สวีเฉียงรู้สึกว่าหัวเข่าของเขาเจ็บปวดอย่างมากในทันทีจากนั้นก็พุ่งออกไปตามแรงที่ได้รับในทันที จากนั้นศีรษะก็ชนเข้ากับกำแพงเสียงดังก้อง คนทั้งคนกระแทกจนศีรษะมีเลือดไหลทันที“อ๊ะ...พี่เฉียง คุณไม่เป็นไรนะ?” จางซินตกใจจนใบหน้าถอดสี จากนั้นก็รีบวิ่งไปด้านข้างสวีแยง และถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงสวีเฉียงกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด: “ไม่ ไม่เป็นไร ผมก็แค่สะเพร่าไปชั่วขณะ”เขาก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่จนกระทั่งตอนนี้หัวเข่าของเขายังแอบรู้สึกเจ็บปวดเขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงและพูดด่าทอ: “นายบอกว่าจะประลองกับฉันไม่ใช่เหรอ? นายแม่งหลบอะไร?”จางซินก็ถลึงตาใส่ และชี้หน้าตำหนิหลินเฟิงขึ้นมา: จริงด้วย แกหลบอะไร?”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ: “ทำไม? ฉันต้องยืนให้นายต่ออยู่ตรงนั้นเหรอ?”“นายปฏิกิริยาตอบสนองช้าเองโทษใครได้?”“พุ่งไปชนกับกำแพงโดยตรง น่าขำจริง ๆ”“แก...” สวีเฉียงโมโหแทบจะตาย เขาอยากจะลุกขึ้นมาสั่งสอนหลินเฟิง แต่กลับพบว่าหัวเข่าของเขาไม่มีแรงแม้แต่น้อยจางซินเห็นเขาโซเซ ก็รีบถามขึ้น: “พี่เฉียง พี่เป็นอะไรไปเหรอ?”สวีเฉียงมุมปากกระตุกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้
เฉินเทียนหลงได้ยินข้อเสนอนี้ก็ยิ้มบาง: “ได้สิ”ถังหว่านชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้เฉินเทียนหลงก็พูดขึ้นทันที: “ถ้าหากตระกูลเฉินของฉันชนะ พวกคุณตระกูลถังก็นำหุ้นทั้งหมดของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังออกมามอบให้ผม”“ขอเสนอนี้ไม่มีปัญหาใช่ไหม”ถังหว่านพยักหน้าพูด: ไม่มีปัญหาเลย”“ถ้าหากตระกูลถังของฉันชนะ ก็ขอให้ตระกูลเฉินต่อไปอย่ามาหาเรื่องตระกูลถังของฉันอีก แน่นอนว่าถ้าหากจะทำธุรกิจ ตระกูลถังยินดีต้อนรับทุกเมื่อ”“ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไปห้องโถงด้านหลังเพื่อนแสดงศิลปะการต่อสู้เถอะ” เฉินเทียนหลงยิ้มพูดถังหว่านมองดูรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ของเขาก็มักรู้สึกว่ามีปัญหา แต่ปัญหาเกิดขึ้นตรงไหนเธอก็ไม่เข้าใจ ทำได้แค่ไปก้าวหนึ่งมองดูก้าวหนึ่งเมื่อมาถึงลานประลอง ถังหว่านถึงได้เข้าใจ ตระกูลเฉินเชิญประธานของเมืองเจียงโจวมาด้วยหลายคนเมื่อเห็นคนของตระกูลถังกับตระกูลเฉิน ประธานหลายคนก็มองมาที่จุดเดียวกันทั้งหมด“นี่ พวกคุณว่าตระกูลถังกับตระกูลเฉินประลองการต่อสู้กัน ใครจะชนะ?”“ไม่แน่ใจนะ...แต่ฉันว่าหวังว่าตระกูลถังจะชนะ”“ชิ ตระกูลถังชนะจะมีผลประโยชน์อะไร?”
เฉินเหวินหย่วนพูดจบก็ใช้เทคนิคกังฟูโจมตีไปทางฉินอิ๋งฉินอิ๋งก็รวบรวมกำลังไปที่ฝ่ามือสายฟ้าทันทีทั้งสองคนหมัดประสานกัน เคลื่อนตัวไปมาบนเวทีประลองอย่างรวดเร็วต่อสู้กันนับสิบกระบวนท่าทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีตะโกนออกมาด้วยความพึงพอใจ“คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะสามารถสู้กับเฉินเหวินหย่วนได้นานขนาดนี้”“ไม่เสียแรงที่เป็นลูกสาวของนายกรัฐมนตรีฉินที่มีความสามารถอยู่บ้างจริง ๆ”เฉินเหวินหย่วนกลับรู้สึกโมโหอย่างมากตัวเองเดิมทีก็อายุเยอะกว่าฉินอิ๋ง แถมยังเป็นผู้ชาย ต่อสู้กับนังเด็กคนนี้นานขนาดนี้ก็น่าอับอายจริง ๆ นั่นแหละเดิมเขาอยากจะจัดการฉินอิ๋งภายในวินาทีเดียว แต่คิดไม่ถึงว่าฉินอิ๋งคนนี้จะมีความสามารถอยู่จริง ๆ แถมเทคนิคกังฟูก็ไม่ธรรมดาเพียงแต่ ยังไงซะฉินอิ๋งก็อายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ เองประสบการณ์การต่อสู้ของเธอยังเทียบกับเฉินเหวินหย่วนไม่ได้เห็นเฉินเหวินหย่วนตั้งใจปล่อยจุดบกพร่อง ฉินอิ๋งก็ติดกับโจมตีเข้ามาจริง ๆเขาหัวเราะเยาะในทันที: “นังหนู เธอยังเด็กเกินไปหน่อยแล้ว”พูดจบ เธอก็จับข้อมือของฉินอิ๋งเอาไว้ทันทีฉินอิ๋งสีหน้าเปลี่ยนไป ในตอนนี้อยากจะหนีแต่ก็ไม่ทันซะแล้วเฉ
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็มองดูด้วยสีหน้างุนงง“นี่...นี่มันน่าตื่นเต้นเร้าใจเกินไปหน่อยไหม?”ถังหว่านถลึงตาจนกลมโต: “คุณเหลย นี่คุณหมายความว่ายังไงคะ?”“ไม่ได้หมายความอย่างไร ก็แค่ยอมแพ้แล้วก็เท่านั้น” เหลยปินพูดด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสถังหว่านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “ฉันจ้างคุณด้วยเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท ให้คุณเป็นตัวแทนตระกูลถังออกไปประลอง แต่คุณกลับยอมแพ้งั้นเหรอ?”เหลยปินกอดออกแล้วหัวเราะเยาะ: “คุณให้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านกับผมจริง ๆ แต่ตระกูลเฉินให้ผมสองร้อยห้าสิบล้านบาท”“ผมก็ต้องช่วยตระกูลเฉินอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณก็ให้ผมอีกหนึ่งร้อยล้านบาทสิ? แบบนั้นผมก็ไม่ช่วยใครทั้งนั้น”“คุณมันไร้ยางอาย” ถังหว่านชี้หน้าเหลยปินแล้วพูดด่าทอเดิมทีเธอคิดว่าเหลยปินในฐานะนักบู๊ จะต้องมีศักดิ์ศรีของนักสู้อยู่แล้วแต่เธอประเมินเหลยปินคนนี้ต่ำเกินไปจริง ๆ“ฮ่าฮ่าฮ่า...”เฉินเทียนหลงหัวเราะเสียงดังออกมาทันที: “คุณถัง ลูกน้องของพวกคุณยอมแพ้แล้ว”“ครั้งนี้ตระกูลเฉินของผมก็ชนะอีกแล้วน่ะสิ”“ไม่ทราบว่าตระกูลถังของพวกคุณยังมีความสามารถที่จะสู้อีกไหม?”ถังหว่านกำหมัดแน่น โมโหจนกัดฟันกรอดตอนน
หลินเฟิงไม่รู้ว่าจับข้อมือของเขาเอาไว้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หมัดของเหลยปินไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อีกแม้แต่น้อย“นายมีความสามารถแค่นี้เองเหรอ?” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วมองเขาอย่างเหยียดหยาม“อะไรกัน?”เหลยปินตกตะลึงจนหน้าถอดสีเสียงของหลินเฟิงดังขึ้นอีกครั้ง: “ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนทรยศต่างมีจุดจบที่ไม่ดี นายก็เหมือนกัน”เพิ่งพูดจบ หลินเฟิงก็หักแขนของเหลยปินด้วยฝ่ามือข้างเดียวเสียงดัง “แกร่ก” แขนของเหลยปินหลุดออกตามเสียง เลือดสดไหลออกมาเหมือนกับน้ำพุในทันที“อ้าก...”เหลยปินส่งเสียงร้องอนาถเขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่า หลินเฟิงจะหักแขนเขาหลุดออกมาได้ด้วยฝ่ามือนี้การเคลื่อนไหวของหลินเฟิงยังไม่หยุดลง เมื่อจับแขนของเขาได้ก็ออกแรงบีบ“กรอบแกร่บ”กระดูกของเหลยปินกลายเป็นเผ้าผงในทันทีจากนั้นหลินเฟิงก็เตะเขาลงจากเวทีประลองเหตุการณ์ทั้งหมดไม่เกินสามวินาทีหลินเฟิงก็โยนแขนที่ขาดของเหลยปินลงบนพื้นโดยไม่ได้ใส่ใจเหลยปินกุมแขนข้างที่เลือดไหลทะลักเอาไว้ และร้องตะโกนด้วยความน่าอนาถ: “คืนแขนฉันมา คืนแขนฉันมา...”หลินเฟิงพูดเหยียดหยาม: “ตั้งแต่วันนี้ไป มือทะลุเมฆาจะไม่มีการส
เฉินเทียนหลงยกมือขึ้นบังเอาไว้ทันที และเรียกกำลังภายในที่อยู่รอบตัวชั่วพริบตาเดียวเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงโจมตีที่รุนแรงบางอย่างทำให้กำลังภายในของเขาถูกโจมตีจนแตกเป็นเสี่ยง ๆแขนทั้งสองข้างถูกสั่นสะเทือนจนชาไปหมด เฉินเทียนไม่สามารถทรงตัวได้ คนทั้งคนถอยหลังไปติด ๆ กัน และล้มออกไปจากเวทีประลองทันทีเสียงดัง “โครม” คนทั้งคนกระแทกเข้ากับกำแพงโดยตรงเฉินเทียนหลงสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เลือดลมย้อนกลับเกือบทำให้อ้วกออกมาเป็นเลือดโชคดีที่เขาหยุดยั้งเอาไว้ได้ทันเวลา ฝืนระงับเลือดลมที่หมุนเวียนขึ้นลงลงไป“ผู้อาวุโส...” เฉินเหวินหย่วนและคนอื่น ๆ ตกตะลึงจนหน้าถอดสีหลินเฟิงถีบแค่เพียงครั้งเดียวก็ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลตัวเองถูกถีบจนตกจากเวที นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไปหน่อยแล้ว“ผู้อาวุโส คุณไม่เป็นไรนะ?”เฉินเทียนหลงฝืนกลืนเลือดลมที่พุ่งขึ้นมาลงไป และโบกมือพูด: “ไม่เป็นไร...”“นี่...”ถังหว่านและคนอื่น ๆ ก็มองหน้ากัน“เอ๊ะ...หลินเฟิงบอกว่าเขาไม่ได้เป็นปรมาจารย์ลำดับโลกไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้จัดการคนของลำดับโลกได้ง่ายดายขนาดนี้?”ฉินอิ๋งที่อยู่ด้านข้างพูดเสียงเบา: “หลินเฟิงคงไม่ได้เป็นปรม
เฉินเทียนหลงชะงักงันแล้วซักถาม: “งั้นคุณอยากจะเอายังไง?”“ถังหว่านใช้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทเพื่อการประลองในครั้งนี้ คุณชดใช้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทมาด้วย” หลินเฟิงพูดด้วยความเผด็จการถังหว่านได้ยินคำพูดนี้หัวใจก็เต้นแรงจนเกือบถึงคอหายในทันทีตระกูลเฉินจะยอมตกลงขอเสนอที่ไร้เหตุผลแบบนี้ได้อย่างไร เพียงแค่ตระกูลเฉินไม่มายุ่งกับบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง เธอก็พอใจแล้วเฉินเหวินหย่วนได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และด่าทอด้วยความโมโห: “ไอ้หนุ่มนี่มันข่มเหงรังแกกันเกินไปหน่อยแล้ว”“พอแล้ว”เฉินเทียนหลงตวาดเสียงดัง: “ก็แค่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านเองไม่ใช่เหรอ ฉันให้คุณก็ได้แล้ว”ถังหว่านกับฉินอิ๋งตะลึงงันอยู่ที่เดิม อย่าว่าแต่เฉินเหวินหย่วนเลยแม้แต่ตระกูลใหญ่โตและประธานทุกคนที่ล้อมรอบดูความครึกครื้นอยู่ก็มีสีหน้างุนงง“นี่..ผู้อาวุโส นี่คุณ...ต่ำต้อยเกินไปหน่อยไหม?” เฉินเหวินหย่วนพูดด้วยความสงสัยเฉินเทียนหลงถลึงตาใส่เขาแล้วพูดเสียงเย็นชา: “นายเป็นผู้อาวุโสหรือว่าฉันเป็นผู้อาวุโส?”“เอ่อ...แน่นอนว่าคุณเป็นผู้อาวุโสอยู่แล้ว”“งั้นนายก็หุบปากอย่างว่าง่ายหน่อย”เฉินเทียนหลงเรียกลูกน
คำพูดนี้ของหลินเฟิงในสายตาของทั้งสามคนนั้นช่างอวดดีเป็นอย่างมากโจวเฉินตักเตือนด้วยความหวังดี: “คุณหลินอย่าได้มองข้ามปรมาจารย์ลำดับสวรรค์จะดีกว่านะครับ”“ในอดีตผมมีเกียรติได้พบกับปรมาจารย์ลำดับสวรรค์ อายุเกินห้าสิบปี แต่ยังคงมีความน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก”“คนที่สามารถขึ้นลำดับสวรรค์ได้ แทบจะไม่ใช่นักบู๊ธรรมดาทั่วไป”หลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็ทำเพียงแค่ยิ้มบาง: “ขอบคุณที่เตือนครับ”ถ้าหากโจวเฉินได้เจอกับหลินเฟิงในช่วงที่อยู่จุดสูงสุดก็จะเข้าใจว่า แค่ลำดับสวรรค์ธรรมดา ๆ ไม่สามารถรองรับหลินเฟิงได้ด้วยซ้ำหลังจากถังหว่านสั่งการเสร็จก็จากไปอย่างรีบร้อนหลินเฟิงพูดว่าเป็นบอดี้การ์ดของถังหว่านแต่แทบจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งด้วยซ้ำ เขาไปทำงานได้ไม่กี่วันด้วยซ้ำจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านคนเดียว......ขณะเดียวกัน สนามบินนานาชาติเมืองเจียงโจวครอบครัวของเซี่ยงตงเซิงกับไป๋จินเต๋อและคนอื่น ๆ ได้มารออยู่ที่รอรับอยู่นานแล้ววันนี้เป็นวันที่ลูกชายคนโตของตระกูลเซี่ยงกลับมาเซี่ยงตงเซิงให้ความสำคัญกับลูกชายคนนี้ของเขาเป็นอย่างมาก และก็เห็นเขาเป็นผู้สืบทอดของตัวเองอายุสิบแปดไปเรียนที่ต่างประเทศ ศ