เฉินเหวินหย่วนพูดจบก็ใช้เทคนิคกังฟูโจมตีไปทางฉินอิ๋งฉินอิ๋งก็รวบรวมกำลังไปที่ฝ่ามือสายฟ้าทันทีทั้งสองคนหมัดประสานกัน เคลื่อนตัวไปมาบนเวทีประลองอย่างรวดเร็วต่อสู้กันนับสิบกระบวนท่าทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีตะโกนออกมาด้วยความพึงพอใจ“คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะสามารถสู้กับเฉินเหวินหย่วนได้นานขนาดนี้”“ไม่เสียแรงที่เป็นลูกสาวของนายกรัฐมนตรีฉินที่มีความสามารถอยู่บ้างจริง ๆ”เฉินเหวินหย่วนกลับรู้สึกโมโหอย่างมากตัวเองเดิมทีก็อายุเยอะกว่าฉินอิ๋ง แถมยังเป็นผู้ชาย ต่อสู้กับนังเด็กคนนี้นานขนาดนี้ก็น่าอับอายจริง ๆ นั่นแหละเดิมเขาอยากจะจัดการฉินอิ๋งภายในวินาทีเดียว แต่คิดไม่ถึงว่าฉินอิ๋งคนนี้จะมีความสามารถอยู่จริง ๆ แถมเทคนิคกังฟูก็ไม่ธรรมดาเพียงแต่ ยังไงซะฉินอิ๋งก็อายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ เองประสบการณ์การต่อสู้ของเธอยังเทียบกับเฉินเหวินหย่วนไม่ได้เห็นเฉินเหวินหย่วนตั้งใจปล่อยจุดบกพร่อง ฉินอิ๋งก็ติดกับโจมตีเข้ามาจริง ๆเขาหัวเราะเยาะในทันที: “นังหนู เธอยังเด็กเกินไปหน่อยแล้ว”พูดจบ เธอก็จับข้อมือของฉินอิ๋งเอาไว้ทันทีฉินอิ๋งสีหน้าเปลี่ยนไป ในตอนนี้อยากจะหนีแต่ก็ไม่ทันซะแล้วเฉ
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็มองดูด้วยสีหน้างุนงง“นี่...นี่มันน่าตื่นเต้นเร้าใจเกินไปหน่อยไหม?”ถังหว่านถลึงตาจนกลมโต: “คุณเหลย นี่คุณหมายความว่ายังไงคะ?”“ไม่ได้หมายความอย่างไร ก็แค่ยอมแพ้แล้วก็เท่านั้น” เหลยปินพูดด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสถังหว่านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “ฉันจ้างคุณด้วยเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท ให้คุณเป็นตัวแทนตระกูลถังออกไปประลอง แต่คุณกลับยอมแพ้งั้นเหรอ?”เหลยปินกอดออกแล้วหัวเราะเยาะ: “คุณให้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านกับผมจริง ๆ แต่ตระกูลเฉินให้ผมสองร้อยห้าสิบล้านบาท”“ผมก็ต้องช่วยตระกูลเฉินอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณก็ให้ผมอีกหนึ่งร้อยล้านบาทสิ? แบบนั้นผมก็ไม่ช่วยใครทั้งนั้น”“คุณมันไร้ยางอาย” ถังหว่านชี้หน้าเหลยปินแล้วพูดด่าทอเดิมทีเธอคิดว่าเหลยปินในฐานะนักบู๊ จะต้องมีศักดิ์ศรีของนักสู้อยู่แล้วแต่เธอประเมินเหลยปินคนนี้ต่ำเกินไปจริง ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เฉินเทียนหลงหัวเราะเสียงดังออกมาทันที: “คุณถัง ลูกน้องของพวกคุณยอมแพ้แล้ว”“ครั้งนี้ตระกูลเฉินของผมก็ชนะอีกแล้วน่ะสิ”“ไม่ทราบว่าตระกูลถังของพวกคุณยังมีความสามารถที่จะสู้อีกไหม?”ถังหว่านกำหมัดแน่น โมโหจนกัดฟันกรอดตอนน
หลินเฟิงไม่รู้ว่าจับข้อมือของเขาเอาไว้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หมัดของเหลยปินไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อีกแม้แต่น้อย“นายมีความสามารถแค่นี้เองเหรอ?” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วมองเขาอย่างเหยียดหยาม“อะไรกัน?”เหลยปินตกตะลึงจนหน้าถอดสีเสียงของหลินเฟิงดังขึ้นอีกครั้ง: “ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนทรยศต่างมีจุดจบที่ไม่ดี นายก็เหมือนกัน”เพิ่งพูดจบ หลินเฟิงก็หักแขนของเหลยปินด้วยฝ่ามือข้างเดียวเสียงดัง “แกร่ก” แขนของเหลยปินหลุดออกตามเสียง เลือดสดไหลออกมาเหมือนกับน้ำพุในทันที“อ้าก...”เหลยปินส่งเสียงร้องอนาถเขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่า หลินเฟิงจะหักแขนเขาหลุดออกมาได้ด้วยฝ่ามือนี้การเคลื่อนไหวของหลินเฟิงยังไม่หยุดลง เมื่อจับแขนของเขาได้ก็ออกแรงบีบ“กรอบแกร่บ”กระดูกของเหลยปินกลายเป็นเผ้าผงในทันทีจากนั้นหลินเฟิงก็เตะเขาลงจากเวทีประลองเหตุการณ์ทั้งหมดไม่เกินสามวินาทีหลินเฟิงก็โยนแขนที่ขาดของเหลยปินลงบนพื้นโดยไม่ได้ใส่ใจเหลยปินกุมแขนข้างที่เลือดไหลทะลักเอาไว้ และร้องตะโกนด้วยความน่าอนาถ: “คืนแขนฉันมา คืนแขนฉันมา...”หลินเฟิงพูดเหยียดหยาม: “ตั้งแต่วันนี้ไป มือทะลุเมฆาจะไม่มีการส
เฉินเทียนหลงยกมือขึ้นบังเอาไว้ทันที และเรียกกำลังภายในที่อยู่รอบตัวชั่วพริบตาเดียวเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงโจมตีที่รุนแรงบางอย่างทำให้กำลังภายในของเขาถูกโจมตีจนแตกเป็นเสี่ยง ๆแขนทั้งสองข้างถูกสั่นสะเทือนจนชาไปหมด เฉินเทียนไม่สามารถทรงตัวได้ คนทั้งคนถอยหลังไปติด ๆ กัน และล้มออกไปจากเวทีประลองทันทีเสียงดัง “โครม” คนทั้งคนกระแทกเข้ากับกำแพงโดยตรงเฉินเทียนหลงสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เลือดลมย้อนกลับเกือบทำให้อ้วกออกมาเป็นเลือดโชคดีที่เขาหยุดยั้งเอาไว้ได้ทันเวลา ฝืนระงับเลือดลมที่หมุนเวียนขึ้นลงลงไป“ผู้อาวุโส...” เฉินเหวินหย่วนและคนอื่น ๆ ตกตะลึงจนหน้าถอดสีหลินเฟิงถีบแค่เพียงครั้งเดียวก็ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลตัวเองถูกถีบจนตกจากเวที นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไปหน่อยแล้ว“ผู้อาวุโส คุณไม่เป็นไรนะ?”เฉินเทียนหลงฝืนกลืนเลือดลมที่พุ่งขึ้นมาลงไป และโบกมือพูด: “ไม่เป็นไร...”“นี่...”ถังหว่านและคนอื่น ๆ ก็มองหน้ากัน“เอ๊ะ...หลินเฟิงบอกว่าเขาไม่ได้เป็นปรมาจารย์ลำดับโลกไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้จัดการคนของลำดับโลกได้ง่ายดายขนาดนี้?”ฉินอิ๋งที่อยู่ด้านข้างพูดเสียงเบา: “หลินเฟิงคงไม่ได้เป็นปรม
เฉินเทียนหลงชะงักงันแล้วซักถาม: “งั้นคุณอยากจะเอายังไง?”“ถังหว่านใช้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทเพื่อการประลองในครั้งนี้ คุณชดใช้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทมาด้วย” หลินเฟิงพูดด้วยความเผด็จการถังหว่านได้ยินคำพูดนี้หัวใจก็เต้นแรงจนเกือบถึงคอหายในทันทีตระกูลเฉินจะยอมตกลงขอเสนอที่ไร้เหตุผลแบบนี้ได้อย่างไร เพียงแค่ตระกูลเฉินไม่มายุ่งกับบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง เธอก็พอใจแล้วเฉินเหวินหย่วนได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และด่าทอด้วยความโมโห: “ไอ้หนุ่มนี่มันข่มเหงรังแกกันเกินไปหน่อยแล้ว”“พอแล้ว”เฉินเทียนหลงตวาดเสียงดัง: “ก็แค่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านเองไม่ใช่เหรอ ฉันให้คุณก็ได้แล้ว”ถังหว่านกับฉินอิ๋งตะลึงงันอยู่ที่เดิม อย่าว่าแต่เฉินเหวินหย่วนเลยแม้แต่ตระกูลใหญ่โตและประธานทุกคนที่ล้อมรอบดูความครึกครื้นอยู่ก็มีสีหน้างุนงง“นี่..ผู้อาวุโส นี่คุณ...ต่ำต้อยเกินไปหน่อยไหม?” เฉินเหวินหย่วนพูดด้วยความสงสัยเฉินเทียนหลงถลึงตาใส่เขาแล้วพูดเสียงเย็นชา: “นายเป็นผู้อาวุโสหรือว่าฉันเป็นผู้อาวุโส?”“เอ่อ...แน่นอนว่าคุณเป็นผู้อาวุโสอยู่แล้ว”“งั้นนายก็หุบปากอย่างว่าง่ายหน่อย”เฉินเทียนหลงเรียกลูกน
คำพูดนี้ของหลินเฟิงในสายตาของทั้งสามคนนั้นช่างอวดดีเป็นอย่างมากโจวเฉินตักเตือนด้วยความหวังดี: “คุณหลินอย่าได้มองข้ามปรมาจารย์ลำดับสวรรค์จะดีกว่านะครับ”“ในอดีตผมมีเกียรติได้พบกับปรมาจารย์ลำดับสวรรค์ อายุเกินห้าสิบปี แต่ยังคงมีความน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก”“คนที่สามารถขึ้นลำดับสวรรค์ได้ แทบจะไม่ใช่นักบู๊ธรรมดาทั่วไป”หลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็ทำเพียงแค่ยิ้มบาง: “ขอบคุณที่เตือนครับ”ถ้าหากโจวเฉินได้เจอกับหลินเฟิงในช่วงที่อยู่จุดสูงสุดก็จะเข้าใจว่า แค่ลำดับสวรรค์ธรรมดา ๆ ไม่สามารถรองรับหลินเฟิงได้ด้วยซ้ำหลังจากถังหว่านสั่งการเสร็จก็จากไปอย่างรีบร้อนหลินเฟิงพูดว่าเป็นบอดี้การ์ดของถังหว่านแต่แทบจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งด้วยซ้ำ เขาไปทำงานได้ไม่กี่วันด้วยซ้ำจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านคนเดียว......ขณะเดียวกัน สนามบินนานาชาติเมืองเจียงโจวครอบครัวของเซี่ยงตงเซิงกับไป๋จินเต๋อและคนอื่น ๆ ได้มารออยู่ที่รอรับอยู่นานแล้ววันนี้เป็นวันที่ลูกชายคนโตของตระกูลเซี่ยงกลับมาเซี่ยงตงเซิงให้ความสำคัญกับลูกชายคนนี้ของเขาเป็นอย่างมาก และก็เห็นเขาเป็นผู้สืบทอดของตัวเองอายุสิบแปดไปเรียนที่ต่างประเทศ ศ
ขณะพูดก็มอบของขวัญที่อยู่ในมือไปให้ในมือของเซี่ยงตงเซิง นี่ก็คือผลึกน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลายของสำนักเสินฉือ นั่นเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเสินฉือคนธรรมดาทานเข้าไปก็จะมีผลทำให้อายุยืนยาวเซี่ยงตงเซิงเคยได้ยินลูกชายพูดถึงของสิ่งนี้อยู่เป็นประจำ คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวของตระกูลโอวหยางจะมอบมันให้กับเขาไม่ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เขาก็รีบยิ้มแย้มพูดขึ้น: “คุณหนูโอหยางเกรงใจกันเกินไปแล้ว”“พวกลูกสองคนก็อายุไม่น้อยแล้วจริง ๆ นั่นแหละ เรื่องแต่งงานก็ควรจะกำหนดวันแล้ว”“แต่ว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ยังต้องรีบจัดการน่ะสิ”เซี่ยงตงเซิงเปลี่ยนเรื่องคุย: “ไม่กี่วันก่อน น้องสาวของลูกถูกคนรังแก”เซี่ยงหลงได้ยินแบบนี้ก็ยกมือขัดจังหวะทันที: “เรื่องนี้น้องสาวได้บอกกับผมแล้ว”“คิดไม่ถึงว่าจะยังมีคนกล้ารังแกน้องสาวของผม ไม่รู้จักความเป็นความตายจริง ๆ คุณพ่อไม่ต้องเป็นกังวล ครั้งนี้ที่ผมกลับมาก็เพื่อแบ่งเบาคุณพ่อกับน้องสาว”“ตั้งแต่นี้ไป ผมจะทำให้ทุกคนที่เมืองเจียงโจวได้รับรู้ว่า กล้าหาเรื่องครอบครัวของเซี่ยงหลง จุดจบจะน่าอนาถมากแค่ไหน”ได้ยินคำพูดอันฮึกเหิมของลูกชายของเขา เซี่ยงตงเซิงก็หน้าตายิ้ม
หลินเฟิงลูบใบหน้าของตัวเอง ข้างบนยังมีรอยลิปสติกสีแดงที่ติดอยู่กลิ่นหอมบาง ๆ ลอยเข้าจมูกทำให้คนรู้สึกเคลิบเคลิ้มจริง ๆหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ด้านข้างเบะปากพูด: “นี่ คุณยังจะทานข้าวอีกไหม? หอมแก้มนิดหน่อยทำให้วิญญาณของพี่หายไปแล้วเหรอ?”“แค่กแค่ก...”หลินเฟิงไอออกมา คิดไม่ถึงว่าเขาก็มีวันที่ต้องอับอายขายหน้าแบบนี้ด้วยเขาถลึงตาใส่หลินเสวี่ยฮุ่ยแล้วพูดว่า: “เด็กน้อยอย่างเธอจะรู้อะไร”หลินเสวี่ยฮุ่ยเหลือบตามองเขา: “ฉันอายุยี่สิบแล้วนะ คุณคงไม่ได้เห็นฉันเป็นเด็กน้อยหรอกใช่ไหม?”พูดจบยังตั้งใจแอ่นอกของตัวเองหลินเฟิงหัวเราะเยาะขึ้นมา: “ดูไม่ออกว่าตรงไหนของเธอใหญ่”“คุณ...”หลินเสวี่ยฮุ่ยโมโหจนหน้าแดงก่ำ“ฉันดูแล้วคุณคงไม่ได้เป็นผู้ชายซิงหรอกใช่ไหม?”เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกสงสัยอย่างมาก จึงจับแขนเสื้อของหลินเฟิงเอาไว้: “หลินเฟิง คุณเป็นผู้ชายซิงใช่ไหม?”หลินเฟิงหน้าแดงไปถึงใบหู และขมวดคิ้วพูด: “ตอนนั้นมีความจำเป็นในการฝึกวิทยายุทธ หยวนหยางไม่ได้ถูกปล่อยออกไปนั้นเป็นเรื่องดี มีอะไรน่าขำ”“ฮ่าฮ่าฮ่า...พอเลย”หลินเสวี่ยฮุ่ยหัวเราะจนหุบปากไม่ได้ และร่างกายก็สั่นเทา: