จางกุ้ยหลานได้รับสายจากพนักงานที่บริษัท ถึงได้รู้ว่าตอนเที่ยงหลี่ฮุ่ยหรานออกไปทานข้าวแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยในเมื่อตอนบ่ายยังมีประชุมอีก หลี่ฮุ่ยหรานไม่มีทางที่จะออกไปโดยไม่มีเหตุผล เธอตรวจดูตำแหน่งจีพีเอสโทรศัพท์ของลูกสาวและตามมาและก็โชคดีที่ตัวเองตามมาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเธอจะต้องถูกไอ้สารเลวหลินเฟิงนี่ย่ำยีแล้วหลินเฟิงกลอกตาไปมาแล้วพูดอธิบายด้วยความหงุดหงิด: “ฝีมือหลี่ว์เจิ้งหยาง”จางกุ้ยหลานถลึงตาใส่หลินเฟิงด้วยสีหน้าดูถูกจากนั้นก็พูดด่าทอ: “แกอย่ามาใส่ความคุณชายหลี่ว์ แกคิดว่าคุณชายหลี่ว์เป็นคนต่ำช้าแบบแกเหรอ?”“ผมพูดความจริงทั้งนั้น พวกคุณเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่” หลินเฟิงขมวดคิ้วพูด“แกไม่ต้องมาแก้ตัวอยู่ตรงนี้เลย ไป เราไปแจ้งตำรวจกัน” หลี่จื้อเชาจับเสื้อของหลินเฟิงไม่ยอมปล่อยหลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดขึ้น: “แม่ พวกแม่พอเลยนะ คนที่พาหนูมาที่นี่ก็คือหลี่ว์เจิ้งหยาง เขาเป็นคนวางยาหนู”“หลินเฟิงมาช่วยหนู ถ้าเขามาไม่ทันเวลา หนูก็คงจะถูกหลี่ว์เจิ้งหยาง...ข่มขืนไปแล้ว”จางกุ้ยหลานถลึงตาโต เธอไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าหลี่ว์เจิ้งหยางจะเป็นคนแบบนั้น“ลูกสาว ลูกไม่ต้องกังวลนะ มี
“ฆ่าคน” หลินเฟิงน้ำเสียงเย็นชาเสิ่นหานเข้าใจในทันที: “เข้าใจแล้วครับ คุณชายหลิน ผมจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้”......ในตอนนี้หลี่ว์เจิ้งหยางก็หนีกลับไปที่ตระกูลหลี่ว์ด้วยความร้อนรนหลี่ว์เฉิงเลี่ยงเห็นเขากระวนกระวายขนาดนี้ ใบหน้าก็ยังมีรอยฝ่ามือที่แดงก่ำจึงรับรู้ได้ว่าเขาถูกหลินเฟิงสั่งสอนแล้ว“แกลักพาตัวหลี่เสวี่ยหรานเหรอ?” หลี่ว์เฉิงเลี่ยงไม่มีเวลาให้คิดมาก จึงรีบถามขึ้นหลี่ว์เจิ้งหยางหายใจหอบ: “ใช่ ผมใกล้จะจัดการหลี่ฮุ่ยหรานได้แล้ว ก็ถูกไอ้เวรหลินเฟิงคนนั้นขัดจังหวะผมอีก”พูดจบเขาก็ชกกำปั้นไปบนโต๊ะระบายความโมโหที่อยู่ในใจ“แกนะแก...”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงชี้ลูกชายของเขาที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง: “เรื่องแบบนี้ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดคือความใจร้อน ตอนนี้แกผลักให้หลี่ฮุ่ยหรานไปข้างกายหลินเฟิงอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”“แล้วจะยังไง? อย่างมากพวกเราก็แค่ฆ่าหลินเฟิงซะ”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดเหยียดหยามหลี่ว์เฉิงเลี่ยงชะงักงัน: “ฆ่าหลินเฟิง? แกเอาอะไรไปฆ่า?”หลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มมุมปากเล็กน้อย: “หึ พ่อ พ่อลืมไปแล้วเหรอว่าคุณหนูตระกูลเซี่ยงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับผม จากที่ผมรับรู้ คุณหนูตระกูลเซี่ยงเ
ที่หลินเฟิงมาในครั้งนี้ก็จะชำระสะสางแค้นกับตระกูลหลี่ว์ เขาก็ไม่ได้คิดที่จะหลบซ่อนอยู่แล้วจากนั้นก็ถีบประตูของตระกูลหลี่ว์ให้เปิดออกในทันทีเสียงดังสนั่นทำให้คนของตระกูลหลี่ว์ตื่นตระหนกบอดี้การ์ดจำนวนมากกรูกันออกมาจากคฤหาสน์ และล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้พ่อลูกหลี่ว์เฉิงเลี่ยงก็เดินออกมา เมื่อเห็นหลินเฟิง หลี่ว์เจิ้งหยางก็หัวเราะด้วยความเหยียดหยามเป็นอย่างมาก: “ไอ้สกุลหลิน แกกล้ามาจริง ๆ ด้วยสินะ”เขาไม่เชื่อว่า คนของตระกูลตัวเองเยอะแยะขนาดนี้ จะจัดการหลินเฟิงคนนี้ไม่ได้“หุบปาก”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงตะคอกด้วยความโมโหและหันหน้ามองไปทางหลินเฟิง: “คุณหลิน ไม่ทราบว่าดึก ๆ ดื่น ๆ มาที่ตระกูลหลี่ว์มีธุระอะไรเหรอครับ?”“มาเอาชีวิตต่ำ ๆ ของลูกชายคุณยังไงล่ะ” หลินเฟิงพูดอย่างไม่รีบร้อน แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยพลังทำลายหลี่ว์เฉิงเลี่ยงขมวดคิ้ว: “คุณหลิน เรื่องในวันนี้เป็นความผิดของเจิ้งหยางจริง ๆ ผมขอโทษคุณ ณ ที่ตรงนี้ด้วย ไม่ทราบว่าคุณจะปล่อยเจิ้งหยางไปสักครั้งจะได้ไหมครับ? ให้โอกาสเขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่”“ถ้าหากว่าขอโทษแล้วมีประโยชน์งั้นจะมีตำรวจเอาไว้ทำอะไร?”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเ
ในตอนนี้หลินเฟิงพูดเสียงเย็นชาขึ้นมา: “อย่ามัวเสียเวลา ให้เวลาคุณจัดการสามนาที”เสิ่นหานพูดขึ้นทันที: “ไม่ต้องสามนาที หนึ่งนาทีผมก็จัดการเสร็จแล้ว”“แม่งเอ๊ย วันนี้ฉันจะดูสักหน่อยว่านายมีความสามารถอะไรกันแน่ถึงได้กล้าพูดจาสามหาว”เว่ยอู๋เหินตวาดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลเขาส่งพลังไปที่เท้าในทันที เขาถีบไปที่หน้าของเสิ่นหานเหมือนกับเสือดุลงจากภูเขาฝ่าเท้ามีลมโหมกระหน่ำหลี่ว์เจิ้งหยางทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ: “สุดยอดมาก”เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ปรมาจารย์ที่พ่อของเขาหามาจะสุดยอดขนาดนี้วินาทีต่อมา เสิ่นหานขยับเขยื้อนทันทีมือของเขาเหมือนกับกุญแจมือที่ล็อกข้อเท้าของเว่ยอู๋เหินเอาไว้ออกแรงมือเหมือนกับเท้าเหยี่ยวทันที“อ้าก…” เว่ยอู๋เหินร้องอย่างอนาถในทันทีเสิ่นหานปล่อยหมัดไปที่หัวเข่าของเขา“แกร่ก”เสียงดังก้องเว่ยอู๋เหินตกลงจากกลางอากาศทันทีเขากอดขาข้างขวาของตัวเองและกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น“อ้าก...ขาของฉัน ขาของฉัน”เว่ยอู๋เหินสีหน้าซีดเซียว เหงื่อซึมออกมา และส่งเสียงตะโกนที่จะขาดใจออกมาคนของตระกูลหลี่ว์ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี“นี่...นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?” หลี่ว์เฉิงเลี่ยงตกตะลึงตาค
หลินเฟิงออกแรงฝ่ามือเล็กน้อยเสียงดัง “แกร่ก” จากนั้นเสียงของหลี่ว์เจิ้งหยางก็หยุดลงทันทีเขาตายตาไม่หลับ“อ้าก...” หลี่ว์เฉิงเลี่ยงเห็นลูกชายของตัวเองตายอย่างน่าอนาถ ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาอย่างขาดใจ“หลินเฟิง แกไม่ได้ตายดี ฉันแม่งสู้สุดชีวิตกับแกแล้ว”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงดวงตาแดงก่ำ และเต็มไปด้วยเส้นเลือด จากนั้นก็แผดเสียงใส่หลินเฟิง: “ใครก็ได้ ฆ่ามันให้ฉันซะ ฆ่ามันซะ”บอดี้การ์ดของตระกูลหลี่ว์เห็นแบบนี้ก็พากันชักอาวุธออกมา ดาบเหล็กแต่ละเล่มที่แวววับทำให้คนรู้สึกตาลายจริง ๆคนนับสิบพุ่งไปทางหลินเฟิงเสิ่นหานกำลังจะลงมือ แต่กลับถูกหลินเฟิงห้ามเอาไว้“วันนี้ ฉันจะให้พวกเขาได้รับรู้หน่อยว่า อะไรที่เรียกว่ากำลังที่แท้จริง”หลินเฟิงตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห ลมพายุใต้ฝ่าเท้าก่อตัวขึ้นชายเสื้อปลิวว่อนส่งเสียงดังเขากระทืบเท้าทันที และพุ่งไปทางกลุ่มคนราวกับกระสุนปืนใหญ่หมัดหนึ่งถูกปล่อยออก คนสี่คนถูกต่อยจนกระเด็นออกไปทันที น้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมไม่สามารถรองรับหมัดของหลินเฟิงเอาไว้ได้ด้วยซ้ำคมดาบที่แหลมคมฟาดลงมา หลินเฟิงใช้นิ้วมือดีดเบา ๆ ดาบเหล็กก็หักในทันทีชี่แท้หมุนเวียน จุด
หลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกหมดคำพูด อีกทั้งแต่ละคนยังสวยขนาดนี้“คุณเป็นอะไรกับเขาคะ?” หลินเสวี่ยฮุ่ยถามลองเชิง“ฉันเป็นภรรยาของเขา” หลี่ฮุ่ยหรานตอบตามตรง“หือ?” หลินเสวี่ยฮุ่ยสีหน้างุนงง“ทำไมเหรอ?” หลี่ฮุ่ยหรานมองเธอด้วยความประหลาดใจหลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าติดต่อกัน: “ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่ก่อนหน้านี้ก็มีคนบอกว่าเป็นภรรยาของหลินเฟิง...”“ฉันก็แค่สงสัยว่าพี่หลินเฟิงมีภรรยากี่คนกันแน่”หลี่ฮุ่ยหรานมุมปากกระตุกเล็กน้อย ไม่ต้องคิดเธอก็รู้แล้ว: “คนคนนั้นชื่อถังหว่านสินะ?”“คุณรู้ได้อย่างไรคะ?”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มบาง: “ไม่มีอะไร ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของหลินเฟิงด้วยซ้ำ คุณถูกเธอหลอกแล้ว”“อ่อใช่ คุณคือ...”“ฉันคือน้องสาวของหลินเฟิง ฉันชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ยค่ะ”“อ๋อ...”หลี่ฮุ่ยหรานพูดด้วยความลึกซึ้งกินใจ: “งั้นฉันก็คือพี่สะใภ้ของคุณ คุณช่วยไปเรียกหลินเฟิงให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”ถึงแม้เธอจะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหลินเฟิงมีน้องสาวอะไรด้วย แต่คนผู้นี้ก็นามสกุลหลิน เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมากหลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า“งั้นคุณนั่งรอสักครู่ ฉันจะไปเรียกพี่หลินเฟิงเดี๋ยวนี้ค่ะ”หลี่ฮุ่ยหรานมาถึงห้องรับ
ตัวเขาก็ตกอยู่ในความลังเลอย่างหนึ่งในตอนนี้เองริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นกะทันหัน หลินเฟิงรู้สึกเหมือนมีตัวช่วยตกลงมาจากสวรรค์ในทันทีเขารีบรับสายโทรศัพท์ อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีเสียงของฉินอิ๋งดังขึ้น: “คุณหลิน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ?”“ผมอยู่ที่บ้าน ทำไมเหรอ?” หลินเฟิงพูดถาม“คือแบบนี้ คุณนายถังอยากจะเจรจากับคุณเรื่องบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังสักหน่อยค่ะ ดังนั้นจึงไหว้วานให้ฉันติดต่อคุณ เธออยากจะพบหน้ากับคุณหน่อยค่ะ” ฉินอิ๋งพูดขึ้นทันทีดวงตาคมกริบของหลินเฟิงหรี่ตาลง เขาแทบจะเข้าใจได้ในทันที คุณนายถังหลบเลี่ยงถังหว่าน ดังนั้นถึงได้ให้ฉินอิ๋งติดต่อเขาเขาพูดถาม: “ตอนนี้ถังหว่านอยู่ที่ไหน?”ฉินอิ๋งพูดด้วยความเก้กัง: “ฉันก็ไม่รู้ค่ะ พี่หว่านเอ๋อ วันนี้ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา”“คุณคือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท ดังนั้นพวกเขาถึงได้อยากจะเจรจากับคุณ”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” หลินเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”เขาก็ไม่เข้าใจว่าถังหว่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่หลังจากวางสาย เขาหันหน้าไปพูดกับหลี่ฮุ่ยหราน: “ผมมีธุระนิดหน่อย ต้องออกไปข้างนอก”“เกี่ยวกับ
“ทำไมกัน?”หลินเฟิงนั่งไขว่ห้าง และพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย: “หุ้นของผมถังหว่านเป็นคนให้ผม ถ้าหากจะเอาหุ้นกลับไป ก็ควรจะเป็นถังหว่านมาพูดคุยกับผม คุณไม่มีสิทธิ์คุยกับบผมเรื่องนี้”ถังอวิ๋นเฟิงโมโหเป็นอย่างมาก หลินเฟิงคนนี้ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ“แกแม่ง....”ถังว่านหลี่ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วพูดไกล่เกลี่ยและหัวเราะหึหึ: “เอาล่ะเอาล่ะ...อวิ๋นเฟิงคุณใจเย็นก่อนนะ”หลินเสวี่ยเยี่ยนขมวดคิ้วพูด: “หลินเฟิง ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับคุณในฐานะแม่ของถังหว่าน ที่ฉันทำแบบนี้เพราะได้ใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว”“ใคร่ครวญอย่างรอบคอบอะไรไม่ลองบอกกับผมดู?” หลินเฟิงถามขึ้นทันที“พอแล้ว”ในตอนนี้เอง ผู้ชายชุดดำที่นั่งอยู่บนที่นั่งตวาดเสียงแข็ง: “วันนี้ฉันมาที่นี่ ไม่ได้มาฟังพวกคุณพูดจาไร้สาระกัน”เขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงแล้วถามอย่างดูถูก: “นายก็คือหลินเฟิง?”“ถูกต้อง”ตอนนี้หลินเฟิงก็เริ่มจ้องมองคนผู้นี้เลือดลมล้นเหลือ กำลังภายในแน่นหนา ดูท่าทางเหมือนกับเป็นปรมาจารย์คนหนึ่ง“คุณคือ?”ถังอวิ๋นเฟิงพูดขึ้นทันที: “ท่านนี้คือคุณเฉิน เฉินเหวินหย่วนผู้การตระกูลเฉิน”เมื่อได้ยินว่าเป็นตระกูลเฉิน หลินเฟิ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน