“ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นพี่ห้ากับน้องสะใภ้นี่เอง”ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาก็ทำลายการคุยเล่นระหว่างเซี่ยเชียนฮวันกับเซียวจ้านเซียวจ้านสะดุ้งเล็กน้อย และหันกลับไปมอง ก่อนจะกล่าวอย่างเนือยๆ ว่า “เจ้าหก!เหตุใดเจ้าถึงเดินมาเงียบๆ เช่นนี้ ทำตัวคล้ายโจรไปได้”ผู้มาใหม่ก็คือองค์ชายหกปกติเขาไม่ค่อยมีตัวตน แต่ในเวลานี้คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย สีหน้าดูไม่พอใจ เขามองเซี่ยเชียนฮวันทีเซียวจ้านที ราวกับว่าพวกเขากำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่“ในเมื่อพี่หกมาแล้ว เช่นนั้นข้าไม่อยู่รบกวนการสนทนากันระหว่างพี่น้องของพวกท่าน ข้าขอกลับห้องไปก่อน เชิญพวกท่านคุยกันตามสบาย”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าบรรยากาศนั้นละเอียดอ่อน จึงรีบขอตัวจากไปก่อน เพื่อเลี่ยงปัญหา นางกระโดดกลับไปที่พื้น ยกมือคำนับเซียวจ้าน จับมุมกระโปรงแล้วเดินจากไปโดยไม่หันมามองเซียวจ้านโบกมืออย่างยิ้มๆ รอจนเซี่ยเชียนฮวันเดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าจึงค่อยๆ หายไป กลับคืนสู่สภาพขี้เล่นตามปกติ“พี่ห้า ท่านควรดูแลตัวเอง พระชายาจ้านอ๋องเป็นน้องสะใภ้เรา หาใช่นางกำนัลในวังที่ท่านจะเจ้าชู้อย่างไรก็ได้” องค์ชายหกกล่าวเสียงขรึมเซียวจ้านเหลือบมองเขาอย่างเก
เซี่ยเชียนฮวันถูกพลิกไปมาทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางยังต้องลุกขึ้นดูแลฮ่องเต้ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาการป่วยของฮ่องเต้จะดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่ไม่เร็วจนเกินไปแม้จะมีรอยคล้ำที่ใต้ตา แต่ในที่สุดนางกลับมาถึงจวนจ้านอ๋องจนได้“พระชายา!”เสี่ยวตงที่กลับมาก่อนก็ดีใจมาก นางวิ่งออกมาต้อนรับทันทีเซี่ยเชียนฮวันยิ้มน้อยๆ และจับมือนาง หลังจากที่พักผ่อนในหอหลันเซียงสักพัก นางก็ทนไม่ไหวรีบไปยังโรงหมอที่เมืองตะวันตก และทำการเปิดใหม่อีกครั้งผู้คนในละแวกนั้นเกือบจะจุดประทัดเพื่อเฉลิมฉลองในขณะที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังยุ่ง จู่ๆ ก็เห็นชิวหมิ่นเจ้าของร้านสาวของหอฮวาเยว่เดินยิ้มเข้ามา นางหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมา แล้วส่งให้นาง “มีคนฝากมาให้เจ้า”“ให้ข้า?”เซี่ยเชียนฮวันแสดงสีหน้าประหลาดใจ นางรับหนังสือเล่มเล็กจากมือของชิวหมิ่นซึ่งไม่มีแม้แต่ปกชิวหมิ่นพูดสบายๆ ว่า “คนคนนั้นบอกว่าถ้าหากเจ้าสามารถกลับมาจากภูเขาจื่อเสียได้ แสดงว่าเจ้ามีโชคชะตากับสิ่งนี้ และให้ข้ามอบมันให้กับเจ้า”“แปลกมาก”ก่อนหน้านี้เซี่ยเชียนฮวันยังคิดว่าคงเป็นคนป่วยที่นางเคยรักษาทิ้งของขวัญไว้ให้ แต่พอได้ฟั
“ตอนที่ไปล่าสัตว์ ข้าจับสายลับชาวซีเหลียงได้สองคน ตอนนี้พวกเขาลี้ภัยกับข้า และนี่คือสิ่งที่พวกเขามอบให้”เซียวเย่หลันรู้สึกปวดหัวจนนวดหว่างคิ้วซูอวี้เออร์กล่าวอย่างประหลาดใจ “เป็นไปได้ไหมว่า รายชื่อบนกระดาษล้วนเกี่ยวข้องกับชาวซีเหลียง?”“ใช่แล้ว”เซียวเย่หลันพยักหน้ารายชื่อเหล่านี้ไม่ใช่ขุนนางที่มีอำนาจ แต่เมื่อนำมารวมกันแล้ว กลับมีน้ำหนักอยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนขององค์รัชทายาท หากเขานำรายชื่อเหล่านี้ไปมอบให้กับฮ่องเต้ เกรงว่าราชสำนักคงถึงคราวสั่นสะเทือน ถึงตอนนั้นคงมีบางคนฉวยโอกาสเล่นงานองค์รัชทายาท และอาจจะมีคนยุยงฮ่องเต้ได้ ซูอวี้เออร์พูดอย่างกังวลใจว่า “ท่านอ๋อง เรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ท่านควรจะมอบรายชื่อพวกนี้ให้ฝ่าบาทโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นถ้าหากข่าวนี้รั่วไหลออกไป อาจจะมีบางคนที่อยากปิดปาก และลงมือทำบางอย่างขึ้น”“วางใจเถอะ ไม่มีใครสามารถปิดปากข้าได้” เซียวเย่หลันหัวเราะเบาเบา ก่อนตบหลังมือซูอวี้เออร์ “เจ้าอยู่ข้างกายข้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”“ในเมื่อท่านอ๋องพูดเช่นนี้ อวี้เออร์ก็ไม่กังวลแล้ว” ซูอวี้เออร์กล่าวเสียงอ่อนโยน“ข้าต้องไปสอบปาก
วันนี้ เซี่ยเชียนฮวันเชิญฮูหยินอันติ้งโหวมาที่จวนจ้านอ๋อง เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของฮูหยินอันติ้งโหว เซี่ยเชียนฮวันก็รู้ว่า ช่วงเวลาที่นางจากเมืองหลวงไปนั้น มารดาของนางคงเป็นห่วงทุกเช้าค่ำ และกังวลว่าเมื่อนางอยู่บนภูเขาจื่อเสียจะกินไม่อิ่ม สวมเสื้อผ้าไม่อบอุ่น“ท่านแม่ ที่ผ่านมาลำบากท่านแล้ว”เซี่ยเชียนฮวันจับมือฮูหยินอันติ้งโหว กล่าวเสียงเบาฮูหยินอันติ้งโหวถอนหายใจ “ข้าลำบากที่ไหนกัน? เป็นเจ้ามากกว่า ตั้งแต่เด็กจนโตเคยลำบากเสียที่ไหน แต่จู่ๆ ก็ถูกส่งไปสวดมนต์ขอพรที่ภูเขาอันห่างไกลนั่น ทั้งที่ยังตั้งครรภ์อยู่ มันทําให้ข้ากังวลจริงๆ”“อันที่จริงได้ไปสถานที่แบบนั้นก็ได้มีโอกาสออกกำลังกายเป็นครั้งคราวเหมือนกัน ซึ่งมันดีต่อสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์! ท่านดูข้าสิ ตอนนี้เอวข้าไม่เจ็บแล้ว แถมมือยังแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าข้าก็จะคลอดลูกแล้ว โอกาสที่จะคลอดลูกยากก็ลดลง” เซี่ยเชียนฮวันยิ้มพลางพับแขนเสื้อขึ้น แสดงแขนขาวสะอาดให้มารดาดูฮูหยินอันติ้งโหวโบกมืออย่างจนใจ แต่ก็ทำให้นางคลายความกังวลลงไปมาก “เอาล่ะๆ พูดอะไรโง่ๆ เช่นนั้น เจ้าจะต้องคลอดลูกได้อย่างราบรื
ถึงแม้อันติ้งโหวจะเอาเรื่องที่ซูอวี้เออร์ที่เป็นอนุภรรยาแต่กลับไม่ยอมคารวะ รายงานต่อฮ่องเต้ แต่ซูอวี้เออร์ก็เชื่อว่าเซียวเย่หลันจะปกป้องนางอย่างแน่นอนเพียงแต่ เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงเพียงใด ถ้าหากเซียวเย่หลันกับฮ่องเต้ขัดแย้งกันเพราะเรื่องนี้ นางก็อาจจะสูญเสียพระคุณที่มีไป ถึงตอนนั้นแม้ว่านางจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปีนขึ้นไปหาเซียวเย่หลัน และเข้าสู่จวนจ้านอ๋องอีกครั้ง แต่ทว่าก็คงไม่มีความหมายอะไร...ซูอวี้เออร์กัดฟันแน่น หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพัก นางก็ทำได้เพียงอดทนต่อการยั่วโมโหของเซี่ยเชียนฮวัน นางโค้งกายคำนับ “อวี้เออร์คารวะพระชายา”“คารวะมารดาข้าด้วยน้ำชาสิ”เซี่ยเชียนฮวันวางแก้วชาลงบนโต๊ะ กวักมือเรียกเสี่ยวตง ให้นำชาร้อนๆ แก้วใหม่เข้ามาซูอวี้เออร์พลันตะลึง “เหตุใดข้าถึงต้อง...”“ข้าเคยบอกแล้วว่า เจ้าเป็นอนุภรรยา ส่วนข้าคือนายหญิง มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าควรจะรับใช้ข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรับใช้มารดาข้า”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวตัดบทตอนนั้นเอง เสี่ยวตงก็ส่งชาร้อนให้ซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบแก้วชาขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”เซียวเย่หลันเห็นมือของซูอวี้เออร์เป็นรอยแดง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาซูอวี้เออร์แสดงสีหน้าเสียใจ กล่าวเสียงสะอื้นว่า “วันนี้ฮูหยินอันติ้งโหวมาเยือน พระชายาก็ยืนกรานให้ข้าคุกเข่ายกชาคารวะมารดานาง มอบชาร้อนที่ปริ่มแก้วให้ข้า ตอนที่ข้าคุกเข่า ชาร้อนนั่นก็หกออกมา มือทั้งสองข้างของข้าจึงพองเช่นนี้”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”เซียวเย่หลันขมวดคิ้วแน่นคิดไม่ถึงเลยว่า พอผู้หญิงคนนี้กลับมา ก็กล้าหาเรื่องให้เขาทันที“พระชายาบอกว่าข้าเป็นเพียงอนุ ไร้ชื่อไร้ฐานะ ควรคุกเข่ารับใช้นางกับมารดา มิฉะนั้นจะให้อันติ้งโหวเขียนหนังสือถวายฝ่าบาท” ซูอวี้เออร์น้ำตาไหลออกมาเซียวเย่หลันจับมือนางอย่างอ่อนโยน “เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ใคร”“แต่พวกนางพูดถูก ในจวนนี้ ท้ายที่สุดแล้วข้าก็เป็นแค่คนต่ำต้อย ไม่ว่าภายนอกจะดูรุ่งเรืองอย่างไร แต่สถานะของข้าก็เหนือกว่าสาวใช้เล็กน้อย”ซูอวี้เออร์ถอนหายใจเบาๆ ในคำพูด ล้วนแฝงความนัยนางอยากได้ตำแหน่งพระชายารองแม้จะดีไม่เท่าตำแหน่งพระชายาของเซี่ยเชียนฮวัน แต่ตราบใดที่เป็นพระชายารอง ก็เท่ากับว่านางมีชื่อเสียงอย่างแท้จริงหลังจากกลับไปที่เรือนจิ่นซิ่ว
“ที่แท้ก็ออกหน้าเพื่อซูอวี้เออร์”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียดสี ขณะคัดแยกสมุนไพรในมือต่อและถือโอกาส ผลักตำราเจ็ดเล่มหมอผีบนโต๊ะไปไว้ด้านข้าง ปล่อยให้สมุนไพรปิดทับมัน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นเซียวเย่หลันเดินไปที่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น และเอื้อมมือไปจับข้อมือนางไว้แน่น “อวี้เออร์เป็นผู้มีพระคุณของข้า นางไม่เคยคุกเข่าต่อหน้าข้า เจ้ากล้าให้นางคุกเข่าให้มารดาเจ้าได้อย่างไร ซ้ำยังทำน้ำร้อนลวกมือนางอีก!”เซี่ยเชียนฮวันเบะปาก ก่อนจะปล่อยสมุนไพรในมือออก แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา“ข้าอยากถามท่านอ๋องว่าท่านรู้หรือไม่ ว่าตอนที่ข้าไปภูเขาจื่อเสีย ท่านพ่อท่านแม่เคยมาขอเข้าพบท่านที่จวนจ้านอ๋องอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่เคยเห็นท่านแม้แต่ครั้งเดียว”เซียวเย่หลันดวงตาเย็นชา “ถ้าไม่พอใจข้า ก็มาลงที่ข้า ไม่ใช่ไปแก้แค้นอวี้เออร์ผู้บริสุทธิ์”“ผู้บริสุทธิ์”เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะ และยิ้มอย่างเย็นชานางมองผู้ชายคนนี้ซึ่งเข้าข้างผู้อื่นอยู่เรื่อยแล้วกล่าวว่า “พูดแบบนี้แสดงว่า ที่ซูอวี้เออร์ขวางท่านพ่อท่านแม่ข้า พูดจาเย็นชาใส่หน้าพ่อแม่ข้าที่หน้าประตูจวน สร้างความอับอายให้กับพวกท่าน ทำให้แม่ข้าเป็นโรคซึมเศร้า ทั
“บ่าวได้ยินพี่ชายบอกว่า ท่านอ๋องจับชาวซีเหลียงกลับมาได้สองคนจากสนามล่าสัตว์ พวกเขากลับใจหันเข้าเป็นพรรคพวกท่านอ๋อง แต่บางคำพูดก็ยังเชื่อถือไม่ได้ เพื่อที่จะได้เค้นความจริงจากปากของพวกเขา ช่วงนี้ท่านอ๋องจึงปวดหัวยิ่งนัก"เสี่ยวตงกล่าวเซี่ยเชียนฮวันได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงหึๆ ออกมา "สมน้ำหน้าเขา"ชายที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดอย่างเขา โดนลงโทษบ้างก็สมควรแล้วเสี่ยวตงถอนหายใจออกมา "ตอนที่เหนียงเหนียงไม่ได้อยู่ในจวน ท่านอ๋องเอาแต่ออกไปฝึกทหาร ไม่ค่อยได้อยู่ในจวนเท่าไรนัก ดูเหมือนเขาคงไม่ได้มีความสุขเท่าไรหรอกเพคะ""เอาเถอะ เรื่องพวกนี้พี่ชายเจ้าบอกกับเจ้าไม่ใช่หรือ เขาต้องการให้เซียวเย่หลันคืนดีกับข้า ดังนั้นจึงได้พูดเข้าข้างเซียวเย่หลัน เราแค่ฟังก็พอ ไม่ต้องเอามาใส่ใจ"เซี่ยเชียนฮวันตบบ่าของเสี่ยวตงเบาๆ แล้วกลับไปนั่งหน้าโต๊ะอีกครั้ง หยิบครกออกมาตำยาเสี่ยวตงได้แต่เงียบลงไม่ได้พูดอะไรอีก..….วันต่อมาเซี่ยเชียนฮวันเดินทางเข้าพระราชวัง หลังจากจับชีพจรให้ฮ่องเต้แล้ว ก็ได้นำยาที่ปรุงไว้เมื่อวานออกมา "เสด็จพ่อเพียงกินยาสองอย่างนี้จนหมด พระวรกายก็จะดีขึ้นเองเพคะ""อืม ดียิ่งนักที่เจ้า