ตัวเขาก็ตกอยู่ในความลังเลอย่างหนึ่งในตอนนี้เองริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นกะทันหัน หลินเฟิงรู้สึกเหมือนมีตัวช่วยตกลงมาจากสวรรค์ในทันทีเขารีบรับสายโทรศัพท์ อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีเสียงของฉินอิ๋งดังขึ้น: “คุณหลิน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ?”“ผมอยู่ที่บ้าน ทำไมเหรอ?” หลินเฟิงพูดถาม“คือแบบนี้ คุณนายถังอยากจะเจรจากับคุณเรื่องบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังสักหน่อยค่ะ ดังนั้นจึงไหว้วานให้ฉันติดต่อคุณ เธออยากจะพบหน้ากับคุณหน่อยค่ะ” ฉินอิ๋งพูดขึ้นทันทีดวงตาคมกริบของหลินเฟิงหรี่ตาลง เขาแทบจะเข้าใจได้ในทันที คุณนายถังหลบเลี่ยงถังหว่าน ดังนั้นถึงได้ให้ฉินอิ๋งติดต่อเขาเขาพูดถาม: “ตอนนี้ถังหว่านอยู่ที่ไหน?”ฉินอิ๋งพูดด้วยความเก้กัง: “ฉันก็ไม่รู้ค่ะ พี่หว่านเอ๋อ วันนี้ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา”“คุณคือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท ดังนั้นพวกเขาถึงได้อยากจะเจรจากับคุณ”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” หลินเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”เขาก็ไม่เข้าใจว่าถังหว่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่หลังจากวางสาย เขาหันหน้าไปพูดกับหลี่ฮุ่ยหราน: “ผมมีธุระนิดหน่อย ต้องออกไปข้างนอก”“เกี่ยวกับ
“ทำไมกัน?”หลินเฟิงนั่งไขว่ห้าง และพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย: “หุ้นของผมถังหว่านเป็นคนให้ผม ถ้าหากจะเอาหุ้นกลับไป ก็ควรจะเป็นถังหว่านมาพูดคุยกับผม คุณไม่มีสิทธิ์คุยกับบผมเรื่องนี้”ถังอวิ๋นเฟิงโมโหเป็นอย่างมาก หลินเฟิงคนนี้ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ“แกแม่ง....”ถังว่านหลี่ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วพูดไกล่เกลี่ยและหัวเราะหึหึ: “เอาล่ะเอาล่ะ...อวิ๋นเฟิงคุณใจเย็นก่อนนะ”หลินเสวี่ยเยี่ยนขมวดคิ้วพูด: “หลินเฟิง ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับคุณในฐานะแม่ของถังหว่าน ที่ฉันทำแบบนี้เพราะได้ใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว”“ใคร่ครวญอย่างรอบคอบอะไรไม่ลองบอกกับผมดู?” หลินเฟิงถามขึ้นทันที“พอแล้ว”ในตอนนี้เอง ผู้ชายชุดดำที่นั่งอยู่บนที่นั่งตวาดเสียงแข็ง: “วันนี้ฉันมาที่นี่ ไม่ได้มาฟังพวกคุณพูดจาไร้สาระกัน”เขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงแล้วถามอย่างดูถูก: “นายก็คือหลินเฟิง?”“ถูกต้อง”ตอนนี้หลินเฟิงก็เริ่มจ้องมองคนผู้นี้เลือดลมล้นเหลือ กำลังภายในแน่นหนา ดูท่าทางเหมือนกับเป็นปรมาจารย์คนหนึ่ง“คุณคือ?”ถังอวิ๋นเฟิงพูดขึ้นทันที: “ท่านนี้คือคุณเฉิน เฉินเหวินหย่วนผู้การตระกูลเฉิน”เมื่อได้ยินว่าเป็นตระกูลเฉิน หลินเฟิ
“ฉันดูแล้วนายอยากรนหาที่ตายสินะ” เฉินเหวินหย่วนตวาดเสียงดังฝ่ามือจับโต๊ะเอาไว้แน่น และยกขึ้นทันทีโต๊ะทำงานไม้เนื้อแข็งถูกเขายกลอยขึ้นและปาไปทางหลินเฟิงทันทีคนตระกูลถังตกใจจนพากันถอยออกไปมีเพียงหลินเฟิงที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้เขายกฝ่ามือขึ้นช้า ๆ จากนั้นกดลงไปบนโต๊ะเบา ๆ โต๊ะทำงานไม้เนื้อแข็งตกลงอีกครั้งทันทีเสียงสั่นสะเทือนก้องหูดัง “โครม”เฉินเหวินหย่วนรู้สึกตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะมีความสามารถแบบนี้หลินเฟิงถือแก้วน้ำชาไว้ในมือและพูดเสียงแข็ง: อายุเยอะแล้ว อย่าอารมณ์ร้อนขนาดนั้น ดื่มน้ำชาลดอุณหภูมิหน่อย”เมื่อพูดจบ แก้วน้ำชาที่อยู่ในมือก็ลอยไปทางเฉินเหวินหย่วนความเร็วราวกับธนูที่แยกออกจากสายธนูเฉินเหวินหย่วนกำลังภายในแข็งตัว ฝ่ามือตบแก้วชาจนแตกแต่น้ำชาที่อยู่ภายในแก้วน้ำชากลับกลายเป็นหยดน้ำ พุ่งยิงไปทางเขาเหมือนกับลูกกระสุนอย่างไรอย่างนั้นเฉินเหวินหย่วนไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าหยดน้ำเหล่านี้จะสามารถทำร้ายเขาได้จนกระทั่งหยดน้ำแทงทะลุผิวหนังของเขา เขาถึงได้รับรู้ถึงความอันตรายแต่น่าเสียดายที่สายไปแล้วเฉินเหวินหย่วนโซเซทันที เกือบจะยืนไม่ไหว
ลูกน้องของเขาออกโรงก็ยังฆ่าได้ตามสบายหลินเสวี่ยเยี่ยนถลึงตาใส่หลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “นายมีสีหน้าอะไรกัน? หรือว่ายังไม่ยอมแพ้เหรอ? ตอนนี้นายรีบโอนหุ้นส่วนออกมาเลยนะ”“ไม่อย่างนั้นรอตระกูลเฉินประกาศออกมาจริง ๆ ก็จะไม่ทันการแล้ว”ตระกูลถังเมืองจิงตูดูเหมือนจะมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่มาก แต่คนเขาไม่อยากจะยุ่งเรื่องบ้าบอของเมืองเจียงโจวด้วยซ้ำ ยิ่งไม่มีทางส่งคนมา ตระกูลถังในตอนนี้ก็ทำได้แค่พึ่งพาตัวเอง“พอแล้ว” ถังว่านหลี่พูดขึ้นทันที: “ยังไงหลินเฟิงก็ช่วยพวกเราตระกูลถังแก้ไขสถานการณ์ พวกเราไม่ซาบซึ้งในน้ำใจก็ช่างเถอะ ทำไมยังโทษหลินเฟิงอีก?”เขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ก็ยังรู้สึกไม่พอใจต่อข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลของตระกูลเฉินแต่ติดตรงที่สถานการณ์สู้คนเขาไม่ได้ จึงทำได้แค่ฝืนกล้ำกลืนเอาไว้หลินเฟิงตอบโต้กลับอย่างเผด็จการ เขารู้สึกสบายใจขึ้นเป็นอย่างมากแต่ภรรยาและหลานชายของเขากลับไม่ชอบการกระทำแบบนี้ของหลินเฟิง“คุณพูดได้ง่ายดีนะ เกิดเรื่องขึ้นเขาก็สามารถหนีจากไปได้โดยไม่ต้องสนใจอะไร ถึงตอนสุดท้ายเรื่องราววุ่นวายแบบนี้ไม่ต้องให้พวกเรามาจัดการหรอกเหรอ?”หลินเสวี่ยเยี่ยนเห็นผู้ชายของตัวเ
คนตระกูลถังชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าเหลยปินคนนี้จะอวดดีแบบนี้โจวเฉินได้ยินแบบนี้ก็ตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ในฐานะนักบู๊เขาก็มีความหยิ่งทระนงในตัวเองอยู่แล้วเขาขมวดคิ้วทันทีและพูดขึ้น: “คุณเหลย นี่คุณหมายความว่ายังไงครับ?”“ผมเคารพคุณขนาดนี้ คุณกลับดูถูกผมเหรอ?”ตั้งแต่ต้นจนจบเหลยปินไม่ได้เหลียวมองโจวเฉินแม้แต่น้อย จากนั้นก็พูดเหยียดหยาม: “นายผิดแล้ว ฉันไม่ได้กำลังดูถูกนาย เพราะนายไม่คู่ควรให้ฉันดูถูกด้วยซ้ำ”“คุณ...” โจวเฉินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถ้าหากตัวเองไม่สู้กลับ ยังจะคู่ควรกับสถานะองครักษ์ของตระกูลถังอีกเหรอกำลังจะลงมือก็ถูกถังหว่านขวางไว้ตรงกลาง: “เอาล่ะ ตอนนี้พวกคุณต่างเป็นคนของตระกูลถัง กำลังทำงานเพื่อตระกูลถัง ศัตรูยังไม่ได้จัดการ พวกคุณกลับสู้กันเองซะก่อน นี่มันเหมาะสมที่ไหนกัน”“หึ”เหลยปินส่งเสียงไม่พอใจในลำคอแล้วพูดขึ้น: “คุณหนูถัง ต่อกลอนกับตระกูลเฉินผมเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ทำไมคุณต้องหานักบู๊ชั้นต่ำแบบนี้มาด้วย”“คุณอวดดีเกินไปแล้ว วันนี้ผมอยากจะดูสักหน่อยว่าคุณมีความสามารถอะไรกัน” โจวเฉินไม่สามารถอดทนได้จริง ๆ”ไม่ว่าเป็นเขา หรือแม้แต่ถังว่านหลี่ หลินเสวี่ยเยี่
“นี่…” ถังว่านหลี่พูดไม่ออกทันที: “หวังว่าเงินนี้จะใช้อย่างคุ้มค่านะ”ถังหว่านก็รู้สึกจนปัญญา อยากจะต่อกลอนกับตระกูลเฉินก็ต้องมีปรมาจารย์ลำดับโลกหนุนหลังแต่เธอกับเหลยปินไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำได้แค่ใช้เงินจัดการ เป็นอย่างที่คุณพ่อว่า หวังว่าเหลยปินจะคุ้มค่ากับหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทนี้คนตระกูลถังแยกย้ายกันออกไป ถังหว่านมาที่ด้านข้างของหลินเฟิง: “เรื่องในวันนี้ฉันได้ยินหมดแล้ว ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”ตระกูลเฉินอยากจะได้หุ้นของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง แม่ของเธอกลับบีบบังคับให้หลินเฟิงยอมจำนนพูดตามตรงเธอรู้สึกผิดต่อหลินเฟิงเล็กน้อยหลินเฟิงโบกมือโดยที่ไม่ได้ใส่ใจมองดูสีหน้าท่าทางที่ขมขื่นของเธอ เขาก็ยิ้มแล้วพูดออกมา: “คิดไม่ถึงว่าคุณก็มีตอนที่หน้าตาขมขื่นด้วย”ถังหว่านสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “คนของตระกูลเฉินที่มาในครั้งนี้คือเฉินเทียนหลง คนผู้นี้ความสามารถไม่ธรรมดา ทางด้านเมืองจิงตูก็ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือใด ๆ”“พูดตามตรง ฉันก็ไม่มีความมั่นใจในการต่อกรกับตระกูลเฉิน”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “วางใจเถอะ ถึงเวลาผมจะลงมือเอง”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจ: “หลินเฟิง ความสามา
หลินเฟิงเหลือบตามองจางซิน คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ก็มาด้วย“เอ๊ะ ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะ นายไม่ได้ยินเหรอ?” จางซินเห็นว่าหลินเฟิงไม่สนใจเธอ จึงเดินเข้าไปทันที และซักถามด้วยใบหน้าเย็นชาหลินเฟิงพูดอย่างเฉยเมย: “ฉันไปที่ไหนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอด้วยเหรอ?”“ชิ ฉันดูแล้วนายก็มาดูการประลองระหว่างตระกูลถังกับตระกูลเฉินสินะ?”จางซินกลอกตามองแล้วพูด: “น่าเสียดายนะ ต่อไปตระกูลถังก็ล่มจมแล้ว ถึงเวลาฉันดูสิว่าผู้ชายหน้าตัวเมียอย่างนายยังจะมีอะไรให้อวดดีอีก”“ฉันเกลี้ยกล่อมให้เธออย่าหาเรื่องใส่ตัว วันนี้ฉันไม่อยากจะลงมือกับเธอ” หลินเฟิงมองเธออย่างแข็งกร้าวในตอนนี้สวีเฉียงก็เดินเข้ามา และถามด้วยความประหลาดใจ: “ซินซิน คนคนนี้ใครกันเหรอ?”จางซินสองมือกอดอด และพูดเหยียดหยาม: “ไอ้หมอนี่คืออดีตพี่เขยของฉัน แต่ก็เป็นแค่สวะก็เท่านั้นแหละ”“ลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่ชอบเขาด้วยซ้ำ และก็หย่าร้างกับเขาไปนานแล้ว”“ไอ้หมอนี่ก็หันไปเกาะขาคุณหนูตระกูลถัง”สวีเฉียงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า: “ที่แท้ก็เป็นผู้ชายหน้าตัวเมียนี่เอง ไอ้หนุ่ม รีบขอโทษซินซินซะ”เขาก็ลองสอบถามเบื้องหลังของหลินเฟิงดูก่อน เมื่อเห็นว่าไอ้ห
สวีเฉียงรู้สึกว่าหัวเข่าของเขาเจ็บปวดอย่างมากในทันทีจากนั้นก็พุ่งออกไปตามแรงที่ได้รับในทันที จากนั้นศีรษะก็ชนเข้ากับกำแพงเสียงดังก้อง คนทั้งคนกระแทกจนศีรษะมีเลือดไหลทันที“อ๊ะ...พี่เฉียง คุณไม่เป็นไรนะ?” จางซินตกใจจนใบหน้าถอดสี จากนั้นก็รีบวิ่งไปด้านข้างสวีแยง และถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงสวีเฉียงกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด: “ไม่ ไม่เป็นไร ผมก็แค่สะเพร่าไปชั่วขณะ”เขาก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่จนกระทั่งตอนนี้หัวเข่าของเขายังแอบรู้สึกเจ็บปวดเขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงและพูดด่าทอ: “นายบอกว่าจะประลองกับฉันไม่ใช่เหรอ? นายแม่งหลบอะไร?”จางซินก็ถลึงตาใส่ และชี้หน้าตำหนิหลินเฟิงขึ้นมา: จริงด้วย แกหลบอะไร?”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ: “ทำไม? ฉันต้องยืนให้นายต่ออยู่ตรงนั้นเหรอ?”“นายปฏิกิริยาตอบสนองช้าเองโทษใครได้?”“พุ่งไปชนกับกำแพงโดยตรง น่าขำจริง ๆ”“แก...” สวีเฉียงโมโหแทบจะตาย เขาอยากจะลุกขึ้นมาสั่งสอนหลินเฟิง แต่กลับพบว่าหัวเข่าของเขาไม่มีแรงแม้แต่น้อยจางซินเห็นเขาโซเซ ก็รีบถามขึ้น: “พี่เฉียง พี่เป็นอะไรไปเหรอ?”สวีเฉียงมุมปากกระตุกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็