ถึงแม้อันติ้งโหวจะเอาเรื่องที่ซูอวี้เออร์ที่เป็นอนุภรรยาแต่กลับไม่ยอมคารวะ รายงานต่อฮ่องเต้ แต่ซูอวี้เออร์ก็เชื่อว่าเซียวเย่หลันจะปกป้องนางอย่างแน่นอนเพียงแต่ เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงเพียงใด ถ้าหากเซียวเย่หลันกับฮ่องเต้ขัดแย้งกันเพราะเรื่องนี้ นางก็อาจจะสูญเสียพระคุณที่มีไป ถึงตอนนั้นแม้ว่านางจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปีนขึ้นไปหาเซียวเย่หลัน และเข้าสู่จวนจ้านอ๋องอีกครั้ง แต่ทว่าก็คงไม่มีความหมายอะไร...ซูอวี้เออร์กัดฟันแน่น หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพัก นางก็ทำได้เพียงอดทนต่อการยั่วโมโหของเซี่ยเชียนฮวัน นางโค้งกายคำนับ “อวี้เออร์คารวะพระชายา”“คารวะมารดาข้าด้วยน้ำชาสิ”เซี่ยเชียนฮวันวางแก้วชาลงบนโต๊ะ กวักมือเรียกเสี่ยวตง ให้นำชาร้อนๆ แก้วใหม่เข้ามาซูอวี้เออร์พลันตะลึง “เหตุใดข้าถึงต้อง...”“ข้าเคยบอกแล้วว่า เจ้าเป็นอนุภรรยา ส่วนข้าคือนายหญิง มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าควรจะรับใช้ข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรับใช้มารดาข้า”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวตัดบทตอนนั้นเอง เสี่ยวตงก็ส่งชาร้อนให้ซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบแก้วชาขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”เซียวเย่หลันเห็นมือของซูอวี้เออร์เป็นรอยแดง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาซูอวี้เออร์แสดงสีหน้าเสียใจ กล่าวเสียงสะอื้นว่า “วันนี้ฮูหยินอันติ้งโหวมาเยือน พระชายาก็ยืนกรานให้ข้าคุกเข่ายกชาคารวะมารดานาง มอบชาร้อนที่ปริ่มแก้วให้ข้า ตอนที่ข้าคุกเข่า ชาร้อนนั่นก็หกออกมา มือทั้งสองข้างของข้าจึงพองเช่นนี้”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”เซียวเย่หลันขมวดคิ้วแน่นคิดไม่ถึงเลยว่า พอผู้หญิงคนนี้กลับมา ก็กล้าหาเรื่องให้เขาทันที“พระชายาบอกว่าข้าเป็นเพียงอนุ ไร้ชื่อไร้ฐานะ ควรคุกเข่ารับใช้นางกับมารดา มิฉะนั้นจะให้อันติ้งโหวเขียนหนังสือถวายฝ่าบาท” ซูอวี้เออร์น้ำตาไหลออกมาเซียวเย่หลันจับมือนางอย่างอ่อนโยน “เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ใคร”“แต่พวกนางพูดถูก ในจวนนี้ ท้ายที่สุดแล้วข้าก็เป็นแค่คนต่ำต้อย ไม่ว่าภายนอกจะดูรุ่งเรืองอย่างไร แต่สถานะของข้าก็เหนือกว่าสาวใช้เล็กน้อย”ซูอวี้เออร์ถอนหายใจเบาๆ ในคำพูด ล้วนแฝงความนัยนางอยากได้ตำแหน่งพระชายารองแม้จะดีไม่เท่าตำแหน่งพระชายาของเซี่ยเชียนฮวัน แต่ตราบใดที่เป็นพระชายารอง ก็เท่ากับว่านางมีชื่อเสียงอย่างแท้จริงหลังจากกลับไปที่เรือนจิ่นซิ่ว
“ที่แท้ก็ออกหน้าเพื่อซูอวี้เออร์”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียดสี ขณะคัดแยกสมุนไพรในมือต่อและถือโอกาส ผลักตำราเจ็ดเล่มหมอผีบนโต๊ะไปไว้ด้านข้าง ปล่อยให้สมุนไพรปิดทับมัน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นเซียวเย่หลันเดินไปที่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น และเอื้อมมือไปจับข้อมือนางไว้แน่น “อวี้เออร์เป็นผู้มีพระคุณของข้า นางไม่เคยคุกเข่าต่อหน้าข้า เจ้ากล้าให้นางคุกเข่าให้มารดาเจ้าได้อย่างไร ซ้ำยังทำน้ำร้อนลวกมือนางอีก!”เซี่ยเชียนฮวันเบะปาก ก่อนจะปล่อยสมุนไพรในมือออก แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา“ข้าอยากถามท่านอ๋องว่าท่านรู้หรือไม่ ว่าตอนที่ข้าไปภูเขาจื่อเสีย ท่านพ่อท่านแม่เคยมาขอเข้าพบท่านที่จวนจ้านอ๋องอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่เคยเห็นท่านแม้แต่ครั้งเดียว”เซียวเย่หลันดวงตาเย็นชา “ถ้าไม่พอใจข้า ก็มาลงที่ข้า ไม่ใช่ไปแก้แค้นอวี้เออร์ผู้บริสุทธิ์”“ผู้บริสุทธิ์”เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะ และยิ้มอย่างเย็นชานางมองผู้ชายคนนี้ซึ่งเข้าข้างผู้อื่นอยู่เรื่อยแล้วกล่าวว่า “พูดแบบนี้แสดงว่า ที่ซูอวี้เออร์ขวางท่านพ่อท่านแม่ข้า พูดจาเย็นชาใส่หน้าพ่อแม่ข้าที่หน้าประตูจวน สร้างความอับอายให้กับพวกท่าน ทำให้แม่ข้าเป็นโรคซึมเศร้า ทั
“บ่าวได้ยินพี่ชายบอกว่า ท่านอ๋องจับชาวซีเหลียงกลับมาได้สองคนจากสนามล่าสัตว์ พวกเขากลับใจหันเข้าเป็นพรรคพวกท่านอ๋อง แต่บางคำพูดก็ยังเชื่อถือไม่ได้ เพื่อที่จะได้เค้นความจริงจากปากของพวกเขา ช่วงนี้ท่านอ๋องจึงปวดหัวยิ่งนัก"เสี่ยวตงกล่าวเซี่ยเชียนฮวันได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงหึๆ ออกมา "สมน้ำหน้าเขา"ชายที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดอย่างเขา โดนลงโทษบ้างก็สมควรแล้วเสี่ยวตงถอนหายใจออกมา "ตอนที่เหนียงเหนียงไม่ได้อยู่ในจวน ท่านอ๋องเอาแต่ออกไปฝึกทหาร ไม่ค่อยได้อยู่ในจวนเท่าไรนัก ดูเหมือนเขาคงไม่ได้มีความสุขเท่าไรหรอกเพคะ""เอาเถอะ เรื่องพวกนี้พี่ชายเจ้าบอกกับเจ้าไม่ใช่หรือ เขาต้องการให้เซียวเย่หลันคืนดีกับข้า ดังนั้นจึงได้พูดเข้าข้างเซียวเย่หลัน เราแค่ฟังก็พอ ไม่ต้องเอามาใส่ใจ"เซี่ยเชียนฮวันตบบ่าของเสี่ยวตงเบาๆ แล้วกลับไปนั่งหน้าโต๊ะอีกครั้ง หยิบครกออกมาตำยาเสี่ยวตงได้แต่เงียบลงไม่ได้พูดอะไรอีก..….วันต่อมาเซี่ยเชียนฮวันเดินทางเข้าพระราชวัง หลังจากจับชีพจรให้ฮ่องเต้แล้ว ก็ได้นำยาที่ปรุงไว้เมื่อวานออกมา "เสด็จพ่อเพียงกินยาสองอย่างนี้จนหมด พระวรกายก็จะดีขึ้นเองเพคะ""อืม ดียิ่งนักที่เจ้า
"ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ! ลูกไม่เลือกมาก เงินทอง เพชรนิลจินดาได้ทั้งสิ้น หรือจะเป็นยาล้ำค่าหายากก็ย่อมได้เพคะ!" เซี่ยเชียนฮวันรีบคุกเข่าลงเพื่อเตรียมรับรางวัล!ฮ่องเต้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเพราะท่าทีของนาง โบกพระหัตถ์ขึ้นกล่าวว่า "เอาล่ะ เหอปิ่งหยวน พาพระราชชายาจ้านอ๋องไปเลือกของที่หอเจินเป่าสักสองสามชิ้นเถิด""พ่ะย่ะค่ะ"เหอกงกงยิ้มแล้วโค้งกายน้อมรับคำสั่งเขาเดินนำเซี่ยเชียนฮวันออกจากห้องพระบรรทมของฮ่องเต้ พูดด้วยน้ำเสียงยินดีว่า "พระชายาอ๋องโชคดีเหลือเกิน สามารถเข้าไปเลือกของได้ตามอำเภอใจในหอเจินเป่า ผู้ที่ฮ่องเต้ประทานสิทธิ์นี้ให้ นอกจากองค์รัชทายาทแล้วท่านเป็นคนแรก""จริงหรือ? ในครานั้นองค์รัชทายาททำสิ่งใดจึงได้รับรางวัล" เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถามเหอกงกงตอบด้วยรอยยิ้ม "ในตอนนั้นฝ่าบาทพร้อมกับขุนนางกลุ่มใหญ่เข้าไปทดสอบความรู้ในห้องเรียนขององค์ชายทั้งหลาย มีเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้นซึ่งตอบคำถามยากที่สุดได้ ทำให้ฮ่องเต้ทรงปลาบปลื้ม ประทานรางวัลให้องค์รัชทายาทเข้าไปเลือกของที่ตนต้องการในหอเจินเป่า""เช่นนี้นี่เอง"เซี่ยเชียนฮวันรุ่นคิดอยู่ในใจ คงเหมือนกับการที่พ่อแม่ให้ลูกของต
"ใช่แล้ว ข้าไม่ต้องการอย่างอื่น ข้าต้องการเพียงเข็มกล่องนี้"เซี่ยเชียนฮวันรู้ดีว่าเข็มในกล่องนี้มีคุณค่าเพียงใด นางประคองไว้ในมือด้วยความระมัดระวัง เกรงว่าจะมีใครมาแย่งไป และไม่กล้าไปเลือกของอย่างอื่นอีกในสายตาของเหอกงกง กลับมองว่าเซี่ยเชียนฮวันเกรงว่าตนจะเลือกของล้ำค่าซึ่งฮ่องเต้ทรงโปรดปรามมาก จึงได้เอ่ยโน้มน้าวว่า "เหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนั้นหรอก แคว้นต้าเซี่ยของเรามั่งคั่งหนักหนา ในคลังสมบัติของฝ่าบาทมีของล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน เหนียงเหนียงเอาไปสักไม่กี่ชิ้น ฝ่าบาทไม่ว่าอะไรหรอก""ไม่เป็นไรจริงๆ เข็มนี้สามารถช่วยข้าให้มีทักษะทางการแพทย์สูงขึ้นได้ เท่านี้ก็พอแล้ว"เซี่ยเชียนฮวันส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อเห็นท่าทีของนางจริงจังดังนั้น เหอกงกงจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่โบกมือเรียกขันทีผู้ดูแลรับใช้ในหอเจินเป่าเข้ามา เปิดบันทึกรายการสมบัติแล้วใช้พู่กันจุ่มลงไปในน้ำหมึก ขีดทับตรงชื่อ "เข็มสีดำ"เหอกงกงวางสมุดบันทึกรายการสมบัติลง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "พระชายาอ๋อง บัดนี้ท่านดูรู้ความยิ่งกว่าองค์รัชทายาทเสียอีก”“เพียงเท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว"เซี่ยเชียนฮวันยิ้มแล้วกล่า
"เป็นเพราะมีเสด็จแม่คอยช่วยน่ะสิเพคะ"ก่อนหน้านี้เซี่ยเชียนฮวันได้ทำความรู้จักหมิงเฟยตอนอยู่ในจวนอ๋อง จึงเคยชินแล้วที่จะพูดเอาใจนาง หมิงเฟยยกมือขึ้นเล็กน้อย เป็นความหมายว่าเหล่านางในไม่ต้องตามมา นางก้าวเข้าไปช้าๆ แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเซี่ยเชียนฮวัน โน้มกายลงไปกระซิบว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องแย่ๆ นั่นของเจ้า นับแต่นี้เป็นต้นไป หากเจ้ากล้าฉุดหลันเออร์ลงไปย่ำแย่ด้วยอีก ข้าจะเอาชีวิตเจ้า" "หืม?"เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นมอง นางสบตากับแววตาที่เย็นชาของหมิงเฟยเช่นเดียวกับโอรสของนางหมิงเฟยเหลือบมองไปที่ท้องเซี่ยเชียนฮวัน "ข้ารู้ว่าลูกในท้องของเจ้าเป็นลูกใคร""เอ่อ..."เซี่ยเชียนฮวันอ้าปากค้างแต่ก็ยากจะปฏิเสธ นางทำได้เพียงยกมือขึ้นกุมท้องของตนหมิงเฟยหัวเราะหึๆ ออกมา "เจ้าไม่ต้องกังวลเช่นนั้น หากข้าต้องการสังหารลูกในท้องเจ้า ข้าคงทำไปตั้งนานแล้ว ไม่รอให้เจ้ามีวันนี้หรอก""เสด็จแม่เข้าใจลูกผิดไปแล้ว มีคนบางคนโกรธแค้นต่อลูกยิ่งนัก และต้องการใช้ท่านในการสังหารข้า"เซี่ยเชียนฮวันไม่รู้ว่าหมิงเฟยไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนแต่คาดว่าน่าจะเป็นซูอวี้เออร์เพราะการถูกสวมเขา ฝ่ายชายคงไม
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า"เซียวเย่หลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมอง แสงแดดส่องกระทบใบไม้สาดมายังใบหน้าของเขา ราวกับเคลือบไปด้วยทอง ช่างน่าหลงใหลเซี่ยเชียนฮวันจำต้องยอมรับว่าวินาทีนี้นางเองก็ถูกความหล่อเหลาของชายผู้นี้สะกดจิต"อาการของเสด็จพ่อเป็นอย่างไร"เซียวเย่หลันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ดึงสติเซี่ยเชียนฮวันที่ตกอยู่ในความครุ่นคิดกลับคืนมา"ก็ดีขึ้น" เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตอบ "มีชีวิตชีวาขึ้นมาก ในไม่ช้าก็หายดี""งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดี" เซียวเย่หลันยังคงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถาม "เจ้ามหาเสด็จพ่อ?""อืม”เซียวเย่หลันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถม้าไปนั่งลงข้างกายเซี่ยเชียนฮวัน จ้องไปยังใบรายชื่อในมือแล้วครุ่นคิดเมื่อสองวันก่อน ซูอวี้เออร์บอกว่าควรรีบนำรายชื่อนี้ส่งให้กับราชสำนัก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่บัดนี้เขาอยากฟังความคิดเห็นของเซี่ยเชียนฮวันดังนั้น เซียวเย่หลันจึงได้นำเรื่องที่เชลยซีเหลียงสารภาพออกมาให้กับเซี่ยเชียนฮวันฟังเซี่ยเชียนฮวันฟังเขาพูดจบก็เอ่ยโดยไม่ลังเล "รายชื่อนี้เจ้าจะนำส่งไปมิได้”"เพราะเหตุใด?"
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา