หลี่ฮุ่ยหรานพูดจบเธอก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อยจึงพูดใหม่: “ฉันเพียงแค่เป็นห่วงคุณ...”เธออยากลองที่จะเป็นห่วงหลินเฟิงดูบ้าง“เป็นห่วงอะไรผม?”“เป็นห่วงว่าคุณจะถูกคนกลุ่มนั้นหลอกเอา”หลี่ฮุ่ยหรานยังคงคิดว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ไม่เคยเจอโลกภายนอกมาก่อน ในเมื่อเขาอยู่แต่ในบ้านของเธอมาตลอดสามปี แทบจะไม่ได้ออกไปดูโลกภายนอกเลยด้วยซ้ำแต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า ประสบการณ์ของหลินเฟิงนั้นอาจจะเยอะกว่าเธอเป็นอย่างมาก“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณ แต่ดูจากตอนนี้น่าจะเป็นไปไม่ได้หรอก”หลินเฟิงยิ้ม ด้วยความมั่นใจในตัวเองหลี่ฮุ่ยหรานพาเขาไปส่งยังคฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยหลินเสวี่ยฮุ่ยรออยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานานแล้วเมื่อเห็นหลินเฟิงกลับมา เธอก็โผเข้ามากอดในทันที“พี่เฟิง พี่กลับมาได้สักที”หลินเฟิงเห็นท่าทางของเธอแบบนี้จึงรีบถามขึ้น: “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”“เปล่า ฉันอยู่ที่บ้านรู้สึกเบื่อเล็กน้อย...” หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าติดต่อกันในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานก็เดินลงมาจากรถเช่นกัน เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยเธอก็ตกตะลึงอย่างมากดูอายุของเด็กสาวคนนี้ น่าจะเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลยและรูปร่างหน้าตาก็ดี
“ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็อยู่ใกล้ผมหน่อย และคุณก็สามารถทำงานได้ คุณคิดว่าอย่างไรครับ?”จ้าวเฉียวอวิ๋นพยักหน้าติดต่อกัน: “ได้สิ ได้สิ”จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า: หน้าร้านของที่นี่คงจะแพงมากสินะ?”“หรือว่าช่างมันเถอะ”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูด: “วางใจเถอะครับ เงินแค่นี้ผมยังมีอยู่ครับ”“งั้น…ต้องขอบคุณมาก ๆ นะคะ ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะขอบคุณคุณอย่างไร?”จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดขอบคุณหลายครั้ง: คือว่า ฉันพาเสวี่ยฮุ่ยไปอยู่ด้วยได้ไหมคะ คุณวางใจได้พวกเราไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน”หลินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย: คุณน้าจ้าว คุณไม่ไว้ใจผมใช่ไหมครับ?”เธอระแวงในตัวเขาถึงขนาดนี้ พูดว่าไม่เสียใจนั่นก็เป็นไปไม่ได้ในเมื่อเขาจริงใจต่อพวกเธอแต่อีกฝ่ายกลับระแวงเขาตั้งหลายครั้งหลายหนจ้าวเฉียวอวิ๋นรีบส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยไม่อยู่ เธอถึงได้พูดขึ้นมา: “ไม่ใช่นะ อันที่จริง…สถานการณ์ของเสวี่ยฮุ่ยคุณน่าจะรู้ดี”“เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของฉัน คุณก็รู้สินะคะ…”“แน่นอนครับ พูดตามตรงนะครับ ครั้งแรกที่ผมไปร้านของคุณ ก็เพราะจะไปหาหลินเสวี่ยฮุ่ย” หลินเฟิงเห็นเธอเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เขาก็ไม่ได้ป
กลางดึก ที่ลานบ้านตระกูลหลี่ว์ หลี่ว์เจิ้งหยางมายังห้องหนังสือของพ่อหลี่ว์เฉิงเลี่ยงเห็นลูกชายของเขามาถึง ก็วางหนังสือที่อยู่ในมือลง และถามเขาขึ้นมา: “ได้ยินว่าวันนี้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่ นายแสดงออกเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”“แม่ง โชคไม่ดีครับ”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดด่าทอ: “ความโดดเด่นของวันนี้แม่งถูกหลินเฟิงคนนั้นแย่งไปจนหมด”“วันนี้ไม่เพียงเลขาผู้ว่าที่มา แม้แต่ตระกูลถังคนเหล่านั้นก็มากันหมด อีกทั้งยังเป็นฝ่ายเชิญหลินเฟิงไปเป็นแขก”“ทำให้ผมเสียหน้าเป็นอย่างมาก”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงพูดสั่งสอนขึ้นมา: “ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องเล็กแค่นี้ ตอนนี้ลูกควรจะคิดหาวิธีที่จะเอาตำรับยาปรับประสานพลังมาให้ได้”“ผมก็อยากนะครับ แต่ตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อมั่นในตัวผมเป็นอย่างมาก” หลี่ว์เจิ้งหยางพูดบ่นด้วยสีหน้าจนปัญญาหลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “ดูท่าฉันคงจะต้องออกโรงด้วยตัวเองแล้ว”หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินแบบนี้ก็พูดเตือนทันที: “พ่อ พ่ออย่ามองข้ามหลินเฟิงคนนี้นะ ผมรู้สึกว่าไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาหลี่ว์เฉิงเลี่ยงได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มในทันที: “ฮ่าฮ่าฮ่า...ถ้าหากเขาม
หลี่ว์เฉิงเลี่ยงรีบพูดขึ้น: “สหายน้อยหลินไม่จำเป็นต้องรีบปฏิเสธกันถึงขนาดนี้ ผมไม่ได้จะบังคับเอาตำรับยานี้จากคุณสักหน่อย พวกเราตระกูลหลี่ว์สามารถจ่ายเงินซื้อได้”“อีกอย่าง ต่อไปพวกเรายังสามารถร่วมงานกันได้”“สหายน้อยหลินมีความสามารถมากมาย หรือว่าคุณอยากจะให้ถังหว่านเลี้ยงดูไปตลอดชีวิตเหรอ?”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะออกมาทันทีเห็นเขาไม่ได้ตอบโต้ หลี่ว์เฉิงเลี่ยงคิดว่าเรื่องนี้ยังมีความหวังอยู่ จึงพูดขึ้นทันที: “สหายน้อยหลิน พวกเราตระกูลหลี่ว์ถึงแม้จะไม่ใช่ตระกูลร่ำรวยอะไร แต่ถ้าหากมีความร่วมมือของสหายน้อยหลิน”“พวกเราร่วมมือกัน สร้างสถานการณ์ที่ชนะร่วมกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้นะครับ”หลินเฟิงรีบยกมือขึ้นขัดจังหวะ: “พอแล้ว ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ตำรับยาปรับประสานพลังผมไม่มีทางเอาให้พวกคุณ และก็ไม่มีทางที่จะร่วมมือกับพวกคุณตระกูลหลี่ว์”“คุณกลับไปได้แล้ว”ตระกูลถังมีพลังอำนาจแบบไหนกัน ตัวเองกินอิ่มอยู่สบายแล้วยังจะดันทุรังหาเรื่องไปแสวงหาสิ่งที่อยู่ไกลตัว ไปร่วมมือกับตระกูลหลี่ว์หรือไงหลี่ว์เฉิงเลี่ยงขมวดคิ้ว: “สหายน้อยหลิน นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะสร้างเนื้อสร้างตัว ผมหวังว่า
หลายวันมานี้หลินเฟิงเข้ากรรมฐานฝึกวิทยายุทธ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ไม่กล้ารบกวนกลางวันเรียนหนังสือ ตอนที่ไม่มีเรียนก็ไปช่วยเหลือที่ร้านเล็ก ๆ ของแม่ตัวเองจ้าวเฉียวอวิ๋นก็เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมา เมื่อถึงเวลาอาหารก็ยุ่งจนทำไม่ทันคืนนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยช่วยแม่ของเธอเก็บกวาดร้านอาหารเรียบร้อย และปิดประตูร้านในตอนนี้จ้าวเฉียวอวิ๋นก็พูดขึ้นมา: “หลินเสวี่ย คืนนี้ลูกไม่ต้องกลับไปดีไหม คืนนี้พักอยู่ที่นี่เถอะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าในทันทีจากนั้นก็พูดขึ้นมา: “ไม่ได้ วันนี้หนูต้องกลับอ่าวเทียนสุ่ย ตอนนี้หลินเฟิงเข้ากรรมฐาน และก็ไม่รู้ว่าจะออกมาเมื่อไหร่”“หนูยังต้องกลับไปดูเขา”จ้าวเฉียวอวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มออกมา: “ลูกใส่ใจหลินเฟิงมากจริง ๆ เลยนะ”ใบหน้าสวยงามของหลินเสวี่ยฮุ่ยแดงระเรื่อ และพูดด้วยความเขินอาย: “มีที่ไหนกัน หลินเฟิงเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของครอบครัวเรา หนูดูแลเขาก็เป็นสิ่งสมควรนะคะ”“เอาเถอะ งั้นลูกรีบกลับไปเร็วหน่อย” จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดหลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า และขี่รถจักรยานไฟฟ้าของเธอกลับไปที่อ่าวเทียนสุ่ยตอนนี้ท้องฟ้ามืดขึ้นเรื่อย ๆ มีเมฆดำปกคลุมอย
แต่แรงของเธอน้อยเกินไปจริง ๆชายอัปลักษณ์หัวเราะร่าแล้วพูดขึ้น: “ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล ฉันแค่ทิ้งร่องรอยไว้บนหน้าของเธอ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวก็เสร็จแล้วนะ”“ถ้าเธอยิ่งดิ้น ก็จะยิ่งเจ็บนะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยร้องไห้จนดวงตาพร่ามัว มองดูมีดพกทียิ่งใกล้ตัวเข้ามาเรื่อย ๆ ในใจก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมากเสียงฟ้าแลบแวบผ่าน ทำให้ทั้งบ้านสว่างไสวในทันที“ตู้ม”ที่ชั้นล่างมีเสียงดังสนั่นดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนตกใจจนสะดุ้งโหยง“พี่เฟิง ช่วยด้วย...” หลินเสวี่ยฮุ่ยพยายามตะโกนเสียงดังด้วยแรงทั้งหมดที่มีจู่ ๆ ชายอัปลักษณ์ก็รู้สึกว่าที่ด้านหลังมีพลังที่รุนแรงปล่อยออกมาเขาหันกลับไปในทันที เห็นเพียงแค่ว่าที่ด้านหลังมีคนยืนอยู่ค่ำคืนที่มืดสนิท ดวงตาของคนผู้นั้นกลับส่องแสงเย็นเยือก จ้องมองไปถึงจิตวิญญาณชายอัปลักษณ์รู้ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว จึงคิดอยากที่จะชิงลงมือก่อน“ปึง” เสียงอุดอู้ดังขึ้น ชายอัปลักษณ์ยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลินเฟิงลงมือในตอนไหน มีดของเขาถูกแย่งไปเรียบร้อยแล้วและข้อมือถูกหักงอในทันที“อ้าก...”ชายอัปลักษณ์ร้องด้วยความเจ็บปวด และถอยหลังไปเรื่อ
“ขั้นเทพ?” คุณนายซ่งมองไปทางสามีของตัวเองด้วยความสงสัยเธอไม่ใช่นักบู๊จึงไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้มากนัก รู้เพียงแค่ว่าสามีของเธอเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน แค่นี้ก็สามารถที่จะตั้งสำนักได้แล้วถ้าหากเป็นเทพปรมาจารย์ งั้นจะเก่งกาจถึงขั้นไหนกันนะ?ซ่งเฉียนคุนพยักหน้าพูด: “คุณดูความผิดปกติของท้องฟ้าสิ เจียงโจวจะต้องมีเทพปรมาจารย์บรรลุแล้วแน่นอน ดูท่าเมืองเจียงโจวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วสินะ”......ขณะเดียวกันที่ตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเฉี่ยนก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าที่ด้านนอกเธอคลุมชุดนอนแล้วเดินออกมา ก็เห็นว่าพ่อของเธอก็ยืนอยู่ที่หน้าต่างเช่นเดียวกัน และมองไปยังท้องฟ้าผ่านกระจกจนกระทั่งลูกสาวของตัวเองปรากฏตัวขึ้น ไป๋เจิ้นหัวยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ชิงเฉี่ยน ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่นอน?”ไป๋ชิงเฉี่ยนพูดเสียงเบา: “เมื่อครู่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าจนทำให้หนูตื่น”ไป๋เจิ้นหัวพยักหน้าพูด: “นี่ไม่ใช่สายฟ้าธรรมดา ๆ น่าจะมีเทพผู้แข็งแกร่งบรรลุแล้ว”“เทพผู้แข็งแกร่ง? เก่งมากเลยเหรอคะ?” ไป๋ชิงเฉี่ยนถามด้วยความสงสัย“แน่นอน เหยนควานก็ยังเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์กำลังภายใน”ไป๋เจิ้นหัวถอนหายใจ:
หลินเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ออกคำสั่งให้ระงับตระกูลหลี่ว์”“ครับ...”จ้าวเทียนหวาไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย และตอบรับในทันที......ขณะเดียวกัน หลี่ว์เจิ้งหยางที่เดินเข้าไปในห้องหนังสือของพ่อตัวเองแล้วถามขึ้น: “พ่อ เป็นอย่างไรบ้าง? หลินเฟิงคนนั้นได้มอบตำรับยาปรับประสานพลังให้ไหม?”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงตบโต๊ะอย่างแรง และด่าทอด้วยความโมโห: “ไอ้หมอนี่ให้ฉันไปคุกเข่าขอโทษมัน มันกำเริบเสิบสานจริง ๆ”หลี่ว์เจิ้งหยางหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่มีหนทางจริง ๆ พวกเราก็ลักพาตัวหลี่ฮุ่ยหลานเลยเถอะ ผมดูแล้วไอ้หลินเฟิงคนนั้นยังมีความรู้สึกต่อหลี่ฮุ่ยหรานอยู่”“ถ้าหากใช้หลี่ฮุ่ยหรานข่มขู่ให้มันมอบตำรับยาปรับประสานพลังออกมาได้งั้นก็คุ้มค่าแล้ว”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “ดูท่าแล้วคงจะใช้ได้แค่วิธีนี้แล้วล่ะ”“จะโทษก็ต้องโทษตัวหลินเฟิงเองที่ไม่เจียมตัว”หลี่ว์เจิ้งหยางพยักหน้า และลงมือปฏิบัติการทันทีในตอนนี้ โทรศัพท์ของห้องหนังสือก็ดังขึ้น หลี่ว์เฉิงเลี่ยงเพิ่งจะรับสาย อีกฝ่ายก็ด่าเปิดเป็นชุดในทันที“หลี่ว์เฉิงเลี่ยง แกแม่งถูกประตูหนีบหัวเหรอ? ถึงได้กล้าหาเรื่อง
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็