“คุณมาได้ ฉันก็รู้สึกดีใจมาก”หลี่ฮุ่ยหรานอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แล้วพูดขึ้นมา: “แน่นอน คุณปู่ก็ยิ่งดีใจ”เธอยังอยากจะอธิบายเรื่องเข้าใจผิดเมื่อครั้งที่แล้วกับหลินเฟิงสักหน่อย แต่กลับไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรหลินเฟิงกลับไม่ได้มองเธอสักนิด เขาหันหลังเดินไปทางห้องโถงใหญ่“อุ๊ย คุณเอาของขวัญอะไรมาน่ะ?” หลี่ว์เจิ้งหยางที่ยืนอยู่ตรงประตูยิ้มแล้วถามขึ้นหลินเฟิงเหลือบตามองเขา: “ผมเอาของขวัญอะไรมา หรือว่าต้องรายงานกับคุณด้วยเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้น: “หึหึ วันนี้เป็นวันเกิดแปดสิบปีของคุณปู่ ผมกลัวว่าของขวัญของคุณจะเอาออกมาโชว์ไม่ได้น่ะสิ ผมให้คุณยืมเงินหน่อยไหม?”หลินเฟิงกวาดตามองกล่องของขวัญที่อยู่ในมือของเขา ดูความเล็กใหญ่แล้ว เหมือนว่ายังเป็นแจกันดอกไม้เขาจึงยิ้มออกมาทันที: “ทำไม? ยังมอบแจกันดอกไม้อีกเหรอ? ระหว่างทางระวังหน่อยล่ะ อย่าทำให้แตกอีก”“แม่ง...”หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินคำพูดนี้ ก็กอดของขวัญที่อยู่ในมือเอาไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณหลินเฟิงหัวเราะเยาะแล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขณะเดียวกัน หลี่ไห่ซานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก เขาหรี่ตาลง หลับตาพักเหนื่อยงานที่จ้อกแจ้
“คุณชายหลี่ว์ คุณมาได้สักทีนะคะ รีบนั่งรีบนั่ง” จางกุ้ยหลานรีบดึงหลี่ว์เจิ้งหยางมานั่งที่ด้านข้างตัวเองจางซินกับหลี่จื้อเชาที่อยู่ด้านข้างทั้งรินน้ำ ทั้งยื่นบุหรี่ให้นี่เป็นความพิเศษที่หลินเฟิงไม่เคยได้รับมาก่อนจากนั้นจางกุ้ยหลานก็มองไปทางหลี่ไห่ซานแล้วพูดขึ้น: “คุณปู่ ครั้งนี้สามารถจัดงานฉลองวันเกิดที่โรงแรมอิ๋งปินได้ เป็นความดีความชอบของคุณชายหลี่ว์เลยนะ”“คุณจะต้องทำความสนิทสนมกับคุณชายหลี่ว์ให้มากขึ้นนะ”คุณปู่ตระกูลหลี่พูดด้วยความหงุดหงิด: “สนิทสนมกับผีน่ะสิ ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะจัดงานในสถานที่แบบนี้ ถ้าให้ฉันพูดนะไม่จัดงานยังจะดีกว่า”“เอ๊ะ ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้นะ? ถ้าหากคุณไม่จัดงานคนอื่นจะไม่พูดเหรอว่าพวกเราผู้น้อยอกตัญญู” จางกุ้ยหลานพูดสั่งสอนหลินเฟิงขมวดคิ้วทันที กฎเกณฑ์ของโรงแรมอิ๋งปินเขาก็พอรู้อยู่บ้าง เขาไม่เชื่อหรอกว่าหลี่ว์เจิ้งหยางจะมีความสามารถนี้“โรงแรมอิ๋งปินนี้เขาเป็นคนจองเหรอ?” หลินเฟิงถามด้วยความสงสัย“พูดจาไร้สาระ ถ้าไม่ใช่พี่หลี่ว์ของฉัน แล้วจะเป็นนายหรือไง?” หลี่จื้อเชาถามกลับจางซินก็พูดตามขึ้นมา: “เลขาท่านผู้ว่ามาบอกที่ตระกูลหลี่ด้วยตัวเองเล
“ห้าล้านบาทยังไม่แพงอีกเหรอ?” หลี่จื้อเชาอุทานออกมา: “ไม่เสียแรงที่เป็นคุณชายหลี่ว์ เงินห้าล้านก็ยังนับว่าเป็นเงินเล็กน้อย”“โอ๊ย ทำให้คุณชายหลี่ว์ลำบากเลยค่ะ”จางกุ้ยหลานใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็หันหน้ามองไปทางคุณปู่แล้วพูดขึ้นมา: “คุณปู่ คุณดูสิ นี่เป็นของขวัญที่คุณชายหลี่ว์มอบให้คุณนะคะ”หลี่ไห่ซานล้วงแว่นตาขยายออกมาจากในกระเป๋าทันที เมื่อจ้องมองลวดลายที่อยู่บนแจกันดอกไม้ เขาก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างมาก: “นี่เป็นเครื่องลายครามของสมัยไหน?”หลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มเล็กน้อย: “ก็แค่เครื่องปั้นดินเผาของราชวงศ์ชิงครับ คุณปู่ชอบไหมครับ?”หลี่ไห่ซานพยักหน้า: “ไม่เลว ไม่เลว...”ถึงแม้เขาจะไม่ชอบหลี่ว์เจิ้งหยาง แต่สำหรับวัตถุโบราณระดับนี้เขารู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากหลินเฟิงขมวดคิ้วในทันที: “นี่คือเครื่องปั้นดินเผาสมัยราชวงศ์ชิง?”“ผมดูแล้วไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่นะ?”หลี่ว์เจิ้งหยางตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงด้วยความกระวนกระวาย: “ไอ้หนุ่มหมายความว่าอย่างไร?”เครื่องลายครามก่อนหน้านี้ถูกเขาทำแตกจนแหลกละเอียด ครั้งนี้เขาก็ซื้อของลอกเลียนแบบมาจริง ๆ นั่นแหละแต่ร้านขายบอกเอาไว้แล
“ฉันดูหน่อยสิ?” ทุกคนเห็นคุณปู่ชื่นชอบขนาดนี้ ก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าหลินเฟิงมอบของอะไรให้กันแน่ต่างพากันยื่นหน้าออกไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นภาพเขียนพู่กันจีน ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังอย่างมากจางกุ้ยหลานกลอกตาไปมา: “คุณปู่ ของสิ่งนี้ก็นับว่าเป็นของดีได้ด้วยเหรอ?”“จริงด้วย ก็แค่ภาพเขียนพู่กันจีนกระจอก ๆ มูลค่ายังไม่เท่าแจกันเครื่องลายครามที่คุณชายหลี่ว์มอบให้เลย” หลี่จื้อเชาเบะปากพูดคุณปู่ตระกูลหลี่ขมวดคิ้วแน่น: “ภาพเขียนพู่กันจีนกระจอก ๆ? นี่เป็นลายมือการเขียนของหวังซีจื่อ แกไม่เคยเรียนหนังสือเหรอ? ถึงไม่รู้ว่าหวังซีจื่อคือใคร?”จางซินโบกมือ: “เขาบอกว่าใช่ก็ใช่เหรอ? หนูยังพูดว่าเป็นของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เลย”“หึหึ...”หลี่เจิ้งหยางยิ้มบางในทันที: “คุณปู่ พูดตามตรงนะครับ ภาพเขียนพู่กันจีนอันที่จริงทำของปลอมได้ง่ายที่สุดแล้วครับ”“เพราะว่าตัวอักษรเป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบได้ง่ายมาก และสิ่งของที่มีอายุเกิดหนึ่งพันปี กระดาษแผ่นนี้จะเก็บรักษาเอาไว้ได้ดีขนาดนี้ได้อย่างไรครับ?”“จากที่ผมดู ภาพเขียนพู่กันจีนภาพนี้ เป็นของลอกเลียนแบบ”จางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าติดต่อกัน: “ถูกต้อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า...” ได้ยินคำพูดนี้ของคุณอวี๋ คนอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะเสียงดังขึ้นมาในตอนนี้เอง หลี่ฮุ่ยหรานก็ต้อนรับแขกเสร็จแล้ว เธอเห็นคนในครอบครัวของเธอพูดไปหัวเราะไป เธอก็ดีใจมาก“นี่เกิดอะไรขึ้นเหรอ? มีเรื่องอะไรถึงได้ทำให้ทุกคนดีใจขนาดนี้?”หลี่จื้อเชารีบพูดอธิบายให้พี่สาวของตัวเองฟัง: “พี่ พี่ไม่รู้อะไร ไอ้หลินเฟิงคนนี้บอกว่าของขวัญที่เขามอบให้คุณปู่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของหวังซีจื่อ”“คุณอวี๋เขาไม่ได้ดูด้วยซ้ำ แต่ก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอม”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว: “นี่เป็นเพราะอะไร?”“เพราะว่าผลงานชิ้นที่แท้จริงแขวนอยู่ที่ห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า...” จางซินกุมท้องแล้วหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งเขาเกือบจะล้มลงไปหลี่ฮุ่ยหรานเหลือบมองหลินเฟิง และสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธอก็สามารถเข้าใจหลินเฟิงได้เดาว่าคงอยากแสดงออกต่อหน้าคุณปู่สักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้อาวุโสอวี๋เปิดโปง“เอาเถอะ ก็แค่ภาพเขียนพู่กันภาพหนึ่งไม่ใช่เหรอ เดาว่าหลินเฟิงก็คงจะถูกคนหลอกมา”“ใช่ไหมหลินเฟิง?”เธอยังอยากจะช่วยหลินเฟิงกู้หน้า ทำให้หลินเฟิงไม่ต้องอับอายขนาดนั้นแต่หลินเฟิงกลับไม่รับความหวั
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร”จางกุ้ยหลานหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “หลินเฟิง รีบเอาภาพเขียนพู่กันของนายออกมาสิ”“แม่ นี่แม่จะทำอะไรน่ะ” หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางแม่ของเธอด้วยความเก้กังภาพเขียนพู่กันของแท้แขวนอยู่ที่ห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวนะ แค่แวบเดียวเลขาเหลียงก็มองออกแล้วไม่ใช่เหรอ?ถึงเวลาเกรงว่าหลินเฟิงจะต้องอับอายขายหน้าเป็นอย่างมากต้องทำเรื่องให้มันเด็ดขาดขนาดนี้เลยเหรอ?จางกุ้ยหลานพูดด้วยความลำพองใจ: “ลูกไม่ต้องช่วยพูดให้ไอ้หมอนั่นแล้ว เมื่อครู่เขาพูดว่าเป็นของจริงทุกคำเลยไม่ใช่เหรอ? แม่จะดูสิว่าอีกเดี๋ยวเขายังมีอะไรจะพูดอีก”“แม่...” หลี่ฮุ่ยหรานกัดริมฝีปาก และรู้สึกหมดคำพูดอย่างถึงที่สุดหลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉย และยื่นภาพเขียนพู่กันไปให้เหลียงอันโดยตรงเหลียงอันเปิดภาพเขียนพู่กันดูแล้วตกตะลึงอย่างมากในทันทีจางกุ้ยหลานรีบเข้ามาถาม: “เลขาเหลียงภาพเขียนพู่กันนี้เป็นของแท้หรือว่าของปลอมคะ?”หลี่ว์เจิ้งหยางกับจางซินและคนอื่น ๆ ก็พากันมองไปทางหลินเฟิง ต่างกำลังรอเขาหน้าแตกเหลียงอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้น: “ภาพเขียนพู่กันภาพนี้เป็นของแท้แน่นอน”“เห็นไหมล่ะ...น
หลี่ว์เจิ้งหยางสีหน้าเก้กัง ในเมื่อมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้จักท่านผู้ว่าหลิวด้วยซ้ำและยิ่งไม่มีทางรู้จักเลขาของท่านผู้ว่า“คุณน้าครับ ถ่อมตัวหน่อย ถ่อมตัวหน่อยครับ!”เขาดึงจางกุ้ยหลานเอาไว้ อยากจะให้เธอรีบนั่งลงจางกุ้ยหลานกลับยิ้มพูด: “โอ๊ย เจิ้งหยาง คุณจะถ่อมตัวอะไรกันล่ะ”ในตอนนี้เหลียงอันหันหน้ามองไปทางหลี่ว์เจิ้งหยาง และพูดด้วยสีหน้าสงสัย: “ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”“อ๊ะ? ไม่เคยได้ยินเหรอ?”จางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ใบหน้างุนงง“นี่...ไม่ใช่ว่าท่านผู้ว่าหลิวเห็นแก่หน้าของคุณชายหลี่ว์ถึงได้จัดแจงโรงแรมอิ๋งปินให้กับตระกูลหลี่หรอกเหรอคะ?” จางกุ้ยหลานถามด้วยความสงสัย“ล้อเล่นอะไรกันครับ”เหลียงอันหันหน้ามองไปทางหลินเฟิง: “ท่านผู้ว่าหลิวเห็นแก่หน้าของคุณหลิน ถึงได้ตัดสินใจจัดแจงโรงแรมอิ๋งปินให้กับตระกูลหลี่”“ไม่อย่างนั้นคุณหลินจะมีภาพเขียนพู่กันที่อยู่ในห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวได้อย่างไรครับ?”เขาก็เพิ่งได้รู้ข่าวนี้เมื่อเช้านี้เองถึงแม้จะรู้สึกไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรมาก“ห๊ะ?” ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็ตกตะลึงอยู่ที่เดิมสายตามองไปทางหลินเฟิงด้วยค
หลี่ว์เจิ้งหยางยังคิดที่จะถือโอกาสนี้ไปแสดงโฉมหน้าให้ทุกคนคุ้นเคยแต่เขากลับไม่ถูกทักทายเลยด้วยซ้ำ คนกลุ่มนี้ก็มองไปทางหลินเฟิง“คุณหลิน ผู้นำตระกูลของพวกเราจะเชิญคุณไปร่วมงานเลี้ยงในวันหลัง...”“คุณหลิน ท่านผู้นำของเราเชิญคุณไปพูดคุยเรื่องวิชาแพทย์ที่สำนักไป๋เกา...ถ้าคุณมีเวลาจะต้องไปนั่งเล่นที่สำนักไป๋เกานะครับ”“คุณหลิน ท่านผู้นำสำนักของเราเชิญคุณ...”“คุณหลิน คุณหนูของเรา...”ทุกคนต่างพูดแสดงความคิดเห็นกันต่าง ๆ นานา ประจบประแจงหลินเฟิงกันยกใหญ่และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้หลินเฟิงก็จนปัญญา ทำได้แค่พยักหน้าและรับปากทีละคนภาพนี้ทำให้หลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่น ๆ ตกตะลึงตาค้าง“นี่...คนกลุ่มนี้ทำไมถึงได้เกรงใจต่อหลินเฟิงถึงขนาดนี้?” จางกุ้ยหลานตกตะลึงจนอ้าปากค้างสีหน้าของหลี่เหวินเชากับจางซินก็แย่มากเหมือนกับกินอุจจาระเข้าไป“แม่เจ้า คนคนนั้นใครกันน่ะ? ทำไมตัวแทนของตระกูลใหญ่ถึงได้วนอยู่รอบตัวเขา?“ไม่รู้สิ ซี้ด...นี่เหมือนจะเป็นอดีตลูกเขยขยะของตระกูลหลี่นะ”“คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า? ถูกตระกูลใหญ่หลายตระกูลเชื้อเชิญขนาดนี้ ยังจะเป็นขยะอีกเหรอ?”รอให้หลินเฟิงรับปากทั้งหมดตั