเล็กใหญ่แล้ว เหมือนว่ายังเป็นแจกันดอกไม้เขาจึงยิ้มออกมาทันที: “ทำไม? ยังมอบแจกันดอกไม้อีกเหรอ? ระหว่างทางระวังหน่อยล่ะ อย่าทำให้แตกอีก”“แม่ง...”หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินคำพูดนี้ ก็กอดของขวัญที่อยู่ในมือเอาไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณหลินเฟิงหัวเราะเยาะแล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขณะเดียวกัน หลี่ไห่ซานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก เขาหรี่ตาลง หลับตาพักเหนื่อยงานที่จ้อกแจ้
“คุณชายหลี่ว์ คุณมาได้สักทีนะคะ รีบนั่งรีบนั่ง” จางกุ้ยหลานรีบดึงหลี่ว์เจิ้งหยางมานั่งที่ด้านข้างตัวเองจางซินกับหลี่จื้อเชาที่อยู่ด้านข้างทั้งรินน้ำ ทั้งยื่นบุหรี่ให้นี่เป็นความพิเศษที่หลินเฟิงไม่เคยได้รับมาก่อนจากนั้นจางกุ้ยหลานก็มองไปทางหลี่ไห่ซานแล้วพูดขึ้น: “คุณปู่ ครั้งนี้สามารถจัดงานฉลองวันเกิดที่โรงแรมอิ๋งปินได้ เป็นความดีความชอบของคุณชายหลี่ว์เลยนะ”“คุณจะต้องทำความสนิทสนมกับคุณชายหลี่ว์ให้มากขึ้นนะ”คุณปู่ตระกูลหลี่พูดด้วยความหงุดหงิด: “สนิทสนมกับผีน่ะสิ ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะจัดงานในสถานที่แบบนี้ ถ้าให้ฉันพูดนะไม่จัดงานยังจะดีกว่า”“เอ๊ะ ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้นะ? ถ้าหากคุณไม่จัดงานคนอื่นจะไม่พูดเหรอว่าพวกเราผู้น้อยอกตัญญู” จางกุ้ยหลานพูดสั่งสอนหลินเฟิงขมวดคิ้วทันที กฎเกณฑ์ของโรงแรมอิ๋งปินเขาก็พอรู้อยู่บ้าง เขาไม่เชื่อหรอกว่าหลี่ว์เจิ้งหยางจะมีความสามารถนี้“โรงแรมอิ๋งปินนี้เขาเป็นคนจองเหรอ?” หลินเฟิงถามด้วยความสงสัย“พูดจาไร้สาระ ถ้าไม่ใช่พี่หลี่ว์ของฉัน แล้วจะเป็นนายหรือไง?” หลี่จื้อเชาถามกลับจางซินก็พูดตามขึ้นมา: “เลขาท่านผู้ว่ามาบอกที่ตระกูลหลี่ด้วยตัวเองเล
“ห้าล้านบาทยังไม่แพงอีกเหรอ?” หลี่จื้อเชาอุทานออกมา: “ไม่เสียแรงที่เป็นคุณชายหลี่ว์ เงินห้าล้านก็ยังนับว่าเป็นเงินเล็กน้อย”“โอ๊ย ทำให้คุณชายหลี่ว์ลำบากเลยค่ะ”จางกุ้ยหลานใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็หันหน้ามองไปทางคุณปู่แล้วพูดขึ้นมา: “คุณปู่ คุณดูสิ นี่เป็นของขวัญที่คุณชายหลี่ว์มอบให้คุณนะคะ”หลี่ไห่ซานล้วงแว่นตาขยายออกมาจากในกระเป๋าทันที เมื่อจ้องมองลวดลายที่อยู่บนแจกันดอกไม้ เขาก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างมาก: “นี่เป็นเครื่องลายครามของสมัยไหน?”หลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มเล็กน้อย: “ก็แค่เครื่องปั้นดินเผาของราชวงศ์ชิงครับ คุณปู่ชอบไหมครับ?”หลี่ไห่ซานพยักหน้า: “ไม่เลว ไม่เลว...”ถึงแม้เขาจะไม่ชอบหลี่ว์เจิ้งหยาง แต่สำหรับวัตถุโบราณระดับนี้เขารู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากหลินเฟิงขมวดคิ้วในทันที: “นี่คือเครื่องปั้นดินเผาสมัยราชวงศ์ชิง?”“ผมดูแล้วไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่นะ?”หลี่ว์เจิ้งหยางตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงด้วยความกระวนกระวาย: “ไอ้หนุ่มหมายความว่าอย่างไร?”เครื่องลายครามก่อนหน้านี้ถูกเขาทำแตกจนแหลกละเอียด ครั้งนี้เขาก็ซื้อของลอกเลียนแบบมาจริง ๆ นั่นแหละแต่ร้านขายบอกเอาไว้แล
“ฉันดูหน่อยสิ?” ทุกคนเห็นคุณปู่ชื่นชอบขนาดนี้ ก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าหลินเฟิงมอบของอะไรให้กันแน่ต่างพากันยื่นหน้าออกไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นภาพเขียนพู่กันจีน ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังอย่างมากจางกุ้ยหลานกลอกตาไปมา: “คุณปู่ ของสิ่งนี้ก็นับว่าเป็นของดีได้ด้วยเหรอ?”“จริงด้วย ก็แค่ภาพเขียนพู่กันจีนกระจอก ๆ มูลค่ายังไม่เท่าแจกันเครื่องลายครามที่คุณชายหลี่ว์มอบให้เลย” หลี่จื้อเชาเบะปากพูดคุณปู่ตระกูลหลี่ขมวดคิ้วแน่น: “ภาพเขียนพู่กันจีนกระจอก ๆ? นี่เป็นลายมือการเขียนของหวังซีจื่อ แกไม่เคยเรียนหนังสือเหรอ? ถึงไม่รู้ว่าหวังซีจื่อคือใคร?”จางซินโบกมือ: “เขาบอกว่าใช่ก็ใช่เหรอ? หนูยังพูดว่าเป็นของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เลย”“หึหึ...”หลี่เจิ้งหยางยิ้มบางในทันที: “คุณปู่ พูดตามตรงนะครับ ภาพเขียนพู่กันจีนอันที่จริงทำของปลอมได้ง่ายที่สุดแล้วครับ”“เพราะว่าตัวอักษรเป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบได้ง่ายมาก และสิ่งของที่มีอายุเกิดหนึ่งพันปี กระดาษแผ่นนี้จะเก็บรักษาเอาไว้ได้ดีขนาดนี้ได้อย่างไรครับ?”“จากที่ผมดู ภาพเขียนพู่กันจีนภาพนี้ เป็นของลอกเลียนแบบ”จางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าติดต่อกัน: “ถูกต้อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า...” ได้ยินคำพูดนี้ของคุณอวี๋ คนอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะเสียงดังขึ้นมาในตอนนี้เอง หลี่ฮุ่ยหรานก็ต้อนรับแขกเสร็จแล้ว เธอเห็นคนในครอบครัวของเธอพูดไปหัวเราะไป เธอก็ดีใจมาก“นี่เกิดอะไรขึ้นเหรอ? มีเรื่องอะไรถึงได้ทำให้ทุกคนดีใจขนาดนี้?”หลี่จื้อเชารีบพูดอธิบายให้พี่สาวของตัวเองฟัง: “พี่ พี่ไม่รู้อะไร ไอ้หลินเฟิงคนนี้บอกว่าของขวัญที่เขามอบให้คุณปู่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของหวังซีจื่อ”“คุณอวี๋เขาไม่ได้ดูด้วยซ้ำ แต่ก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอม”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว: “นี่เป็นเพราะอะไร?”“เพราะว่าผลงานชิ้นที่แท้จริงแขวนอยู่ที่ห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า...” จางซินกุมท้องแล้วหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งเขาเกือบจะล้มลงไปหลี่ฮุ่ยหรานเหลือบมองหลินเฟิง และสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธอก็สามารถเข้าใจหลินเฟิงได้เดาว่าคงอยากแสดงออกต่อหน้าคุณปู่สักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้อาวุโสอวี๋เปิดโปง“เอาเถอะ ก็แค่ภาพเขียนพู่กันภาพหนึ่งไม่ใช่เหรอ เดาว่าหลินเฟิงก็คงจะถูกคนหลอกมา”“ใช่ไหมหลินเฟิง?”เธอยังอยากจะช่วยหลินเฟิงกู้หน้า ทำให้หลินเฟิงไม่ต้องอับอายขนาดนั้นแต่หลินเฟิงกลับไม่รับความหวั
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร”จางกุ้ยหลานหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “หลินเฟิง รีบเอาภาพเขียนพู่กันของนายออกมาสิ”“แม่ นี่แม่จะทำอะไรน่ะ” หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางแม่ของเธอด้วยความเก้กังภาพเขียนพู่กันของแท้แขวนอยู่ที่ห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวนะ แค่แวบเดียวเลขาเหลียงก็มองออกแล้วไม่ใช่เหรอ?ถึงเวลาเกรงว่าหลินเฟิงจะต้องอับอายขายหน้าเป็นอย่างมากต้องทำเรื่องให้มันเด็ดขาดขนาดนี้เลยเหรอ?จางกุ้ยหลานพูดด้วยความลำพองใจ: “ลูกไม่ต้องช่วยพูดให้ไอ้หมอนั่นแล้ว เมื่อครู่เขาพูดว่าเป็นของจริงทุกคำเลยไม่ใช่เหรอ? แม่จะดูสิว่าอีกเดี๋ยวเขายังมีอะไรจะพูดอีก”“แม่...” หลี่ฮุ่ยหรานกัดริมฝีปาก และรู้สึกหมดคำพูดอย่างถึงที่สุดหลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉย และยื่นภาพเขียนพู่กันไปให้เหลียงอันโดยตรงเหลียงอันเปิดภาพเขียนพู่กันดูแล้วตกตะลึงอย่างมากในทันทีจางกุ้ยหลานรีบเข้ามาถาม: “เลขาเหลียงภาพเขียนพู่กันนี้เป็นของแท้หรือว่าของปลอมคะ?”หลี่ว์เจิ้งหยางกับจางซินและคนอื่น ๆ ก็พากันมองไปทางหลินเฟิง ต่างกำลังรอเขาหน้าแตกเหลียงอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้น: “ภาพเขียนพู่กันภาพนี้เป็นของแท้แน่นอน”“เห็นไหมล่ะ...น
หลี่ว์เจิ้งหยางสีหน้าเก้กัง ในเมื่อมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้จักท่านผู้ว่าหลิวด้วยซ้ำและยิ่งไม่มีทางรู้จักเลขาของท่านผู้ว่า“คุณน้าครับ ถ่อมตัวหน่อย ถ่อมตัวหน่อยครับ!”เขาดึงจางกุ้ยหลานเอาไว้ อยากจะให้เธอรีบนั่งลงจางกุ้ยหลานกลับยิ้มพูด: “โอ๊ย เจิ้งหยาง คุณจะถ่อมตัวอะไรกันล่ะ”ในตอนนี้เหลียงอันหันหน้ามองไปทางหลี่ว์เจิ้งหยาง และพูดด้วยสีหน้าสงสัย: “ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”“อ๊ะ? ไม่เคยได้ยินเหรอ?”จางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ใบหน้างุนงง“นี่...ไม่ใช่ว่าท่านผู้ว่าหลิวเห็นแก่หน้าของคุณชายหลี่ว์ถึงได้จัดแจงโรงแรมอิ๋งปินให้กับตระกูลหลี่หรอกเหรอคะ?” จางกุ้ยหลานถามด้วยความสงสัย“ล้อเล่นอะไรกันครับ”เหลียงอันหันหน้ามองไปทางหลินเฟิง: “ท่านผู้ว่าหลิวเห็นแก่หน้าของคุณหลิน ถึงได้ตัดสินใจจัดแจงโรงแรมอิ๋งปินให้กับตระกูลหลี่”“ไม่อย่างนั้นคุณหลินจะมีภาพเขียนพู่กันที่อยู่ในห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวได้อย่างไรครับ?”เขาก็เพิ่งได้รู้ข่าวนี้เมื่อเช้านี้เองถึงแม้จะรู้สึกไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรมาก“ห๊ะ?” ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็ตกตะลึงอยู่ที่เดิมสายตามองไปทางหลินเฟิงด้วยค
หลี่ว์เจิ้งหยางยังคิดที่จะถือโอกาสนี้ไปแสดงโฉมหน้าให้ทุกคนคุ้นเคยแต่เขากลับไม่ถูกทักทายเลยด้วยซ้ำ คนกลุ่มนี้ก็มองไปทางหลินเฟิง“คุณหลิน ผู้นำตระกูลของพวกเราจะเชิญคุณไปร่วมงานเลี้ยงในวันหลัง...”“คุณหลิน ท่านผู้นำของเราเชิญคุณไปพูดคุยเรื่องวิชาแพทย์ที่สำนักไป๋เกา...ถ้าคุณมีเวลาจะต้องไปนั่งเล่นที่สำนักไป๋เกานะครับ”“คุณหลิน ท่านผู้นำสำนักของเราเชิญคุณ...”“คุณหลิน คุณหนูของเรา...”ทุกคนต่างพูดแสดงความคิดเห็นกันต่าง ๆ นานา ประจบประแจงหลินเฟิงกันยกใหญ่และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้หลินเฟิงก็จนปัญญา ทำได้แค่พยักหน้าและรับปากทีละคนภาพนี้ทำให้หลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่น ๆ ตกตะลึงตาค้าง“นี่...คนกลุ่มนี้ทำไมถึงได้เกรงใจต่อหลินเฟิงถึงขนาดนี้?” จางกุ้ยหลานตกตะลึงจนอ้าปากค้างสีหน้าของหลี่เหวินเชากับจางซินก็แย่มากเหมือนกับกินอุจจาระเข้าไป“แม่เจ้า คนคนนั้นใครกันน่ะ? ทำไมตัวแทนของตระกูลใหญ่ถึงได้วนอยู่รอบตัวเขา?“ไม่รู้สิ ซี้ด...นี่เหมือนจะเป็นอดีตลูกเขยขยะของตระกูลหลี่นะ”“คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า? ถูกตระกูลใหญ่หลายตระกูลเชื้อเชิญขนาดนี้ ยังจะเป็นขยะอีกเหรอ?”รอให้หลินเฟิงรับปากทั้งหมดตั
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็