"หึๆ ไม่ช้าก็เร็ว”เซี่ยเชียนฮวันพึมพำออกมาหมิงเฟยกล่าวไว้ได้ถูกต้องแล้ว ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทและพระชายาที่รักกันมากเพียงนั้น ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีพระชายารอง และยังต้องให้กำเนิดบุตรกับพระชายารองด้วยในตอนนั้น เซียวเย่หลันชื่นชอบซูอวี้เออร์เหลือล้น แต่เมื่อทนกับแรงกดดันของไทเฮาไม่ไหว ท้ายที่สุดแล้วจึงได้แต่งกับนาง แต่งตั้งให้เป็นพระชายาอ๋องต่อจากนี้เขาจะหาคนอื่นเข้ามาอีกก็ไม่แปลก"เจ้าคิดไปเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว"เซียวเย่หลันรู้สึกงุนงง เขาไม่ได้สนทนาในหัวข้อนี้ต่อในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงประตูหนานเฟิ่งของค่ายทหารใหญ่ เมื่อลงจากรถม้าแล้ว เซียวเย่หลันก็พาเซี่ยเชียนฮวันตรงเข้าไปในคุกที่คุมขังเชลยซีเหลียงเอาไว้เซี่ยเชียนฮวันเพิ่งเคยมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก เชลยซีเหลียงทั้งสองคนถูกมัดไว้กับเสาไม้ มองไปดูท่าทางเศร้าหมอง บาดแผลจากการถูกลงโทษเต็มร่างกายเมื่อพวกเขาเห็นเซียวเย่หลัน ก็ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า "ท่านจ้านอ๋อง เราสองคนได้บอกทุกอย่างที่รู้แก่ท่านแล้ว และบอกแล้วว่าจะยินดีทำสิ่งต่างๆ ให้ท่าน เหตุใดท่านจึงทรมานพวกเราอีก"“มีอีกหนึ่งคำถามที่พวกเจ้ายังไม่เคยตอบ"เซียวเย่หล
เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมานางเห็นแววตาของนักโทษทั้งสองคนจึงยิ้มขึ้นเล็กน้อย รู้ว่าพวกเขาไม่เห็นนางในสายตาไม่เป็นไร ประเดี๋ยวพวกเขาก็จะรู้เอง"เจ้าทั้งสองยังจำงูใหญ่ในป่าที่ทำให้พวกเจ้าตกใจเสียจนฉี่ราดได้หรือไม่" เซี่ยเชียนฮวันกอดอกถาม"เจ้ารู้ได้อย่างไร..."เมื่อได้ยินคำว่า ‘งูใหญ่’ พวกเขาก็ตกใจด้วยความกลัวตัวสั่นเซี่ยเชียนฮวันพูดขึ้นเบาๆ ว่า "เพราะในคืนนั้นข้าอยู่ข้างงูใหญ่นั่น เราเป็นพวกเดียวกัน""พวกเดียวกัน?"เชลยทั้งสองคนตกตะลึงหรือพระชายาอ๋องผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการฝึกงู!พวกเขารีบมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่ารอบกายไม่มีร่องรอยของงูยักษ์ จึงได้วางใจลงหนึ่งในนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แล้วอย่างไรเล่า บัดนี้พวกเราไม่กลัวมันแล้ว""ใช่แล้ว ความกล้าหาญของชาวซีเหลียงอยู่ในทุกอณูรูขุมขน เจ้าอย่าคิดเอางูมาทำให้พวกเราหวาดกลัว ไม่เป็นผลหรอก"อีกคนหนึ่งพูดขึ้นเซี่ยเชียนฮวันนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ พยักหน้าตอบว่า "ดี อีกเดี๋ยวข้าอยากรู้นักว่าจะยังปากแข็งเช่นนี้หรือไม่"ใบสั่งยาที่นางให้ผู้คุมคุกไปซื้อหาไม่ง่าย รออยู่เกือบทั้งคืนผู้คุ้มกันก็ยังไม่กลับมาเมื่อเ
หมู่บ้านฉางหยวน...เซี่ยเชียนฮวันไม่รู้จักที่แห่งนี้ แต่คาดว่าเซียวเย่หลันคงจะรู้"บัดนี้เจ้าสารภาพออกมาได้แล้ว นายน้อยของเจ้าคือใครกันแน่ อยู่ในที่แห่งหนใด"เซียวเย่หลันลุกขึ้นจากเก้าอี้เขาเข้าไปใกล้เชลยทั้งสองแล้วมองเข้าไปด้วยแววตาอันเยือกเย็น"นายน้อย..."หนึ่งในนั้นเพิ่งอ้าปากเอ่ยได้สองคำ จู่ๆ เขาก็ตาเหลือก ลิ้นจุกปากพูดไม่ออกราวกับเป็นใบ้เซียวเย่หลันขมวดคิ้วหันไปมองอีกคนหนึ่ง พบว่ามีอาการเช่นเดียวกันชั่ววินาทีนี้ใบหน้าของทั้งคู่กลายเป็นสีม่วง เลือดค่อยๆ ไหลออกจากรูหูรูจมูก"แย่แล้ว พวกเขาถูกวางยาพิษ!"เซี่ยเชียนฮวันรีบวิ่งเข้าไปจับชีพจรให้แก่ทั้งสองแต่พิษแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยเชียนฮวันไม่ทันได้ช่วยพวกเขาแก้พิษด้วยเวลาไม่กี่วินาที เชลยทั้งสองก็สิ้นใจลงกะทันหัน"เจ้าให้ยาพิษพวกเขาดื่มหรือ?" เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันเหล่ตามองเขา "จะเป็นไปได้อย่างไร ในร่างกายของพวกเขามีพิษซ่อนอยู่ บัดนี้ถึงเวลาที่พิษจะแสดงอาการออกมาพอดี”กล่าวจบเซี่ยเชียนฮวันก็รู้สึกเสียใจเช่นกันก่อนหน้าที่นางจะกรอกยาทั้งสอง ควรดูสภาพร่างกายให้ชัดเจนเสียก่อนเพราะนางคิดไม่ถึงว่าทั้ง
วันต่อมาเมื่อเซี่ยเชียนฮวันตื่นขึ้น นางไม่รู้ว่าเซียวเย่หลันเป็นคนอุ้มนางกลับมาที่จวน และไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ ได้แต่เดินทางเข้าพระราชวังทันทีแต่ครั้งนี้นางไม่ได้ไปดูอาการให้แก่ฮ่องเต้กลับเดินทางมาที่วังบูรพาเพื่อตรวจดูร่างกายของพระราชนัดดาน้อย จากนั้นพาเขาไปวังหย่งโซ่วเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮา"เสด็จย่าทวด!"พระราชนัดดาน้อยเห็นไทเฮาก็รีบวิ่งเข้าไปกอดที่เข่าของนางทันที พุงน้อยๆ กระเด้งไปมา ทำเอาเสียไทเฮาหัวเราะไม่หยุดเซี่ยเชียนฮวันทำการคารวะไทเฮาแล้วนั่งลงข้างๆ ยิ้มขึ้นกล่าวว่า "เสด็จป้าเพคะ ได้ยินพระชายาองค์รัชทายาทกล่าวว่าท่านไม่ได้เจอพระราชนัดดาน้อยหลายวันแล้ว จึงได้พาเขามาให้ท่านเล่น"พระราชนัดดาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พึงพอใจ ยกมือขึ้นเท้าสะเอวอันอ้วนท้วมของเขา "ข้าไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวสักหน่อย เหตุใดจึงบอกว่าจะเอาข้ามาเล่น!"เขาพยายามเลียนแบบท่าทางของเสด็จปู่ที่ดูน่าเกรงขาม ประกอบกับสีหน้าอันจริงจังและร่างกายอ้วนท้วมของเขา จึงทำให้น่าขันมากกว่าเดิมไทเฮาหัวเราะขึ้นอย่างมีความสุขว่า "เอาละ เอาละ ข้าไม่ล้อเจ้าเล่นแล้ว อยากกินอะไร? ย่ามีของอร่อยๆ มากมาย"ไทเฮาเป็นเช่นเดียวกับย
"เคยเจอเพคะ นางยังเคยพูดถึงท่านป้าอยู่ด้วย"ในเมื่อเซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าไทเฮาเอ่ยถามถึงหลิวไท่เฟยด้วยตนเอง นางจึงได้ตั้งใจพูดต่อใบหน้าของไทเฮาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไรนัก นางยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า"งั้นหรือ? นางกล่าวถึงข้าว่าอย่างไร?""หลิวไท่เฟยกล่าวว่า ในตอนนั้นท่านป้าเห็นว่านางอายุยังน้อยจึงได้ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงซาบซึ้งในบุญคุณของท่านเสมอมา" เซี่ยเชียนฮวันพูดด้วยท่าทีอันออดอ้อนไทเฮาพยักหน้า ไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ ออกมา ก่อนจะกล่าวขึ้นต่อไปว่า "ตอนที่นางถูกส่งไปภูเขาจื่อเสีย อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า อยู่ในวัยรุ่งเรืองแท้ๆ กลับต้องไปเฝ้าที่สุสานจักรพรรดิ น่าเห็นใจเหลือเกิน""ท่านป้า...""อ้อ ห้าวเออร์กลับมาแล้วรึ" ไทเฮายื่นมือชี้ออกไป ริมฝีปากเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความเมตตาเหมือนในความทรงจำตอนเด็กของเซี่ยเชียนฮวันไม่เปลี่ยนแปลงพระราชนัดดาน้อยกระโดดกระเด้งเข้ามาแล้วกอดไปที่เข่าของไทเฮา "เสด็จย่าทวด ข้าหิวเหลือเกิน!""เช่นนั้นเจ้าลองถามอาสะใภ้ของเจ้าดูก่อน ว่านางอนุญาตให้เจ้ากินขนมหรือไม่" ไทเฮาหยอกล้อเขาเล่น"ท่านพี่ ข้าอยากกินขนมเหลียนฮวาได้หรือไม่?"
หลังจากที่เซียวเย่หลันหายตัวไปแล้ว พวกเขาก็ตามหาอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเย่ซิ่นไม่รู้จะทำเช่นไรจึงเดินทางมารายงานเซี่ยเชียนฮวันเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ สมองของนางก็ว่างเปล่า ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว นางตกตะลึงโดยพูดไม่ออกเป็นเวลาเนิ่นนานหรือเซียวเย่หลันจะ...ไม่ เป็นไปไม่ได้ก็แค่หาเขาไม่เจอเป็นการชั่วคราวเท่านั้นเอง บางทีเขาอาจจะ ไล่ล่าผู้นำซีเหลียงคนนั้นไปยังที่ห่างไกลจึงหาไม่เจอเซี่ยเชียนฮวันสับสนมาก แต่นางยังคงโน้มกายลงไปพยุงเย่ซิ่นให้ลุกขึ้น กล่าวเบาๆ ว่า "ไม่ต้องกังวล เซียวเย่หลันดวงแข็งจะตายไป เขาไม่เกิดเรื่องง่ายๆ หรอก บัดนี้บาดแผลบนร่างกายเจ้าก็ร้ายแรงเช่นกัน เรากลับจวนก่อน ข้าจะทำแผลให้เจ้าแล้วออกตามหาเขาด้วยกัน""เป็นความผิดของข้าน้อย ข้าน้อยปกป้องท่านอ๋องได้ไม่ดี..."ปกติแล้วเย่ซิ่นเป็นองครักษ์ที่ท่าทีใจเย็นและจริงจัง บัดนี้เขากลับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยปลอบโยนว่า "เจ้าพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เรื่องเช่นนี้คงไม่มีใครคาดเดาได้ล่วงหน้า”ในสนามล่าสัตว์มีสายลับของซีเหลียงเส
"ท่านโหวอาวุโส เป็นท่านเองหรือ”เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมา พบกับอู่อันโหวที่ทำสีหน้าเคร่งขรึมเดินมาทางตนเขาพูดด้วยความโมโหว่า "ไม่เห็นต้องทำท่าทีห่างเหินเช่นนั้น ข้าเคยบอกแล้วว่าจะรับเจ้าเป็นหลานบุญธรรม เจ้าเรียกข้าว่าปู่ก็พอ”เซี่ยเชียนฮวันยิ้มขึ้นด้วยความขมขื่นใจ "ท่านโหว ไทเฮาคือเสด็จป้าของข้า หากท่านเป็นปู่ของข้า จะไม่เป็นถือตนเทียบเท่าไทเฮาหรือ?"อู่อันโหวตกตะลึงเขาเป็นคนคิดตรงไปตรงมา เมื่อได้ยินเซี่ยเชียนฮวันกล่าวดังนั้น จึงได้ครุ่นคิดแล้วเห็นว่าคงไม่เหมาะสมนัก จึงได้แต่ยอมแพ้ด้วยความหงุดหงิดใจ"ครั้งนี้จ้านอ๋องได้สังหารชาวซีเหลียงไปมากมาย น่าเสียดายที่ปลาตัวใหญ่หนีไปได้ ส่วนตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด เฮ้อ เมื่อคิดดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย" อู่อันโหวได้แต่ถอนหายใจออกมา "คนรุ่นนี้ของแคว้นต้าเซี่ยเรา นอกจากเขาไม่มีใครรู้วิธีทำสงครามอีกแล้ว"หากเกิดเรื่องขึ้นกับเซียวเย่หลันจริงเกรงว่าในอนาคตต้าเซี่ยจะต้องพึ่งพาทหารเก่าแก่เช่นพวกเขา เมื่อเวลานานวันเข้า พวกเขาจะกลายเป็นปลาที่นอนอยู่บนเขียงรอให้ผู้อื่นเชือด"เราจะต้องตามหาเขาให้พบ" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นเบาๆ ไม่รู้ว่าพูดกับอู
"ท่านผู้เฒ่า ดูนี่เถิด นี่คือรอยเลือด! เป็นรอยเลือดของเซียวเย่หลันแน่ๆ เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บแล้วได้เดินไปทางนี้!"เซี่ยเชียนฮวันชี้ไปให้อู่อันโหวดูด้วยท่าทีตื่นเต้นอู่อันโหวหรี่ตามองแล้วเอ่ยชื่นชม "ใช่แล้ว นี่คือรอยเลือดของมนุษย์ไม่ใช่สัตว์""พวกเรารีบไปทางนี้เพื่อตามหาเขากันเถอะ!" เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นเดินทางอย่างรวดเร็วคิดไม่ถึงว่าอู่อันโหวจะเข้ามารั้งนางเอาไว้ไม่ให้นางก้าวไปข้างหน้า!เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม "อย่าได้หุนหันพลันแล่น นี่อาจไม่ใช่รอยเลือดของจ้านอ๋อง อาจจะเป็นชาวซีเหลียงที่หลบหนีไป เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปเรียกพรรคพวกมาแล้วเดินทางไปด้วยกัน""ก็ได้..."เซี่ยเชียนฮวันเข้าใจในคำเตือนของอู่อันโหวดี เพราะชาวซีเหลียงเหล่านั้นมักทำเรื่องแปลกๆ เสมอ เมื่อวานนี้ใช้ควันพิษคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นอู่อันโหวจึงเห็นว่าไม่ควรกระทำการใดๆ ตามอำเภอใจนางเม้มฝีปากแน่นแล้วยืนรออยู่ที่เดิมด้วยความกังวลใจ นางอยากจะออกตามหาเขาเพียงลำพังเนิ่นนานทีเดียวกว่านางจะรออู่อันโหวพาคนมา"เร็วเข้า ทางนั้น!"เซี่ยเชียนฮวันสังเกตด้วยความรอบคอบ แล้วพบว่ามีรอยเลือดจางๆ อยู่ไม่ไกล จึงได้ติดตา
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา