ในตอนนี้ไป๋จินเต๋อก็ได้เดินเข้ามา และหยิบเอายาปรับประสานพลังขึ้นมาอย่างระมัดระวังชั่วพริบตารูม่านตาก็แข็งทื่อ กล่าวอย่างเหลือเชื่อว่า: “โห……ยาประสานพลังมีการผสมองค์ประกอบที่น่ามหัศจรรย์ ตัวยามีกลิ่นหอม เป็นยาที่วิเศษจริงๆ”เพียงแค่ดมกลิ่นของยาประสานพลังอย่างเดียว ไป๋จินเต๋อก็รู้สึกได้ว่ายาประสานพลังดีกว่าของยาบำรุงสตรีด้วยซ้ำ“เหอะ ยามหัศจรรย์บ้าบออะไร”เซี่ยงตงเซิงส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ“บริษัทเภสัชกรรมเชิงถังผลิตยาขยะออกมา มีคุณสมบัติที่จะเทียบเท่ายาบำรุงสตรีด้วยเหรอ?”เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น อยู่ ๆ ก็เอายาปรับประสานพลังกลืนลงปากเข้าไปขณะนี้ไป๋จินเต๋อก็รู้สึกตัวว่าตัวเองพูดผิดไปและรีบกลับคำพูด: “คือว่า คือว่า ยาปรับประสานพลังจะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถเทียบกับยาบำรุงสตรีได้หรอก”“ผู้เฒ่าไป๋ คุณลองทานยาตัวนี้ดูครับ ผมคิดว่าไม่เห็นจะมีดีตรงไหนที่ดีเท่ากับยาบำรุงสตรีของเราเลย”ในตอนนี้เซี่ยงตงเซิงก็พูดขึ้นไป๋จินเต๋อก็ยังสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาปรับประสานพลังตัวนี้ จึงหยิบยาเม็ดขึ้นมาแล้วกลืนลงท้องเซี่ยงตงเซิงที่กำลังเอายาปรับประสานพลังกลืนลงปากไป อยู่ ๆ ก็มีก
เซี่ยงตงเซิงมองดูยาปรับประสานพลังที่กำลังขายดี ยิ่งสูดหายใจลึกเข้าไปอีกถ้าเขาไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ยาบำรุงสตรีก็จะจบสิ้นไปในที่สุดเขารีบเรียกลูกน้องสองคนและกระซิบบางอย่างกับพวกเขาไปเมื่อมีการแถลงข่าวออกไปก็ยิ่งโด่งดังมากกว่าเดิมพวกนักข่าวได้มีการชมเกี่ยวกับตัวยาปรับประสานพลังอย่างไม่ขาดสายในตอนนี้ เสียงกรีดร้องกระจายไปทั่วสถานที่จัดงานแถลงข่าว“เกิดอะไรขึ้น”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ทุกคนทําหน้างงงวย โดยเฉพาะตรงกลางของฝูงชนกลุ่มนั้น มีชายคนหนึ่งล้มลงกับพื้นและเกิดการกระตุกขึ้นชายวัยกลางคนอีกคนโถมตัวเข้าหาอีกฝ่าย สีหน้าตื่นตระหนก: “พี่ชาย พี่ชาย พี่เป็นอะไรไป?”จางเต๋อหลินเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็รีบเข้าไปช่วยตรวจอาการ ทุกคนก็หลีกทางให้กับจางเต๋อหลินเข้าไปดู“พี่ชายคุณเป็นอะไรไป?” จางเต๋อหลินรีบเข้าไปถามผู้ชายวัยกลางคนร้องไห้ตอบกลับว่า: “ฉันก็ไม่รู้ พี่ชายฉันกินยาปรับประสานพลังเข้าไป ไม่นานนักก็เป็นแบบนี้”ตอนนี้ยิ่งกระตุกไม่หยุด หมอเทวดาจาง คุณรีบไปช่วยพี่ชายของฉันเถอะ”“อะไรนะ?”ประโยคนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกทันที“หรือว่ายาปรับประสานพลังทำให้เกิดโรคลมบ้าหมูได้?”“นี
“คุณพูดบ้าบออะไร? หมอนี่ชักดิ้นชักงออยู่ จริง ๆ แต่ไม่ได้เป็นผลของยาปรับประสานพลัง”ถังหว่านที่ยืนอยู่บนเวทีได้กล่าวอย่างเย็นชาว่า: “เถ้าแก่เซี่ยง คุณไม่ไปเปิดแถลงข่าวของบริษัทตัวเองให้ดี ๆ ทำไมถึงได้มาที่นี่?”เซี่ยงตงเซิงโบกมือกล่าวว่า: “คุณถัง คุณอย่าเปลี่ยนเรื่องจะดีกว่า รีบพูดออกมาว่าเรื่องนี้คุณจัดการแก้ปัญหากับมันอย่างไร” ถังหว่านพูดเหยียดหยาม : “ควรจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นละ ถ้าเกิดว่าเป็นปัญหาของพวกเราจริง ๆ พวกเราก็จะยินดีที่จะชดใช้เงิน”“งั้นคุณยังไม่รีบที่จะชดใช้เงินอีกละ?”“อาการป่วยของคุณผู้ชายท่านนี้ ยังไม่ได้มีการสรุปเลยว่าเป็นผลมาจากยาปรับประสานพลัง ถ้าหากเป็นคุณก็คงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องการชดใช้เงิน”หลินเฟิงที่ยืนเงียบอยู่ตลอด ในตอนนี้ได้เดินออกมาแล้ว: “หมอเทวดาจาง ให้ผมได้ดูคนไข้ท่านนี้สักหน่อยครับ!”จางเต๋อหลินพยักหน้า“เหี้ยเอ้ย หมอนี่เป็นใครอีก?”“คิดไม่ถึงว่าหมอเทวดาจางจะหลีกทางให้เขา?”หลินเฟิงเดินมาตรงมาที่ร่างของผู้ชายผู้นั้น มือเพียงแค่สัมผัสก็รู้แล้วว่าไอ้หมอนี่ไม่ได้เป็นอะไรด้วยซ้ำมองดูเขาน้ำลายไหลบนพื้น ก็ได้แต่ขำในใจไอ้หมอนี่ แสดงได้เก
ถังหว่านกอดอก และยิ้มอย่างเย็นชา: “คุณเซี่ยง ยาบำรุงสตรีของเซี่ยงซื่อกรุ๊ปอยากที่จะเป็นขวัญใจของคนในเมืองเจียงโจว ฉันเข้าใจในส่วนนี้”“ฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะแข่งขันกันอย่างยุติธรรม”“แต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะใช้วิธีการที่แย่แบบนี้”กลุ่มนักข่าวได้เข้าไปล้อมเซี่ยงตงเซิงเอาไว้ ไมโครโฟนเกือบเสียบเข้าปากของเซี่ยงตงเซิงแล้ว“คุณเซี่ยง ขอถามหน่อยครับเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงไหม?”“คุณเซี่ยง ขอถามหน่อยว่าคุณมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?”เซี่ยงตงเซิงสีหน้าอึมครึม เรื่องบางถึงขนาดนี้แล้ว จะพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ กลับจะถูกคนจับปัญหาได้ง่ายด้วยซ้ำไปเขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และภายใต้ปกป้องของบอดี้การ์ดของเขา จึงรีบที่จะหนีออกจากสถานที่เกิดเหตุ“คุณซี่ยง อย่าเพิ่งไป คุณพูดง่าย ๆ สักสองประโยค……”นักข่าวกลุ่มใหญ่ก็ได้ประเด็นข่าวร้อนเช่นกัน เลยไล่ตามออกไปการแถลงการณ์ข่าวครั้งนี้ ตระกูลถังก็พลิกสถานการณ์ได้อย่างดีประธานบริษัทจำนวนไม่น้อยก็ยิ่งแย่งและทำการจองยาปรับประสานพลังกันหลังจากที่งานเลี้ยงจบลง ถังหว่านก็ได้มีเปลี่ยนเป็นชุดลําลอง: “หมอเทวดาจาง คุณอิ่น วันนี้รบกวนคุณสองคนจริง ๆ ”“คุณถ
เซี่ยงตงเซิงชำเลืองไปที่เขากล่าวว่า: “นายมีวิธีการอะไรดี ๆ ไหม?”ไป๋จินเต๋อหัวเราะเบา ๆกล่าวว่า: “ถ้าหากว่าวันนี้คุณเซี้ยงอายุครบยี่สิบหกปี มันเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับแต่งงาน”“หากเราสามารถแต่งงานกับครอบครัวท้องถิ่นในเจียงโจวได้ ยืมกำลังของครอบครัวท้องถิ่นในเจียงโจว การที่จะตั้งหลักที่เจียงโจวก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น”เซี่ยงตงเซิงพอได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมากแต่เขาให้ความสำคัญกับลูกสาวอย่างมากแม้ว่าจะเป็นการแต่งงานกับครอบครัวใหญ่ในเจียงโจว งั้นก็ต้องให้ลูกสาวของตัวเองชอบถึงจะได้“ผู้เฒ่าไป๋ คุณไปเรียกตัวจื่อหลานมา ฉันจะคุยเรื่องนี้กับเธอ”ผ่านไปไม่นาน ผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งในชุดกระโปรงยาวก็มาถึงที่ห้องสมุดของเซี่ยงตงเซิงนี่ก็คือเซี่ยงจื่อหลานเป็นลูกสาวของเซี่ยงตงเซิง “พ่อ ดึกขนาดนี้แล้วเรียกหนูมามีธุระอะไร?”เซี่ยงตงเซิงก็ไม่ได้ปิดบังอะไร จึงพูดเรื่องการแต่งงานขึ้นมาทันทีเซี่ยงจื่อหลานเมื่อได้ยินแบบนี้ก็ลุกขึ้นยืนทันที และกล่าวอย่างออดอ้อน: “พ่อ หนูไม่อยากแต่งงาน”“หนูไม่รู้จักคุณชายบ้าบอของตระกูลร่ำรวยอะไรพวกนั้นด้วยซ้ำ และก็ไม่ชอบด้วย”เซี่ยงตงเซ
เซี่ยงจื่อหลานกอดสวีเชาเอาไว้ “คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?”“ฉันทำใจไม่ได้หรอกค่ะที่คุณจะหายตัวไป”“งานเลี้ยงครั้งนี้ ฉันก็แค่ทำให้เป็นพิธีเท่านั้นเอง ถึงตอนนั้นฉันยังไม่มีผู้ชายที่ถูกใจ คุณพ่อจะทำอย่างไรได้ล่ะ?”สวีเชาจับคางของเซี่ยงจื่อหลานแล้วพูดว่า “ผมก็รู้ว่าคุณดีต่อผมที่สุดแล้ว”ระยะเวลาหลายปีนี้เขาใช้เทคนิคหลอกล่อ ค่อย ๆ ล้างสมองของเซี่ยงจื่อหลานประกอบกับทักษะในการพูดของเขา ก็ยิ่งทำให้เซี่ยงจื่อหลานค่อย ๆ เดินผิดทาง“อาเชา ช่วงนี้บริษัทของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” เซี่ยงจื่อหลานถามสวีเชาพูดด้วยสีหน้าเก้ ๆ กัง ๆ “ช่วงนี้ตลาดซบเซาและธุรกิจก็ไม่ค่อยดีเลย”“ใช่แล้ว ในมือของคุณยังมีเงินอยู่หรือเปล่า? ผมวางแผนว่าจะซื้ออุปกรณ์นำเข้าสองสามเครื่อง เพื่อที่จะเพิ่มขนาดของบริษัท”“ไม่อย่างนั้น บริษัทก็จะไม่มีอะไรเลยที่จะเอามาแข่งขันได้!”เซี่ยงจื่อหลานได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย“ตอนนี้เงินในมือของฉันก็มีไม่เยอะ”“เห้อ…ดูเหมือนว่าผมคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว” สวีเชาถอดใจ“อาเชา คุณอย่าพูดแบบนี้ ฉันจะช่วยคุณเอง”เซี่ยงจื่อหลานเพียงแค่อยากทำให้สวีเชายิ่งใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ
“ฉันผู้หญิงคนเดียวไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”งานเลี้ยงที่น่าเบื่อแบบนี้ เธอไม่ได้อยากจะไปร่วมด้วยเลย แต่ก็ยังต้องไว้หน้าตระกูลเซี่ยงอยู่ถึงตอนนั้นก็ส่งของขวัญเล็ก ๆน้อย ๆ แล้วก็ส่งคนไปสักสองคนก็พอแล้วสวีเชาได้ยินแบบนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ที่ฮุ่ยหรานพูดก็มีเหตุผล ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นผมก็ไม่ไปแล้ว”ที่เขากังวลที่สุดก็คือ การพบกันระหว่าง หลี่ฮุ่ยหรานกับเซี่ยงจื่อหลานแม้ว่าทั้งคู่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย แต่ถ้าเกิดได้คุยไปคุยมาหลังจากที่เจอหน้ากัน มันจะยุ่งยากถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หลี่ฮุ่ยหรานพูดหยอกล้อด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเซี่ยงเลือกลูกเขย ทำไมคุณถึงไม่ไปล่ะ? คุณเซี่ยงไม่เพียงแต่จะสวยเท่านั้น แต่ยังลำดับในตระกูลดีอีกด้วยนะ”“คุณกับเธอก็ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันนะ”จางกุ้ยหลานพูดติดตลกขึ้นมาว่า “ไอ้หยา เท่าที่ฉันดูคุณชายสวีมีเจ้าของหัวใจแล้วสินะคะ?”สวีเชาคนนี้พอว่างก็จะมาหาหลี่ฮุ่ยหราน ครั้งที่แล้วที่อ่าวเทียนสุ่ยก็ช่วยเหลือลูกสาวของตัวเองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายสนใจในตัวของหลี่ฮุ่ยหราน แต่ลูกสาวของเธอก็ดูจะไม่มีความคิดแบบนั้นเลยจริง ๆสวีเชาพยักหน้า จ้องมอง
ในตอนนี้จางซินยกพัสดุทั้งใหญ่และเล็กเดินเข้าประตูมา“ซินซิน นี่หนูกำลังจะไปทำอะไรน่ะ?”จางซินยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “อ่อ หนูไปช็อปปิงมาน่ะค่ะ““คุณป้า หนูไม่ได้คุยกับคุณป้าแล้วนะคะ อีกเดี๋ยวยังมีธุระอีก”เธอกำลังจะขึ้นไปชั้นบน สายตาก็เหลือบไปเห็นสร้อยคอทับทิมที่วางอยู่บนโต๊ะ“โอ้พระเจ้า!”จางซิน รีบวางของในมือลง และวิ่งเข้าไป เธอหยิบสร้อยคอที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา“นี่คือทับทิมใช่ไหม?”จางกุ้ยหลานพูดด้วยสีหน้าลำพองใจ “ใช่สิ ราคาตั้งร้อยล้านบาทเชียวนะ”เมื่อจางซินได้ยินอย่างนั้น ก็สวมใส่ไว้ที่คอของตัวเองอย่างไม่เกรงใจ และถามจางกุ้ยหลานว่า “คุณป้า คิดว่าหนูใส่แล้วดูดีไหม?”จางกุ้ยหลานพูดด้วยสีหน้าเก้ ๆ กัง ๆ “เอ่อ..ดูดี ดูดี”“คุณป้า หนูขอยืมสร้อมทับทิมเส้นนี้ไปใส่สักสองวันนะ” จางซินบอกด้วยรอยยิ้มจางกุ้ยหลานขมวดคิ้วพร้อมกับรีบอธิบายว่า “ซินซิน สร้อยคอทับทิมเส้นนี้เป็นของที่สวีเชามอบให้พี่สาวของหนู หนูใส่คงจะไม่ดีหรอกนะ”“ถ้าหนูชอบ วันหลังป้าจะซื้อของอย่างอื่นให้”หลี่เหวินเชาพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “เธอรีบถอดมันมาเถอะ เอาสร้อยคอคืนพี่สาวของฉัน”จางซินมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานด้วยสี