“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร”จางกุ้ยหลานหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “หลินเฟิง รีบเอาภาพเขียนพู่กันของนายออกมาสิ”“แม่ นี่แม่จะทำอะไรน่ะ” หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางแม่ของเธอด้วยความเก้กังภาพเขียนพู่กันของแท้แขวนอยู่ที่ห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวนะ แค่แวบเดียวเลขาเหลียงก็มองออกแล้วไม่ใช่เหรอ?ถึงเวลาเกรงว่าหลินเฟิงจะต้องอับอายขายหน้าเป็นอย่างมากต้องทำเรื่องให้มันเด็ดขาดขนาดนี้เลยเหรอ?จางกุ้ยหลานพูดด้วยความลำพองใจ: “ลูกไม่ต้องช่วยพูดให้ไอ้หมอนั่นแล้ว เมื่อครู่เขาพูดว่าเป็นของจริงทุกคำเลยไม่ใช่เหรอ? แม่จะดูสิว่าอีกเดี๋ยวเขายังมีอะไรจะพูดอีก”“แม่...” หลี่ฮุ่ยหรานกัดริมฝีปาก และรู้สึกหมดคำพูดอย่างถึงที่สุดหลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉย และยื่นภาพเขียนพู่กันไปให้เหลียงอันโดยตรงเหลียงอันเปิดภาพเขียนพู่กันดูแล้วตกตะลึงอย่างมากในทันทีจางกุ้ยหลานรีบเข้ามาถาม: “เลขาเหลียงภาพเขียนพู่กันนี้เป็นของแท้หรือว่าของปลอมคะ?”หลี่ว์เจิ้งหยางกับจางซินและคนอื่น ๆ ก็พากันมองไปทางหลินเฟิง ต่างกำลังรอเขาหน้าแตกเหลียงอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้น: “ภาพเขียนพู่กันภาพนี้เป็นของแท้แน่นอน”“เห็นไหมล่ะ...น
หลี่ว์เจิ้งหยางสีหน้าเก้กัง ในเมื่อมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้จักท่านผู้ว่าหลิวด้วยซ้ำและยิ่งไม่มีทางรู้จักเลขาของท่านผู้ว่า“คุณน้าครับ ถ่อมตัวหน่อย ถ่อมตัวหน่อยครับ!”เขาดึงจางกุ้ยหลานเอาไว้ อยากจะให้เธอรีบนั่งลงจางกุ้ยหลานกลับยิ้มพูด: “โอ๊ย เจิ้งหยาง คุณจะถ่อมตัวอะไรกันล่ะ”ในตอนนี้เหลียงอันหันหน้ามองไปทางหลี่ว์เจิ้งหยาง และพูดด้วยสีหน้าสงสัย: “ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”“อ๊ะ? ไม่เคยได้ยินเหรอ?”จางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ใบหน้างุนงง“นี่...ไม่ใช่ว่าท่านผู้ว่าหลิวเห็นแก่หน้าของคุณชายหลี่ว์ถึงได้จัดแจงโรงแรมอิ๋งปินให้กับตระกูลหลี่หรอกเหรอคะ?” จางกุ้ยหลานถามด้วยความสงสัย“ล้อเล่นอะไรกันครับ”เหลียงอันหันหน้ามองไปทางหลินเฟิง: “ท่านผู้ว่าหลิวเห็นแก่หน้าของคุณหลิน ถึงได้ตัดสินใจจัดแจงโรงแรมอิ๋งปินให้กับตระกูลหลี่”“ไม่อย่างนั้นคุณหลินจะมีภาพเขียนพู่กันที่อยู่ในห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวได้อย่างไรครับ?”เขาก็เพิ่งได้รู้ข่าวนี้เมื่อเช้านี้เองถึงแม้จะรู้สึกไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรมาก“ห๊ะ?” ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็ตกตะลึงอยู่ที่เดิมสายตามองไปทางหลินเฟิงด้วยค
หลี่ว์เจิ้งหยางยังคิดที่จะถือโอกาสนี้ไปแสดงโฉมหน้าให้ทุกคนคุ้นเคยแต่เขากลับไม่ถูกทักทายเลยด้วยซ้ำ คนกลุ่มนี้ก็มองไปทางหลินเฟิง“คุณหลิน ผู้นำตระกูลของพวกเราจะเชิญคุณไปร่วมงานเลี้ยงในวันหลัง...”“คุณหลิน ท่านผู้นำของเราเชิญคุณไปพูดคุยเรื่องวิชาแพทย์ที่สำนักไป๋เกา...ถ้าคุณมีเวลาจะต้องไปนั่งเล่นที่สำนักไป๋เกานะครับ”“คุณหลิน ท่านผู้นำสำนักของเราเชิญคุณ...”“คุณหลิน คุณหนูของเรา...”ทุกคนต่างพูดแสดงความคิดเห็นกันต่าง ๆ นานา ประจบประแจงหลินเฟิงกันยกใหญ่และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้หลินเฟิงก็จนปัญญา ทำได้แค่พยักหน้าและรับปากทีละคนภาพนี้ทำให้หลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่น ๆ ตกตะลึงตาค้าง“นี่...คนกลุ่มนี้ทำไมถึงได้เกรงใจต่อหลินเฟิงถึงขนาดนี้?” จางกุ้ยหลานตกตะลึงจนอ้าปากค้างสีหน้าของหลี่เหวินเชากับจางซินก็แย่มากเหมือนกับกินอุจจาระเข้าไป“แม่เจ้า คนคนนั้นใครกันน่ะ? ทำไมตัวแทนของตระกูลใหญ่ถึงได้วนอยู่รอบตัวเขา?“ไม่รู้สิ ซี้ด...นี่เหมือนจะเป็นอดีตลูกเขยขยะของตระกูลหลี่นะ”“คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า? ถูกตระกูลใหญ่หลายตระกูลเชื้อเชิญขนาดนี้ ยังจะเป็นขยะอีกเหรอ?”รอให้หลินเฟิงรับปากทั้งหมดตั
หลี่ฮุ่ยหรานพูดจบเธอก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อยจึงพูดใหม่: “ฉันเพียงแค่เป็นห่วงคุณ...”เธออยากลองที่จะเป็นห่วงหลินเฟิงดูบ้าง“เป็นห่วงอะไรผม?”“เป็นห่วงว่าคุณจะถูกคนกลุ่มนั้นหลอกเอา”หลี่ฮุ่ยหรานยังคงคิดว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ไม่เคยเจอโลกภายนอกมาก่อน ในเมื่อเขาอยู่แต่ในบ้านของเธอมาตลอดสามปี แทบจะไม่ได้ออกไปดูโลกภายนอกเลยด้วยซ้ำแต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า ประสบการณ์ของหลินเฟิงนั้นอาจจะเยอะกว่าเธอเป็นอย่างมาก“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณ แต่ดูจากตอนนี้น่าจะเป็นไปไม่ได้หรอก”หลินเฟิงยิ้ม ด้วยความมั่นใจในตัวเองหลี่ฮุ่ยหรานพาเขาไปส่งยังคฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยหลินเสวี่ยฮุ่ยรออยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานานแล้วเมื่อเห็นหลินเฟิงกลับมา เธอก็โผเข้ามากอดในทันที“พี่เฟิง พี่กลับมาได้สักที”หลินเฟิงเห็นท่าทางของเธอแบบนี้จึงรีบถามขึ้น: “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”“เปล่า ฉันอยู่ที่บ้านรู้สึกเบื่อเล็กน้อย...” หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าติดต่อกันในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานก็เดินลงมาจากรถเช่นกัน เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยเธอก็ตกตะลึงอย่างมากดูอายุของเด็กสาวคนนี้ น่าจะเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลยและรูปร่างหน้าตาก็ดี
“ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็อยู่ใกล้ผมหน่อย และคุณก็สามารถทำงานได้ คุณคิดว่าอย่างไรครับ?”จ้าวเฉียวอวิ๋นพยักหน้าติดต่อกัน: “ได้สิ ได้สิ”จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า: หน้าร้านของที่นี่คงจะแพงมากสินะ?”“หรือว่าช่างมันเถอะ”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูด: “วางใจเถอะครับ เงินแค่นี้ผมยังมีอยู่ครับ”“งั้น…ต้องขอบคุณมาก ๆ นะคะ ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะขอบคุณคุณอย่างไร?”จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดขอบคุณหลายครั้ง: คือว่า ฉันพาเสวี่ยฮุ่ยไปอยู่ด้วยได้ไหมคะ คุณวางใจได้พวกเราไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน”หลินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย: คุณน้าจ้าว คุณไม่ไว้ใจผมใช่ไหมครับ?”เธอระแวงในตัวเขาถึงขนาดนี้ พูดว่าไม่เสียใจนั่นก็เป็นไปไม่ได้ในเมื่อเขาจริงใจต่อพวกเธอแต่อีกฝ่ายกลับระแวงเขาตั้งหลายครั้งหลายหนจ้าวเฉียวอวิ๋นรีบส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยไม่อยู่ เธอถึงได้พูดขึ้นมา: “ไม่ใช่นะ อันที่จริง…สถานการณ์ของเสวี่ยฮุ่ยคุณน่าจะรู้ดี”“เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของฉัน คุณก็รู้สินะคะ…”“แน่นอนครับ พูดตามตรงนะครับ ครั้งแรกที่ผมไปร้านของคุณ ก็เพราะจะไปหาหลินเสวี่ยฮุ่ย” หลินเฟิงเห็นเธอเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เขาก็ไม่ได้ป
กลางดึก ที่ลานบ้านตระกูลหลี่ว์ หลี่ว์เจิ้งหยางมายังห้องหนังสือของพ่อหลี่ว์เฉิงเลี่ยงเห็นลูกชายของเขามาถึง ก็วางหนังสือที่อยู่ในมือลง และถามเขาขึ้นมา: “ได้ยินว่าวันนี้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ตระกูลหลี่ นายแสดงออกเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”“แม่ง โชคไม่ดีครับ”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดด่าทอ: “ความโดดเด่นของวันนี้แม่งถูกหลินเฟิงคนนั้นแย่งไปจนหมด”“วันนี้ไม่เพียงเลขาผู้ว่าที่มา แม้แต่ตระกูลถังคนเหล่านั้นก็มากันหมด อีกทั้งยังเป็นฝ่ายเชิญหลินเฟิงไปเป็นแขก”“ทำให้ผมเสียหน้าเป็นอย่างมาก”หลี่ว์เฉิงเลี่ยงพูดสั่งสอนขึ้นมา: “ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องเล็กแค่นี้ ตอนนี้ลูกควรจะคิดหาวิธีที่จะเอาตำรับยาปรับประสานพลังมาให้ได้”“ผมก็อยากนะครับ แต่ตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อมั่นในตัวผมเป็นอย่างมาก” หลี่ว์เจิ้งหยางพูดบ่นด้วยสีหน้าจนปัญญาหลี่ว์เฉิงเลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “ดูท่าฉันคงจะต้องออกโรงด้วยตัวเองแล้ว”หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินแบบนี้ก็พูดเตือนทันที: “พ่อ พ่ออย่ามองข้ามหลินเฟิงคนนี้นะ ผมรู้สึกว่าไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาหลี่ว์เฉิงเลี่ยงได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มในทันที: “ฮ่าฮ่าฮ่า...ถ้าหากเขาม
หลี่ว์เฉิงเลี่ยงรีบพูดขึ้น: “สหายน้อยหลินไม่จำเป็นต้องรีบปฏิเสธกันถึงขนาดนี้ ผมไม่ได้จะบังคับเอาตำรับยานี้จากคุณสักหน่อย พวกเราตระกูลหลี่ว์สามารถจ่ายเงินซื้อได้”“อีกอย่าง ต่อไปพวกเรายังสามารถร่วมงานกันได้”“สหายน้อยหลินมีความสามารถมากมาย หรือว่าคุณอยากจะให้ถังหว่านเลี้ยงดูไปตลอดชีวิตเหรอ?”หลินเฟิงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะออกมาทันทีเห็นเขาไม่ได้ตอบโต้ หลี่ว์เฉิงเลี่ยงคิดว่าเรื่องนี้ยังมีความหวังอยู่ จึงพูดขึ้นทันที: “สหายน้อยหลิน พวกเราตระกูลหลี่ว์ถึงแม้จะไม่ใช่ตระกูลร่ำรวยอะไร แต่ถ้าหากมีความร่วมมือของสหายน้อยหลิน”“พวกเราร่วมมือกัน สร้างสถานการณ์ที่ชนะร่วมกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้นะครับ”หลินเฟิงรีบยกมือขึ้นขัดจังหวะ: “พอแล้ว ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ตำรับยาปรับประสานพลังผมไม่มีทางเอาให้พวกคุณ และก็ไม่มีทางที่จะร่วมมือกับพวกคุณตระกูลหลี่ว์”“คุณกลับไปได้แล้ว”ตระกูลถังมีพลังอำนาจแบบไหนกัน ตัวเองกินอิ่มอยู่สบายแล้วยังจะดันทุรังหาเรื่องไปแสวงหาสิ่งที่อยู่ไกลตัว ไปร่วมมือกับตระกูลหลี่ว์หรือไงหลี่ว์เฉิงเลี่ยงขมวดคิ้ว: “สหายน้อยหลิน นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะสร้างเนื้อสร้างตัว ผมหวังว่า
หลายวันมานี้หลินเฟิงเข้ากรรมฐานฝึกวิทยายุทธ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ไม่กล้ารบกวนกลางวันเรียนหนังสือ ตอนที่ไม่มีเรียนก็ไปช่วยเหลือที่ร้านเล็ก ๆ ของแม่ตัวเองจ้าวเฉียวอวิ๋นก็เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมา เมื่อถึงเวลาอาหารก็ยุ่งจนทำไม่ทันคืนนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยช่วยแม่ของเธอเก็บกวาดร้านอาหารเรียบร้อย และปิดประตูร้านในตอนนี้จ้าวเฉียวอวิ๋นก็พูดขึ้นมา: “หลินเสวี่ย คืนนี้ลูกไม่ต้องกลับไปดีไหม คืนนี้พักอยู่ที่นี่เถอะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าในทันทีจากนั้นก็พูดขึ้นมา: “ไม่ได้ วันนี้หนูต้องกลับอ่าวเทียนสุ่ย ตอนนี้หลินเฟิงเข้ากรรมฐาน และก็ไม่รู้ว่าจะออกมาเมื่อไหร่”“หนูยังต้องกลับไปดูเขา”จ้าวเฉียวอวิ๋นได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มออกมา: “ลูกใส่ใจหลินเฟิงมากจริง ๆ เลยนะ”ใบหน้าสวยงามของหลินเสวี่ยฮุ่ยแดงระเรื่อ และพูดด้วยความเขินอาย: “มีที่ไหนกัน หลินเฟิงเขาก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของครอบครัวเรา หนูดูแลเขาก็เป็นสิ่งสมควรนะคะ”“เอาเถอะ งั้นลูกรีบกลับไปเร็วหน่อย” จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดหลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า และขี่รถจักรยานไฟฟ้าของเธอกลับไปที่อ่าวเทียนสุ่ยตอนนี้ท้องฟ้ามืดขึ้นเรื่อย ๆ มีเมฆดำปกคลุมอย