“ที่แท้ก็ออกหน้าเพื่อซูอวี้เออร์”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียดสี ขณะคัดแยกสมุนไพรในมือต่อและถือโอกาส ผลักตำราเจ็ดเล่มหมอผีบนโต๊ะไปไว้ด้านข้าง ปล่อยให้สมุนไพรปิดทับมัน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นเซียวเย่หลันเดินไปที่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น และเอื้อมมือไปจับข้อมือนางไว้แน่น “อวี้เออร์เป็นผู้มีพระคุณของข้า นางไม่เคยคุกเข่าต่อหน้าข้า เจ้ากล้าให้นางคุกเข่าให้มารดาเจ้าได้อย่างไร ซ้ำยังทำน้ำร้อนลวกมือนางอีก!”เซี่ยเชียนฮวันเบะปาก ก่อนจะปล่อยสมุนไพรในมือออก แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา“ข้าอยากถามท่านอ๋องว่าท่านรู้หรือไม่ ว่าตอนที่ข้าไปภูเขาจื่อเสีย ท่านพ่อท่านแม่เคยมาขอเข้าพบท่านที่จวนจ้านอ๋องอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่เคยเห็นท่านแม้แต่ครั้งเดียว”เซียวเย่หลันดวงตาเย็นชา “ถ้าไม่พอใจข้า ก็มาลงที่ข้า ไม่ใช่ไปแก้แค้นอวี้เออร์ผู้บริสุทธิ์”“ผู้บริสุทธิ์”เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะ และยิ้มอย่างเย็นชานางมองผู้ชายคนนี้ซึ่งเข้าข้างผู้อื่นอยู่เรื่อยแล้วกล่าวว่า “พูดแบบนี้แสดงว่า ที่ซูอวี้เออร์ขวางท่านพ่อท่านแม่ข้า พูดจาเย็นชาใส่หน้าพ่อแม่ข้าที่หน้าประตูจวน สร้างความอับอายให้กับพวกท่าน ทำให้แม่ข้าเป็นโรคซึมเศร้า ทั
“บ่าวได้ยินพี่ชายบอกว่า ท่านอ๋องจับชาวซีเหลียงกลับมาได้สองคนจากสนามล่าสัตว์ พวกเขากลับใจหันเข้าเป็นพรรคพวกท่านอ๋อง แต่บางคำพูดก็ยังเชื่อถือไม่ได้ เพื่อที่จะได้เค้นความจริงจากปากของพวกเขา ช่วงนี้ท่านอ๋องจึงปวดหัวยิ่งนัก"เสี่ยวตงกล่าวเซี่ยเชียนฮวันได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงหึๆ ออกมา "สมน้ำหน้าเขา"ชายที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดอย่างเขา โดนลงโทษบ้างก็สมควรแล้วเสี่ยวตงถอนหายใจออกมา "ตอนที่เหนียงเหนียงไม่ได้อยู่ในจวน ท่านอ๋องเอาแต่ออกไปฝึกทหาร ไม่ค่อยได้อยู่ในจวนเท่าไรนัก ดูเหมือนเขาคงไม่ได้มีความสุขเท่าไรหรอกเพคะ""เอาเถอะ เรื่องพวกนี้พี่ชายเจ้าบอกกับเจ้าไม่ใช่หรือ เขาต้องการให้เซียวเย่หลันคืนดีกับข้า ดังนั้นจึงได้พูดเข้าข้างเซียวเย่หลัน เราแค่ฟังก็พอ ไม่ต้องเอามาใส่ใจ"เซี่ยเชียนฮวันตบบ่าของเสี่ยวตงเบาๆ แล้วกลับไปนั่งหน้าโต๊ะอีกครั้ง หยิบครกออกมาตำยาเสี่ยวตงได้แต่เงียบลงไม่ได้พูดอะไรอีก..….วันต่อมาเซี่ยเชียนฮวันเดินทางเข้าพระราชวัง หลังจากจับชีพจรให้ฮ่องเต้แล้ว ก็ได้นำยาที่ปรุงไว้เมื่อวานออกมา "เสด็จพ่อเพียงกินยาสองอย่างนี้จนหมด พระวรกายก็จะดีขึ้นเองเพคะ""อืม ดียิ่งนักที่เจ้า
"ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ! ลูกไม่เลือกมาก เงินทอง เพชรนิลจินดาได้ทั้งสิ้น หรือจะเป็นยาล้ำค่าหายากก็ย่อมได้เพคะ!" เซี่ยเชียนฮวันรีบคุกเข่าลงเพื่อเตรียมรับรางวัล!ฮ่องเต้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเพราะท่าทีของนาง โบกพระหัตถ์ขึ้นกล่าวว่า "เอาล่ะ เหอปิ่งหยวน พาพระราชชายาจ้านอ๋องไปเลือกของที่หอเจินเป่าสักสองสามชิ้นเถิด""พ่ะย่ะค่ะ"เหอกงกงยิ้มแล้วโค้งกายน้อมรับคำสั่งเขาเดินนำเซี่ยเชียนฮวันออกจากห้องพระบรรทมของฮ่องเต้ พูดด้วยน้ำเสียงยินดีว่า "พระชายาอ๋องโชคดีเหลือเกิน สามารถเข้าไปเลือกของได้ตามอำเภอใจในหอเจินเป่า ผู้ที่ฮ่องเต้ประทานสิทธิ์นี้ให้ นอกจากองค์รัชทายาทแล้วท่านเป็นคนแรก""จริงหรือ? ในครานั้นองค์รัชทายาททำสิ่งใดจึงได้รับรางวัล" เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถามเหอกงกงตอบด้วยรอยยิ้ม "ในตอนนั้นฝ่าบาทพร้อมกับขุนนางกลุ่มใหญ่เข้าไปทดสอบความรู้ในห้องเรียนขององค์ชายทั้งหลาย มีเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้นซึ่งตอบคำถามยากที่สุดได้ ทำให้ฮ่องเต้ทรงปลาบปลื้ม ประทานรางวัลให้องค์รัชทายาทเข้าไปเลือกของที่ตนต้องการในหอเจินเป่า""เช่นนี้นี่เอง"เซี่ยเชียนฮวันรุ่นคิดอยู่ในใจ คงเหมือนกับการที่พ่อแม่ให้ลูกของต
"ใช่แล้ว ข้าไม่ต้องการอย่างอื่น ข้าต้องการเพียงเข็มกล่องนี้"เซี่ยเชียนฮวันรู้ดีว่าเข็มในกล่องนี้มีคุณค่าเพียงใด นางประคองไว้ในมือด้วยความระมัดระวัง เกรงว่าจะมีใครมาแย่งไป และไม่กล้าไปเลือกของอย่างอื่นอีกในสายตาของเหอกงกง กลับมองว่าเซี่ยเชียนฮวันเกรงว่าตนจะเลือกของล้ำค่าซึ่งฮ่องเต้ทรงโปรดปรามมาก จึงได้เอ่ยโน้มน้าวว่า "เหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนั้นหรอก แคว้นต้าเซี่ยของเรามั่งคั่งหนักหนา ในคลังสมบัติของฝ่าบาทมีของล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน เหนียงเหนียงเอาไปสักไม่กี่ชิ้น ฝ่าบาทไม่ว่าอะไรหรอก""ไม่เป็นไรจริงๆ เข็มนี้สามารถช่วยข้าให้มีทักษะทางการแพทย์สูงขึ้นได้ เท่านี้ก็พอแล้ว"เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อเห็นท่าทีของนางจริงจังดังนั้น เหอกงกงจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่โบกมือเรียกขันทีผู้ดูแลรับใช้ในหอเจินเป่าเข้ามา เปิดบันทึกรายการสมบัติแล้วใช้พู่กันจุ่มลงไปในน้ำหมึก ขีดทับตรงชื่อ "เข็มสีดำ"เหอกงกงวางสมุดบันทึกรายการสมบัติลง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "พระชายาอ๋อง บัดนี้ท่านดูรู้ความยิ่งกว่าองค์รัชทายาทเสียอีก”“เพียงเท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว"เซี่ยเชียนฮวันยิ้มแล้วกล่า
"เป็นเพราะมีเสด็จแม่คอยช่วยน่ะสิเพคะ"ก่อนหน้านี้เซี่ยเชียนฮวันได้ทำความรู้จักหมิงเฟยตอนอยู่ในจวนอ๋อง จึงเคยชินแล้วที่จะพูดเอาใจนาง หมิงเฟยยกมือขึ้นเล็กน้อย เป็นความหมายว่าเหล่านางในไม่ต้องตามมา นางก้าวเข้าไปช้าๆ แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเซี่ยเชียนฮวัน โน้มกายลงไปกระซิบว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องแย่ๆ นั่นของเจ้า นับแต่นี้เป็นต้นไป หากเจ้ากล้าฉุดหลันเออร์ลงไปย่ำแย่ด้วยอีก ข้าจะเอาชีวิตเจ้า" "หืม?"เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นมอง นางสบตากับแววตาที่เย็นชาของหมิงเฟยเช่นเดียวกับโอรสของนางหมิงเฟยเหลือบมองไปที่ท้องเซี่ยเชียนฮวัน "ข้ารู้ว่าลูกในท้องของเจ้าเป็นลูกใคร""เอ่อ..."เซี่ยเชียนฮวันอ้าปากค้างแต่ก็ยากจะปฏิเสธ นางทำได้เพียงยกมือขึ้นกุมท้องของตนหมิงเฟยหัวเราะหึๆ ออกมา "เจ้าไม่ต้องกังวลเช่นนั้น หากข้าต้องการสังหารลูกในท้องเจ้า ข้าคงทำไปตั้งนานแล้ว ไม่รอให้เจ้ามีวันนี้หรอก""เสด็จแม่เข้าใจลูกผิดไปแล้ว มีคนบางคนโกรธแค้นต่อลูกยิ่งนัก และต้องการใช้ท่านในการสังหารข้า"เซี่ยเชียนฮวันไม่รู้ว่าหมิงเฟยไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนแต่คาดว่าน่าจะเป็นซูอวี้เออร์เพราะการถูกสวมเขา ฝ่ายชายคงไม
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า"เซียวเย่หลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมอง แสงแดดส่องกระทบใบไม้สาดมายังใบหน้าของเขา ราวกับเคลือบไปด้วยทอง ช่างน่าหลงใหลเซี่ยเชียนฮวันจำต้องยอมรับว่าวินาทีนี้นางเองก็ถูกความหล่อเหลาของชายผู้นี้สะกดจิต"อาการของเสด็จพ่อเป็นอย่างไร"เซียวเย่หลันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ดึงสติเซี่ยเชียนฮวันที่ตกอยู่ในความครุ่นคิดกลับคืนมา"ก็ดีขึ้น" เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตอบ "มีชีวิตชีวาขึ้นมาก ในไม่ช้าก็หายดี""งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดี" เซียวเย่หลันยังคงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถาม "เจ้ามหาเสด็จพ่อ?""อืม”เซียวเย่หลันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถม้าไปนั่งลงข้างกายเซี่ยเชียนฮวัน จ้องไปยังใบรายชื่อในมือแล้วครุ่นคิดเมื่อสองวันก่อน ซูอวี้เออร์บอกว่าควรรีบนำรายชื่อนี้ส่งให้กับราชสำนัก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่บัดนี้เขาอยากฟังความคิดเห็นของเซี่ยเชียนฮวันดังนั้น เซียวเย่หลันจึงได้นำเรื่องที่เชลยซีเหลียงสารภาพออกมาให้กับเซี่ยเชียนฮวันฟังเซี่ยเชียนฮวันฟังเขาพูดจบก็เอ่ยโดยไม่ลังเล "รายชื่อนี้เจ้าจะนำส่งไปมิได้”"เพราะเหตุใด?"
"หึๆ ไม่ช้าก็เร็ว”เซี่ยเชียนฮวันพึมพำออกมาหมิงเฟยกล่าวไว้ได้ถูกต้องแล้ว ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทและพระชายาที่รักกันมากเพียงนั้น ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีพระชายารอง และยังต้องให้กำเนิดบุตรกับพระชายารองด้วยในตอนนั้น เซียวเย่หลันชื่นชอบซูอวี้เออร์เหลือล้น แต่เมื่อทนกับแรงกดดันของไทเฮาไม่ไหว ท้ายที่สุดแล้วจึงได้แต่งกับนาง แต่งตั้งให้เป็นพระชายาอ๋องต่อจากนี้เขาจะหาคนอื่นเข้ามาอีกก็ไม่แปลก"เจ้าคิดไปเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว"เซียวเย่หลันรู้สึกงุนงง เขาไม่ได้สนทนาในหัวข้อนี้ต่อในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงประตูหนานเฟิ่งของค่ายทหารใหญ่ เมื่อลงจากรถม้าแล้ว เซียวเย่หลันก็พาเซี่ยเชียนฮวันตรงเข้าไปในคุกที่คุมขังเชลยซีเหลียงเอาไว้เซี่ยเชียนฮวันเพิ่งเคยมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก เชลยซีเหลียงทั้งสองคนถูกมัดไว้กับเสาไม้ มองไปดูท่าทางเศร้าหมอง บาดแผลจากการถูกลงโทษเต็มร่างกายเมื่อพวกเขาเห็นเซียวเย่หลัน ก็ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า "ท่านจ้านอ๋อง เราสองคนได้บอกทุกอย่างที่รู้แก่ท่านแล้ว และบอกแล้วว่าจะยินดีทำสิ่งต่างๆ ให้ท่าน เหตุใดท่านจึงทรมานพวกเราอีก"“มีอีกหนึ่งคำถามที่พวกเจ้ายังไม่เคยตอบ"เซียวเย่หล
เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมานางเห็นแววตาของนักโทษทั้งสองคนจึงยิ้มขึ้นเล็กน้อย รู้ว่าพวกเขาไม่เห็นนางในสายตาไม่เป็นไร ประเดี๋ยวพวกเขาก็จะรู้เอง"เจ้าทั้งสองยังจำงูใหญ่ในป่าที่ทำให้พวกเจ้าตกใจเสียจนฉี่ราดได้หรือไม่" เซี่ยเชียนฮวันกอดอกถาม"เจ้ารู้ได้อย่างไร..."เมื่อได้ยินคำว่า ‘งูใหญ่’ พวกเขาก็ตกใจด้วยความกลัวตัวสั่นเซี่ยเชียนฮวันพูดขึ้นเบาๆ ว่า "เพราะในคืนนั้นข้าอยู่ข้างงูใหญ่นั่น เราเป็นพวกเดียวกัน""พวกเดียวกัน?"เชลยทั้งสองคนตกตะลึงหรือพระชายาอ๋องผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการฝึกงู!พวกเขารีบมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่ารอบกายไม่มีร่องรอยของงูยักษ์ จึงได้วางใจลงหนึ่งในนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แล้วอย่างไรเล่า บัดนี้พวกเราไม่กลัวมันแล้ว""ใช่แล้ว ความกล้าหาญของชาวซีเหลียงอยู่ในทุกอณูรูขุมขน เจ้าอย่าคิดเอางูมาทำให้พวกเราหวาดกลัว ไม่เป็นผลหรอก"อีกคนหนึ่งพูดขึ้นเซี่ยเชียนฮวันนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ พยักหน้าตอบว่า "ดี อีกเดี๋ยวข้าอยากรู้นักว่าจะยังปากแข็งเช่นนี้หรือไม่"ใบสั่งยาที่นางให้ผู้คุมคุกไปซื้อหาไม่ง่าย รออยู่เกือบทั้งคืนผู้คุ้มกันก็ยังไม่กลับมาเมื่อเ