ภายในเมืองหลวงณ ราชวังฮ่องเต้กำลังนั่งรับฟังรายงานเกี่ยวกับพิธีศพของจ้านอ๋องโดยกรมพิธีการด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม โดยนิ่งเงียบมิได้เอ่ยสิ่งใดเมื่อเสนาบดีกรมพิธีการกล่าวรายงานจบแล้ว เขาก็โน้มกายรอรับคำสั่ง ยืนอยู่เนิ่นนานแต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากฮ่องเต้"เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"องค์รัชทายาทกระซิบเตือน ฮ่องเต้จึงขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วกล่าวเบาๆ ว่า "ทำตามที่พวกเจ้าบอกเถิด จะต้องจัดให้ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี อย่าได้มีสิ่งใดผิดพลาด""พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"เสนาบดีกรมพิธีการราวกับยกภูเขาออกจากอก เขาไม่กล้าหยุดอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้เนิ่นนานจนเกินไป รีบถอยออกทันทีเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าขุนนางจะไม่กลัวเพราะเมื่อวานนี้ ข้าหลวงบางคนปากไวกล่าวว่าให้ฮ่องเต้ทรงทำพระทัย กลับแลกมาด้วยความโมโห แล้วออกคำสั่งให้สังหารทายาทของพวกเขาเสีย ทำเอาบรรยากาศดูเยือกเย็นลงทันทีแม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ได้แสดงออกถึงความรักทะนุถนอมเซียวเย่หลันเท่าไรนัก ส่วนจ้านอ๋องหรือเทพแห่งสงครามก็ได้รับหลังจากที่ เซียวเย่หลันทำสงครามชนะรบมาแล้ว จึงประทานให้เขาเพื่อที่จะได้ออกรบต่อไปแต่ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกันในวันนี้เมื่อเซียวเย่หลันตาย
"พอได้แล้ว"ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ขึ้นเพื่อให้องค์ชายรองและองค์รัชทายาทหยุดทะเลาะกันทั้งสองคนจึงทำได้เพียงเงียบเสียงลงองค์ชายรองสังเกตดูสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ พบว่าแววตาของฮ่องเต้มืดมนลงไปไม่น้อยต่อมาฮ่องเต้จึงได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หากวันที่ฝังศพของเจ้าเจ็ดแล้วพระชายาจ้านอ๋องยังไม่ปรากฏกาย จงถอนตำแหน่งพระชายาจ้านอ๋องของนางเสียและอย่าให้นางกลับมาอีก"...ภายในกระท่อมร้างเซี่ยเชียนฮวันเปิดเสื้อผ้าของชายหนุ่มออกเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้ไม่ให้เสื้อผ้าของต้าเซี่ย ดูเหมือนกับเสื้อผ้าจากต่างถิ่นจากการคาดเดาของเซี่ยเชียนฮวัน คิดว่าเซียวเย่หลันคงจะสังหารชาวซีเหลียง แล้วอาศัยช่วงที่ดวงตาเขายังมองเห็น รีบถอดเสื้อผ้าของตนออกเปลี่ยนกับอีกฝ่าย ก่อนจะเอาร่างของอีกฝ่ายโยนลงไปที่เหว ใช้วิธีนี้ในการหลอกล่อชาวซีเหลียงว่าตนตกเหวตายไปแล้วปรากฏว่าอู่อันโหวและลูกน้องกลับพบศพของชาวซีเหลียงผู้นั้น ด้วยใบหน้าอันแหลกเหลวจึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเซียวเย่หลัน ด้วยเหตุนี้จึงพาศพนั่นกลับเมืองหลวง"เฮ้อ เจ้าน่ะเกือบจะตายอยู่ในสถานที่รกร้างไร้ผู้คนแห่งนี้เสียแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น กลับเป็นคนอื่น
"เซียวเย่หลัน เจ้า เจ้าเป็นอะไรไป?!"เซี่ยเชียนฮวันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ แล้วรีบเข้าไปใช้มือลูบเซียวเย่หลันที่กำลังกระตุกนางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกดเซียวเย่หลันไว้ที่พื้นแล้วจับชีพจรให้เขาด้วยความยากลำบากแย่แล้ว... ชีพจรของเขาดูยุ่งเหยิง เลือดกำลังไหลกลับ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หลอดเลือดของเขาจะแตกตาย! เซี่ยเชียนฮวันกุมมือเซียวเย่หลันเอาไว้ด้วยน้ำตานองหน้า “เจ้าอดทนอีกสักหน่อยได้หรือไม่? ข้าขอร้องเจ้าเถิด ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้"เซียวเย่หลันใบหน้าซีดเผือด บัดนี้เขาไม่อาจควบคุมตนเองได้ นิ้วมือเขาสั่นคลอน แล้วใช้นิ้วเขียนไปยังฝ่ามือของนางราวกับกำลังเขียนคำบางคำตัวแรกเป็นตัวอักษรที่มีขีดค่อนข้างซับซ้อน เซี่ยเชียนฮวันครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานจึงพบว่าเขาเขียนคำว่า "เซี่ย" (谢แปลว่าขอบคุณ)นางจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า "เจ้าขอบคุณข้าตอนนี้คงยังเร็วเกินไป! หากเจ้าต้องการขอบคุณที่ข้าช่วยชีวิตเจ้า ก็อดทนอยู่ต่อ รอให้ข้าฝังเข็มสุดท้ายเสร็จก่อน เมื่อเจ้าหายดีแล้วค่อยขอบคุณข้าด้วยตนเองก็ไม่สาย!"จากนั้น เซียวเย่หลันก็เริ่มเขียนตัวอักษรตัวที่สองมือของเขาสั่นคลอน จึงทำให้เขียนได้ไม่ถนัดนัก เขาเขียนเพ
"เจ้าคือ..."เซียวเย่หลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งนับเสียงของเขาเบามากทั้งยังคลุมเครือ ด้วยความดังเสียงนี้ไม่อาจทำให้เซี่ยเชียนฮวันซึ่งเหนื่อยล้าบาททั้งวันตื่นขึ้นได้นางยังคงกุมมือเขาเอาไว้แน่นต่อให้นอนหลับสนิทก็ไม่ปล่อยเซียวเย่หลันหันหน้ากลับมาแม้เขาจะมองไม่เห็นบรรยากาศตรงหน้านี้ แต่เขารับรู้ได้ว่า สตรีนางนี้นอนเอนกายอยู่ข้างเขาราวกับสัตว์ตัวน้อย พิงมาที่บ่าของเขาได้ยินว่าหากคนเราสูญเสียทักษะการมองเห็น การรับกลิ่นและการได้ยินต่างๆ ไป สัญชาตญาณจะแข็งแกร่งมากขึ้นตอนนี้จู่ๆ เซียวเย่หลันก็มีความคิดอันแปลกประหลาดหนึ่งขึ้นมาสตรีที่นอนอยู่ข้างกายเขาตอนนี้ ให้ความรู้สึกอันคุ้นเคยเหลือเกิน ราวกับสตรีที่ใช้ร่างของตนในการช่วยเขาขับพิษเย็น และเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาในครั้งนั้นแน่นอนเขารู้ว่าผู้มีพระคุณคนนั้นคือซูอวี้เออร์แต่ความคิดนี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในใจของเขาไม่จางหายเขาจำเป็นต้องยอมรับว่าเขาไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์ทางร่างกายกับสตรีนัก รวมถึงซูอวี้เออร์ แต่สำหรับสตรีนางนี้แทบจะเข้ามานอนอยู่ในอ้อมกอดเขาแล้ว เขากลับไม่รู้สึกปฏิเสธใดๆ ทำให้เซียวเย่หลันแปลกใจเหลือเกินเพียงแต่ตอนนี้
“เซียวเย่หลัน ถ้าหากข้าไม่ใช่หลานสาวของไทเฮา และท่านไม่ใช่จ้านอ๋อง ท่านจะแต่งงานกับข้าอยู่รึไม่?”เซี่ยเชียนฮวันเท้าคาง แล้วมองเซียวเย่หลันอย่างยิ้มๆอย่างที่นางคาด เขาเพียงจดจ่ออยู่กับการกิน และไม่ตอบคำถามของนางหลังจากกินเสร็จ เขาก็เอียงศีรษะเล็กน้อย เพื่อรอให้เซี่ยเชียนฮวันป้อนคำต่อไป“ช่างเถอะ อย่างไรเสียท่านคงอยากจะแต่งงานกับซูอวี้เออร์” จู่ๆ เซี่ยเชียนฮวันก็หงุดหงิดขึ้นมา นางตบตะเกียบลงบนโต๊ะดังปัง แล้วกล่าวเสียดสีว่า “แต่ท่านไม่รู้อะไร ถ้าหากท่านมิใช่องค์ชาย ซูอวี้เออร์อะไรนั่นคงไม่แม้แต่จะชายตามองท่านเลย”เซียวเย่หลัน “…”ข้าวเขาล่ะ?รออยู่นานก็ไม่เห็นมีอะไรถึงแม้จะไม่ได้ยินและมองไม่เห็น แต่ยังสามารถสัมผัสความรู้สึกได้อย่างรางๆ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะโกรธคงไม่ใช่ว่าเบื่อหรือรู้สึกเหนื่อยกับตัวภาระอย่างเขาหรอกนะ...เซียวเย่หลันถอนหายใจออกมา แล้วก้มหน้าลง ขนตาหนาดุจปีกอีกาพลันหลุบต่ำปกปิดนัยน์ตาคม ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก เซี่ยเชียนฮวันเห็นเขาก้มหน้า ก็เกิดความรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาในใจ ก่อนจะกล่าวเสียงเบาว่า “เอาล่ะ รอกินข้าวเสร็จแล้ว ข้าจะออก
“หายากที่จะเห็นแม่นางน้อยอย่างเจ้าในสถานที่แบบนี้ เจ้ามาที่นี่เพื่อเก็บสมุนไพรโดยเฉพาหรือ?”บางทีชายชราคงไม่ได้พูดกับใครมานานเกินไป จึงพูดเป็นต่อยหอยเซี่ยเชียนฮวันจึงไม่อาจสลัดเขาได้ ทำได้แค่เดินไปเป็นเพื่อนเขา และพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว พ่อแม่ของข้าเปิดโรงหมออยู่ที่เมืองหลวง”“หือ ออกจากเมืองหลวงมาเก็บสมุนไพรที่นี่? นั่นมันไกลมากเลยนะ!” ชายชราอุทาน“เพราะข้าได้ยินมาว่ามีสมุนไพรหายากที่นี่ แต่หาอยู่นานก็หาไม่เจอ ท่านผู้เฒ่าอาศัยอยู่ที่นี่ คงรู้ว่าสมุนไพรเหล่านั้นเติบโตที่ไหน ไม่รู้ว่าพอจะแนะนำข้าได้หรือไม่”เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถึงชื่อสมุนไพรสองสามชนิดนางลอบสังเกตอีกฝ่าย แต่ไม่เห็นอะไรผิดปกติกับชายชรา แต่ในใจมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ถ้าหากชายชราผู้นี้สามารถพานางไปหาสมุนไพรได้ นั่นก็พิสูจน์ว่า เขาเป็นคนเก็บสมุนไพรที่อาศัยอยู่บนภูเขานี้จริงๆ ไม่ใช่ชาวซีเหลียงปลอมตัวมาหลังจากที่ชายชราได้ยินรายชื่อสมุนไพรของเซี่ยเชียนฮวัน เขาก็ตอบกลับมาแบบไม่ต้องคิดว่า “ไม่มีปัญหา ตามข้ามาได้เลย”“ขอบคุณมาก”เซี่ยเชียนฮวันเห็นท่าทางของเขาดูปกติมาก จึงค่อยๆ วางใจลงจากนั้น นางก็เดินตามชายชราเก
“เฮ้ ผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่เลวเลยนะ ก่อนจับกลับไป ทำไมพวกเราไม่ผลัดกันเล่นสักหน่อยล่ะ”“ดูให้ดี ท้องโตขนาดนี้ เอาอะไรมาเล่น”“ใครบอกว่าท้องโตแล้วเล่นไม่ได้? ข้ายังไม่เคยลองผู้หญิงท้องเลย ดังนั้นข้าอยากจะลองดูสักหน่อย ฮ่าๆ...”ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเซี่ยเชียนฮวันอาจฟังไม่ออก แต่ดูจากสีหน้าของพวกเขาแล้ว ก็สามารถเดาออกว่าพวกเขากำลังหัวเราะอะไรกันนางเม้มปากแน่น ที่หว่างนิ้วแอบซ่อนเข็มเงินเอาไว้สองสามเล่ม เตรียมที่จะป้องกันตัวอีกฝ่ายมีคนมากเกินไป ถ้าหากมีแค่หนึ่งหรือสองคน นางก็ยังคงมีความมั่นใจ ว่าจะสามารถคว่ำอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้คนเหล่านี้กำลังล้อมรอบนางกับชายชรา ถึงแม้ว่านางจะใช้เข็มเงินจัดการไปสักคนสองคน แต่จะมีคนอื่นๆ เข้ามาแทนที่อย่างแน่นอน และสุดท้ายนางก็จะโดนจับหากตกอยู่ในมือชาวซีเหลียง เกรงว่าคงมีชีวิจอยู่ไม่สู้ตาย!“ลงมือ!”สิ้นเสียงคำสั่ง พวกเขาก็ถือดาบพุ่งเข้าหาเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันยกมือขึ้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะสู้จนตัวตาย…“อ้าค!”ชายฉกรรจ์สองสามคนพลันกรีดร้องออกมาพร้อมกันก่อนจะล้มลงกับพื้น ราวกับควบคุมมือและเท้าไม่ได้ พวกเขาเกลือกกลิ
“ไปค้นร่างชาวซีเหลียงสิ พวกเขาพกยาแก้พิษมาเยอะมาก”เสิ่นหรงชี้ทางให้เซี่ยเชียนฮวันทันใดนั้นเซี่ยเชียนฮวันก็ตระหนักได้ขึ้นมาใช่แล้ว วันนี้โอกาสดีจับชาวซีเหลียงได้!บนร่างพวกเขาจะต้องมียาแก้ควันพิษแน่!คืนนั้นควันพิษกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งใช้เวลาหลายวันกว่าจะสลายไปจนหมด หากพวกเขาไม่มียาแก้พิษ ชะตากรรรมของพวกเขาก็จะเป็นแบบเดียวกับเซียวเย่หลันเวลาไม่คอยท่า เซี่ยเชียนฮวันรีบวิ่งไปค้นตัวพวกเขาทันที แน่นอนว่าพบขวดยาสองสามขวดนางเปิดขวดและดมมัน เพื่อตรวจสอบส่วนผสมของผงเหล่านี้ จากนั้นก็เก็บมันไว้ในตะกร้าไม้ไผ่ของตัวเองเมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็ไม่เห็นชายคนนั้นแล้วเซี่ยเชียนฮวันยืนขึ้นพร้อมกับตะกร้าในมือ แล้วบ่นพึมพำว่า “ยังไม่ทันได้ถามชื่อเลย...ช่างแปลกคนเสียจริง”จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวอย่างลึกลับทุกครั้ง แล้วก็หายตัวไปอย่างเงียบๆไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไรแต่สรุปคือ ออกมาเก็บสมุนไพรในครั้งนี้แม้จะเจอสถานการณ์สุดระทึกไปบ้าง แต่ผลลัพธ์ค่อนข้างดี นับว่านางกับเซียวเย่หลันโชคดีมากเซี่ยเชียนฮวันถือตะกร้าสมุนไพรที่เสิ่นหรงมอบให้ แล้วเดินกลับไปที่กระท่อมมุงจาก“ข่าวดี ข้