“ห้าล้านบาทยังไม่แพงอีกเหรอ?” หลี่จื้อเชาอุทานออกมา: “ไม่เสียแรงที่เป็นคุณชายหลี่ว์ เงินห้าล้านก็ยังนับว่าเป็นเงินเล็กน้อย”“โอ๊ย ทำให้คุณชายหลี่ว์ลำบากเลยค่ะ”จางกุ้ยหลานใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็หันหน้ามองไปทางคุณปู่แล้วพูดขึ้นมา: “คุณปู่ คุณดูสิ นี่เป็นของขวัญที่คุณชายหลี่ว์มอบให้คุณนะคะ”หลี่ไห่ซานล้วงแว่นตาขยายออกมาจากในกระเป๋าทันที เมื่อจ้องมองลวดลายที่อยู่บนแจกันดอกไม้ เขาก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างมาก: “นี่เป็นเครื่องลายครามของสมัยไหน?”หลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มเล็กน้อย: “ก็แค่เครื่องปั้นดินเผาของราชวงศ์ชิงครับ คุณปู่ชอบไหมครับ?”หลี่ไห่ซานพยักหน้า: “ไม่เลว ไม่เลว...”ถึงแม้เขาจะไม่ชอบหลี่ว์เจิ้งหยาง แต่สำหรับวัตถุโบราณระดับนี้เขารู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากหลินเฟิงขมวดคิ้วในทันที: “นี่คือเครื่องปั้นดินเผาสมัยราชวงศ์ชิง?”“ผมดูแล้วไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่นะ?”หลี่ว์เจิ้งหยางตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงด้วยความกระวนกระวาย: “ไอ้หนุ่มหมายความว่าอย่างไร?”เครื่องลายครามก่อนหน้านี้ถูกเขาทำแตกจนแหลกละเอียด ครั้งนี้เขาก็ซื้อของลอกเลียนแบบมาจริง ๆ นั่นแหละแต่ร้านขายบอกเอาไว้แล
“ฉันดูหน่อยสิ?” ทุกคนเห็นคุณปู่ชื่นชอบขนาดนี้ ก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าหลินเฟิงมอบของอะไรให้กันแน่ต่างพากันยื่นหน้าออกไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นภาพเขียนพู่กันจีน ในใจก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังอย่างมากจางกุ้ยหลานกลอกตาไปมา: “คุณปู่ ของสิ่งนี้ก็นับว่าเป็นของดีได้ด้วยเหรอ?”“จริงด้วย ก็แค่ภาพเขียนพู่กันจีนกระจอก ๆ มูลค่ายังไม่เท่าแจกันเครื่องลายครามที่คุณชายหลี่ว์มอบให้เลย” หลี่จื้อเชาเบะปากพูดคุณปู่ตระกูลหลี่ขมวดคิ้วแน่น: “ภาพเขียนพู่กันจีนกระจอก ๆ? นี่เป็นลายมือการเขียนของหวังซีจื่อ แกไม่เคยเรียนหนังสือเหรอ? ถึงไม่รู้ว่าหวังซีจื่อคือใคร?”จางซินโบกมือ: “เขาบอกว่าใช่ก็ใช่เหรอ? หนูยังพูดว่าเป็นของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เลย”“หึหึ...”หลี่เจิ้งหยางยิ้มบางในทันที: “คุณปู่ พูดตามตรงนะครับ ภาพเขียนพู่กันจีนอันที่จริงทำของปลอมได้ง่ายที่สุดแล้วครับ”“เพราะว่าตัวอักษรเป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบได้ง่ายมาก และสิ่งของที่มีอายุเกิดหนึ่งพันปี กระดาษแผ่นนี้จะเก็บรักษาเอาไว้ได้ดีขนาดนี้ได้อย่างไรครับ?”“จากที่ผมดู ภาพเขียนพู่กันจีนภาพนี้ เป็นของลอกเลียนแบบ”จางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าติดต่อกัน: “ถูกต้อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า...” ได้ยินคำพูดนี้ของคุณอวี๋ คนอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะเสียงดังขึ้นมาในตอนนี้เอง หลี่ฮุ่ยหรานก็ต้อนรับแขกเสร็จแล้ว เธอเห็นคนในครอบครัวของเธอพูดไปหัวเราะไป เธอก็ดีใจมาก“นี่เกิดอะไรขึ้นเหรอ? มีเรื่องอะไรถึงได้ทำให้ทุกคนดีใจขนาดนี้?”หลี่จื้อเชารีบพูดอธิบายให้พี่สาวของตัวเองฟัง: “พี่ พี่ไม่รู้อะไร ไอ้หลินเฟิงคนนี้บอกว่าของขวัญที่เขามอบให้คุณปู่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของหวังซีจื่อ”“คุณอวี๋เขาไม่ได้ดูด้วยซ้ำ แต่ก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอม”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว: “นี่เป็นเพราะอะไร?”“เพราะว่าผลงานชิ้นที่แท้จริงแขวนอยู่ที่ห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า...” จางซินกุมท้องแล้วหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งเขาเกือบจะล้มลงไปหลี่ฮุ่ยหรานเหลือบมองหลินเฟิง และสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธอก็สามารถเข้าใจหลินเฟิงได้เดาว่าคงอยากแสดงออกต่อหน้าคุณปู่สักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้อาวุโสอวี๋เปิดโปง“เอาเถอะ ก็แค่ภาพเขียนพู่กันภาพหนึ่งไม่ใช่เหรอ เดาว่าหลินเฟิงก็คงจะถูกคนหลอกมา”“ใช่ไหมหลินเฟิง?”เธอยังอยากจะช่วยหลินเฟิงกู้หน้า ทำให้หลินเฟิงไม่ต้องอับอายขนาดนั้นแต่หลินเฟิงกลับไม่รับความหวั
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร”จางกุ้ยหลานหันหน้ามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น: “หลินเฟิง รีบเอาภาพเขียนพู่กันของนายออกมาสิ”“แม่ นี่แม่จะทำอะไรน่ะ” หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางแม่ของเธอด้วยความเก้กังภาพเขียนพู่กันของแท้แขวนอยู่ที่ห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวนะ แค่แวบเดียวเลขาเหลียงก็มองออกแล้วไม่ใช่เหรอ?ถึงเวลาเกรงว่าหลินเฟิงจะต้องอับอายขายหน้าเป็นอย่างมากต้องทำเรื่องให้มันเด็ดขาดขนาดนี้เลยเหรอ?จางกุ้ยหลานพูดด้วยความลำพองใจ: “ลูกไม่ต้องช่วยพูดให้ไอ้หมอนั่นแล้ว เมื่อครู่เขาพูดว่าเป็นของจริงทุกคำเลยไม่ใช่เหรอ? แม่จะดูสิว่าอีกเดี๋ยวเขายังมีอะไรจะพูดอีก”“แม่...” หลี่ฮุ่ยหรานกัดริมฝีปาก และรู้สึกหมดคำพูดอย่างถึงที่สุดหลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉย และยื่นภาพเขียนพู่กันไปให้เหลียงอันโดยตรงเหลียงอันเปิดภาพเขียนพู่กันดูแล้วตกตะลึงอย่างมากในทันทีจางกุ้ยหลานรีบเข้ามาถาม: “เลขาเหลียงภาพเขียนพู่กันนี้เป็นของแท้หรือว่าของปลอมคะ?”หลี่ว์เจิ้งหยางกับจางซินและคนอื่น ๆ ก็พากันมองไปทางหลินเฟิง ต่างกำลังรอเขาหน้าแตกเหลียงอันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้น: “ภาพเขียนพู่กันภาพนี้เป็นของแท้แน่นอน”“เห็นไหมล่ะ...น
หลี่ว์เจิ้งหยางสีหน้าเก้กัง ในเมื่อมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้จักท่านผู้ว่าหลิวด้วยซ้ำและยิ่งไม่มีทางรู้จักเลขาของท่านผู้ว่า“คุณน้าครับ ถ่อมตัวหน่อย ถ่อมตัวหน่อยครับ!”เขาดึงจางกุ้ยหลานเอาไว้ อยากจะให้เธอรีบนั่งลงจางกุ้ยหลานกลับยิ้มพูด: “โอ๊ย เจิ้งหยาง คุณจะถ่อมตัวอะไรกันล่ะ”ในตอนนี้เหลียงอันหันหน้ามองไปทางหลี่ว์เจิ้งหยาง และพูดด้วยสีหน้าสงสัย: “ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”“อ๊ะ? ไม่เคยได้ยินเหรอ?”จางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ใบหน้างุนงง“นี่...ไม่ใช่ว่าท่านผู้ว่าหลิวเห็นแก่หน้าของคุณชายหลี่ว์ถึงได้จัดแจงโรงแรมอิ๋งปินให้กับตระกูลหลี่หรอกเหรอคะ?” จางกุ้ยหลานถามด้วยความสงสัย“ล้อเล่นอะไรกันครับ”เหลียงอันหันหน้ามองไปทางหลินเฟิง: “ท่านผู้ว่าหลิวเห็นแก่หน้าของคุณหลิน ถึงได้ตัดสินใจจัดแจงโรงแรมอิ๋งปินให้กับตระกูลหลี่”“ไม่อย่างนั้นคุณหลินจะมีภาพเขียนพู่กันที่อยู่ในห้องทำงานของท่านผู้ว่าหลิวได้อย่างไรครับ?”เขาก็เพิ่งได้รู้ข่าวนี้เมื่อเช้านี้เองถึงแม้จะรู้สึกไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรมาก“ห๊ะ?” ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ก็ตกตะลึงอยู่ที่เดิมสายตามองไปทางหลินเฟิงด้วยค
หลี่ว์เจิ้งหยางยังคิดที่จะถือโอกาสนี้ไปแสดงโฉมหน้าให้ทุกคนคุ้นเคยแต่เขากลับไม่ถูกทักทายเลยด้วยซ้ำ คนกลุ่มนี้ก็มองไปทางหลินเฟิง“คุณหลิน ผู้นำตระกูลของพวกเราจะเชิญคุณไปร่วมงานเลี้ยงในวันหลัง...”“คุณหลิน ท่านผู้นำของเราเชิญคุณไปพูดคุยเรื่องวิชาแพทย์ที่สำนักไป๋เกา...ถ้าคุณมีเวลาจะต้องไปนั่งเล่นที่สำนักไป๋เกานะครับ”“คุณหลิน ท่านผู้นำสำนักของเราเชิญคุณ...”“คุณหลิน คุณหนูของเรา...”ทุกคนต่างพูดแสดงความคิดเห็นกันต่าง ๆ นานา ประจบประแจงหลินเฟิงกันยกใหญ่และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้หลินเฟิงก็จนปัญญา ทำได้แค่พยักหน้าและรับปากทีละคนภาพนี้ทำให้หลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่น ๆ ตกตะลึงตาค้าง“นี่...คนกลุ่มนี้ทำไมถึงได้เกรงใจต่อหลินเฟิงถึงขนาดนี้?” จางกุ้ยหลานตกตะลึงจนอ้าปากค้างสีหน้าของหลี่เหวินเชากับจางซินก็แย่มากเหมือนกับกินอุจจาระเข้าไป“แม่เจ้า คนคนนั้นใครกันน่ะ? ทำไมตัวแทนของตระกูลใหญ่ถึงได้วนอยู่รอบตัวเขา?“ไม่รู้สิ ซี้ด...นี่เหมือนจะเป็นอดีตลูกเขยขยะของตระกูลหลี่นะ”“คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า? ถูกตระกูลใหญ่หลายตระกูลเชื้อเชิญขนาดนี้ ยังจะเป็นขยะอีกเหรอ?”รอให้หลินเฟิงรับปากทั้งหมดตั
หลี่ฮุ่ยหรานพูดจบเธอก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อยจึงพูดใหม่: “ฉันเพียงแค่เป็นห่วงคุณ...”เธออยากลองที่จะเป็นห่วงหลินเฟิงดูบ้าง“เป็นห่วงอะไรผม?”“เป็นห่วงว่าคุณจะถูกคนกลุ่มนั้นหลอกเอา”หลี่ฮุ่ยหรานยังคงคิดว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ไม่เคยเจอโลกภายนอกมาก่อน ในเมื่อเขาอยู่แต่ในบ้านของเธอมาตลอดสามปี แทบจะไม่ได้ออกไปดูโลกภายนอกเลยด้วยซ้ำแต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า ประสบการณ์ของหลินเฟิงนั้นอาจจะเยอะกว่าเธอเป็นอย่างมาก“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณ แต่ดูจากตอนนี้น่าจะเป็นไปไม่ได้หรอก”หลินเฟิงยิ้ม ด้วยความมั่นใจในตัวเองหลี่ฮุ่ยหรานพาเขาไปส่งยังคฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยหลินเสวี่ยฮุ่ยรออยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานานแล้วเมื่อเห็นหลินเฟิงกลับมา เธอก็โผเข้ามากอดในทันที“พี่เฟิง พี่กลับมาได้สักที”หลินเฟิงเห็นท่าทางของเธอแบบนี้จึงรีบถามขึ้น: “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”“เปล่า ฉันอยู่ที่บ้านรู้สึกเบื่อเล็กน้อย...” หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าติดต่อกันในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานก็เดินลงมาจากรถเช่นกัน เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ยเธอก็ตกตะลึงอย่างมากดูอายุของเด็กสาวคนนี้ น่าจะเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลยและรูปร่างหน้าตาก็ดี
“ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็อยู่ใกล้ผมหน่อย และคุณก็สามารถทำงานได้ คุณคิดว่าอย่างไรครับ?”จ้าวเฉียวอวิ๋นพยักหน้าติดต่อกัน: “ได้สิ ได้สิ”จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า: หน้าร้านของที่นี่คงจะแพงมากสินะ?”“หรือว่าช่างมันเถอะ”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูด: “วางใจเถอะครับ เงินแค่นี้ผมยังมีอยู่ครับ”“งั้น…ต้องขอบคุณมาก ๆ นะคะ ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะขอบคุณคุณอย่างไร?”จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดขอบคุณหลายครั้ง: คือว่า ฉันพาเสวี่ยฮุ่ยไปอยู่ด้วยได้ไหมคะ คุณวางใจได้พวกเราไม่มีทางหนีไปไหนแน่นอน”หลินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย: คุณน้าจ้าว คุณไม่ไว้ใจผมใช่ไหมครับ?”เธอระแวงในตัวเขาถึงขนาดนี้ พูดว่าไม่เสียใจนั่นก็เป็นไปไม่ได้ในเมื่อเขาจริงใจต่อพวกเธอแต่อีกฝ่ายกลับระแวงเขาตั้งหลายครั้งหลายหนจ้าวเฉียวอวิ๋นรีบส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยไม่อยู่ เธอถึงได้พูดขึ้นมา: “ไม่ใช่นะ อันที่จริง…สถานการณ์ของเสวี่ยฮุ่ยคุณน่าจะรู้ดี”“เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของฉัน คุณก็รู้สินะคะ…”“แน่นอนครับ พูดตามตรงนะครับ ครั้งแรกที่ผมไปร้านของคุณ ก็เพราะจะไปหาหลินเสวี่ยฮุ่ย” หลินเฟิงเห็นเธอเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เขาก็ไม่ได้ป
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน