คนตระกูลถังชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าเหลยปินคนนี้จะอวดดีแบบนี้โจวเฉินได้ยินแบบนี้ก็ตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ในฐานะนักบู๊เขาก็มีความหยิ่งทระนงในตัวเองอยู่แล้วเขาขมวดคิ้วทันทีและพูดขึ้น: “คุณเหลย นี่คุณหมายความว่ายังไงครับ?”“ผมเคารพคุณขนาดนี้ คุณกลับดูถูกผมเหรอ?”ตั้งแต่ต้นจนจบเหลยปินไม่ได้เหลียวมองโจวเฉินแม้แต่น้อย จากนั้นก็พูดเหยียดหยาม: “นายผิดแล้ว ฉันไม่ได้กำลังดูถูกนาย เพราะนายไม่คู่ควรให้ฉันดูถูกด้วยซ้ำ”“คุณ...” โจวเฉินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถ้าหากตัวเองไม่สู้กลับ ยังจะคู่ควรกับสถานะองครักษ์ของตระกูลถังอีกเหรอกำลังจะลงมือก็ถูกถังหว่านขวางไว้ตรงกลาง: “เอาล่ะ ตอนนี้พวกคุณต่างเป็นคนของตระกูลถัง กำลังทำงานเพื่อตระกูลถัง ศัตรูยังไม่ได้จัดการ พวกคุณกลับสู้กันเองซะก่อน นี่มันเหมาะสมที่ไหนกัน”“หึ”เหลยปินส่งเสียงไม่พอใจในลำคอแล้วพูดขึ้น: “คุณหนูถัง ต่อกลอนกับตระกูลเฉินผมเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ทำไมคุณต้องหานักบู๊ชั้นต่ำแบบนี้มาด้วย”“คุณอวดดีเกินไปแล้ว วันนี้ผมอยากจะดูสักหน่อยว่าคุณมีความสามารถอะไรกัน” โจวเฉินไม่สามารถอดทนได้จริง ๆ”ไม่ว่าเป็นเขา หรือแม้แต่ถังว่านหลี่ หลินเสวี่ยเยี่
“นี่…” ถังว่านหลี่พูดไม่ออกทันที: “หวังว่าเงินนี้จะใช้อย่างคุ้มค่านะ”ถังหว่านก็รู้สึกจนปัญญา อยากจะต่อกลอนกับตระกูลเฉินก็ต้องมีปรมาจารย์ลำดับโลกหนุนหลังแต่เธอกับเหลยปินไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำได้แค่ใช้เงินจัดการ เป็นอย่างที่คุณพ่อว่า หวังว่าเหลยปินจะคุ้มค่ากับหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทนี้คนตระกูลถังแยกย้ายกันออกไป ถังหว่านมาที่ด้านข้างของหลินเฟิง: “เรื่องในวันนี้ฉันได้ยินหมดแล้ว ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”ตระกูลเฉินอยากจะได้หุ้นของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง แม่ของเธอกลับบีบบังคับให้หลินเฟิงยอมจำนนพูดตามตรงเธอรู้สึกผิดต่อหลินเฟิงเล็กน้อยหลินเฟิงโบกมือโดยที่ไม่ได้ใส่ใจมองดูสีหน้าท่าทางที่ขมขื่นของเธอ เขาก็ยิ้มแล้วพูดออกมา: “คิดไม่ถึงว่าคุณก็มีตอนที่หน้าตาขมขื่นด้วย”ถังหว่านสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “คนของตระกูลเฉินที่มาในครั้งนี้คือเฉินเทียนหลง คนผู้นี้ความสามารถไม่ธรรมดา ทางด้านเมืองจิงตูก็ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือใด ๆ”“พูดตามตรง ฉันก็ไม่มีความมั่นใจในการต่อกรกับตระกูลเฉิน”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “วางใจเถอะ ถึงเวลาผมจะลงมือเอง”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจ: “หลินเฟิง ความสามา
หลินเฟิงเหลือบตามองจางซิน คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ก็มาด้วย“เอ๊ะ ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะ นายไม่ได้ยินเหรอ?” จางซินเห็นว่าหลินเฟิงไม่สนใจเธอ จึงเดินเข้าไปทันที และซักถามด้วยใบหน้าเย็นชาหลินเฟิงพูดอย่างเฉยเมย: “ฉันไปที่ไหนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอด้วยเหรอ?”“ชิ ฉันดูแล้วนายก็มาดูการประลองระหว่างตระกูลถังกับตระกูลเฉินสินะ?”จางซินกลอกตามองแล้วพูด: “น่าเสียดายนะ ต่อไปตระกูลถังก็ล่มจมแล้ว ถึงเวลาฉันดูสิว่าผู้ชายหน้าตัวเมียอย่างนายยังจะมีอะไรให้อวดดีอีก”“ฉันเกลี้ยกล่อมให้เธออย่าหาเรื่องใส่ตัว วันนี้ฉันไม่อยากจะลงมือกับเธอ” หลินเฟิงมองเธออย่างแข็งกร้าวในตอนนี้สวีเฉียงก็เดินเข้ามา และถามด้วยความประหลาดใจ: “ซินซิน คนคนนี้ใครกันเหรอ?”จางซินสองมือกอดอด และพูดเหยียดหยาม: “ไอ้หมอนี่คืออดีตพี่เขยของฉัน แต่ก็เป็นแค่สวะก็เท่านั้นแหละ”“ลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่ชอบเขาด้วยซ้ำ และก็หย่าร้างกับเขาไปนานแล้ว”“ไอ้หมอนี่ก็หันไปเกาะขาคุณหนูตระกูลถัง”สวีเฉียงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า: “ที่แท้ก็เป็นผู้ชายหน้าตัวเมียนี่เอง ไอ้หนุ่ม รีบขอโทษซินซินซะ”เขาก็ลองสอบถามเบื้องหลังของหลินเฟิงดูก่อน เมื่อเห็นว่าไอ้ห
สวีเฉียงรู้สึกว่าหัวเข่าของเขาเจ็บปวดอย่างมากในทันทีจากนั้นก็พุ่งออกไปตามแรงที่ได้รับในทันที จากนั้นศีรษะก็ชนเข้ากับกำแพงเสียงดังก้อง คนทั้งคนกระแทกจนศีรษะมีเลือดไหลทันที“อ๊ะ...พี่เฉียง คุณไม่เป็นไรนะ?” จางซินตกใจจนใบหน้าถอดสี จากนั้นก็รีบวิ่งไปด้านข้างสวีแยง และถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงสวีเฉียงกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด: “ไม่ ไม่เป็นไร ผมก็แค่สะเพร่าไปชั่วขณะ”เขาก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่จนกระทั่งตอนนี้หัวเข่าของเขายังแอบรู้สึกเจ็บปวดเขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงและพูดด่าทอ: “นายบอกว่าจะประลองกับฉันไม่ใช่เหรอ? นายแม่งหลบอะไร?”จางซินก็ถลึงตาใส่ และชี้หน้าตำหนิหลินเฟิงขึ้นมา: จริงด้วย แกหลบอะไร?”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ: “ทำไม? ฉันต้องยืนให้นายต่ออยู่ตรงนั้นเหรอ?”“นายปฏิกิริยาตอบสนองช้าเองโทษใครได้?”“พุ่งไปชนกับกำแพงโดยตรง น่าขำจริง ๆ”“แก...” สวีเฉียงโมโหแทบจะตาย เขาอยากจะลุกขึ้นมาสั่งสอนหลินเฟิง แต่กลับพบว่าหัวเข่าของเขาไม่มีแรงแม้แต่น้อยจางซินเห็นเขาโซเซ ก็รีบถามขึ้น: “พี่เฉียง พี่เป็นอะไรไปเหรอ?”สวีเฉียงมุมปากกระตุกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้
เฉินเทียนหลงได้ยินข้อเสนอนี้ก็ยิ้มบาง: “ได้สิ”ถังหว่านชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้เฉินเทียนหลงก็พูดขึ้นทันที: “ถ้าหากตระกูลเฉินของฉันชนะ พวกคุณตระกูลถังก็นำหุ้นทั้งหมดของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังออกมามอบให้ผม”“ขอเสนอนี้ไม่มีปัญหาใช่ไหม”ถังหว่านพยักหน้าพูด: ไม่มีปัญหาเลย”“ถ้าหากตระกูลถังของฉันชนะ ก็ขอให้ตระกูลเฉินต่อไปอย่ามาหาเรื่องตระกูลถังของฉันอีก แน่นอนว่าถ้าหากจะทำธุรกิจ ตระกูลถังยินดีต้อนรับทุกเมื่อ”“ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไปห้องโถงด้านหลังเพื่อนแสดงศิลปะการต่อสู้เถอะ” เฉินเทียนหลงยิ้มพูดถังหว่านมองดูรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ของเขาก็มักรู้สึกว่ามีปัญหา แต่ปัญหาเกิดขึ้นตรงไหนเธอก็ไม่เข้าใจ ทำได้แค่ไปก้าวหนึ่งมองดูก้าวหนึ่งเมื่อมาถึงลานประลอง ถังหว่านถึงได้เข้าใจ ตระกูลเฉินเชิญประธานของเมืองเจียงโจวมาด้วยหลายคนเมื่อเห็นคนของตระกูลถังกับตระกูลเฉิน ประธานหลายคนก็มองมาที่จุดเดียวกันทั้งหมด“นี่ พวกคุณว่าตระกูลถังกับตระกูลเฉินประลองการต่อสู้กัน ใครจะชนะ?”“ไม่แน่ใจนะ...แต่ฉันว่าหวังว่าตระกูลถังจะชนะ”“ชิ ตระกูลถังชนะจะมีผลประโยชน์อะไร?”
เฉินเหวินหย่วนพูดจบก็ใช้เทคนิคกังฟูโจมตีไปทางฉินอิ๋งฉินอิ๋งก็รวบรวมกำลังไปที่ฝ่ามือสายฟ้าทันทีทั้งสองคนหมัดประสานกัน เคลื่อนตัวไปมาบนเวทีประลองอย่างรวดเร็วต่อสู้กันนับสิบกระบวนท่าทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีตะโกนออกมาด้วยความพึงพอใจ“คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะสามารถสู้กับเฉินเหวินหย่วนได้นานขนาดนี้”“ไม่เสียแรงที่เป็นลูกสาวของนายกรัฐมนตรีฉินที่มีความสามารถอยู่บ้างจริง ๆ”เฉินเหวินหย่วนกลับรู้สึกโมโหอย่างมากตัวเองเดิมทีก็อายุเยอะกว่าฉินอิ๋ง แถมยังเป็นผู้ชาย ต่อสู้กับนังเด็กคนนี้นานขนาดนี้ก็น่าอับอายจริง ๆ นั่นแหละเดิมเขาอยากจะจัดการฉินอิ๋งภายในวินาทีเดียว แต่คิดไม่ถึงว่าฉินอิ๋งคนนี้จะมีความสามารถอยู่จริง ๆ แถมเทคนิคกังฟูก็ไม่ธรรมดาเพียงแต่ ยังไงซะฉินอิ๋งก็อายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ เองประสบการณ์การต่อสู้ของเธอยังเทียบกับเฉินเหวินหย่วนไม่ได้เห็นเฉินเหวินหย่วนตั้งใจปล่อยจุดบกพร่อง ฉินอิ๋งก็ติดกับโจมตีเข้ามาจริง ๆเขาหัวเราะเยาะในทันที: “นังหนู เธอยังเด็กเกินไปหน่อยแล้ว”พูดจบ เธอก็จับข้อมือของฉินอิ๋งเอาไว้ทันทีฉินอิ๋งสีหน้าเปลี่ยนไป ในตอนนี้อยากจะหนีแต่ก็ไม่ทันซะแล้วเฉ
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็มองดูด้วยสีหน้างุนงง“นี่...นี่มันน่าตื่นเต้นเร้าใจเกินไปหน่อยไหม?”ถังหว่านถลึงตาจนกลมโต: “คุณเหลย นี่คุณหมายความว่ายังไงคะ?”“ไม่ได้หมายความอย่างไร ก็แค่ยอมแพ้แล้วก็เท่านั้น” เหลยปินพูดด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสถังหว่านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “ฉันจ้างคุณด้วยเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท ให้คุณเป็นตัวแทนตระกูลถังออกไปประลอง แต่คุณกลับยอมแพ้งั้นเหรอ?”เหลยปินกอดออกแล้วหัวเราะเยาะ: “คุณให้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านกับผมจริง ๆ แต่ตระกูลเฉินให้ผมสองร้อยห้าสิบล้านบาท”“ผมก็ต้องช่วยตระกูลเฉินอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณก็ให้ผมอีกหนึ่งร้อยล้านบาทสิ? แบบนั้นผมก็ไม่ช่วยใครทั้งนั้น”“คุณมันไร้ยางอาย” ถังหว่านชี้หน้าเหลยปินแล้วพูดด่าทอเดิมทีเธอคิดว่าเหลยปินในฐานะนักบู๊ จะต้องมีศักดิ์ศรีของนักสู้อยู่แล้วแต่เธอประเมินเหลยปินคนนี้ต่ำเกินไปจริง ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เฉินเทียนหลงหัวเราะเสียงดังออกมาทันที: “คุณถัง ลูกน้องของพวกคุณยอมแพ้แล้ว”“ครั้งนี้ตระกูลเฉินของผมก็ชนะอีกแล้วน่ะสิ”“ไม่ทราบว่าตระกูลถังของพวกคุณยังมีความสามารถที่จะสู้อีกไหม?”ถังหว่านกำหมัดแน่น โมโหจนกัดฟันกรอดตอนน
หลินเฟิงไม่รู้ว่าจับข้อมือของเขาเอาไว้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หมัดของเหลยปินไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อีกแม้แต่น้อย“นายมีความสามารถแค่นี้เองเหรอ?” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วมองเขาอย่างเหยียดหยาม“อะไรกัน?”เหลยปินตกตะลึงจนหน้าถอดสีเสียงของหลินเฟิงดังขึ้นอีกครั้ง: “ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนทรยศต่างมีจุดจบที่ไม่ดี นายก็เหมือนกัน”เพิ่งพูดจบ หลินเฟิงก็หักแขนของเหลยปินด้วยฝ่ามือข้างเดียวเสียงดัง “แกร่ก” แขนของเหลยปินหลุดออกตามเสียง เลือดสดไหลออกมาเหมือนกับน้ำพุในทันที“อ้าก...”เหลยปินส่งเสียงร้องอนาถเขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่า หลินเฟิงจะหักแขนเขาหลุดออกมาได้ด้วยฝ่ามือนี้การเคลื่อนไหวของหลินเฟิงยังไม่หยุดลง เมื่อจับแขนของเขาได้ก็ออกแรงบีบ“กรอบแกร่บ”กระดูกของเหลยปินกลายเป็นเผ้าผงในทันทีจากนั้นหลินเฟิงก็เตะเขาลงจากเวทีประลองเหตุการณ์ทั้งหมดไม่เกินสามวินาทีหลินเฟิงก็โยนแขนที่ขาดของเหลยปินลงบนพื้นโดยไม่ได้ใส่ใจเหลยปินกุมแขนข้างที่เลือดไหลทะลักเอาไว้ และร้องตะโกนด้วยความน่าอนาถ: “คืนแขนฉันมา คืนแขนฉันมา...”หลินเฟิงพูดเหยียดหยาม: “ตั้งแต่วันนี้ไป มือทะลุเมฆาจะไม่มีการส