ทุกคนได้แต่ตกตะลึง แม้แต่องค์รัชทายาทเองก็ทำตัวไม่ถูกสายตาของเซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองไปยังใบหน้าของพวกเขาแต่ละคน แล้วชี้นิ้วไปที่โลงศพ “ข้าไม่สนใจว่าคนที่นอนอยู่ในโลงนี้จะเป็นใคร เพียงแค่ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นเซียวเย่หลัน ข้าจะไม่มีวันยอมรับแน่นอน”“พวกเจ้าจะนั่งร่ำไห้อยู่ที่นี่หรือรอฝังเขาลงดินก็ตามแต่พวกเจ้า ทว่าข้าจะใช้วิธีของตนเองในการตามเขากลับมาให้ได้”กล่าวจบ นางก็หันหลังจากไป!องค์รัชทายาทวิ่งตามไปอยู่หลายก้าว “น้องสะใภ้...”“อย่าได้ไปสนใจนางเลย” องค์ชายรองเข้าไปห้ามองค์รัชทายาทไว้ “นางไม่ฟังคำของเจ้าหรอก”“แต่นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ เราจะให้นางออกตามหาเพียงลำพังได้อย่างไร?”สีหน้าขององค์รัชทายาทดูเป็นกังวลองค์ชายรองกลับรู้สึกไม่รู้ไม่ชี้ “องค์รัชทายาทไม่เข้าใจสตรีเอาเสียเลย นางเพียงแค่เสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น อีกไม่นานก็กลับมาเอง”“น้องสะใภ้คนนี้ ไม่เหมือนคนอื่น”องค์รัชทายาทถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาก็บอกไม่ถูกว่านางแตกต่างกับคนอื่นอย่างไร แต่เซี่ยเชียนฮวันไม่เหมือนกับสตรีชั้นสูงที่เขาคุ้นเคยเหล่านั้น นางมีความคิดเป็นของตนเอง กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ตนคิดทำองค์ชายทั้งหลายนั
ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันเดินทางมาถึงหมู่บ้านฉางหยวน ก็เป็นเวลามืดแล้วในหมู่บ้านยังคงมีสภาพน่าสลดดังเดิม แม้ศพจะถูกจัดการจนเรียบร้อยแล้ว แต่เสื้อผ้าและคราบเลือดที่ล้างไม่ออก ยังคงบ่งบอกว่าที่นี่เคยเกิดเรื่องใดขึ้นเซี่ยเชียนฮวันพยายามเดินเลี่ยงขั้นบันไดที่แตกหัก แล้วปีนขึ้นไปยังที่สูง มองออกไปยังทิวทัศน์ที่เงียบสงบแห่งนี้“เซียวเย่หลัน!” นางลองเอ่ยเรียกเซียวเย่หลันดู “หากเจ้าได้ยินข้า จงตอบรับข้า หรือเคาะของที่อยู่ข้างกายให้ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่!”สิ่งที่ตอบนางกลับมามีเพียงสายลมอันเยือกเย็นเซี่ยเชียนฮวันยังไม่ยอมแพ้ นางปีนไปอีกยอดเขาหนึ่ง ตะโกนว่า “เซียวเย่หลัน หากเจ้ายังไม่ออกมา ข้าจะเอาสมบัติของเจ้าทั้งหลายมาเป็นของตน แล้วคลอดเด็กในท้องออกมา ให้เขาสืบทอดตำแหน่งจ้านอ๋องของเจ้า กลายเป็นทายาทคนเดียวของเจ้า และใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งในสมบัติที่เจ้าทิ้งไว้!”“เจ้าขี้ขลาด โง่เง่า เซียวเย่หลัน เจ้ายอมได้งั้นหรือ? เจ้าเป็นลูกผู้ชายหรือไม่?!”น้ำเสียงของนางแหบแห้ง อดไม่ได้ที่จะไอออกมาแต่รอบกายนอกจากเสียงลมแล้ว กลับไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดเซี่ยเชียนฮวันได้แต่คิดในใจว่า ด้วยนิสัยของเซีย
“แค่กๆๆ ...”เซี่ยเชียนฮวันผลักประตูเข้าไป กลิ่นฝุ่นผงและเชื้อราทำให้นางสำลักแทบอาเจียน จึงรีบยกมือขึ้นโบกดูเหมือนจะเป็นเพียงห้องธรรมดาทั่วไป มีแค่เตียง จอบและอุปกรณ์กลั่นสุรา“มีคนอยู่ไหม?” เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถามไม่มีเสียงตอบรับใดในห้องนี้เล็กมาก ไม่มีโต๊ะหรือตู้เตียงให้ได้หลบซ่อน หากในนี้มีคนอยู่ นางน่าจะเห็นได้ในทันทีเซี่ยเชียนฮวันตกอยู่ในความผิดหวังอีกครั้งแต่คิดดูแล้วก็ถูก อีกาสองตัวนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเซียวเย่หลันอยู่ที่ไหน? พวกมันก็แค่บินวนไปตามประสา นางกลับเหมือนคนบ้าที่ติดตามพวกมันมาอย่างมีความหวังนางหันหลังเตรียมตัวจากไปทันใดนั้นเอง ตอนข้ามผ่านธรณีประตู เซี่ยเชียนฮวันก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงถอยหลังกลับไปภายในห้องมีอุปกรณ์กลั่นสุราอยู่ นั่นหมายความว่าน่าจะมีโรงเก็บสุราน่ะสินางเม้มริมฝีปากแล้วย่อตัวลง พยายามอดทนต่อฝุ่นผงที่พื้นแล้วพิจารณาอย่างละเอียดจริงดังนั้น บริเวณเตียงเซี่ยเชียนฮวันพบกับทางเข้าโรงเก็บสุราเนื่องจากมีฝุ่นผงมากมาย ทางเข้าจึงไม่ต่างไปจากไม้แผ่นอื่นๆ หากไม่ได้จงใจหา คงไม่ง่ายที่จะพบมันในใจของเซี่ยเชียนฮวันเกิดความหวังขึ้นมาอีกค
“เซียวเย่หลัน ข้าเอง เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ? เจ้าไม่ได้ยินเสียงของข้า หรือไม่อาจพูดได้?"เซี่ยเชียนฮวันมองแล้วตบไปทางเขาด้วยท่าทีอันร้อนรนใจ จนกระทั่งตบไปถูกบาดแผลของเขา เซียวเย่หลันจึงส่งเสียงออกมาเบาๆ นางจึงได้หยุดลงห้องใต้ดินนี้มืดเหลือเกิน มองอะไรไม่ชัดเจน เซี่ยเชียนฮวันไม่อาจรู้ได้ว่าบาดแผลของชายหนุ่มเป็นเช่นไรตอนนี้นางทำได้เพียงดึงมือของเขา แล้วเดินไปยังทิศทางของเชือก "ข้าจะพาเจ้าขึ้นไป!"คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะรั้งนางเอาไว้ ไม่ให้เดินไปข้างหน้า"เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดไม่สามารถออกจากที่นี่ได้?"เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมา น้ำเสียงของนางดูเหมือนจะร้องไห้นางกลัวมาก ราวกับว่าทุกอย่างในที่มืดมิดนี้เป็นเพียงจินตนาการที่ไม่อาจพบกับแสงสว่างได้เกรงว่าเมื่อเจอแสงสว่างแล้วเขาจะหายไปแม้นางจะรู้ว่าความคิดเช่นนี้เกินจริง แต่ก็อดจะรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ชายหนุ่มยังคงไม่พูดคำใดออกมา ได้แต่กุมมือของเซี่ยเชียนฮวันเอาไว้ จากนั้นใช้นิ้วที่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงสั่นคลอนเขียนคำว่าอันตรายลงไปบนฝ่ามือของนางเซี่ยเชียนฮวันจึงได้เข้าใจ "เจ้าหมายความว่าข้างนอกอันตรายงั้นหรือ!"หมายความว่า ผู้นำสาย
โชคดีที่เซี่ยเชียนฮวันตามหาเขาเจอทันเวลาไม่อย่างนั้น หากปล่อยไปอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงยาม พิษจะกระจายไปทั่ว เซียวเย่หลันจะสูญเสียประสาทสัมผัสทุกอย่างไป และกลายเป็นเพียงแค่คนไร้ประโยชน์ที่ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น!ด้วยความเย่อหยิ่งของเซียวเย่หลัน ให้เขาใช้ชีวิตอยู่เหมือนซากศพเดินได้ เขาคงยินดีตายดีกว่า!บางทีอาจเพราะชีวิตเขายังไม่ถึงฆาต หรือสวรรค์ให้ความเมตตา ท่ามกลางเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ จึงส่งนกกาสองตัวมานำทาง ทำให้เซี่ยเชียนฮวันได้พบกับเขาขึ้นอีกครั้งหากมีเซี่ยเชียนฮวันอยู่ด้วย ต่อให้พิษหยั่งลึกเพียงใด ก็ยังพอมีความหวังอยู่ริบหรี่!"มาเถอะ ข้าจะพยุงเจ้าไปพักผ่อน"เซี่ยเชียนฮวันหาบริเวณที่ค่อนข้างสะอาดภายในห้อง จากนั้นเก็บกวาดขยะออกไป ใช้ฟางปูเป็นที่รองนั่ง ก่อนจะพยุงมือเซียวเย่หลันพาเขาไปนั่งนางรู้ว่าตอนนี้เซียวเย่หลันไม่ได้ยินคำพูดใด แต่ก็ยังเคยชินที่จะเอ่ยปากพูดกับเขาหลังจากที่เซียวเย่หลันพิงไปที่กำแพงนั่งลงเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้ทำการตรวจดวงตาที่เต็มไปด้วยพิษของเขาอย่างละเอียด ตอนนี้เกิดการอักเสบค่อนข้างมากและร่างกายก็อุณหภูมิสูงขึ้น ดูเหมือนจะเป็นไข้ สถานการณ์ไม่ดีนักห
ไข้สูงเช่นนี้ หากใช้วิธีในสมัยโบราณไม่อาจลดได้แน่นอนแต่ในมือของเซี่ยเชียนฮวันตอนนี้ไม่มียาใดๆ แม้นางจะรู้ว่ากลั่นออกมาอย่างไรแต่ก็ทำไม่ทันวิธีเดียวที่ทำได้ก็คือ ใช้เข็มหยกดำแต่นางเพิ่งจะได้มันมา ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช้อย่างไร หากผิดพลาดขึ้นมาอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตของเซียวเย่หลัน!ในตำราทั้งเจ็ดเล่มหมอผีเขียนเอาไว้ว่า ยิ่งเป็นเข็มที่เก่งกาจเพียงใด แต่ละครั้งที่ใช้ ผู้เป็นหมอจะสูญเสียพลังมากเซี่ยเชียนฮวันไม่แน่ใจว่าความสามารถของตนจะสามารถต่อสู้กับแรงสะท้อนกลับของเข็มหยกดำได้หรือไม่นางจึงไม่ได้ตัดสินใจโดยพลการเมื่อครู่นางไปขุดสมุนไพรมาจากป่าได้จำนวนไม่น้อย ลองไปต้มให้เซียวเย่หลันกินดูก่อน หากสามารถอาศัยพลังจากร่างกายของเขา โดยมียาสมุนไพรเหล่านี้มาช่วยแล้วทำให้อาการดีขึ้นได้เช่นนั้นก็คงจะดีผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงเซี่ยเชียนฮวันเดินถือถ้วยยาตรงเข้ามาทางเซียวเย่หลัน พยุงเขาให้ลุกขึ้นแล้วพูดเบาๆ ว่า "เจ้ารีบดื่มนี่เขาไปเถิด ดื่มเข้าไปก็ไม่เป็นไรแล้ว"แต่เนื่องจากสติของเซียวเย่หลันหลุดลอยไปแล้ว ต่อให้เซี่ยเชียนฮวันพยายามพยุงใบหน้าของเขาเอาไว้แล้วฝืนป้อนยาลงไป วินาทีต่อมายานั้น
ภายในเมืองหลวงณ ราชวังฮ่องเต้กำลังนั่งรับฟังรายงานเกี่ยวกับพิธีศพของจ้านอ๋องโดยกรมพิธีการด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม โดยนิ่งเงียบมิได้เอ่ยสิ่งใดเมื่อเสนาบดีกรมพิธีการกล่าวรายงานจบแล้ว เขาก็โน้มกายรอรับคำสั่ง ยืนอยู่เนิ่นนานแต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากฮ่องเต้"เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"องค์รัชทายาทกระซิบเตือน ฮ่องเต้จึงขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วกล่าวเบาๆ ว่า "ทำตามที่พวกเจ้าบอกเถิด จะต้องจัดให้ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี อย่าได้มีสิ่งใดผิดพลาด""พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"เสนาบดีกรมพิธีการราวกับยกภูเขาออกจากอก เขาไม่กล้าหยุดอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้เนิ่นนานจนเกินไป รีบถอยออกทันทีเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าขุนนางจะไม่กลัวเพราะเมื่อวานนี้ ข้าหลวงบางคนปากไวกล่าวว่าให้ฮ่องเต้ทรงทำพระทัย กลับแลกมาด้วยความโมโห แล้วออกคำสั่งให้สังหารทายาทของพวกเขาเสีย ทำเอาบรรยากาศดูเยือกเย็นลงทันทีแม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ได้แสดงออกถึงความรักทะนุถนอมเซียวเย่หลันเท่าไรนัก ส่วนจ้านอ๋องหรือเทพแห่งสงครามก็ได้รับหลังจากที่ เซียวเย่หลันทำสงครามชนะรบมาแล้ว จึงประทานให้เขาเพื่อที่จะได้ออกรบต่อไปแต่ถึงอย่างไรก็เป็นพ่อลูกกันในวันนี้เมื่อเซียวเย่หลันตาย
"พอได้แล้ว"ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ขึ้นเพื่อให้องค์ชายรองและองค์รัชทายาทหยุดทะเลาะกันทั้งสองคนจึงทำได้เพียงเงียบเสียงลงองค์ชายรองสังเกตดูสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ พบว่าแววตาของฮ่องเต้มืดมนลงไปไม่น้อยต่อมาฮ่องเต้จึงได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หากวันที่ฝังศพของเจ้าเจ็ดแล้วพระชายาจ้านอ๋องยังไม่ปรากฏกาย จงถอนตำแหน่งพระชายาจ้านอ๋องของนางเสียและอย่าให้นางกลับมาอีก"...ภายในกระท่อมร้างเซี่ยเชียนฮวันเปิดเสื้อผ้าของชายหนุ่มออกเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้ไม่ให้เสื้อผ้าของต้าเซี่ย ดูเหมือนกับเสื้อผ้าจากต่างถิ่นจากการคาดเดาของเซี่ยเชียนฮวัน คิดว่าเซียวเย่หลันคงจะสังหารชาวซีเหลียง แล้วอาศัยช่วงที่ดวงตาเขายังมองเห็น รีบถอดเสื้อผ้าของตนออกเปลี่ยนกับอีกฝ่าย ก่อนจะเอาร่างของอีกฝ่ายโยนลงไปที่เหว ใช้วิธีนี้ในการหลอกล่อชาวซีเหลียงว่าตนตกเหวตายไปแล้วปรากฏว่าอู่อันโหวและลูกน้องกลับพบศพของชาวซีเหลียงผู้นั้น ด้วยใบหน้าอันแหลกเหลวจึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเซียวเย่หลัน ด้วยเหตุนี้จึงพาศพนั่นกลับเมืองหลวง"เฮ้อ เจ้าน่ะเกือบจะตายอยู่ในสถานที่รกร้างไร้ผู้คนแห่งนี้เสียแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น กลับเป็นคนอื่น
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา