เซี่ยเชียนฮวันเพิ่งจะโยนหนังสือหย่าของนางและเขาออกมาในเมื่อครู่ หันหลังเพียงแวบเดียว นึกไม่ถึงเลยว่าผลตรวจของท่านหมอบอกว่านางตั้งครรภ์เหล่าบรรดาผู้สอดแนมทั้งหลายในเมืองหลวงตาแสดงสีหน้าท่าทางราวกับว่าตนเองไม่เคยสอดแนมเรื่องน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน“ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้วินิจฉัยผิดพลาด น้องสาวข้าตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ” เซี่ยเหยียนไม่อยากจะเชื่อ“ตอบนายท่าน ถึงแม้ว่าข้าน้อยเหมยหรงซีจะไม่ได้มีชื่อเสียงใหญ่โต แต่ก็ตั้งมานานนับยี่สิบปีแล้ว ข้าน้อยมิใช่หมอยาต้มตุ๋นที่ไร้ความสามารถแม้กระทั่งจับชีพจรครรภ์ไม่ได้นะขอรับ”“แล้วที่นางเป็นลมล้มลงไป หรือเป็นเพราะการเคลื่อนไหลของทารกในครรภ์นางอย่างนั้นหรือ”“เป็นเช่นนั้นขอรับ หลังจากที่สตรีตั้งครรภ์ก็มักจะมีอารมณ์แปรปรวน โดยเฉพาะพระชายา พระนางยังปรับตัวกับทารกในครรภ์ไม่ได้ ทางที่ดีพระนางควรพักผ่อนให้มากๆ และควรดื่มโอสถบำรุงครรภ์ให้มากพ่ะย่ะค่ะ…”เซี่ยเชียนฮวันที่นอนสะลึมสะลืออยู่ได้ยินคำพูดของคนข้างกายในใจนางมีเพียงความคิดเดียวแย่แล้วหลายวันที่ผ่านมานี้ ร่างกายของนางบอกเป็นนัยหลายครั้งแล้ว แต่นางกลับไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงนั้น และในที่
“เขามันก็แค่ไอ้เด็กเวรที่ไร้หัวใจ พร่ำพูดอยู่นั่นแหละว่าเด็กในท้องของเจ้าไม่ใช่ลูกของเขา ข้าโกรธเจียนตายแล้ว ข้าไม่มีคำพูดอะไรดีๆ จะพูดกับเขาแล้ว”อันติ้งโหวโกรธจัดจนด่าสาดเสียเทเสียฮูหยินอันติ้งโหวเห็นเซี่ยเชียนฮวันเอาแต่เงียบ จึงรีบส่งสายตาให้สามีตน “เวลานี้ฮวันฮวันต้องการพักผ่อน เรื่องเล็กเรื่องน้อยพวกนี้พวกเราค่อยตกลงกันทีหลังเถิดเจ้าค่ะ”เซี่ยเชียนฮวันหลับตา พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อท่านแม่เชิญกลับไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้ารับมือเองได้”“เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนดีๆ นะ อย่าไม่สบายใจเป็นอันขาด หากเจ้าคิดว่าอยู่เป็นคู่ต่อกันไปไม่ได้แล้ว ก็แค่กลับจวนโหวเรา อย่าไปทนอารมณ์ผู้อื่น”ฮูหยินอันติ้งโหวแตะมือเซี่ยเชียนฮวัน ลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอันติ้งโหวเซี่ยเชียนฮวันส่งพวกเขาด้วยสายตา สายตามองไปเห็นของบำรุงมากมายที่อยู่บนโต๊ะ เป็นของที่ท่านทั้งสองนำมาให้สมกับเป็นพ่อแม่แท้ๆ เลยสมมุติว่านางไม่ได้แต่งงานกับเซียวเย่หลันคนเวรตะไลผู้นี้ ตอนนี้นางคงใช้ชีวิตกินอยู่สุขสบายเป็นคุณหนูใหญ่เสียดายที่ชีวิตไม่มีคำว่าสมมุติเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจ นวดไปที่ท้องน้อยเบาๆ หลับตานึกว่าจะทำอย่างไรต่อไป
พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกดินแสงสลัวสะท้อนอยู่บนใบหน้าชายหนุ่มผู้หล่อเหลา นอกจากความโกรธแล้ว เซี่ยเชียนฮวันก็คล้ายจะมองเห็น...ความผิดหวังจางจาง“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียงเย็นชา “ดีชั่วอย่างไร ข้าก็เป็นคุณหนูจวนโหว กฎของตระกูลล้วนเข้มงวด เรื่องประเภทคบชู้สู่ชายนั้น ข้ามิเคยทำ”เซียวเย่หลันร้องหึเบาๆ เดินเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว จนปลายจมูกของทั้งสองคนแทบจะชนกันอยู่แล้ว แรงกดดันมหาศาลปกคลุมเหนือหัวเซี่ยเชียนฮวันเขาแสยะยิ้มเย็น “กฎของตระกูลล้วนเข้มงวด? ทั่วทั้งเมืองหลวง ผู้ที่ตามใจบุตรสาวอย่างไร้ขอบเขตมากที่สุดก็คือจวนอันติ้งโหว”“......”“......”เซี่ยเชียนฮวันไม่อาจหักล้างได้นางนึกถึงท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย ไม่เอาถ่านของเซี่ยเหยียน และยังนึกถึงท่าทีพะเน้าพะนอของสองสามีภรรยาอันติ้งโหวที่มีต่อตัวเองกับตา หรือว่า เจ้าของร่างเดิมจะเคยทำเรื่องไร้สาระจริงๆเป็นไปไม่ได้น่านางไม่มีความทรงจําเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย“อย่างไรก็ตาม เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เซี่ยเชียนฮวันหันหน้าหนี“เหอะ”เซียวเย่หลันหัวเราะอย่างเย็นชา บีบคางของนาง แล้วบังคับให้นางหันกลับมาสบตาตัวเอง “เจ้าไม่มีเลือด
“ท่านอ๋อง? จ้านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ?”เสียงของขันทีดังมาจากนอกห้องตำราคนจากในวังมาถึงแล้วลมหายใจอันหนักหน่วงของเซียวเย่หลัน รินรดใบหูเซี่ยเชียนฮวัน ราวกับลมหายใจของหมาป่าผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงปล่อยนางไปเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจอย่างโล่งอกดูเหมือนนางจะหนีอันตรายพ้นแล้วหลังจากประตูห้องตำราเปิดออก ก็ปรากฏขันทีผู้ส่งสารยืนอยู่ข้างนอก สิ่งที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนคือ ขันทีผู้นี้ยิ้มระรื่นเต็มใบหน้า เขาไม่ควรมาหาเซี่ยเชียนฮวันเพื่อพบหมอ“ฝ่าบาท องค์ฮ่องเต้เชิญท่านกับพระชายาเข้าร่วมงานเลี้ยงพระราชวัง” ขันทีโค้งกายรายงาน“งานเลี้ยงอันใดจัดขึ้นเวลานี้”น้ำเสียงของเซียวเย่หลันไม่ค่อยจะดีนักเห็นได้ชัดว่าไม่อยากไปงานเลี้ยงขันทีดูเหมือนจะคุ้นเคยกับท่าทีเผด็จการเอาแต่ใจของจ้านอ๋อง จึงไม่ถือสา และตอบกลับยิ้มๆ ว่า “องค์ฮ่องเต้ทรงรับสั่งว่า พระจันทร์เต็มดวงในวันนี้ เหมาะแก่การจัดงานเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งฝ่าบาทไม่ได้พบปะเหล่าองค์ชายทุกพระองค์มาสักพักแล้ว จึงรู้สึกคิดถึงพ่ะย่ะค่ะ”เขาเงยหน้ามองสีหน้าของเซียวเย่หลัน และมองดูพระชายาจ้านอ๋องที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเยิง ดวงตารื้นน้ำตา แ
เซี่ยเชียนฮวันเอียงศีรษะเล็กน้อยผู้ที่อยู่ข้างกายของนางคือ องค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียน“เซียนเออร์อย่าก่อเรื่อง ที่นั่งถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว นั่งตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง และอย่าสร้างปัญหาให้เสด็จพ่อของเจ้า” เฉิงกุ้ยเฟย มารดาขององค์หญิงแปดพูดองค์หญิงแปดเบะปาก “ใครเป็นคนจัดที่นั่ง ถึงได้ให้ข้านั่งข้างผู้หญิงอย่างเซี่ยเชียนฮวัน ทำชื่อเสียงของข้าเสียหายกันพอดี”เซี่ยเชียนฮวัน “......”นางนึกขึ้นได้ว่า องค์หญิงแปดผู้นี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีกับซูอวี้เออร์ดังนั้น นางจึงถูกกีดกัน และโดนดูถูกเหยียดหยามในทุกๆ ด้าน“ที่องค์หญิงรู้สึกเหม็น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าหรอก แต่เป็นเพราะถุงหอมข้างเอวของท่านไม่ใช่สูตรที่เหมาะสม” เซี่ยเชียนฮวันปรายตามองที่ข้างเอวขององค์หญิงแปดแวบหนึ่ง ขณะกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“อะไรนะ?”องค์หญิงแปดก้มมองถุงหอมของตัวเองไม่รอให้นางพูด เซี่ยเชียนฮวันก็กล่าวต่อว่า “กวางชะมด วาเลอเรียน มธุรส โรสแมรี่...ล้วนเป็นที่สัตว์ตัวผู้ชื่นชอบ”แม้ว่าองค์หญิงต้องการใช้กลิ่นหอมเพื่อดึงดูดผู้ชาย แต่ไม่ควรใส่เครื่องเทศที่มีผลเหมือนกันเป็นจํานวนมากเช่นนี้ กลิ่นที่ฉุนเกินไปอาจ
“บังเอิญว่าหม่อมฉันมีสร้อยโมราสีทัออยู่เส้นหนึ่ง ด้วยอายุของหม่อมฉันในตอนนี้คงไม่เหมาะที่สวมใส่มัน มิสู้มอบให้พระชายาจ้านเป็นของรางวัลดีหรือไม่ ฝ่าบาททรงคิดเช่นไรเพคะ”ฮองเฮายิ้มเล็กน้อย และเสนอความเห็นอย่างรวดเร็วฮองเต้พยักหน้า “ดีมาก แต่ฮองเฮากล่าวผิดไปคำหนึ่ง ในสายตาของข้าเจ้ายังคงอ่อนเยาว์ และเหมาะที่จะสวมเครื่องประดับสีชมพู”“ฝ่าบาททรงหยอกเล่นอีกแล้ว”ฮองเฮาหลุบตาต่ำลง ด้วยรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนเช่นนี้ จึงดูไม่เหมือนสตรีที่ให้กำเนิดบุตรมาแล้วหลายคน เฉิงกุ้ยเฟยซึ่งนั่งอยู่อีกด้าน ดวงตาหม่นหมองเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุขเซี่ยเชียนฮวันสังเกตท่าทางของพวกเขา พลางคิดในใจว่า...วังหลังคือทุ่งสังหารจริงๆ!เมื่อนึกถึงเรือนหลังของเซียวเย่หลัน ที่มีเพียงซูอวี้เออร์ ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความปวดหัวให้กับนาง จึงยากที่จะจินตนาการได้ว่า ในวังหลังนั้นจะต้องวุ่นวายมากเพียงใดหลังจากนั้นไม่นาน สาวใช้ในวังก็นำสร้อยโมราสีท้อของฮองเฮาเข้ามา แล้ววางไว้บนถาด“เข้ามารับรางวัลสิ” น้ำเสียงของฮองเต้ดูใจดี“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”เซี่ยเชียนฮวันยิ้มกว้างเต็มใบหน้า ก้าวไปข้างหน้าแล้วรับรางวัล
“แม้ว่านี่จะเป็นโรคเก่าของเสด็จอา แต่พระชายาจ้านของพวกเราเป็นหมอเทวดาที่เชี่ยวชาญรักษาโรคแปลกๆ โดยเฉพาะ ขอเพียงแค่เจ้าลงมือ เสด็จอาจะต้องหายดีอย่างแน่นอน ใช่ไหม?”องค์หญิงแปดยังเจ็บแค้นกับเรื่องเมื่อครู่จึงจงใจสนับสนุนเซี่ยเชียนฮวันเสียงดังนางเคยได้ยินซูอวี้เออร์บอกว่า เซี่ยเชียนฮวันเป็นเพียงถุงฟางไม่เอาถ่าน แม้แต่หนังสือทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าก็ไม่เคยอ่าน แล้วจะมีทักษะทางการแพทย์ได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้ที่บอกว่ารักษาหลานฮ่องเต้ได้นั้น ก็แค่เรื่องบังเอิญ!ประจวบเหมาะที่ครั้งนี้ โรคเก่าของเซวียนชินอ๋องกำเริบ แน่นอนว่าจะต้องเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนางได้!เซี่ยเชียนฮวันเพิกเฉยต่อองค์หญิงแปดนางลุกขึ้นยืนแม้ไม่มีการยั่วยุขององค์หญิงแปด แต่ในฐานะหมอ เมื่อเห็นคนป่วยอยู่ตรงหน้า นางย่อมเข้าไปช่วยอย่างแน่นอน“ข้าให้คำแนะนำเจ้าสักอย่าง ตอนที่รักษาเสด็จอาจะต้องระมัดระวังให้ดี ปกติร่างกายของเขาก็ไม่ดีอยู่แล้ว หากรักษาไม่ดี เจ้าจะต้องรับผิดชอบ” องค์หญิงแปดแสยะยิ้มอย่างเย็นชาเซี่ยเชียนฮวันยังคงไม่แยแสคุยกับสตรีประเภทนี้ มีแต่จะเสียเวลาแต่ในขณะที่นางกำลังจะออกจากที่นั่ง เซียวเย่
“นี่ไม่เกี่ยวกับอวี้เออร์”เซียวเย่หลันไม่สนใจองค์หญิงแปดอีกต่อไปสตรีงี่เง่าไร้เหตุผลในสายตาเขาล้วนก็พอๆ กันหลังจากที่เซี่ยเชียนฮวันปลดเสื้อของเซวียนชินอ๋องออกท่ามกลางสายตาตกตะลึงของฝูงชน พบว่าเขาใกล้หยุดหายใจแล้ว นางทำการวินิจฉัยทันที มีความเป็นไปได้ที่เศษอาเจียนเพราะความตกใจของเขาเข้าไปติดในหลอดลม ทำให้หายใจไม่ออก!“ขอแรงหน่อย ช่วยข้าพยุงเขาขึ้นมา”นางรีบสั่งคนที่อยู่รอบๆหลังจากที่พยุงเซวียนซินออกให้ลุกขึ้นแล้ว เซี่ยเชียนฮวันอ้อมไปข้างหลังเขา งอขาไปด้านหลัง ให้ร่างกายเขาเกยอยู่บนต้นขาของตัวเองท่วงท่านี้สร้างความแตกตื่นในท้องพระโรงอีกครั้งบรรดาอ๋อง องค์หญิงและราชวงศ์ทุกพระองค์อดไม่ได้ที่จะชี้หน้าตำหนิเซี่ยเชียนฮวัน“นางทำสิ่งใดกันแน่ นึกไม่ถึงว่าจะทำกิริยาไม่เหมาะสมเช่นนี้”“คงเป็นบ้าไปแล้ว...”เวลานี้ เซียวเย่หลันสีหน้าเริ่มหม่นแสงสตรีคนนี้ เมื่อครู่เพิ่งบอกว่าตัวเองมีขอบเขตนี่คือขอบเขตของนาง?หากไม่เห็นแก่ฐานะพระชายาจ้านอ๋องของนาง อาศัยแค่ความกล้าของนางทำกริยาเช่นนี้ต่อหน้าฮ่องเต้ ก็เพียงพอจะถูกตัดหัวสิบแปดครั้งแล้วองค์หญิงแปดที่อยู่ข้างกายเซียวเย่หลันสีหน้