หลี่ว์เฉิงเลี่ยงรีบพูดขึ้น: “สหายน้อยหลินไม่จำเป็นต้องรีบปฏิเสธกันถึงขนาดนี้ ผมไม่ได้จะบังคับเอาตำรับยานี้จากคุณสักหน่อย พวกเราตระกูลหลี่ว์สามารถจ่ายเงินซื้อได้”“อีกอย่าง ต่อไปพวกเรายังสามารถร่วมงานกันได้”“สหายน้อยหลินมีความสามารถมากมาย หรือว่าคุณอยากจะให้ถังหว่านเลี้ยงดูไปตลอดชีวิตเหรอ?”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะออกมาทันทีเห็นเขาไม่ได้ตอบโต้ หลี่ว์เฉิงเลี่ยงคิดว่าเรื่องนี้ยังมีความหวังอยู่ จึงพูดขึ้นทันที: “สหายน้อยหลิน พวกเราตระกูลหลี่ว์ถึงแม้จะไม่ใช่ตระกูลร่ำรวยอะไร แต่ถ้าหากมีความร่วมมือของสหายน้อยหลิน”“พวกเราร่วมมือกัน สร้างสถานการณ์ที่ชนะร่วมกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้นะครับ”หลินเฟิงรีบยกมือขึ้นขัดจังหวะ: “พอแล้ว ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ตำรับยาปรับประสานพลังผมไม่มีทางเอาให้พวกคุณ และก็ไม่มีทางที่จะร่วมมือกับพวกคุณตระกูลหลี่ว์”“คุณกลับไปได้แล้ว”ตระกูลถังมีพลังอำนาจแบบไหนกัน ตัวเองกินอิ่มอยู่สบายแล้วยังจะดันทุรังหาเรื่องไปแสวงหาสิ่งที่อยู่ไกลตัว ไปร่วมมือกับตระกูลหลี่ว์หรือไงหลี่ว์เฉิงเลี่ยงขมวดคิ้ว: “สหายน้อยหลิน นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะสร้างเนื้อสร้างตัว ผมหวังว่า
หลายวันมานี้หลินเฟิงเข้ากรรมฐานฝึกวิทยายุทธ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ไม่กล้ารบกวนกลางวันเรียนหนังสือ ตอนที่ไม่มีเรียนก็ไปช่วยเหลือที่ร้านเล็ก ๆ ของแม่ตัวเองจ้าวเฉียวอวิ๋นก็เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมา เมื่อถึงเวลาอาหารก็ยุ่งจนทำไม่ทันคืนนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยช่วยแม่ของเธอเก็บกวาดร้านอาหารเรียบร้อย และปิดประตูร้านในตอนนี้จ้าวเฉียวอวิ๋นก็พูดขึ้นมา: “หลินเสวี่ย คืนนี้ลูกไม่ต้องกลับไปดีไหม คืนนี้พักอยู่ที่นี่เถอะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าในทันทีจากนั้นก็พูดขึ้นมา: “ไม่ได้ วันนี้หนูต้องกลับอ่าวเทียนสุ่ย ตอนนี้หลินเฟิงเข้ากรรมฐาน และก็ไม่รู้ว่าจะออกมาเมื่อไหร่”“หนูยังต้องกลับไปดูเขา”จ้าวเฉียวอวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มออกมา: “ลูกใส่ใจหลินเฟิงมากจริง ๆ เลยนะ”ใบหน้าสวยงามของหลินเสวี่ยฮุ่ยแดงระเรื่อ และพูดด้วยความเขินอาย: “มีที่ไหนกัน หลินเฟิงเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของครอบครัวเรา หนูดูแลเขาก็เป็นสิ่งสมควรนะคะ”“เอาเถอะ งั้นลูกรีบกลับไปเร็วหน่อย” จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดหลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า และขี่รถจักรยานไฟฟ้าของเธอกลับไปที่อ่าวเทียนสุ่ยตอนนี้ท้องฟ้ามืดขึ้นเรื่อย ๆ มีเมฆดำปกคลุมอย
แต่แรงของเธอน้อยเกินไปจริง ๆชายอัปลักษณ์หัวเราะร่าแล้วพูดขึ้น: “ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล ฉันแค่ทิ้งร่องรอยไว้บนหน้าของเธอ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวก็เสร็จแล้วนะ”“ถ้าเธอยิ่งดิ้น ก็จะยิ่งเจ็บนะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยร้องไห้จนดวงตาพร่ามัว มองดูมีดพกทียิ่งใกล้ตัวเข้ามาเรื่อย ๆ ในใจก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมากเสียงฟ้าแลบแวบผ่าน ทำให้ทั้งบ้านสว่างไสวในทันที“ตู้ม”ที่ชั้นล่างมีเสียงดังสนั่นดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนตกใจจนสะดุ้งโหยง“พี่เฟิง ช่วยด้วย...” หลินเสวี่ยฮุ่ยพยายามตะโกนเสียงดังด้วยแรงทั้งหมดที่มีจู่ ๆ ชายอัปลักษณ์ก็รู้สึกว่าที่ด้านหลังมีพลังที่รุนแรงปล่อยออกมาเขาหันกลับไปในทันที เห็นเพียงแค่ว่าที่ด้านหลังมีคนยืนอยู่ค่ำคืนที่มืดสนิท ดวงตาของคนผู้นั้นกลับส่องแสงเย็นเยือก จ้องมองไปถึงจิตวิญญาณชายอัปลักษณ์รู้ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว จึงคิดอยากที่จะชิงลงมือก่อน“ปึง” เสียงอุดอู้ดังขึ้น ชายอัปลักษณ์ยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลินเฟิงลงมือในตอนไหน มีดของเขาถูกแย่งไปเรียบร้อยแล้วและข้อมือถูกหักงอในทันที“อ้าก...”ชายอัปลักษณ์ร้องด้วยความเจ็บปวด และถอยหลังไปเรื่อ
“ขั้นเทพ?” คุณนายซ่งมองไปทางสามีของตัวเองด้วยความสงสัยเธอไม่ใช่นักบู๊จึงไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้มากนัก รู้เพียงแค่ว่าสามีของเธอเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน แค่นี้ก็สามารถที่จะตั้งสำนักได้แล้วถ้าหากเป็นเทพปรมาจารย์ งั้นจะเก่งกาจถึงขั้นไหนกันนะ?ซ่งเฉียนคุนพยักหน้าพูด: “คุณดูความผิดปกติของท้องฟ้าสิ เจียงโจวจะต้องมีเทพปรมาจารย์บรรลุแล้วแน่นอน ดูท่าเมืองเจียงโจวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วสินะ”......ขณะเดียวกันที่ตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเฉี่ยนก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าที่ด้านนอกเธอคลุมชุดนอนแล้วเดินออกมา ก็เห็นว่าพ่อของเธอก็ยืนอยู่ที่หน้าต่างเช่นเดียวกัน และมองไปยังท้องฟ้าผ่านกระจกจนกระทั่งลูกสาวของตัวเองปรากฏตัวขึ้น ไป๋เจิ้นหัวยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ชิงเฉี่ยน ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่นอน?”ไป๋ชิงเฉี่ยนพูดเสียงเบา: “เมื่อครู่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าจนทำให้หนูตื่น”ไป๋เจิ้นหัวพยักหน้าพูด: “นี่ไม่ใช่สายฟ้าธรรมดา ๆ น่าจะมีเทพผู้แข็งแกร่งบรรลุแล้ว”“เทพผู้แข็งแกร่ง? เก่งมากเลยเหรอคะ?” ไป๋ชิงเฉี่ยนถามด้วยความสงสัย“แน่นอน เหยนควานก็ยังเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์กำลังภายใน”ไป๋เจิ้นหัวถอนหายใจ:
หลินเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ออกคำสั่งให้ระงับตระกูลหลี่ว์”“ครับ...”จ้าวเทียนหวาไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย และตอบรับในทันที......ขณะเดียวกัน หลี่ว์เจิ้งหยางที่เดินเข้าไปในห้องหนังสือของพ่อตัวเองแล้วถามขึ้น: “พ่อ เป็นอย่างไรบ้าง? หลินเฟิงคนนั้นได้มอบตำรับยาปรับประสานพลังให้ไหม?”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงตบโต๊ะอย่างแรง และด่าทอด้วยความโมโห: “ไอ้หมอนี่ให้ฉันไปคุกเข่าขอโทษมัน มันกำเริบเสิบสานจริง ๆ”หลี่ว์เจิ้งหยางหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่มีหนทางจริง ๆ พวกเราก็ลักพาตัวหลี่ฮุ่ยหลานเลยเถอะ ผมดูแล้วไอ้หลินเฟิงคนนั้นยังมีความรู้สึกต่อหลี่ฮุ่ยหรานอยู่”“ถ้าหากใช้หลี่ฮุ่ยหรานข่มขู่ให้มันมอบตำรับยาปรับประสานพลังออกมาได้งั้นก็คุ้มค่าแล้ว”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “ดูท่าแล้วคงจะใช้ได้แค่วิธีนี้แล้วล่ะ”“จะโทษก็ต้องโทษตัวหลินเฟิงเองที่ไม่เจียมตัว”หลี่ว์เจิ้งหยางพยักหน้า และลงมือปฏิบัติการทันทีในตอนนี้ โทรศัพท์ของห้องหนังสือก็ดังขึ้น หลี่ว์เฉิงเลี่ยงเพิ่งจะรับสาย อีกฝ่ายก็ด่าเปิดเป็นชุดในทันที“หลี่ว์เฉิงเลี่ยง แกแม่งถูกประตูหนีบหัวเหรอ? ถึงได้กล้าหาเรื่อง
เขาหันหลังเดินออกไปจากตระกูลหลี่ว์ และขับรถไปยังบริษัทของหลี่ฮุ่ยหรานรอให้หลี่ฮุ่ยหรานเลิกงาน หลี่ว์เจิ้งหยางก็รีบเดินเข้าไปหา: “ฮุ่ยหราน”“คุณชายหลี่ว์ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางเขาด้วยความประหลาดใจหลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น: “ผมคิดถึงคุณแล้ว”“อ๋อใช่ คุณยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันใช่ไหม ใกล้ ๆ นี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ ผมพาคุณไปลองไหม?”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดเชื้อเชิญด้วยสีหน้าเป็นมิตรหลี่ฮุ่ยหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเดิมทีเธอก็ลงมาทานข้าวอยู่แล้วในเมื่อได้เจอกันก็ปฏิเสธได้ยากแล้วทั้งสองคนมาถึงร้านอาหาร หลี่ว์เจิ้งหยางสั่งอาหารให้ด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ฮุ่ยหราน คุณดูว่าพวกเราจะดื่มอะไรกัน?”หลี่ว์เจิ้งหยางถามแล้วหรี่ตาลงหลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น: “ไม่ดื่มเหล้าค่ะ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระ”หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นแบบนี้ก็ปล่อยเลยไปทั้งสองคนทานกันอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มเข้าเรื่องเขายิ้มไปพูดไป: “ฮุ่ยหราน อันที่จริงหลายปีมานี้ ความรู้สึกของผม คิดว่าคุณคงจะรู้ดี”“หลังจากได้ยินว่าคุณหย่าร้าง ผมก็รีบกลับมาจากต่า
เธอคิดว่าตัวเองลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป และกำลังจะค้ำผนังเอาไว้ แต่เธอกลับหงายหลังล้มลงบนเสื่อทาทามิ“คุณ...”หลี่ฮุ่ยหรานพยายามที่จะตะโกนออกมา แต่เธอกลับพบว่าปากของเธอเหมือนจะขยับเขยื้อนไม่ได้แล้วหลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มบางในทันที: “อ้าว ฮุ่ยหราน คุณดูสิคุณดื่มไม่ไหวก็ไม่ต้องดื่มสิครับ มาผมจะพาคุณกลับบ้านเองนะ”หลี่ฮุ่ยหรานถลึงตา และมองไปทางหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อเธอกล้ายืนยันได้ว่าเธอถูกหลี่ว์เจิ้งหยางวางยาแล้ว สติชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่แขนขากลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้หลี่ว์เจิ้งหยางประคองหลี่ฮุ่ยหรานเดินออกไปจากร้านอาหาร และเดินออกจากร้านไปภายใต้รอยยิ้มของพนักงานหลี่ฮุ่ยหรานอยากจะตะโกนว่าช่วยด้วย แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตะโกนไม่ออกหลี่ว์เจิ้งหยางเปิดประตูหลัง และโยนหลี่ฮุ่ยหรานไปที่เบาะหลังพร้อมกับกระเป๋าจากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับหลี่ฮุ่ยหรานกลอกตาไปมามองไปรอบ ๆ อย่างเต็มที่ อยากที่จะช่วยเหลือตัวเองเธอมองเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเอง มือขวาของเธอพยายามที่จะขยับไปข้างหน้ามือของเธอเหมือนกับถูกกรอกตะกั่วใส่ เพราะมันหนักอึ้งเป็นอย่างมากแต่เธอ
หลินเฟิงรับสายด้วยสัญชาตญาณ โทรศัพท์ของอีกฝ่ายกลับมีเสียงของหลี่ว์เจิ้งหยางดังขึ้นหลี่ว์เจิ้งหยางที่กำลังขับรถอยู่ไม่ได้สังเกตเห็นมือของหลี่ฮุ่ยหรานเลยสักนิด เขายิ้มมุมปากด้วยความภาคภูมิใจ“ฮุ่ยหราน เลิกดิ้นรนได้แล้ว นี่เป็นยาที่ผมซื้อมาด้วยราคาที่สูงมาก ถึงแม้สติของคุณยังคงตื่นตัวอยู่ แต่คุณก็จะขยับเขยื้อนไม่ได้ ”“วันนี้ผมจะให้คุณได้สัมผัสความสุขในการเป็นผู้หญิงอย่างดีเอง”“ได้ยินว่าคุณกับหลินเฟิงคนนั้นอยู่ด้วยกันสามปีแล้วยังไม่ได้ร่วมเตียงกัน เป็นเพราะหลินเฟิงไม่มีน้ำยาใช่ไหม...ฮ่าฮ่าฮ่า...”หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะกำเริบเสิบสานของหลี่ว์เจิ้งหยางก็โมโหขึ้นมาในทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง แกรนหาที่ตายสินะ”หลินเฟิงลุกขึ้นทันที และพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลแต่หลี่ว์เจิ้งหยางไม่ได้ยินเสียงตะโกนของเขาด้วยซ้ำหลี่ว์เฉิงเลี่ยงที่นั่งอยู่ตรงข้ามหลินเฟิงสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงเป็นอะไรไป“คุณหลิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”หลินเฟิงดวงตาเฉียบคมจ้องมองไปยังหลี่ว์เฉิงเลี่ยง และถีบไปที่หน้าอกของเขา“อ้าก...” หลี่ว์เฉิงเลี่ยงร้องโอดครวญขึ้นมา ตัวเขาก็กระเด็นออกไปทันที“พรวด”เ