“ทำไมกัน?”หลินเฟิงนั่งไขว่ห้าง และพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย: “หุ้นของผมถังหว่านเป็นคนให้ผม ถ้าหากจะเอาหุ้นกลับไป ก็ควรจะเป็นถังหว่านมาพูดคุยกับผม คุณไม่มีสิทธิ์คุยกับบผมเรื่องนี้”ถังอวิ๋นเฟิงโมโหเป็นอย่างมาก หลินเฟิงคนนี้ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ“แกแม่ง....”ถังว่านหลี่ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วพูดไกล่เกลี่ยและหัวเราะหึหึ: “เอาล่ะเอาล่ะ...อวิ๋นเฟิงคุณใจเย็นก่อนนะ”หลินเสวี่ยเยี่ยนขมวดคิ้วพูด: “หลินเฟิง ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับคุณในฐานะแม่ของถังหว่าน ที่ฉันทำแบบนี้เพราะได้ใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว”“ใคร่ครวญอย่างรอบคอบอะไรไม่ลองบอกกับผมดู?” หลินเฟิงถามขึ้นทันที“พอแล้ว”ในตอนนี้เอง ผู้ชายชุดดำที่นั่งอยู่บนที่นั่งตวาดเสียงแข็ง: “วันนี้ฉันมาที่นี่ ไม่ได้มาฟังพวกคุณพูดจาไร้สาระกัน”เขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงแล้วถามอย่างดูถูก: “นายก็คือหลินเฟิง?”“ถูกต้อง”ตอนนี้หลินเฟิงก็เริ่มจ้องมองคนผู้นี้เลือดลมล้นเหลือ กำลังภายในแน่นหนา ดูท่าทางเหมือนกับเป็นปรมาจารย์คนหนึ่ง“คุณคือ?”ถังอวิ๋นเฟิงพูดขึ้นทันที: “ท่านนี้คือคุณเฉิน เฉินเหวินหย่วนผู้การตระกูลเฉิน”เมื่อได้ยินว่าเป็นตระกูลเฉิน หลินเฟิ
“ฉันดูแล้วนายอยากรนหาที่ตายสินะ” เฉินเหวินหย่วนตวาดเสียงดังฝ่ามือจับโต๊ะเอาไว้แน่น และยกขึ้นทันทีโต๊ะทำงานไม้เนื้อแข็งถูกเขายกลอยขึ้นและปาไปทางหลินเฟิงทันทีคนตระกูลถังตกใจจนพากันถอยออกไปมีเพียงหลินเฟิงที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้เขายกฝ่ามือขึ้นช้า ๆ จากนั้นกดลงไปบนโต๊ะเบา ๆ โต๊ะทำงานไม้เนื้อแข็งตกลงอีกครั้งทันทีเสียงสั่นสะเทือนก้องหูดัง “โครม”เฉินเหวินหย่วนรู้สึกตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะมีความสามารถแบบนี้หลินเฟิงถือแก้วน้ำชาไว้ในมือและพูดเสียงแข็ง: อายุเยอะแล้ว อย่าอารมณ์ร้อนขนาดนั้น ดื่มน้ำชาลดอุณหภูมิหน่อย”เมื่อพูดจบ แก้วน้ำชาที่อยู่ในมือก็ลอยไปทางเฉินเหวินหย่วนความเร็วราวกับธนูที่แยกออกจากสายธนูเฉินเหวินหย่วนกำลังภายในแข็งตัว ฝ่ามือตบแก้วชาจนแตกแต่น้ำชาที่อยู่ภายในแก้วน้ำชากลับกลายเป็นหยดน้ำ พุ่งยิงไปทางเขาเหมือนกับลูกกระสุนอย่างไรอย่างนั้นเฉินเหวินหย่วนไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าหยดน้ำเหล่านี้จะสามารถทำร้ายเขาได้จนกระทั่งหยดน้ำแทงทะลุผิวหนังของเขา เขาถึงได้รับรู้ถึงความอันตรายแต่น่าเสียดายที่สายไปแล้วเฉินเหวินหย่วนโซเซทันที เกือบจะยืนไม่ไหว
ลูกน้องของเขาออกโรงก็ยังฆ่าได้ตามสบายหลินเสวี่ยเยี่ยนถลึงตาใส่หลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “นายมีสีหน้าอะไรกัน? หรือว่ายังไม่ยอมแพ้เหรอ? ตอนนี้นายรีบโอนหุ้นส่วนออกมาเลยนะ”“ไม่อย่างนั้นรอตระกูลเฉินประกาศออกมาจริง ๆ ก็จะไม่ทันการแล้ว”ตระกูลถังเมืองจิงตูดูเหมือนจะมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่มาก แต่คนเขาไม่อยากจะยุ่งเรื่องบ้าบอของเมืองเจียงโจวด้วยซ้ำ ยิ่งไม่มีทางส่งคนมา ตระกูลถังในตอนนี้ก็ทำได้แค่พึ่งพาตัวเอง“พอแล้ว” ถังว่านหลี่พูดขึ้นทันที: “ยังไงหลินเฟิงก็ช่วยพวกเราตระกูลถังแก้ไขสถานการณ์ พวกเราไม่ซาบซึ้งในน้ำใจก็ช่างเถอะ ทำไมยังโทษหลินเฟิงอีก?”เขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ก็ยังรู้สึกไม่พอใจต่อข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลของตระกูลเฉินแต่ติดตรงที่สถานการณ์สู้คนเขาไม่ได้ จึงทำได้แค่ฝืนกล้ำกลืนเอาไว้หลินเฟิงตอบโต้กลับอย่างเผด็จการ เขารู้สึกสบายใจขึ้นเป็นอย่างมากแต่ภรรยาและหลานชายของเขากลับไม่ชอบการกระทำแบบนี้ของหลินเฟิง“คุณพูดได้ง่ายดีนะ เกิดเรื่องขึ้นเขาก็สามารถหนีจากไปได้โดยไม่ต้องสนใจอะไร ถึงตอนสุดท้ายเรื่องราววุ่นวายแบบนี้ไม่ต้องให้พวกเรามาจัดการหรอกเหรอ?”หลินเสวี่ยเยี่ยนเห็นผู้ชายของตัวเ
คนตระกูลถังชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าเหลยปินคนนี้จะอวดดีแบบนี้โจวเฉินได้ยินแบบนี้ก็ตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ในฐานะนักบู๊เขาก็มีความหยิ่งทระนงในตัวเองอยู่แล้วเขาขมวดคิ้วทันทีและพูดขึ้น: “คุณเหลย นี่คุณหมายความว่ายังไงครับ?”“ผมเคารพคุณขนาดนี้ คุณกลับดูถูกผมเหรอ?”ตั้งแต่ต้นจนจบเหลยปินไม่ได้เหลียวมองโจวเฉินแม้แต่น้อย จากนั้นก็พูดเหยียดหยาม: “นายผิดแล้ว ฉันไม่ได้กำลังดูถูกนาย เพราะนายไม่คู่ควรให้ฉันดูถูกด้วยซ้ำ”“คุณ...” โจวเฉินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถ้าหากตัวเองไม่สู้กลับ ยังจะคู่ควรกับสถานะองครักษ์ของตระกูลถังอีกเหรอกำลังจะลงมือก็ถูกถังหว่านขวางไว้ตรงกลาง: “เอาล่ะ ตอนนี้พวกคุณต่างเป็นคนของตระกูลถัง กำลังทำงานเพื่อตระกูลถัง ศัตรูยังไม่ได้จัดการ พวกคุณกลับสู้กันเองซะก่อน นี่มันเหมาะสมที่ไหนกัน”“หึ”เหลยปินส่งเสียงไม่พอใจในลำคอแล้วพูดขึ้น: “คุณหนูถัง ต่อกลอนกับตระกูลเฉินผมเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ทำไมคุณต้องหานักบู๊ชั้นต่ำแบบนี้มาด้วย”“คุณอวดดีเกินไปแล้ว วันนี้ผมอยากจะดูสักหน่อยว่าคุณมีความสามารถอะไรกัน” โจวเฉินไม่สามารถอดทนได้จริง ๆ”ไม่ว่าเป็นเขา หรือแม้แต่ถังว่านหลี่ หลินเสวี่ยเยี่
“นี่…” ถังว่านหลี่พูดไม่ออกทันที: “หวังว่าเงินนี้จะใช้อย่างคุ้มค่านะ”ถังหว่านก็รู้สึกจนปัญญา อยากจะต่อกลอนกับตระกูลเฉินก็ต้องมีปรมาจารย์ลำดับโลกหนุนหลังแต่เธอกับเหลยปินไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำได้แค่ใช้เงินจัดการ เป็นอย่างที่คุณพ่อว่า หวังว่าเหลยปินจะคุ้มค่ากับหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทนี้คนตระกูลถังแยกย้ายกันออกไป ถังหว่านมาที่ด้านข้างของหลินเฟิง: “เรื่องในวันนี้ฉันได้ยินหมดแล้ว ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”ตระกูลเฉินอยากจะได้หุ้นของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง แม่ของเธอกลับบีบบังคับให้หลินเฟิงยอมจำนนพูดตามตรงเธอรู้สึกผิดต่อหลินเฟิงเล็กน้อยหลินเฟิงโบกมือโดยที่ไม่ได้ใส่ใจมองดูสีหน้าท่าทางที่ขมขื่นของเธอ เขาก็ยิ้มแล้วพูดออกมา: “คิดไม่ถึงว่าคุณก็มีตอนที่หน้าตาขมขื่นด้วย”ถังหว่านสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “คนของตระกูลเฉินที่มาในครั้งนี้คือเฉินเทียนหลง คนผู้นี้ความสามารถไม่ธรรมดา ทางด้านเมืองจิงตูก็ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือใด ๆ”“พูดตามตรง ฉันก็ไม่มีความมั่นใจในการต่อกรกับตระกูลเฉิน”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “วางใจเถอะ ถึงเวลาผมจะลงมือเอง”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจ: “หลินเฟิง ความสามา
หลินเฟิงเหลือบตามองจางซิน คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ก็มาด้วย“เอ๊ะ ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะ นายไม่ได้ยินเหรอ?” จางซินเห็นว่าหลินเฟิงไม่สนใจเธอ จึงเดินเข้าไปทันที และซักถามด้วยใบหน้าเย็นชาหลินเฟิงพูดอย่างเฉยเมย: “ฉันไปที่ไหนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอด้วยเหรอ?”“ชิ ฉันดูแล้วนายก็มาดูการประลองระหว่างตระกูลถังกับตระกูลเฉินสินะ?”จางซินกลอกตามองแล้วพูด: “น่าเสียดายนะ ต่อไปตระกูลถังก็ล่มจมแล้ว ถึงเวลาฉันดูสิว่าผู้ชายหน้าตัวเมียอย่างนายยังจะมีอะไรให้อวดดีอีก”“ฉันเกลี้ยกล่อมให้เธออย่าหาเรื่องใส่ตัว วันนี้ฉันไม่อยากจะลงมือกับเธอ” หลินเฟิงมองเธออย่างแข็งกร้าวในตอนนี้สวีเฉียงก็เดินเข้ามา และถามด้วยความประหลาดใจ: “ซินซิน คนคนนี้ใครกันเหรอ?”จางซินสองมือกอดอด และพูดเหยียดหยาม: “ไอ้หมอนี่คืออดีตพี่เขยของฉัน แต่ก็เป็นแค่สวะก็เท่านั้นแหละ”“ลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่ชอบเขาด้วยซ้ำ และก็หย่าร้างกับเขาไปนานแล้ว”“ไอ้หมอนี่ก็หันไปเกาะขาคุณหนูตระกูลถัง”สวีเฉียงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า: “ที่แท้ก็เป็นผู้ชายหน้าตัวเมียนี่เอง ไอ้หนุ่ม รีบขอโทษซินซินซะ”เขาก็ลองสอบถามเบื้องหลังของหลินเฟิงดูก่อน เมื่อเห็นว่าไอ้ห
สวีเฉียงรู้สึกว่าหัวเข่าของเขาเจ็บปวดอย่างมากในทันทีจากนั้นก็พุ่งออกไปตามแรงที่ได้รับในทันที จากนั้นศีรษะก็ชนเข้ากับกำแพงเสียงดังก้อง คนทั้งคนกระแทกจนศีรษะมีเลือดไหลทันที“อ๊ะ...พี่เฉียง คุณไม่เป็นไรนะ?” จางซินตกใจจนใบหน้าถอดสี จากนั้นก็รีบวิ่งไปด้านข้างสวีแยง และถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงสวีเฉียงกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด: “ไม่ ไม่เป็นไร ผมก็แค่สะเพร่าไปชั่วขณะ”เขาก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่จนกระทั่งตอนนี้หัวเข่าของเขายังแอบรู้สึกเจ็บปวดเขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงและพูดด่าทอ: “นายบอกว่าจะประลองกับฉันไม่ใช่เหรอ? นายแม่งหลบอะไร?”จางซินก็ถลึงตาใส่ และชี้หน้าตำหนิหลินเฟิงขึ้นมา: จริงด้วย แกหลบอะไร?”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ: “ทำไม? ฉันต้องยืนให้นายต่ออยู่ตรงนั้นเหรอ?”“นายปฏิกิริยาตอบสนองช้าเองโทษใครได้?”“พุ่งไปชนกับกำแพงโดยตรง น่าขำจริง ๆ”“แก...” สวีเฉียงโมโหแทบจะตาย เขาอยากจะลุกขึ้นมาสั่งสอนหลินเฟิง แต่กลับพบว่าหัวเข่าของเขาไม่มีแรงแม้แต่น้อยจางซินเห็นเขาโซเซ ก็รีบถามขึ้น: “พี่เฉียง พี่เป็นอะไรไปเหรอ?”สวีเฉียงมุมปากกระตุกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้
เฉินเทียนหลงได้ยินข้อเสนอนี้ก็ยิ้มบาง: “ได้สิ”ถังหว่านชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้เฉินเทียนหลงก็พูดขึ้นทันที: “ถ้าหากตระกูลเฉินของฉันชนะ พวกคุณตระกูลถังก็นำหุ้นทั้งหมดของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังออกมามอบให้ผม”“ขอเสนอนี้ไม่มีปัญหาใช่ไหม”ถังหว่านพยักหน้าพูด: ไม่มีปัญหาเลย”“ถ้าหากตระกูลถังของฉันชนะ ก็ขอให้ตระกูลเฉินต่อไปอย่ามาหาเรื่องตระกูลถังของฉันอีก แน่นอนว่าถ้าหากจะทำธุรกิจ ตระกูลถังยินดีต้อนรับทุกเมื่อ”“ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไปห้องโถงด้านหลังเพื่อนแสดงศิลปะการต่อสู้เถอะ” เฉินเทียนหลงยิ้มพูดถังหว่านมองดูรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ของเขาก็มักรู้สึกว่ามีปัญหา แต่ปัญหาเกิดขึ้นตรงไหนเธอก็ไม่เข้าใจ ทำได้แค่ไปก้าวหนึ่งมองดูก้าวหนึ่งเมื่อมาถึงลานประลอง ถังหว่านถึงได้เข้าใจ ตระกูลเฉินเชิญประธานของเมืองเจียงโจวมาด้วยหลายคนเมื่อเห็นคนของตระกูลถังกับตระกูลเฉิน ประธานหลายคนก็มองมาที่จุดเดียวกันทั้งหมด“นี่ พวกคุณว่าตระกูลถังกับตระกูลเฉินประลองการต่อสู้กัน ใครจะชนะ?”“ไม่แน่ใจนะ...แต่ฉันว่าหวังว่าตระกูลถังจะชนะ”“ชิ ตระกูลถังชนะจะมีผลประโยชน์อะไร?”
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน