เซี่ยงตงเซิงมองดูยาปรับประสานพลังที่กำลังขายดี ยิ่งสูดหายใจลึกเข้าไปอีกถ้าเขาไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ยาบำรุงสตรีก็จะจบสิ้นไปในที่สุดเขารีบเรียกลูกน้องสองคนและกระซิบบางอย่างกับพวกเขาไปเมื่อมีการแถลงข่าวออกไปก็ยิ่งโด่งดังมากกว่าเดิมพวกนักข่าวได้มีการชมเกี่ยวกับตัวยาปรับประสานพลังอย่างไม่ขาดสายในตอนนี้ เสียงกรีดร้องกระจายไปทั่วสถานที่จัดงานแถลงข่าว“เกิดอะไรขึ้น”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ทุกคนทําหน้างงงวย โดยเฉพาะตรงกลางของฝูงชนกลุ่มนั้น มีชายคนหนึ่งล้มลงกับพื้นและเกิดการกระตุกขึ้นชายวัยกลางคนอีกคนโถมตัวเข้าหาอีกฝ่าย สีหน้าตื่นตระหนก: “พี่ชาย พี่ชาย พี่เป็นอะไรไป?”จางเต๋อหลินเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็รีบเข้าไปช่วยตรวจอาการ ทุกคนก็หลีกทางให้กับจางเต๋อหลินเข้าไปดู“พี่ชายคุณเป็นอะไรไป?” จางเต๋อหลินรีบเข้าไปถามผู้ชายวัยกลางคนร้องไห้ตอบกลับว่า: “ฉันก็ไม่รู้ พี่ชายฉันกินยาปรับประสานพลังเข้าไป ไม่นานนักก็เป็นแบบนี้”ตอนนี้ยิ่งกระตุกไม่หยุด หมอเทวดาจาง คุณรีบไปช่วยพี่ชายของฉันเถอะ”“อะไรนะ?”ประโยคนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกทันที“หรือว่ายาปรับประสานพลังทำให้เกิดโรคลมบ้าหมูได้?”“นี
“คุณพูดบ้าบออะไร? หมอนี่ชักดิ้นชักงออยู่ จริง ๆ แต่ไม่ได้เป็นผลของยาปรับประสานพลัง”ถังหว่านที่ยืนอยู่บนเวทีได้กล่าวอย่างเย็นชาว่า: “เถ้าแก่เซี่ยง คุณไม่ไปเปิดแถลงข่าวของบริษัทตัวเองให้ดี ๆ ทำไมถึงได้มาที่นี่?”เซี่ยงตงเซิงโบกมือกล่าวว่า: “คุณถัง คุณอย่าเปลี่ยนเรื่องจะดีกว่า รีบพูดออกมาว่าเรื่องนี้คุณจัดการแก้ปัญหากับมันอย่างไร” ถังหว่านพูดเหยียดหยาม : “ควรจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นละ ถ้าเกิดว่าเป็นปัญหาของพวกเราจริง ๆ พวกเราก็จะยินดีที่จะชดใช้เงิน”“งั้นคุณยังไม่รีบที่จะชดใช้เงินอีกละ?”“อาการป่วยของคุณผู้ชายท่านนี้ ยังไม่ได้มีการสรุปเลยว่าเป็นผลมาจากยาปรับประสานพลัง ถ้าหากเป็นคุณก็คงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องการชดใช้เงิน”หลินเฟิงที่ยืนเงียบอยู่ตลอด ในตอนนี้ได้เดินออกมาแล้ว: “หมอเทวดาจาง ให้ผมได้ดูคนไข้ท่านนี้สักหน่อยครับ!”จางเต๋อหลินพยักหน้า“เหี้ยเอ้ย หมอนี่เป็นใครอีก?”“คิดไม่ถึงว่าหมอเทวดาจางจะหลีกทางให้เขา?”หลินเฟิงเดินมาตรงมาที่ร่างของผู้ชายผู้นั้น มือเพียงแค่สัมผัสก็รู้แล้วว่าไอ้หมอนี่ไม่ได้เป็นอะไรด้วยซ้ำมองดูเขาน้ำลายไหลบนพื้น ก็ได้แต่ขำในใจไอ้หมอนี่ แสดงได้เก
ถังหว่านกอดอก และยิ้มอย่างเย็นชา: “คุณเซี่ยง ยาบำรุงสตรีของเซี่ยงซื่อกรุ๊ปอยากที่จะเป็นขวัญใจของคนในเมืองเจียงโจว ฉันเข้าใจในส่วนนี้”“ฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะแข่งขันกันอย่างยุติธรรม”“แต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะใช้วิธีการที่แย่แบบนี้”กลุ่มนักข่าวได้เข้าไปล้อมเซี่ยงตงเซิงเอาไว้ ไมโครโฟนเกือบเสียบเข้าปากของเซี่ยงตงเซิงแล้ว“คุณเซี่ยง ขอถามหน่อยครับเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงไหม?”“คุณเซี่ยง ขอถามหน่อยว่าคุณมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?”เซี่ยงตงเซิงสีหน้าอึมครึม เรื่องบางถึงขนาดนี้แล้ว จะพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ กลับจะถูกคนจับปัญหาได้ง่ายด้วยซ้ำไปเขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และภายใต้ปกป้องของบอดี้การ์ดของเขา จึงรีบที่จะหนีออกจากสถานที่เกิดเหตุ“คุณซี่ยง อย่าเพิ่งไป คุณพูดง่าย ๆ สักสองประโยค……”นักข่าวกลุ่มใหญ่ก็ได้ประเด็นข่าวร้อนเช่นกัน เลยไล่ตามออกไปการแถลงการณ์ข่าวครั้งนี้ ตระกูลถังก็พลิกสถานการณ์ได้อย่างดีประธานบริษัทจำนวนไม่น้อยก็ยิ่งแย่งและทำการจองยาปรับประสานพลังกันหลังจากที่งานเลี้ยงจบลง ถังหว่านก็ได้มีเปลี่ยนเป็นชุดลําลอง: “หมอเทวดาจาง คุณอิ่น วันนี้รบกวนคุณสองคนจริง ๆ ”“คุณถ
เซี่ยงตงเซิงชำเลืองไปที่เขากล่าวว่า: “นายมีวิธีการอะไรดี ๆ ไหม?”ไป๋จินเต๋อหัวเราะเบา ๆกล่าวว่า: “ถ้าหากว่าวันนี้คุณเซี้ยงอายุครบยี่สิบหกปี มันเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับแต่งงาน”“หากเราสามารถแต่งงานกับครอบครัวท้องถิ่นในเจียงโจวได้ ยืมกำลังของครอบครัวท้องถิ่นในเจียงโจว การที่จะตั้งหลักที่เจียงโจวก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น”เซี่ยงตงเซิงพอได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมากแต่เขาให้ความสำคัญกับลูกสาวอย่างมากแม้ว่าจะเป็นการแต่งงานกับครอบครัวใหญ่ในเจียงโจว งั้นก็ต้องให้ลูกสาวของตัวเองชอบถึงจะได้“ผู้เฒ่าไป๋ คุณไปเรียกตัวจื่อหลานมา ฉันจะคุยเรื่องนี้กับเธอ”ผ่านไปไม่นาน ผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งในชุดกระโปรงยาวก็มาถึงที่ห้องสมุดของเซี่ยงตงเซิงนี่ก็คือเซี่ยงจื่อหลานเป็นลูกสาวของเซี่ยงตงเซิง “พ่อ ดึกขนาดนี้แล้วเรียกหนูมามีธุระอะไร?”เซี่ยงตงเซิงก็ไม่ได้ปิดบังอะไร จึงพูดเรื่องการแต่งงานขึ้นมาทันทีเซี่ยงจื่อหลานเมื่อได้ยินแบบนี้ก็ลุกขึ้นยืนทันที และกล่าวอย่างออดอ้อน: “พ่อ หนูไม่อยากแต่งงาน”“หนูไม่รู้จักคุณชายบ้าบอของตระกูลร่ำรวยอะไรพวกนั้นด้วยซ้ำ และก็ไม่ชอบด้วย”เซี่ยงตงเซ
เซี่ยงจื่อหลานกอดสวีเชาเอาไว้ “คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?”“ฉันทำใจไม่ได้หรอกค่ะที่คุณจะหายตัวไป”“งานเลี้ยงครั้งนี้ ฉันก็แค่ทำให้เป็นพิธีเท่านั้นเอง ถึงตอนนั้นฉันยังไม่มีผู้ชายที่ถูกใจ คุณพ่อจะทำอย่างไรได้ล่ะ?”สวีเชาจับคางของเซี่ยงจื่อหลานแล้วพูดว่า “ผมก็รู้ว่าคุณดีต่อผมที่สุดแล้ว”ระยะเวลาหลายปีนี้เขาใช้เทคนิคหลอกล่อ ค่อย ๆ ล้างสมองของเซี่ยงจื่อหลานประกอบกับทักษะในการพูดของเขา ก็ยิ่งทำให้เซี่ยงจื่อหลานค่อย ๆ เดินผิดทาง“อาเชา ช่วงนี้บริษัทของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” เซี่ยงจื่อหลานถามสวีเชาพูดด้วยสีหน้าเก้ ๆ กัง ๆ “ช่วงนี้ตลาดซบเซาและธุรกิจก็ไม่ค่อยดีเลย”“ใช่แล้ว ในมือของคุณยังมีเงินอยู่หรือเปล่า? ผมวางแผนว่าจะซื้ออุปกรณ์นำเข้าสองสามเครื่อง เพื่อที่จะเพิ่มขนาดของบริษัท”“ไม่อย่างนั้น บริษัทก็จะไม่มีอะไรเลยที่จะเอามาแข่งขันได้!”เซี่ยงจื่อหลานได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย“ตอนนี้เงินในมือของฉันก็มีไม่เยอะ”“เห้อ…ดูเหมือนว่าผมคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว” สวีเชาถอดใจ“อาเชา คุณอย่าพูดแบบนี้ ฉันจะช่วยคุณเอง”เซี่ยงจื่อหลานเพียงแค่อยากทำให้สวีเชายิ่งใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ
“ฉันผู้หญิงคนเดียวไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”งานเลี้ยงที่น่าเบื่อแบบนี้ เธอไม่ได้อยากจะไปร่วมด้วยเลย แต่ก็ยังต้องไว้หน้าตระกูลเซี่ยงอยู่ถึงตอนนั้นก็ส่งของขวัญเล็ก ๆน้อย ๆ แล้วก็ส่งคนไปสักสองคนก็พอแล้วสวีเชาได้ยินแบบนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ที่ฮุ่ยหรานพูดก็มีเหตุผล ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นผมก็ไม่ไปแล้ว”ที่เขากังวลที่สุดก็คือ การพบกันระหว่าง หลี่ฮุ่ยหรานกับเซี่ยงจื่อหลานแม้ว่าทั้งคู่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย แต่ถ้าเกิดได้คุยไปคุยมาหลังจากที่เจอหน้ากัน มันจะยุ่งยากถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หลี่ฮุ่ยหรานพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเซี่ยงเลือกลูกเขย ทำไมคุณถึงไม่ไปล่ะ? คุณเซี่ยงไม่เพียงแต่จะสวยเท่านั้น แต่ยังลำดับในตระกูลดีอีกด้วยนะ”“คุณกับเธอก็ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันนะ”จางกุ้ยหลานพูดติดตลกขึ้นมาว่า “ไอ้หยา เท่าที่ฉันดูคุณชายสวีมีเจ้าของหัวใจแล้วสินะคะ?”สวีเชาคนนี้พอว่างก็จะมาหาหลี่ฮุ่ยหราน ครั้งที่แล้วที่อ่าวเทียนสุ่ยก็ช่วยเหลือลูกสาวของตัวเองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายสนใจในตัวของหลี่ฮุ่ยหราน แต่ลูกสาวของเธอก็ดูจะไม่มีความคิดแบบนั้นเลยจริง ๆสวีเชาพยักหน้า จ้องมอง
ในตอนนี้จางซินยกพัสดุทั้งใหญ่และเล็กเดินเข้าประตูมา“ซินซิน นี่หนูกำลังจะไปทำอะไรน่ะ?”จางซินยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “อ่อ หนูไปช็อปปิงมาน่ะค่ะ““คุณป้า หนูไม่ได้คุยกับคุณป้าแล้วนะคะ อีกเดี๋ยวยังมีธุระอีก”เธอกำลังจะขึ้นไปชั้นบน สายตาก็เหลือบไปเห็นสร้อยคอทับทิมที่วางอยู่บนโต๊ะ“โอ้พระเจ้า!”จางซิน รีบวางของในมือลง และวิ่งเข้าไป เธอหยิบสร้อยคอที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา“นี่คือทับทิมใช่ไหม?”จางกุ้ยหลานพูดด้วยสีหน้าลำพองใจ “ใช่สิ ราคาตั้งร้อยล้านบาทเชียวนะ”เมื่อจางซินได้ยินอย่างนั้น ก็สวมใส่ไว้ที่คอของตัวเองอย่างไม่เกรงใจ และถามจางกุ้ยหลานว่า “คุณป้า คิดว่าหนูใส่แล้วดูดีไหม?”จางกุ้ยหลานพูดด้วยสีหน้าเก้ ๆ กัง ๆ “เอ่อ..ดูดี ดูดี”“คุณป้า หนูขอยืมสร้อมทับทิมเส้นนี้ไปใส่สักสองวันนะ” จางซินบอกด้วยรอยยิ้มจางกุ้ยหลานขมวดคิ้วพร้อมกับรีบอธิบายว่า “ซินซิน สร้อยคอทับทิมเส้นนี้เป็นของที่สวีเชามอบให้พี่สาวของหนู หนูใส่คงจะไม่ดีหรอกนะ”“ถ้าหนูชอบ วันหลังป้าจะซื้อของอย่างอื่นให้”หลี่เหวินเชาพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “เธอรีบถอดมันมาเถอะ เอาสร้อยคอคืนพี่สาวของฉัน”จางซินมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานด้วยสี
“หลังจากนี้คุณก็เรียกผมว่าหลินเฟิงเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”หลินเฟิงพยายามที่จะรักษาทัศนคติที่เป็นมิตรเอาไว้แต่ยิ่งเขาแสดงความเป็นมิตรมากเท่าไหร่ หลินฝานก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้นเขามักจะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีเจตนาอื่นอีกเวลานี้ มือถือของหลินฝานก็ดังขึ้นมาดูหมายเลขที่โทรเข้า เขาก็รีบรับสายทันทีถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะมองไม่ชัดว่าใครเป็นคนโทรมา แต่ก็ได้ยินเสียงพูดด่าดังมาจากปลายสายโดยไม่ตั้งใจ จนทำให้เขาขมวดคิ้ว“ไอ้สกุลหลิน แกแม่งทำอะไรอยู่กันแน่วะ? ตกลงผลการทำงานของเดือนนี้มันจะยังสำเร็จอยู่ไหม?”หลินฝานที่อยู่ตรงข้าม พยักหน้าซ้ำ ๆ แล้วพูดว่า “เจ้านายวางใจ รับรองว่าทุกอย่างจะต้องสำเร็จ”“ถ้าหากเดือนนี้ผลการทำงานของแกไม่ได้มาตรฐาน ก็ลาออกไปซะ”หลังจากที่หลินฝานขอโทษและยอมรับความผิดพลาดอยู่พักหนึ่ง ก็วางสายไปเขาถอนหายใจยาว และดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะจ้องมองที่ตัวเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างมาก“แหะแหะ ให้คุณเห็นเรื่องตลกแล้ว”แต่ทว่า หลินเฟิงก็ไม่ได้จะหัวเราะเยาะใส่ “ตอนนี้เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะถดถอย การขายบ้านก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”หลินฝานพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ครับ”“
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได