"เคยเจอเพคะ นางยังเคยพูดถึงท่านป้าอยู่ด้วย"ในเมื่อเซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าไทเฮาเอ่ยถามถึงหลิวไท่เฟยด้วยตนเอง นางจึงได้ตั้งใจพูดต่อใบหน้าของไทเฮาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไรนัก นางยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า"งั้นหรือ? นางกล่าวถึงข้าว่าอย่างไร?""หลิวไท่เฟยกล่าวว่า ในตอนนั้นท่านป้าเห็นว่านางอายุยังน้อยจึงได้ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงซาบซึ้งในบุญคุณของท่านเสมอมา" เซี่ยเชียนฮวันพูดด้วยท่าทีอันออดอ้อนไทเฮาพยักหน้า ไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ ออกมา ก่อนจะกล่าวขึ้นต่อไปว่า "ตอนที่นางถูกส่งไปภูเขาจื่อเสีย อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า อยู่ในวัยรุ่งเรืองแท้ๆ กลับต้องไปเฝ้าที่สุสานจักรพรรดิ น่าเห็นใจเหลือเกิน""ท่านป้า...""อ้อ ห้าวเออร์กลับมาแล้วรึ" ไทเฮายื่นมือชี้ออกไป ริมฝีปากเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความเมตตาเหมือนในความทรงจำตอนเด็กของเซี่ยเชียนฮวันไม่เปลี่ยนแปลงพระราชนัดดาน้อยกระโดดกระเด้งเข้ามาแล้วกอดไปที่เข่าของไทเฮา "เสด็จย่าทวด ข้าหิวเหลือเกิน!""เช่นนั้นเจ้าลองถามอาสะใภ้ของเจ้าดูก่อน ว่านางอนุญาตให้เจ้ากินขนมหรือไม่" ไทเฮาหยอกล้อเขาเล่น"ท่านพี่ ข้าอยากกินขนมเหลียนฮวาได้หรือไม่?"
หลังจากที่เซียวเย่หลันหายตัวไปแล้ว พวกเขาก็ตามหาอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเย่ซิ่นไม่รู้จะทำเช่นไรจึงเดินทางมารายงานเซี่ยเชียนฮวันเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ สมองของนางก็ว่างเปล่า ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว นางตกตะลึงโดยพูดไม่ออกเป็นเวลาเนิ่นนานหรือเซียวเย่หลันจะ...ไม่ เป็นไปไม่ได้ก็แค่หาเขาไม่เจอเป็นการชั่วคราวเท่านั้นเอง บางทีเขาอาจจะ ไล่ล่าผู้นำซีเหลียงคนนั้นไปยังที่ห่างไกลจึงหาไม่เจอเซี่ยเชียนฮวันสับสนมาก แต่นางยังคงโน้มกายลงไปพยุงเย่ซิ่นให้ลุกขึ้น กล่าวเบาๆ ว่า "ไม่ต้องกังวล เซียวเย่หลันดวงแข็งจะตายไป เขาไม่เกิดเรื่องง่ายๆ หรอก บัดนี้บาดแผลบนร่างกายเจ้าก็ร้ายแรงเช่นกัน เรากลับจวนก่อน ข้าจะทำแผลให้เจ้าแล้วออกตามหาเขาด้วยกัน""เป็นความผิดของข้าน้อย ข้าน้อยปกป้องท่านอ๋องได้ไม่ดี..."ปกติแล้วเย่ซิ่นเป็นองครักษ์ที่ท่าทีใจเย็นและจริงจัง บัดนี้เขากลับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยปลอบโยนว่า "เจ้าพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เรื่องเช่นนี้คงไม่มีใครคาดเดาได้ล่วงหน้า”ในสนามล่าสัตว์มีสายลับของซีเหลียงเส
"ท่านโหวอาวุโส เป็นท่านเองหรือ”เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมา พบกับอู่อันโหวที่ทำสีหน้าเคร่งขรึมเดินมาทางตนเขาพูดด้วยความโมโหว่า "ไม่เห็นต้องทำท่าทีห่างเหินเช่นนั้น ข้าเคยบอกแล้วว่าจะรับเจ้าเป็นหลานบุญธรรม เจ้าเรียกข้าว่าปู่ก็พอ”เซี่ยเชียนฮวันยิ้มขึ้นด้วยความขมขื่นใจ "ท่านโหว ไทเฮาคือเสด็จป้าของข้า หากท่านเป็นปู่ของข้า จะไม่เป็นถือตนเทียบเท่าไทเฮาหรือ?"อู่อันโหวตกตะลึงเขาเป็นคนคิดตรงไปตรงมา เมื่อได้ยินเซี่ยเชียนฮวันกล่าวดังนั้น จึงได้ครุ่นคิดแล้วเห็นว่าคงไม่เหมาะสมนัก จึงได้แต่ยอมแพ้ด้วยความหงุดหงิดใจ"ครั้งนี้จ้านอ๋องได้สังหารชาวซีเหลียงไปมากมาย น่าเสียดายที่ปลาตัวใหญ่หนีไปได้ ส่วนตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด เฮ้อ เมื่อคิดดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย" อู่อันโหวได้แต่ถอนหายใจออกมา "คนรุ่นนี้ของแคว้นต้าเซี่ยเรา นอกจากเขาไม่มีใครรู้วิธีทำสงครามอีกแล้ว"หากเกิดเรื่องขึ้นกับเซียวเย่หลันจริงเกรงว่าในอนาคตต้าเซี่ยจะต้องพึ่งพาทหารเก่าแก่เช่นพวกเขา เมื่อเวลานานวันเข้า พวกเขาจะกลายเป็นปลาที่นอนอยู่บนเขียงรอให้ผู้อื่นเชือด"เราจะต้องตามหาเขาให้พบ" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นเบาๆ ไม่รู้ว่าพูดกับอู
"ท่านผู้เฒ่า ดูนี่เถิด นี่คือรอยเลือด! เป็นรอยเลือดของเซียวเย่หลันแน่ๆ เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บแล้วได้เดินไปทางนี้!"เซี่ยเชียนฮวันชี้ไปให้อู่อันโหวดูด้วยท่าทีตื่นเต้นอู่อันโหวหรี่ตามองแล้วเอ่ยชื่นชม "ใช่แล้ว นี่คือรอยเลือดของมนุษย์ไม่ใช่สัตว์""พวกเรารีบไปทางนี้เพื่อตามหาเขากันเถอะ!" เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นเดินทางอย่างรวดเร็วคิดไม่ถึงว่าอู่อันโหวจะเข้ามารั้งนางเอาไว้ไม่ให้นางก้าวไปข้างหน้า!เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม "อย่าได้หุนหันพลันแล่น นี่อาจไม่ใช่รอยเลือดของจ้านอ๋อง อาจจะเป็นชาวซีเหลียงที่หลบหนีไป เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปเรียกพรรคพวกมาแล้วเดินทางไปด้วยกัน""ก็ได้..."เซี่ยเชียนฮวันเข้าใจในคำเตือนของอู่อันโหวดี เพราะชาวซีเหลียงเหล่านั้นมักทำเรื่องแปลกๆ เสมอ เมื่อวานนี้ใช้ควันพิษคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นอู่อันโหวจึงเห็นว่าไม่ควรกระทำการใดๆ ตามอำเภอใจนางเม้มฝีปากแน่นแล้วยืนรออยู่ที่เดิมด้วยความกังวลใจ นางอยากจะออกตามหาเขาเพียงลำพังเนิ่นนานทีเดียวกว่านางจะรออู่อันโหวพาคนมา"เร็วเข้า ทางนั้น!"เซี่ยเชียนฮวันสังเกตด้วยความรอบคอบ แล้วพบว่ามีรอยเลือดจางๆ อยู่ไม่ไกล จึงได้ติดตา
ลมหนาวพัดโชยมา ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีขาวดำท่ามกลางธงที่โบกสะบัดไปพร้อมกับสายลมแห่งความหนาวเหน็บ เซี่ยเชียนฮวันอยู่นิ่งไม่ไหวติง ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง นางพูดไม่ออกเป็นเวลาเนิ่นนาน"เหนียงเหนียงเพคะ!"เสี่ยวตงวิ่งตามมาพร้อมกับเสื้อคลุมตัวหนา นางสวมให้กับเซี่ยเชียนฮวันนางถอนหายใจออกมาว่า "หากท่านอ๋องไม่อยู่แล้ว ท่านคือนายแห่งจวนจ้านอ๋อง บัดนี้ท่านต้องเข้มแข็งนะเพคะ จะได้ไม่ถูกคนภายนอกดูถูกเอา”"นี่เพิ่งจะผ่านไปสองวัน " เซี่ยเชียนฮวันกุมมือเสี่ยวตงไว้ “หาเพียงสองวันไม่เจอ กลับยอมแพ้เสียแล้ว ไม่เร็วเกินไปหรือ!"เซียวเย่หลันเป็นคนที่ชะตาแข็ง เขาจะจากไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?นางอยากจะขึ้นเป็นนายแห่งจวนจ้านอ๋องก็จริงแต่บัดนี้ยังไม่ถึงเวลา!เสี่ยวตงพูดขึ้นด้วยความลังเล "เหนียงเหนียงสลบไปหนึ่งวันเต็ม บัดนี้เข้าวันที่สามแล้ว""วันที่สาม...วันที่สามแล้วอย่างไร อู่อันโหวสัญญากับข้าว่าจะส่งคนไปตามหาที่ตีนเขา พวกเขาอยากให้เซียวเย่หลันตายมากงั้นหรือ แค่ไม่กี่วันก็ยังรอไม่ได้!"เซี่ยเชียนฮวันปล่อยมือเสี่ยวตงออกแล้ววิ่งไปดึงธงไว้ทุกข์สีขาวที่แขวนไว้จากที่สู
"ปึ้ง..."เซี่ยเชียนฮวันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเปิดฝาโลงออกต่อหน้าทุกคนด้านในมีศพชายคนหนึ่งนอนอยู่ ร่างกายแหลกเหลวมองไม่เห็นหน้าทุกคนในห้องโถงไว้ทุกข์ไม่กล้ามอง ได้แต่เบือนหน้าหนี บ้างก็ยกมือขึ้นปิดจมูกเซี่ยเชียนฮวันเคยเห็นศพมามากมายในฐานะที่เป็นหมอจนเคยชินแต่เมื่อนางเห็นศพชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าอันคุ้นเคยนี้ มือของนางยังคงสั่นคลอนเล็กน้อย ร่างกายโอนเอนแทบยืนไม่นิ่งเหตุการณ์ที่เคยผ่านมาทั้งหมด แวบขึ้นมาในความคิดของนางทั้งดวงตาเย็นชาของเขาที่อ่อนโยนบ้างเป็นบางครั้ง และคำพูดที่โหดร้ายเป็นบางครั้ง ลมหายใจอุ่นๆ ที่เคยนอนร่วมเตียงเดียวกัน ทั้งหมดกลายเป็นสายลมไปแล้ว สลายเข้าไปในเมฆขาว“น้องสะใภ้ เจ้าทำแบบนี้เพื่ออะไร"องค์รัชทายาทปล่อยซูอวี้เออร์แล้วเดินเข้าไปวางมือบนไหล่ของเซี่ยเชียนฮวัน หายใจเข้าลึกน้ำเสียงของเขาทำให้เซี่ยเชียนฮวันได้สติกลับคืนมาสู่ความเป็นจริงนางก้มลงไปมองใกล้ๆ ชายที่นอนอยู่ในโลงศพ แม้จะมองไม่เห็นหน้าแล้ว แต่รูปร่างท่าทางคล้ายกับเซียวเย่หลันเหลือเกิน ร่างกายของเขาแหลกเหลวจนมองไม่ออกถึงปานหรือรอยแผลเป็นใดๆ สถานการณ์อย่างนี้ แม้แต่ผู้ชันสูตรพลิกศพก็อาจบ
ทุกคนได้แต่ตกตะลึง แม้แต่องค์รัชทายาทเองก็ทำตัวไม่ถูกสายตาของเซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองไปยังใบหน้าของพวกเขาแต่ละคน แล้วชี้นิ้วไปที่โลงศพ “ข้าไม่สนใจว่าคนที่นอนอยู่ในโลงนี้จะเป็นใคร เพียงแค่ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นเซียวเย่หลัน ข้าจะไม่มีวันยอมรับแน่นอน”“พวกเจ้าจะนั่งร่ำไห้อยู่ที่นี่หรือรอฝังเขาลงดินก็ตามแต่พวกเจ้า ทว่าข้าจะใช้วิธีของตนเองในการตามเขากลับมาให้ได้”กล่าวจบ นางก็หันหลังจากไป!องค์รัชทายาทวิ่งตามไปอยู่หลายก้าว “น้องสะใภ้...”“อย่าได้ไปสนใจนางเลย” องค์ชายรองเข้าไปห้ามองค์รัชทายาทไว้ “นางไม่ฟังคำของเจ้าหรอก”“แต่นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ เราจะให้นางออกตามหาเพียงลำพังได้อย่างไร?”สีหน้าขององค์รัชทายาทดูเป็นกังวลองค์ชายรองกลับรู้สึกไม่รู้ไม่ชี้ “องค์รัชทายาทไม่เข้าใจสตรีเอาเสียเลย นางเพียงแค่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น อีกไม่นานก็กลับมาเอง”“น้องสะใภ้คนนี้ ไม่เหมือนคนอื่น”องค์รัชทายาทถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาก็บอกไม่ถูกว่านางแตกต่างกับคนอื่นอย่างไร แต่เซี่ยเชียนฮวันไม่เหมือนกับสตรีชั้นสูงที่เขาคุ้นเคยเหล่านั้น นางมีความคิดเป็นของตนเอง กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ตนคิดทำองค์ชายทั้งหลายนั
ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันเดินทางมาถึงหมู่บ้านฉางหยวน ก็เป็นเวลามืดแล้วในหมู่บ้านยังคงมีสภาพน่าสลดดังเดิม แม้ศพจะถูกจัดการจนเรียบร้อยแล้ว แต่เสื้อผ้าและคราบเลือดที่ล้างไม่ออก ยังคงบ่งบอกว่าที่นี่เคยเกิดเรื่องใดขึ้นเซี่ยเชียนฮวันพยายามเดินเลี่ยงขั้นบันไดที่แตกหัก แล้วปีนขึ้นไปยังที่สูง มองออกไปยังทิวทัศน์ที่เงียบสงบแห่งนี้“เซียวเย่หลัน!” นางลองเอ่ยเรียกเซียวเย่หลันดู “หากเจ้าได้ยินข้า จงตอบรับข้า หรือเคาะของที่อยู่ข้างกายให้ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่!”สิ่งที่ตอบนางกลับมามีเพียงสายลมอันเยือกเย็นเซี่ยเชียนฮวันยังไม่ยอมแพ้ นางปีนไปอีกยอดเขาหนึ่ง ตะโกนว่า “เซียวเย่หลัน หากเจ้ายังไม่ออกมา ข้าจะเอาสมบัติของเจ้าทั้งหลายมาเป็นของตน แล้วคลอดเด็กในท้องออกมา ให้เขาสืบทอดตำแหน่งจ้านอ๋องของเจ้า กลายเป็นทายาทคนเดียวของเจ้า และใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งในสมบัติที่เจ้าทิ้งไว้!”“เจ้าขี้ขลาด โง่เง่า เซียวเย่หลัน เจ้ายอมได้งั้นหรือ? เจ้าเป็นลูกผู้ชายหรือไม่?!”น้ำเสียงของนางแหบแห้ง อดไม่ได้ที่จะไอออกมาแต่รอบกายนอกจากเสียงลมแล้ว กลับไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดเซี่ยเชียนฮวันได้แต่คิดในใจว่า ด้วยนิสัยของเซีย