“ขั้นเทพ?” คุณนายซ่งมองไปทางสามีของตัวเองด้วยความสงสัยเธอไม่ใช่นักบู๊จึงไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้มากนัก รู้เพียงแค่ว่าสามีของเธอเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน แค่นี้ก็สามารถที่จะตั้งสำนักได้แล้วถ้าหากเป็นเทพปรมาจารย์ งั้นจะเก่งกาจถึงขั้นไหนกันนะ?ซ่งเฉียนคุนพยักหน้าพูด: “คุณดูความผิดปกติของท้องฟ้าสิ เจียงโจวจะต้องมีเทพปรมาจารย์บรรลุแล้วแน่นอน ดูท่าเมืองเจียงโจวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วสินะ”......ขณะเดียวกันที่ตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเฉี่ยนก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าที่ด้านนอกเธอคลุมชุดนอนแล้วเดินออกมา ก็เห็นว่าพ่อของเธอก็ยืนอยู่ที่หน้าต่างเช่นเดียวกัน และมองไปยังท้องฟ้าผ่านกระจกจนกระทั่งลูกสาวของตัวเองปรากฏตัวขึ้น ไป๋เจิ้นหัวยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ชิงเฉี่ยน ดึกขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่นอน?”ไป๋ชิงเฉี่ยนพูดเสียงเบา: “เมื่อครู่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าจนทำให้หนูตื่น”ไป๋เจิ้นหัวพยักหน้าพูด: “นี่ไม่ใช่สายฟ้าธรรมดา ๆ น่าจะมีเทพผู้แข็งแกร่งบรรลุแล้ว”“เทพผู้แข็งแกร่ง? เก่งมากเลยเหรอคะ?” ไป๋ชิงเฉี่ยนถามด้วยความสงสัย“แน่นอน เหยนควานก็ยังเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์กำลังภายใน”ไป๋เจิ้นหัวถอนหายใจ:
หลินเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ออกคำสั่งให้ระงับตระกูลหลี่ว์”“ครับ...”จ้าวเทียนหวาไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย และตอบรับในทันที......ขณะเดียวกัน หลี่ว์เจิ้งหยางที่เดินเข้าไปในห้องหนังสือของพ่อตัวเองแล้วถามขึ้น: “พ่อ เป็นอย่างไรบ้าง? หลินเฟิงคนนั้นได้มอบตำรับยาปรับประสานพลังให้ไหม?”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงตบโต๊ะอย่างแรง และด่าทอด้วยความโมโห: “ไอ้หมอนี่ให้ฉันไปคุกเข่าขอโทษมัน มันกำเริบเสิบสานจริง ๆ”หลี่ว์เจิ้งหยางหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้น: “ถ้าหากไม่มีหนทางจริง ๆ พวกเราก็ลักพาตัวหลี่ฮุ่ยหลานเลยเถอะ ผมดูแล้วไอ้หลินเฟิงคนนั้นยังมีความรู้สึกต่อหลี่ฮุ่ยหรานอยู่”“ถ้าหากใช้หลี่ฮุ่ยหรานข่มขู่ให้มันมอบตำรับยาปรับประสานพลังออกมาได้งั้นก็คุ้มค่าแล้ว”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “ดูท่าแล้วคงจะใช้ได้แค่วิธีนี้แล้วล่ะ”“จะโทษก็ต้องโทษตัวหลินเฟิงเองที่ไม่เจียมตัว”หลี่ว์เจิ้งหยางพยักหน้า และลงมือปฏิบัติการทันทีในตอนนี้ โทรศัพท์ของห้องหนังสือก็ดังขึ้น หลี่ว์เฉิงเลี่ยงเพิ่งจะรับสาย อีกฝ่ายก็ด่าเปิดเป็นชุดในทันที“หลี่ว์เฉิงเลี่ยง แกแม่งถูกประตูหนีบหัวเหรอ? ถึงได้กล้าหาเรื่อง
เขาหันหลังเดินออกไปจากตระกูลหลี่ว์ และขับรถไปยังบริษัทของหลี่ฮุ่ยหรานรอให้หลี่ฮุ่ยหรานเลิกงาน หลี่ว์เจิ้งหยางก็รีบเดินเข้าไปหา: “ฮุ่ยหราน”“คุณชายหลี่ว์ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางเขาด้วยความประหลาดใจหลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น: “ผมคิดถึงคุณแล้ว”“อ๋อใช่ คุณยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันใช่ไหม ใกล้ ๆ นี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ ผมพาคุณไปลองไหม?”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดเชื้อเชิญด้วยสีหน้าเป็นมิตรหลี่ฮุ่ยหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเดิมทีเธอก็ลงมาทานข้าวอยู่แล้วในเมื่อได้เจอกันก็ปฏิเสธได้ยากแล้วทั้งสองคนมาถึงร้านอาหาร หลี่ว์เจิ้งหยางสั่งอาหารให้ด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ฮุ่ยหราน คุณดูว่าพวกเราจะดื่มอะไรกัน?”หลี่ว์เจิ้งหยางถามแล้วหรี่ตาลงหลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น: “ไม่ดื่มเหล้าค่ะ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระ”หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นแบบนี้ก็ปล่อยเลยไปทั้งสองคนทานกันอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มเข้าเรื่องเขายิ้มไปพูดไป: “ฮุ่ยหราน อันที่จริงหลายปีมานี้ ความรู้สึกของผม คิดว่าคุณคงจะรู้ดี”“หลังจากได้ยินว่าคุณหย่าร้าง ผมก็รีบกลับมาจากต่า
เธอคิดว่าตัวเองลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป และกำลังจะค้ำผนังเอาไว้ แต่เธอกลับหงายหลังล้มลงบนเสื่อทาทามิ“คุณ...”หลี่ฮุ่ยหรานพยายามที่จะตะโกนออกมา แต่เธอกลับพบว่าปากของเธอเหมือนจะขยับเขยื้อนไม่ได้แล้วหลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มบางในทันที: “อ้าว ฮุ่ยหราน คุณดูสิคุณดื่มไม่ไหวก็ไม่ต้องดื่มสิครับ มาผมจะพาคุณกลับบ้านเองนะ”หลี่ฮุ่ยหรานถลึงตา และมองไปทางหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อเธอกล้ายืนยันได้ว่าเธอถูกหลี่ว์เจิ้งหยางวางยาแล้ว สติชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่แขนขากลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้หลี่ว์เจิ้งหยางประคองหลี่ฮุ่ยหรานเดินออกไปจากร้านอาหาร และเดินออกจากร้านไปภายใต้รอยยิ้มของพนักงานหลี่ฮุ่ยหรานอยากจะตะโกนว่าช่วยด้วย แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตะโกนไม่ออกหลี่ว์เจิ้งหยางเปิดประตูหลัง และโยนหลี่ฮุ่ยหรานไปที่เบาะหลังพร้อมกับกระเป๋าจากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับหลี่ฮุ่ยหรานกลอกตาไปมามองไปรอบ ๆ อย่างเต็มที่ อยากที่จะช่วยเหลือตัวเองเธอมองเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเอง มือขวาของเธอพยายามที่จะขยับไปข้างหน้ามือของเธอเหมือนกับถูกกรอกตะกั่วใส่ เพราะมันหนักอึ้งเป็นอย่างมากแต่เธอ
หลินเฟิงรับสายด้วยสัญชาตญาณ โทรศัพท์ของอีกฝ่ายกลับมีเสียงของหลี่ว์เจิ้งหยางดังขึ้นหลี่ว์เจิ้งหยางที่กำลังขับรถอยู่ไม่ได้สังเกตเห็นมือของหลี่ฮุ่ยหรานเลยสักนิด เขายิ้มมุมปากด้วยความภาคภูมิใจ“ฮุ่ยหราน เลิกดิ้นรนได้แล้ว นี่เป็นยาที่ผมซื้อมาด้วยราคาที่สูงมาก ถึงแม้สติของคุณยังคงตื่นตัวอยู่ แต่คุณก็จะขยับเขยื้อนไม่ได้ ”“วันนี้ผมจะให้คุณได้สัมผัสความสุขในการเป็นผู้หญิงอย่างดีเอง”“ได้ยินว่าคุณกับหลินเฟิงคนนั้นอยู่ด้วยกันสามปีแล้วยังไม่ได้ร่วมเตียงกัน เป็นเพราะหลินเฟิงไม่มีน้ำยาใช่ไหม...ฮ่าฮ่าฮ่า...”หลินเฟิงได้ยินเสียงหัวเราะกำเริบเสิบสานของหลี่ว์เจิ้งหยางก็โมโหขึ้นมาในทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง แกรนหาที่ตายสินะ”หลินเฟิงลุกขึ้นทันที และพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลแต่หลี่ว์เจิ้งหยางไม่ได้ยินเสียงตะโกนของเขาด้วยซ้ำหลี่ว์เฉิงเลี่ยงที่นั่งอยู่ตรงข้ามหลินเฟิงสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงเป็นอะไรไป“คุณหลิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”หลินเฟิงดวงตาเฉียบคมจ้องมองไปยังหลี่ว์เฉิงเลี่ยง และถีบไปที่หน้าอกของเขา“อ้าก...” หลี่ว์เฉิงเลี่ยงร้องโอดครวญขึ้นมา ตัวเขาก็กระเด็นออกไปทันที“พรวด”เ
หลี่ว์เจิ้งหยางหันหน้ามองไป ตรงกลางประตูของห้องพักยุบลงจนผิดรูปนี่มันเป็นประตูนิรภัยนะ จะต้องมีพลังมากแค่ไหนถึงจะถีบจนประตูผิดรูปผิดร่างได้?“โครม”มีเสียงดังขึ้นอีก ประตูใหญ่ทั้งบานถูกคนถีบออกในทันทีประตูกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรงร่างของหลินเฟิงเดินเข้ามาเมื่อเห็นหลินเฟิง หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้ได้ทันทีว่ามีคนมาช่วยชีวิตแล้ว เธอพูดด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก: “หลินเฟิง ช่วยฉันด้วย...”“แม่งเอ๊ย เรื่องดีๆของฉันแม่งถูกแกขัดจังหวะอีกแล้ว” หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นหลินเฟิงโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเขารู้สึกไม่พอใจหลินเฟิงมาตั้งนานแล้ว วันนี้จะได้จัดการเขาไปพร้อมกันเลย“หลี่ว์เจิ้งหยาง เดิมทีฉันไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อยกับนาย แต่นายรนหาที่ตายอยู่หลายครั้งหลายหน ความผิดร้ายแรงมหัน” หลินเฟิงด่าทอด้วยน้ำเสียงเดือดดาลไอ้หมอนี่ร่วมมือกับคนตระกูลจางมาเหยียดหยามดูถูกเขา เขาสามารถทนได้ แต่กล้าลงมือกับหลี่ฮุ่ยหราน หลินเฟิงอดทนต่อไปอีกไม่ไหว“แม่งเอ๊ย” หลี่ว์เจิ้งหยางชักมีดพกออกมา และแทงไปทางหลินเฟิงเขาไม่เคยเห็นหลินเฟิงแสดงฝีมือมาก่อน ยิ่งไม่ได้เห็นหลินเฟิงอยู่ในสายตา“หลินเฟิง...ระวัง” หลี่ฮุ่ยหราน
จางกุ้ยหลานได้รับสายจากพนักงานที่บริษัท ถึงได้รู้ว่าตอนเที่ยงหลี่ฮุ่ยหรานออกไปทานข้าวแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยในเมื่อตอนบ่ายยังมีประชุมอีก หลี่ฮุ่ยหรานไม่มีทางที่จะออกไปโดยไม่มีเหตุผล เธอตรวจดูตำแหน่งจีพีเอสโทรศัพท์ของลูกสาวและตามมาและก็โชคดีที่ตัวเองตามมาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเธอจะต้องถูกไอ้สารเลวหลินเฟิงนี่ย่ำยีแล้วหลินเฟิงกลอกตาไปมาแล้วพูดอธิบายด้วยความหงุดหงิด: “ฝีมือหลี่ว์เจิ้งหยาง”จางกุ้ยหลานถลึงตาใส่หลินเฟิงด้วยสีหน้าดูถูกจากนั้นก็พูดด่าทอ: “แกอย่ามาใส่ความคุณชายหลี่ว์ แกคิดว่าคุณชายหลี่ว์เป็นคนต่ำช้าแบบแกเหรอ?”“ผมพูดความจริงทั้งนั้น พวกคุณเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่” หลินเฟิงขมวดคิ้วพูด“แกไม่ต้องมาแก้ตัวอยู่ตรงนี้เลย ไป เราไปแจ้งตำรวจกัน” หลี่จื้อเชาจับเสื้อของหลินเฟิงไม่ยอมปล่อยหลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดขึ้น: “แม่ พวกแม่พอเลยนะ คนที่พาหนูมาที่นี่ก็คือหลี่ว์เจิ้งหยาง เขาเป็นคนวางยาหนู”“หลินเฟิงมาช่วยหนู ถ้าเขามาไม่ทันเวลา หนูก็คงจะถูกหลี่ว์เจิ้งหยาง...ข่มขืนไปแล้ว”จางกุ้ยหลานถลึงตาโต เธอไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าหลี่ว์เจิ้งหยางจะเป็นคนแบบนั้น“ลูกสาว ลูกไม่ต้องกังวลนะ มี
“ฆ่าคน” หลินเฟิงน้ำเสียงเย็นชาเสิ่นหานเข้าใจในทันที: “เข้าใจแล้วครับ คุณชายหลิน ผมจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้”......ในตอนนี้หลี่ว์เจิ้งหยางก็หนีกลับไปที่ตระกูลหลี่ว์ด้วยความร้อนรนหลี่ว์เฉิงเลี่ยงเห็นเขากระวนกระวายขนาดนี้ ใบหน้าก็ยังมีรอยฝ่ามือที่แดงก่ำจึงรับรู้ได้ว่าเขาถูกหลินเฟิงสั่งสอนแล้ว“แกลักพาตัวหลี่เสวี่ยหรานเหรอ?” หลี่ว์เฉิงเลี่ยงไม่มีเวลาให้คิดมาก จึงรีบถามขึ้นหลี่ว์เจิ้งหยางหายใจหอบ: “ใช่ ผมใกล้จะจัดการหลี่ฮุ่ยหรานได้แล้ว ก็ถูกไอ้เวรหลินเฟิงคนนั้นขัดจังหวะผมอีก”พูดจบเขาก็ชกกำปั้นไปบนโต๊ะระบายความโมโหที่อยู่ในใจ“แกนะแก...”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงชี้ลูกชายของเขาที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง: “เรื่องแบบนี้ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดคือความใจร้อน ตอนนี้แกผลักให้หลี่ฮุ่ยหรานไปข้างกายหลินเฟิงอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”“แล้วจะยังไง? อย่างมากพวกเราก็แค่ฆ่าหลินเฟิงซะ”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดเหยียดหยามหลี่ว์เฉิงเลี่ยงชะงักงัน: “ฆ่าหลินเฟิง? แกเอาอะไรไปฆ่า?”หลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มมุมปากเล็กน้อย: “หึ พ่อ พ่อลืมไปแล้วเหรอว่าคุณหนูตระกูลเซี่ยงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับผม จากที่ผมรับรู้ คุณหนูตระกูลเซี่ยงเ