หลินเฟิงออกแรงฝ่ามือเล็กน้อยเสียงดัง “แกร่ก” จากนั้นเสียงของหลี่ว์เจิ้งหยางก็หยุดลงทันทีเขาตายตาไม่หลับ“อ้าก...” หลี่ว์เฉิงเลี่ยงเห็นลูกชายของตัวเองตายอย่างน่าอนาถ ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาอย่างขาดใจ“หลินเฟิง แกไม่ได้ตายดี ฉันแม่งสู้สุดชีวิตกับแกแล้ว”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงดวงตาแดงก่ำ และเต็มไปด้วยเส้นเลือด จากนั้นก็แผดเสียงใส่หลินเฟิง: “ใครก็ได้ ฆ่ามันให้ฉันซะ ฆ่ามันซะ”บอดี้การ์ดของตระกูลหลี่ว์เห็นแบบนี้ก็พากันชักอาวุธออกมา ดาบเหล็กแต่ละเล่มที่แวววับทำให้คนรู้สึกตาลายจริง ๆคนนับสิบพุ่งไปทางหลินเฟิงเสิ่นหานกำลังจะลงมือ แต่กลับถูกหลินเฟิงห้ามเอาไว้“วันนี้ ฉันจะให้พวกเขาได้รับรู้หน่อยว่า อะไรที่เรียกว่ากำลังที่แท้จริง”หลินเฟิงตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห ลมพายุใต้ฝ่าเท้าก่อตัวขึ้นชายเสื้อปลิวว่อนส่งเสียงดังเขากระทืบเท้าทันที และพุ่งไปทางกลุ่มคนราวกับกระสุนปืนใหญ่หมัดหนึ่งถูกปล่อยออก คนสี่คนถูกต่อยจนกระเด็นออกไปทันที น้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมไม่สามารถรองรับหมัดของหลินเฟิงเอาไว้ได้ด้วยซ้ำคมดาบที่แหลมคมฟาดลงมา หลินเฟิงใช้นิ้วมือดีดเบา ๆ ดาบเหล็กก็หักในทันทีชี่แท้หมุนเวียน จุด
หลินเสวี่ยฮุ่ยรู้สึกหมดคำพูด อีกทั้งแต่ละคนยังสวยขนาดนี้“คุณเป็นอะไรกับเขาคะ?” หลินเสวี่ยฮุ่ยถามลองเชิง“ฉันเป็นภรรยาของเขา” หลี่ฮุ่ยหรานตอบตามตรง“หือ?” หลินเสวี่ยฮุ่ยสีหน้างุนงง“ทำไมเหรอ?” หลี่ฮุ่ยหรานมองเธอด้วยความประหลาดใจหลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าติดต่อกัน: “ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่ก่อนหน้านี้ก็มีคนบอกว่าเป็นภรรยาของหลินเฟิง...”“ฉันก็แค่สงสัยว่าพี่หลินเฟิงมีภรรยากี่คนกันแน่”หลี่ฮุ่ยหรานมุมปากกระตุกเล็กน้อย ไม่ต้องคิดเธอก็รู้แล้ว: “คนคนนั้นชื่อถังหว่านสินะ?”“คุณรู้ได้อย่างไรคะ?”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มบาง: “ไม่มีอะไร ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของหลินเฟิงด้วยซ้ำ คุณถูกเธอหลอกแล้ว”“อ่อใช่ คุณคือ...”“ฉันคือน้องสาวของหลินเฟิง ฉันชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ยค่ะ”“อ๋อ...”หลี่ฮุ่ยหรานพูดด้วยความลึกซึ้งกินใจ: “งั้นฉันก็คือพี่สะใภ้ของคุณ คุณช่วยไปเรียกหลินเฟิงให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”ถึงแม้เธอจะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหลินเฟิงมีน้องสาวอะไรด้วย แต่คนผู้นี้ก็นามสกุลหลิน เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมากหลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า“งั้นคุณนั่งรอสักครู่ ฉันจะไปเรียกพี่หลินเฟิงเดี๋ยวนี้ค่ะ”หลี่ฮุ่ยหรานมาถึงห้องรับ
ตัวเขาก็ตกอยู่ในความลังเลอย่างหนึ่งในตอนนี้เองริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นกะทันหัน หลินเฟิงรู้สึกเหมือนมีตัวช่วยตกลงมาจากสวรรค์ในทันทีเขารีบรับสายโทรศัพท์ อีกฝ่ายของโทรศัพท์มีเสียงของฉินอิ๋งดังขึ้น: “คุณหลิน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ?”“ผมอยู่ที่บ้าน ทำไมเหรอ?” หลินเฟิงพูดถาม“คือแบบนี้ คุณนายถังอยากจะเจรจากับคุณเรื่องบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังสักหน่อยค่ะ ดังนั้นจึงไหว้วานให้ฉันติดต่อคุณ เธออยากจะพบหน้ากับคุณหน่อยค่ะ” ฉินอิ๋งพูดขึ้นทันทีดวงตาคมกริบของหลินเฟิงหรี่ตาลง เขาแทบจะเข้าใจได้ในทันที คุณนายถังหลบเลี่ยงถังหว่าน ดังนั้นถึงได้ให้ฉินอิ๋งติดต่อเขาเขาพูดถาม: “ตอนนี้ถังหว่านอยู่ที่ไหน?”ฉินอิ๋งพูดด้วยความเก้กัง: “ฉันก็ไม่รู้ค่ะ พี่หว่านเอ๋อ วันนี้ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา”“คุณคือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท ดังนั้นพวกเขาถึงได้อยากจะเจรจากับคุณ”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” หลินเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”เขาก็ไม่เข้าใจว่าถังหว่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่หลังจากวางสาย เขาหันหน้าไปพูดกับหลี่ฮุ่ยหราน: “ผมมีธุระนิดหน่อย ต้องออกไปข้างนอก”“เกี่ยวกับ
“ทำไมกัน?”หลินเฟิงนั่งไขว่ห้าง และพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย: “หุ้นของผมถังหว่านเป็นคนให้ผม ถ้าหากจะเอาหุ้นกลับไป ก็ควรจะเป็นถังหว่านมาพูดคุยกับผม คุณไม่มีสิทธิ์คุยกับบผมเรื่องนี้”ถังอวิ๋นเฟิงโมโหเป็นอย่างมาก หลินเฟิงคนนี้ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ“แกแม่ง....”ถังว่านหลี่ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วพูดไกล่เกลี่ยและหัวเราะหึหึ: “เอาล่ะเอาล่ะ...อวิ๋นเฟิงคุณใจเย็นก่อนนะ”หลินเสวี่ยเยี่ยนขมวดคิ้วพูด: “หลินเฟิง ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับคุณในฐานะแม่ของถังหว่าน ที่ฉันทำแบบนี้เพราะได้ใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว”“ใคร่ครวญอย่างรอบคอบอะไรไม่ลองบอกกับผมดู?” หลินเฟิงถามขึ้นทันที“พอแล้ว”ในตอนนี้เอง ผู้ชายชุดดำที่นั่งอยู่บนที่นั่งตวาดเสียงแข็ง: “วันนี้ฉันมาที่นี่ ไม่ได้มาฟังพวกคุณพูดจาไร้สาระกัน”เขาหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงแล้วถามอย่างดูถูก: “นายก็คือหลินเฟิง?”“ถูกต้อง”ตอนนี้หลินเฟิงก็เริ่มจ้องมองคนผู้นี้เลือดลมล้นเหลือ กำลังภายในแน่นหนา ดูท่าทางเหมือนกับเป็นปรมาจารย์คนหนึ่ง“คุณคือ?”ถังอวิ๋นเฟิงพูดขึ้นทันที: “ท่านนี้คือคุณเฉิน เฉินเหวินหย่วนผู้การตระกูลเฉิน”เมื่อได้ยินว่าเป็นตระกูลเฉิน หลินเฟิ
“ฉันดูแล้วนายอยากรนหาที่ตายสินะ” เฉินเหวินหย่วนตวาดเสียงดังฝ่ามือจับโต๊ะเอาไว้แน่น และยกขึ้นทันทีโต๊ะทำงานไม้เนื้อแข็งถูกเขายกลอยขึ้นและปาไปทางหลินเฟิงทันทีคนตระกูลถังตกใจจนพากันถอยออกไปมีเพียงหลินเฟิงที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้เขายกฝ่ามือขึ้นช้า ๆ จากนั้นกดลงไปบนโต๊ะเบา ๆ โต๊ะทำงานไม้เนื้อแข็งตกลงอีกครั้งทันทีเสียงสั่นสะเทือนก้องหูดัง “โครม”เฉินเหวินหย่วนรู้สึกตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะมีความสามารถแบบนี้หลินเฟิงถือแก้วน้ำชาไว้ในมือและพูดเสียงแข็ง: อายุเยอะแล้ว อย่าอารมณ์ร้อนขนาดนั้น ดื่มน้ำชาลดอุณหภูมิหน่อย”เมื่อพูดจบ แก้วน้ำชาที่อยู่ในมือก็ลอยไปทางเฉินเหวินหย่วนความเร็วราวกับธนูที่แยกออกจากสายธนูเฉินเหวินหย่วนกำลังภายในแข็งตัว ฝ่ามือตบแก้วชาจนแตกแต่น้ำชาที่อยู่ภายในแก้วน้ำชากลับกลายเป็นหยดน้ำ พุ่งยิงไปทางเขาเหมือนกับลูกกระสุนอย่างไรอย่างนั้นเฉินเหวินหย่วนไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าหยดน้ำเหล่านี้จะสามารถทำร้ายเขาได้จนกระทั่งหยดน้ำแทงทะลุผิวหนังของเขา เขาถึงได้รับรู้ถึงความอันตรายแต่น่าเสียดายที่สายไปแล้วเฉินเหวินหย่วนโซเซทันที เกือบจะยืนไม่ไหว
ลูกน้องของเขาออกโรงก็ยังฆ่าได้ตามสบายหลินเสวี่ยเยี่ยนถลึงตาใส่หลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “นายมีสีหน้าอะไรกัน? หรือว่ายังไม่ยอมแพ้เหรอ? ตอนนี้นายรีบโอนหุ้นส่วนออกมาเลยนะ”“ไม่อย่างนั้นรอตระกูลเฉินประกาศออกมาจริง ๆ ก็จะไม่ทันการแล้ว”ตระกูลถังเมืองจิงตูดูเหมือนจะมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่มาก แต่คนเขาไม่อยากจะยุ่งเรื่องบ้าบอของเมืองเจียงโจวด้วยซ้ำ ยิ่งไม่มีทางส่งคนมา ตระกูลถังในตอนนี้ก็ทำได้แค่พึ่งพาตัวเอง“พอแล้ว” ถังว่านหลี่พูดขึ้นทันที: “ยังไงหลินเฟิงก็ช่วยพวกเราตระกูลถังแก้ไขสถานการณ์ พวกเราไม่ซาบซึ้งในน้ำใจก็ช่างเถอะ ทำไมยังโทษหลินเฟิงอีก?”เขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ก็ยังรู้สึกไม่พอใจต่อข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลของตระกูลเฉินแต่ติดตรงที่สถานการณ์สู้คนเขาไม่ได้ จึงทำได้แค่ฝืนกล้ำกลืนเอาไว้หลินเฟิงตอบโต้กลับอย่างเผด็จการ เขารู้สึกสบายใจขึ้นเป็นอย่างมากแต่ภรรยาและหลานชายของเขากลับไม่ชอบการกระทำแบบนี้ของหลินเฟิง“คุณพูดได้ง่ายดีนะ เกิดเรื่องขึ้นเขาก็สามารถหนีจากไปได้โดยไม่ต้องสนใจอะไร ถึงตอนสุดท้ายเรื่องราววุ่นวายแบบนี้ไม่ต้องให้พวกเรามาจัดการหรอกเหรอ?”หลินเสวี่ยเยี่ยนเห็นผู้ชายของตัวเ
คนตระกูลถังชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าเหลยปินคนนี้จะอวดดีแบบนี้โจวเฉินได้ยินแบบนี้ก็ตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ในฐานะนักบู๊เขาก็มีความหยิ่งทระนงในตัวเองอยู่แล้วเขาขมวดคิ้วทันทีและพูดขึ้น: “คุณเหลย นี่คุณหมายความว่ายังไงครับ?”“ผมเคารพคุณขนาดนี้ คุณกลับดูถูกผมเหรอ?”ตั้งแต่ต้นจนจบเหลยปินไม่ได้เหลียวมองโจวเฉินแม้แต่น้อย จากนั้นก็พูดเหยียดหยาม: “นายผิดแล้ว ฉันไม่ได้กำลังดูถูกนาย เพราะนายไม่คู่ควรให้ฉันดูถูกด้วยซ้ำ”“คุณ...” โจวเฉินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถ้าหากตัวเองไม่สู้กลับ ยังจะคู่ควรกับสถานะองครักษ์ของตระกูลถังอีกเหรอกำลังจะลงมือก็ถูกถังหว่านขวางไว้ตรงกลาง: “เอาล่ะ ตอนนี้พวกคุณต่างเป็นคนของตระกูลถัง กำลังทำงานเพื่อตระกูลถัง ศัตรูยังไม่ได้จัดการ พวกคุณกลับสู้กันเองซะก่อน นี่มันเหมาะสมที่ไหนกัน”“หึ”เหลยปินส่งเสียงไม่พอใจในลำคอแล้วพูดขึ้น: “คุณหนูถัง ต่อกลอนกับตระกูลเฉินผมเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ทำไมคุณต้องหานักบู๊ชั้นต่ำแบบนี้มาด้วย”“คุณอวดดีเกินไปแล้ว วันนี้ผมอยากจะดูสักหน่อยว่าคุณมีความสามารถอะไรกัน” โจวเฉินไม่สามารถอดทนได้จริง ๆ”ไม่ว่าเป็นเขา หรือแม้แต่ถังว่านหลี่ หลินเสวี่ยเยี่
“นี่…” ถังว่านหลี่พูดไม่ออกทันที: “หวังว่าเงินนี้จะใช้อย่างคุ้มค่านะ”ถังหว่านก็รู้สึกจนปัญญา อยากจะต่อกลอนกับตระกูลเฉินก็ต้องมีปรมาจารย์ลำดับโลกหนุนหลังแต่เธอกับเหลยปินไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำได้แค่ใช้เงินจัดการ เป็นอย่างที่คุณพ่อว่า หวังว่าเหลยปินจะคุ้มค่ากับหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาทนี้คนตระกูลถังแยกย้ายกันออกไป ถังหว่านมาที่ด้านข้างของหลินเฟิง: “เรื่องในวันนี้ฉันได้ยินหมดแล้ว ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”ตระกูลเฉินอยากจะได้หุ้นของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง แม่ของเธอกลับบีบบังคับให้หลินเฟิงยอมจำนนพูดตามตรงเธอรู้สึกผิดต่อหลินเฟิงเล็กน้อยหลินเฟิงโบกมือโดยที่ไม่ได้ใส่ใจมองดูสีหน้าท่าทางที่ขมขื่นของเธอ เขาก็ยิ้มแล้วพูดออกมา: “คิดไม่ถึงว่าคุณก็มีตอนที่หน้าตาขมขื่นด้วย”ถังหว่านสูดหายใจเข้าลึก ๆ: “คนของตระกูลเฉินที่มาในครั้งนี้คือเฉินเทียนหลง คนผู้นี้ความสามารถไม่ธรรมดา ทางด้านเมืองจิงตูก็ไม่ยอมให้ความช่วยเหลือใด ๆ”“พูดตามตรง ฉันก็ไม่มีความมั่นใจในการต่อกรกับตระกูลเฉิน”หลินเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย: “วางใจเถอะ ถึงเวลาผมจะลงมือเอง”ถังหว่านมองไปทางหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจ: “หลินเฟิง ความสามา