ข่าวลือที่แพร่สะพัดในโรงน้ำชามาหลายวัน ความจริงได้ถูกเปิดเผยกระจ่างแจ้งแล้ว“มิน่าล่ะ บ้านข้าก็มีคฤหาสน์อยู่หลังหนึ่ง อยู่ใกล้ๆ กับคฤหาสน์ของจ้านอ๋อง ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้มักจะได้กลิ่นเหมือนหลุมส้วม เหม็นยิ่งนัก”คนผู้หนึ่งขมวดคิ้วพลางกล่าวหลังจากที่ทุกคนขบคิดขึ้นได้ พวกเขารู้สึกรังเกียจซูอวี้เออร์กับซวงชิงมาก“ข่าวลือทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพราะว่าซูอวี้เออร์กลัวตนเองไม่ได้รับความโปรดปราน จึงจงใจให้สาวใช้ข้างกายไปแพร่ข่าวลือทั่วเมืองเช่นนี้“ก็ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้วางแผนเก่งกาจเช่นนั้นหรอก นางซื่อบื้อ ไร้ความสามารถเหมือนพี่ชายนางต่างหากเล่า”“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าพี่ชายนางสอบคัดเลือกติดกันสามครั้งแล้วก็ยังไม่ผ่าน แม้แต่ตำแหน่งซิ่วไฉก็ยังสอบเข้าไม่ได้ น้องสาวเขาจะมีปัญญาเพียงใดกันเล่าเซี่ยเหยียนที่นั่งอยู่มุมร้านได้ยินเช่นนี้ก็พูดไม่ออก “...”จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีของอะไรมาทิ่มแทงใจแต่เขาก็ไม่ได้สนใจคำพูดของคนเหล่านี้ รอยยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งกินใจกลับปรากฏที่มุมปากของเขา“ท่านพี่ ประเดี๋ยวข้ามานะ”เซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว นางจึงลุกข
เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วมุ่นคนเฝ้าประตูนรกยังไม่ทันมา อ๋องมารพญายมนั่นกลับชิงมาเสียก่อนจนได้แค่เขามาก็รู้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีในขณะที่เซียวเย่หลันปรากฏตัวนั้น โรงน้ำชาที่เดิมทีส่งเสียงครึกครื้น พลันเงียบลงทันใดทุกคนไม่กล้าพูดเสียงดังอีก ต่างพากันกล่าวด้วยความเคารพว่า “คารวะท่านอ๋อง”เซียวเย่หลันเพ่งมองไปที่เซี่ยเชียนฮวันเขาก้าวเท้าเดินมาตรงหน้านาง ดวงตาราวกับคมมีดอันเย็นยะเยือกสามารถสังหารคนได้ เขากล่าวเสียงขรึมว่า “จะขายสาวใช้ผู้นี้ไม่ได้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่มีงานราชสำนักทำหรืออย่างไร ถึงได้มาสนใจแม้กระทั่งเรื่องหยุมหยิมของสาวใช้วังหลังเช่นนี้” เซี่ยเชียนฮวันกรอกตามองบนอย่างฮึกเหิมเซียวเย่หลันกล่าว “นางติดตามอวี้เออร์มานานหลายปี แม่ว่านางจะทำผิด คนที่ตัดสินก็ควรเป็นอวี้เออร์กล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าสาธารณะชน เท่ากับเป็นการตบหน้าเซี่ยเชียนฮวันอย่างโหดร้ายโดยมิต้องสงสัยเลย!นางเป็นถึงพระชายาผู้สูงศักดิ์เชียวนะกลับไม่มีแม้กระทั่งอำนาจลงโทษสาวใช้ผู้หนึ่งคล้ายดั่งว่าซูอวี้เออร์ผู้ที่รูทวารไม่มีหูรูดและถูกส่งตัวไปอยู่ที่อื่นผู้นั้นได้ตำแหน่งพระชายาตัวจริงก็มิปานมุมปากเซี่ยเช
“เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าโวยวายพอแล้วหรือยัง”เซียวเย่หลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อให้จะยากใช้กลยุทธ์ปล่อยเพื่อจับเพียงไหน สตรีผู้นี้ก็ทำเกินไปแล้วจริงๆเซี่ยเชียนฮวันมุมปากยกยิ้มหยัน “จ้านอ๋องเพคะ หม่อมฉันไม่ได้โวยวายนะ สองสามวันมานี้นอกจากพักรักษากาย สิ่งเดียวที่หม่อมฉันตั้งใจทำมากเป็นพิเศษก็เขียนหนังสือหย่าฉบับนี้”“พักรักษากาย? รักษากายจากอะไร! ฮวันฮวัน เจ้าได้รับบาดจิบตรงไหนรึ”เซี่ยเหยียนพอได้ยินดังนั้น ทันใดนั้นเขาก็ตื่นตระหนกขึ้นเขาสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วท่าทีการเดินเหินของน้องสาวเขาไม่ค่อยถูกต้องนักเหมือนว่าหลังโดนบิด“ในจวนจ้านอ๋องนี้ แม้ข้าจะได้รับของมาไม่มาก แต่บาดแผลนั้นกลับได้มาไม่น้อย”เซี่ยเชียนฮวันพูดไปด้วย แล้วค่อยๆ ถอดผ้าพันคอไหมที่พันอยู่รอบคอ บาดแผลที่ยังไม่หายดีปรากฏต่อหน้าผู้คนรอยแผลแดงประหนึ่งโลหิตสุด แสดงให้เห็นชัดว่าความทุกข์ที่นางถูกข่มขู่ชีวิต“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เซี่ยเหยียนขมวดคิ้วจ้องอย่างกริ้วโกรธ กำหมัดแน่น คุณชายที่ดูสุภาพเรียบร้อยเปลี่ยนไปเป็นประหนึ่งสิงโตที่บ้าเลือด“......”เซียวเย่หลันไม่มีวาจาจะตอบกลับรอยแผลนี้ เขาเป็นคนทำเองจริงๆเซ
เซี่ยเชียนฮวันเพิ่งจะโยนหนังสือหย่าของนางและเขาออกมาในเมื่อครู่ หันหลังเพียงแวบเดียว นึกไม่ถึงเลยว่าผลตรวจของท่านหมอบอกว่านางตั้งครรภ์เหล่าบรรดาผู้สอดแนมทั้งหลายในเมืองหลวงตาแสดงสีหน้าท่าทางราวกับว่าตนเองไม่เคยสอดแนมเรื่องน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน“ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้วินิจฉัยผิดพลาด น้องสาวข้าตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ” เซี่ยเหยียนไม่อยากจะเชื่อ“ตอบนายท่าน ถึงแม้ว่าข้าน้อยเหมยหรงซีจะไม่ได้มีชื่อเสียงใหญ่โต แต่ก็ตั้งมานานนับยี่สิบปีแล้ว ข้าน้อยมิใช่หมอยาต้มตุ๋นที่ไร้ความสามารถแม้กระทั่งจับชีพจรครรภ์ไม่ได้นะขอรับ”“แล้วที่นางเป็นลมล้มลงไป หรือเป็นเพราะการเคลื่อนไหลของทารกในครรภ์นางอย่างนั้นหรือ”“เป็นเช่นนั้นขอรับ หลังจากที่สตรีตั้งครรภ์ก็มักจะมีอารมณ์แปรปรวน โดยเฉพาะพระชายา พระนางยังปรับตัวกับทารกในครรภ์ไม่ได้ ทางที่ดีพระนางควรพักผ่อนให้มากๆ และควรดื่มโอสถบำรุงครรภ์ให้มากพ่ะย่ะค่ะ…”เซี่ยเชียนฮวันที่นอนสะลึมสะลืออยู่ได้ยินคำพูดของคนข้างกายในใจนางมีเพียงความคิดเดียวแย่แล้วหลายวันที่ผ่านมานี้ ร่างกายของนางบอกเป็นนัยหลายครั้งแล้ว แต่นางกลับไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงนั้น และในที่
“เขามันก็แค่ไอ้เด็กเวรที่ไร้หัวใจ พร่ำพูดอยู่นั่นแหละว่าเด็กในท้องของเจ้าไม่ใช่ลูกของเขา ข้าโกรธเจียนตายแล้ว ข้าไม่มีคำพูดอะไรดีๆ จะพูดกับเขาแล้ว”อันติ้งโหวโกรธจัดจนด่าสาดเสียเทเสียฮูหยินอันติ้งโหวเห็นเซี่ยเชียนฮวันเอาแต่เงียบ จึงรีบส่งสายตาให้สามีตน “เวลานี้ฮวันฮวันต้องการพักผ่อน เรื่องเล็กเรื่องน้อยพวกนี้พวกเราค่อยตกลงกันทีหลังเถิดเจ้าค่ะ”เซี่ยเชียนฮวันหลับตา พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อท่านแม่เชิญกลับไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้ารับมือเองได้”“เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนดีๆ นะ อย่าไม่สบายใจเป็นอันขาด หากเจ้าคิดว่าอยู่เป็นคู่ต่อกันไปไม่ได้แล้ว ก็แค่กลับจวนโหวเรา อย่าไปทนอารมณ์ผู้อื่น”ฮูหยินอันติ้งโหวแตะมือเซี่ยเชียนฮวัน ลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอันติ้งโหวเซี่ยเชียนฮวันส่งพวกเขาด้วยสายตา สายตามองไปเห็นของบำรุงมากมายที่อยู่บนโต๊ะ เป็นของที่ท่านทั้งสองนำมาให้สมกับเป็นพ่อแม่แท้ๆ เลยสมมุติว่านางไม่ได้แต่งงานกับเซียวเย่หลันคนเวรตะไลผู้นี้ ตอนนี้นางคงใช้ชีวิตกินอยู่สุขสบายเป็นคุณหนูใหญ่เสียดายที่ชีวิตไม่มีคำว่าสมมุติเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจ นวดไปที่ท้องน้อยเบาๆ หลับตานึกว่าจะทำอย่างไรต่อไป
พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกดินแสงสลัวสะท้อนอยู่บนใบหน้าชายหนุ่มผู้หล่อเหลา นอกจากความโกรธแล้ว เซี่ยเชียนฮวันก็คล้ายจะมองเห็น...ความผิดหวังจางจาง“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียงเย็นชา “ดีชั่วอย่างไร ข้าก็เป็นคุณหนูจวนโหว กฎของตระกูลล้วนเข้มงวด เรื่องประเภทคบชู้สู่ชายนั้น ข้ามิเคยทำ”เซียวเย่หลันร้องหึเบาๆ เดินเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว จนปลายจมูกของทั้งสองคนแทบจะชนกันอยู่แล้ว แรงกดดันมหาศาลปกคลุมเหนือหัวเซี่ยเชียนฮวันเขาแสยะยิ้มเย็น “กฎของตระกูลล้วนเข้มงวด? ทั่วทั้งเมืองหลวง ผู้ที่ตามใจบุตรสาวอย่างไร้ขอบเขตมากที่สุดก็คือจวนอันติ้งโหว”“......”“......”เซี่ยเชียนฮวันไม่อาจหักล้างได้นางนึกถึงท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย ไม่เอาถ่านของเซี่ยเหยียน และยังนึกถึงท่าทีพะเน้าพะนอของสองสามีภรรยาอันติ้งโหวที่มีต่อตัวเองกับตา หรือว่า เจ้าของร่างเดิมจะเคยทำเรื่องไร้สาระจริงๆเป็นไปไม่ได้น่านางไม่มีความทรงจําเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย“อย่างไรก็ตาม เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เซี่ยเชียนฮวันหันหน้าหนี“เหอะ”เซียวเย่หลันหัวเราะอย่างเย็นชา บีบคางของนาง แล้วบังคับให้นางหันกลับมาสบตาตัวเอง “เจ้าไม่มีเลือด
“ท่านอ๋อง? จ้านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ?”เสียงของขันทีดังมาจากนอกห้องตำราคนจากในวังมาถึงแล้วลมหายใจอันหนักหน่วงของเซียวเย่หลัน รินรดใบหูเซี่ยเชียนฮวัน ราวกับลมหายใจของหมาป่าผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงปล่อยนางไปเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจอย่างโล่งอกดูเหมือนนางจะหนีอันตรายพ้นแล้วหลังจากประตูห้องตำราเปิดออก ก็ปรากฏขันทีผู้ส่งสารยืนอยู่ข้างนอก สิ่งที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนคือ ขันทีผู้นี้ยิ้มระรื่นเต็มใบหน้า เขาไม่ควรมาหาเซี่ยเชียนฮวันเพื่อพบหมอ“ฝ่าบาท องค์ฮ่องเต้เชิญท่านกับพระชายาเข้าร่วมงานเลี้ยงพระราชวัง” ขันทีโค้งกายรายงาน“งานเลี้ยงอันใดจัดขึ้นเวลานี้”น้ำเสียงของเซียวเย่หลันไม่ค่อยจะดีนักเห็นได้ชัดว่าไม่อยากไปงานเลี้ยงขันทีดูเหมือนจะคุ้นเคยกับท่าทีเผด็จการเอาแต่ใจของจ้านอ๋อง จึงไม่ถือสา และตอบกลับยิ้มๆ ว่า “องค์ฮ่องเต้ทรงรับสั่งว่า พระจันทร์เต็มดวงในวันนี้ เหมาะแก่การจัดงานเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งฝ่าบาทไม่ได้พบปะเหล่าองค์ชายทุกพระองค์มาสักพักแล้ว จึงรู้สึกคิดถึงพ่ะย่ะค่ะ”เขาเงยหน้ามองสีหน้าของเซียวเย่หลัน และมองดูพระชายาจ้านอ๋องที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเยิง ดวงตารื้นน้ำตา แ
เซี่ยเชียนฮวันเอียงศีรษะเล็กน้อยผู้ที่อยู่ข้างกายของนางคือ องค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียน“เซียนเออร์อย่าก่อเรื่อง ที่นั่งถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว นั่งตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง และอย่าสร้างปัญหาให้เสด็จพ่อของเจ้า” เฉิงกุ้ยเฟย มารดาขององค์หญิงแปดพูดองค์หญิงแปดเบะปาก “ใครเป็นคนจัดที่นั่ง ถึงได้ให้ข้านั่งข้างผู้หญิงอย่างเซี่ยเชียนฮวัน ทำชื่อเสียงของข้าเสียหายกันพอดี”เซี่ยเชียนฮวัน “......”นางนึกขึ้นได้ว่า องค์หญิงแปดผู้นี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีกับซูอวี้เออร์ดังนั้น นางจึงถูกกีดกัน และโดนดูถูกเหยียดหยามในทุกๆ ด้าน“ที่องค์หญิงรู้สึกเหม็น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าหรอก แต่เป็นเพราะถุงหอมข้างเอวของท่านไม่ใช่สูตรที่เหมาะสม” เซี่ยเชียนฮวันปรายตามองที่ข้างเอวขององค์หญิงแปดแวบหนึ่ง ขณะกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“อะไรนะ?”องค์หญิงแปดก้มมองถุงหอมของตัวเองไม่รอให้นางพูด เซี่ยเชียนฮวันก็กล่าวต่อว่า “กวางชะมด วาเลอเรียน มธุรส โรสแมรี่...ล้วนเป็นที่สัตว์ตัวผู้ชื่นชอบ”แม้ว่าองค์หญิงต้องการใช้กลิ่นหอมเพื่อดึงดูดผู้ชาย แต่ไม่ควรใส่เครื่องเทศที่มีผลเหมือนกันเป็นจํานวนมากเช่นนี้ กลิ่นที่ฉุนเกินไปอาจ