"เป็นเพราะมีเสด็จแม่คอยช่วยน่ะสิเพคะ"ก่อนหน้านี้เซี่ยเชียนฮวันได้ทำความรู้จักหมิงเฟยตอนอยู่ในจวนอ๋อง จึงเคยชินแล้วที่จะพูดเอาใจนาง หมิงเฟยยกมือขึ้นเล็กน้อย เป็นความหมายว่าเหล่านางในไม่ต้องตามมา นางก้าวเข้าไปช้าๆ แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเซี่ยเชียนฮวัน โน้มกายลงไปกระซิบว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องแย่ๆ นั่นของเจ้า นับแต่นี้เป็นต้นไป หากเจ้ากล้าฉุดหลันเออร์ลงไปย่ำแย่ด้วยอีก ข้าจะเอาชีวิตเจ้า" "หืม?"เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นมอง นางสบตากับแววตาที่เย็นชาของหมิงเฟยเช่นเดียวกับโอรสของนางหมิงเฟยเหลือบมองไปที่ท้องเซี่ยเชียนฮวัน "ข้ารู้ว่าลูกในท้องของเจ้าเป็นลูกใคร""เอ่อ..."เซี่ยเชียนฮวันอ้าปากค้างแต่ก็ยากจะปฏิเสธ นางทำได้เพียงยกมือขึ้นกุมท้องของตนหมิงเฟยหัวเราะหึๆ ออกมา "เจ้าไม่ต้องกังวลเช่นนั้น หากข้าต้องการสังหารลูกในท้องเจ้า ข้าคงทำไปตั้งนานแล้ว ไม่รอให้เจ้ามีวันนี้หรอก""เสด็จแม่เข้าใจลูกผิดไปแล้ว มีคนบางคนโกรธแค้นต่อลูกยิ่งนัก และต้องการใช้ท่านในการสังหารข้า"เซี่ยเชียนฮวันไม่รู้ว่าหมิงเฟยไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนแต่คาดว่าน่าจะเป็นซูอวี้เออร์เพราะการถูกสวมเขา ฝ่ายชายคงไม
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า"เซียวเย่หลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมอง แสงแดดส่องกระทบใบไม้สาดมายังใบหน้าของเขา ราวกับเคลือบไปด้วยทอง ช่างน่าหลงใหลเซี่ยเชียนฮวันจำต้องยอมรับว่าวินาทีนี้นางเองก็ถูกความหล่อเหลาของชายผู้นี้สะกดจิต"อาการของเสด็จพ่อเป็นอย่างไร"เซียวเย่หลันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ดึงสติเซี่ยเชียนฮวันที่ตกอยู่ในความครุ่นคิดกลับคืนมา"ก็ดีขึ้น" เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตอบ "มีชีวิตชีวาขึ้นมาก ในไม่ช้าก็หายดี""งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดี" เซียวเย่หลันยังคงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถาม "เจ้ามหาเสด็จพ่อ?""อืม”เซียวเย่หลันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถม้าไปนั่งลงข้างกายเซี่ยเชียนฮวัน จ้องไปยังใบรายชื่อในมือแล้วครุ่นคิดเมื่อสองวันก่อน ซูอวี้เออร์บอกว่าควรรีบนำรายชื่อนี้ส่งให้กับราชสำนัก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่บัดนี้เขาอยากฟังความคิดเห็นของเซี่ยเชียนฮวันดังนั้น เซียวเย่หลันจึงได้นำเรื่องที่เชลยซีเหลียงสารภาพออกมาให้กับเซี่ยเชียนฮวันฟังเซี่ยเชียนฮวันฟังเขาพูดจบก็เอ่ยโดยไม่ลังเล "รายชื่อนี้เจ้าจะนำส่งไปมิได้”"เพราะเหตุใด?"
"หึๆ ไม่ช้าก็เร็ว”เซี่ยเชียนฮวันพึมพำออกมาหมิงเฟยกล่าวไว้ได้ถูกต้องแล้ว ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทและพระชายาที่รักกันมากเพียงนั้น ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีพระชายารอง และยังต้องให้กำเนิดบุตรกับพระชายารองด้วยในตอนนั้น เซียวเย่หลันชื่นชอบซูอวี้เออร์เหลือล้น แต่เมื่อทนกับแรงกดดันของไทเฮาไม่ไหว ท้ายที่สุดแล้วจึงได้แต่งกับนาง แต่งตั้งให้เป็นพระชายาอ๋องต่อจากนี้เขาจะหาคนอื่นเข้ามาอีกก็ไม่แปลก"เจ้าคิดไปเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว"เซียวเย่หลันรู้สึกงุนงง เขาไม่ได้สนทนาในหัวข้อนี้ต่อในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงประตูหนานเฟิ่งของค่ายทหารใหญ่ เมื่อลงจากรถม้าแล้ว เซียวเย่หลันก็พาเซี่ยเชียนฮวันตรงเข้าไปในคุกที่คุมขังเชลยซีเหลียงเอาไว้เซี่ยเชียนฮวันเพิ่งเคยมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก เชลยซีเหลียงทั้งสองคนถูกมัดไว้กับเสาไม้ มองไปดูท่าทางเศร้าหมอง บาดแผลจากการถูกลงโทษเต็มร่างกายเมื่อพวกเขาเห็นเซียวเย่หลัน ก็ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า "ท่านจ้านอ๋อง เราสองคนได้บอกทุกอย่างที่รู้แก่ท่านแล้ว และบอกแล้วว่าจะยินดีทำสิ่งต่างๆ ให้ท่าน เหตุใดท่านจึงทรมานพวกเราอีก"“มีอีกหนึ่งคำถามที่พวกเจ้ายังไม่เคยตอบ"เซียวเย่หล
เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมานางเห็นแววตาของนักโทษทั้งสองคนจึงยิ้มขึ้นเล็กน้อย รู้ว่าพวกเขาไม่เห็นนางในสายตาไม่เป็นไร ประเดี๋ยวพวกเขาก็จะรู้เอง"เจ้าทั้งสองยังจำงูใหญ่ในป่าที่ทำให้พวกเจ้าตกใจเสียจนฉี่ราดได้หรือไม่" เซี่ยเชียนฮวันกอดอกถาม"เจ้ารู้ได้อย่างไร..."เมื่อได้ยินคำว่า ‘งูใหญ่’ พวกเขาก็ตกใจด้วยความกลัวตัวสั่นเซี่ยเชียนฮวันพูดขึ้นเบาๆ ว่า "เพราะในคืนนั้นข้าอยู่ข้างงูใหญ่นั่น เราเป็นพวกเดียวกัน""พวกเดียวกัน?"เชลยทั้งสองคนตกตะลึงหรือพระชายาอ๋องผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการฝึกงู!พวกเขารีบมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่ารอบกายไม่มีร่องรอยของงูยักษ์ จึงได้วางใจลงหนึ่งในนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แล้วอย่างไรเล่า บัดนี้พวกเราไม่กลัวมันแล้ว""ใช่แล้ว ความกล้าหาญของชาวซีเหลียงอยู่ในทุกอณูรูขุมขน เจ้าอย่าคิดเอางูมาทำให้พวกเราหวาดกลัว ไม่เป็นผลหรอก"อีกคนหนึ่งพูดขึ้นเซี่ยเชียนฮวันนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ พยักหน้าตอบว่า "ดี อีกเดี๋ยวข้าอยากรู้นักว่าจะยังปากแข็งเช่นนี้หรือไม่"ใบสั่งยาที่นางให้ผู้คุมคุกไปซื้อหาไม่ง่าย รออยู่เกือบทั้งคืนผู้คุ้มกันก็ยังไม่กลับมาเมื่อเ
หมู่บ้านฉางหยวน...เซี่ยเชียนฮวันไม่รู้จักที่แห่งนี้ แต่คาดว่าเซียวเย่หลันคงจะรู้"บัดนี้เจ้าสารภาพออกมาได้แล้ว นายน้อยของเจ้าคือใครกันแน่ อยู่ในที่แห่งหนใด"เซียวเย่หลันลุกขึ้นจากเก้าอี้เขาเข้าไปใกล้เชลยทั้งสองแล้วมองเข้าไปด้วยแววตาอันเยือกเย็น"นายน้อย..."หนึ่งในนั้นเพิ่งอ้าปากเอ่ยได้สองคำ จู่ๆ เขาก็ตาเหลือก ลิ้นจุกปากพูดไม่ออกราวกับเป็นใบ้เซียวเย่หลันขมวดคิ้วหันไปมองอีกคนหนึ่ง พบว่ามีอาการเช่นเดียวกันชั่ววินาทีนี้ใบหน้าของทั้งคู่กลายเป็นสีม่วง เลือดค่อยๆ ไหลออกจากรูหูรูจมูก"แย่แล้ว พวกเขาถูกวางยาพิษ!"เซี่ยเชียนฮวันรีบวิ่งเข้าไปจับชีพจรให้แก่ทั้งสองแต่พิษแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยเชียนฮวันไม่ทันได้ช่วยพวกเขาแก้พิษด้วยเวลาไม่กี่วินาที เชลยทั้งสองก็สิ้นใจลงกะทันหัน"เจ้าให้ยาพิษพวกเขาดื่มหรือ?" เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันเหล่ตามองเขา "จะเป็นไปได้อย่างไร ในร่างกายของพวกเขามีพิษซ่อนอยู่ บัดนี้ถึงเวลาที่พิษจะแสดงอาการออกมาพอดี”กล่าวจบเซี่ยเชียนฮวันก็รู้สึกเสียใจเช่นกันก่อนหน้าที่นางจะกรอกยาทั้งสอง ควรดูสภาพร่างกายให้ชัดเจนเสียก่อนเพราะนางคิดไม่ถึงว่าทั้ง
วันต่อมาเมื่อเซี่ยเชียนฮวันตื่นขึ้น นางไม่รู้ว่าเซียวเย่หลันเป็นคนอุ้มนางกลับมาที่จวน และไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ ได้แต่เดินทางเข้าพระราชวังทันทีแต่ครั้งนี้นางไม่ได้ไปดูอาการให้แก่ฮ่องเต้กลับเดินทางมาที่วังบูรพาเพื่อตรวจดูร่างกายของพระราชนัดดาน้อย จากนั้นพาเขาไปวังหย่งโซ่วเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮา"เสด็จย่าทวด!"พระราชนัดดาน้อยเห็นไทเฮาก็รีบวิ่งเข้าไปกอดที่เข่าของนางทันที พุงน้อยๆ กระเด้งไปมา ทำเอาเสียไทเฮาหัวเราะไม่หยุดเซี่ยเชียนฮวันทำการคารวะไทเฮาแล้วนั่งลงข้างๆ ยิ้มขึ้นกล่าวว่า "เสด็จป้าเพคะ ได้ยินพระชายาองค์รัชทายาทกล่าวว่าท่านไม่ได้เจอพระราชนัดดาน้อยหลายวันแล้ว จึงได้พาเขามาให้ท่านเล่น"พระราชนัดดาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พึงพอใจ ยกมือขึ้นเท้าสะเอวอันอ้วนท้วมของเขา "ข้าไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวสักหน่อย เหตุใดจึงบอกว่าจะเอาข้ามาเล่น!"เขาพยายามเลียนแบบท่าทางของเสด็จปู่ที่ดูน่าเกรงขาม ประกอบกับสีหน้าอันจริงจังและร่างกายอ้วนท้วมของเขา จึงทำให้น่าขันมากกว่าเดิมไทเฮาหัวเราะขึ้นอย่างมีความสุขว่า "เอาละ เอาละ ข้าไม่ล้อเจ้าเล่นแล้ว อยากกินอะไร? ย่ามีของอร่อยๆ มากมาย"ไทเฮาเป็นเช่นเดียวกับย
"เคยเจอเพคะ นางยังเคยพูดถึงท่านป้าอยู่ด้วย"ในเมื่อเซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าไทเฮาเอ่ยถามถึงหลิวไท่เฟยด้วยตนเอง นางจึงได้ตั้งใจพูดต่อใบหน้าของไทเฮาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไรนัก นางยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า"งั้นหรือ? นางกล่าวถึงข้าว่าอย่างไร?""หลิวไท่เฟยกล่าวว่า ในตอนนั้นท่านป้าเห็นว่านางอายุยังน้อยจึงได้ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงซาบซึ้งในบุญคุณของท่านเสมอมา" เซี่ยเชียนฮวันพูดด้วยท่าทีอันออดอ้อนไทเฮาพยักหน้า ไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ ออกมา ก่อนจะกล่าวขึ้นต่อไปว่า "ตอนที่นางถูกส่งไปภูเขาจื่อเสีย อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า อยู่ในวัยรุ่งเรืองแท้ๆ กลับต้องไปเฝ้าที่สุสานจักรพรรดิ น่าเห็นใจเหลือเกิน""ท่านป้า...""อ้อ ห้าวเออร์กลับมาแล้วรึ" ไทเฮายื่นมือชี้ออกไป ริมฝีปากเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและความเมตตาเหมือนในความทรงจำตอนเด็กของเซี่ยเชียนฮวันไม่เปลี่ยนแปลงพระราชนัดดาน้อยกระโดดกระเด้งเข้ามาแล้วกอดไปที่เข่าของไทเฮา "เสด็จย่าทวด ข้าหิวเหลือเกิน!""เช่นนั้นเจ้าลองถามอาสะใภ้ของเจ้าดูก่อน ว่านางอนุญาตให้เจ้ากินขนมหรือไม่" ไทเฮาหยอกล้อเขาเล่น"ท่านพี่ ข้าอยากกินขนมเหลียนฮวาได้หรือไม่?"
หลังจากที่เซียวเย่หลันหายตัวไปแล้ว พวกเขาก็ตามหาอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเย่ซิ่นไม่รู้จะทำเช่นไรจึงเดินทางมารายงานเซี่ยเชียนฮวันเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ สมองของนางก็ว่างเปล่า ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว นางตกตะลึงโดยพูดไม่ออกเป็นเวลาเนิ่นนานหรือเซียวเย่หลันจะ...ไม่ เป็นไปไม่ได้ก็แค่หาเขาไม่เจอเป็นการชั่วคราวเท่านั้นเอง บางทีเขาอาจจะ ไล่ล่าผู้นำซีเหลียงคนนั้นไปยังที่ห่างไกลจึงหาไม่เจอเซี่ยเชียนฮวันสับสนมาก แต่นางยังคงโน้มกายลงไปพยุงเย่ซิ่นให้ลุกขึ้น กล่าวเบาๆ ว่า "ไม่ต้องกังวล เซียวเย่หลันดวงแข็งจะตายไป เขาไม่เกิดเรื่องง่ายๆ หรอก บัดนี้บาดแผลบนร่างกายเจ้าก็ร้ายแรงเช่นกัน เรากลับจวนก่อน ข้าจะทำแผลให้เจ้าแล้วออกตามหาเขาด้วยกัน""เป็นความผิดของข้าน้อย ข้าน้อยปกป้องท่านอ๋องได้ไม่ดี..."ปกติแล้วเย่ซิ่นเป็นองครักษ์ที่ท่าทีใจเย็นและจริงจัง บัดนี้เขากลับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยปลอบโยนว่า "เจ้าพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เรื่องเช่นนี้คงไม่มีใครคาดเดาได้ล่วงหน้า”ในสนามล่าสัตว์มีสายลับของซีเหลียงเส