“คนที่ควรแต่งงานกับท่านไม่ใช่ข้าตั้งแต่แรก”เซี่ยเชียนฮวันพูดอย่างเกลียดชังกล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่ยอมมองหน้าเขาอีก เซียวเย่หลันหน้าเปลี่ยนสี ก้าวตามไปสองก้าว “เซี่ยเชียนฮวัน ที่เจ้าพูดหมายถึงอะไร?”อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับคําตอบ และทำได้เพียงยืนอยู่กับที่ด้วยความสับสน จ้องมองชายกระโปรงของนางปลิวไสว วิ่งจากไปเนื่องจากใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาว ศาลาชิวเย่ จึงเย็นกว่าปกติเป็นพิเศษ เซี่ยเชียนฮวันนั่งอยู่ในศาลากลางทะเลสาบ แกว่งเท้าเล็กและบอบบางคู่นั้นเหนือบ่อน้ำ เงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ ขณะที่ในใจเต็มไปด้วยความผิดหวังที่ไม่อาจบรรยายได้“แม้นมีความรู้สึกนานัปการ แต่จักกล่าวให้ใครฟัง...”นางรำพึงรำพันออกมา ทันใดนั้นก็พบว่าในยามที่ตัวเองน้อยใจ จะหาคนที่จริงใจสักคนมาพูดคุยด้วยก็ไม่มี ทันใดนั้นเซี่ยเชียนฮวันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ตามมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ของบุรุษผู้หนึ่ง “หากน้องสะใภ้กังวลสิ่งใด ก็สามารถบอกกล่าวแก่ข้าได้”“ใคร?”เซี่ยเชียนฮวันหันไปมองด้วยความประหลาดใจ ผู้ที่เดินมาจากด้านหลังก็คือองค์ชายห้า เซียวจ้านเซียวจ้านถือพับจีบที่สวยงามไว้ในมือ ร่างกายแผ่กลิ
“ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นพี่ห้ากับน้องสะใภ้นี่เอง”ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาก็ทำลายการคุยเล่นระหว่างเซี่ยเชียนฮวันกับเซียวจ้านเซียวจ้านสะดุ้งเล็กน้อย และหันกลับไปมอง ก่อนจะกล่าวอย่างเนือยๆ ว่า “เจ้าหก!เหตุใดเจ้าถึงเดินมาเงียบๆ เช่นนี้ ทำตัวคล้ายโจรไปได้”ผู้มาใหม่ก็คือองค์ชายหกปกติเขาไม่ค่อยมีตัวตน แต่ในเวลานี้คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย สีหน้าดูไม่พอใจ เขามองเซี่ยเชียนฮวันทีเซียวจ้านที ราวกับว่าพวกเขากำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่“ในเมื่อพี่หกมาแล้ว เช่นนั้นข้าไม่อยู่รบกวนการสนทนากันระหว่างพี่น้องของพวกท่าน ข้าขอกลับห้องไปก่อน เชิญพวกท่านคุยกันตามสบาย”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าบรรยากาศนั้นละเอียดอ่อน จึงรีบขอตัวจากไปก่อน เพื่อเลี่ยงปัญหา นางกระโดดกลับไปที่พื้น ยกมือคำนับเซียวจ้าน จับมุมกระโปรงแล้วเดินจากไปโดยไม่หันมามองเซียวจ้านโบกมืออย่างยิ้มๆ รอจนเซี่ยเชียนฮวันเดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าจึงค่อยๆ หายไป กลับคืนสู่สภาพขี้เล่นตามปกติ“พี่ห้า ท่านควรดูแลตัวเอง พระชายาจ้านอ๋องเป็นน้องสะใภ้เรา หาใช่นางกำนัลในวังที่ท่านจะเจ้าชู้อย่างไรก็ได้” องค์ชายหกกล่าวเสียงขรึมเซียวจ้านเหลือบมองเขาอย่างเก
เซี่ยเชียนฮวันถูกพลิกไปมาทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางยังต้องลุกขึ้นดูแลฮ่องเต้ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาการป่วยของฮ่องเต้จะดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่ไม่เร็วจนเกินไปแม้จะมีรอยคล้ำที่ใต้ตา แต่ในที่สุดนางกลับมาถึงจวนจ้านอ๋องจนได้“พระชายา!”เสี่ยวตงที่กลับมาก่อนก็ดีใจมาก นางวิ่งออกมาต้อนรับทันทีเซี่ยเชียนฮวันยิ้มน้อยๆ และจับมือนาง หลังจากที่พักผ่อนในหอหลันเซียงสักพัก นางก็ทนไม่ไหวรีบไปยังโรงหมอที่เมืองตะวันตก และทำการเปิดใหม่อีกครั้งผู้คนในละแวกนั้นเกือบจะจุดประทัดเพื่อเฉลิมฉลองในขณะที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังยุ่ง จู่ๆ ก็เห็นชิวหมิ่นเจ้าของร้านสาวของหอฮวาเยว่เดินยิ้มเข้ามา นางหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมา แล้วส่งให้นาง “มีคนฝากมาให้เจ้า”“ให้ข้า?”เซี่ยเชียนฮวันแสดงสีหน้าประหลาดใจ นางรับหนังสือเล่มเล็กจากมือของชิวหมิ่นซึ่งไม่มีแม้แต่ปกชิวหมิ่นพูดสบายๆ ว่า “คนคนนั้นบอกว่าถ้าหากเจ้าสามารถกลับมาจากภูเขาจื่อเสียได้ แสดงว่าเจ้ามีโชคชะตากับสิ่งนี้ และให้ข้ามอบมันให้กับเจ้า”“แปลกมาก”ก่อนหน้านี้เซี่ยเชียนฮวันยังคิดว่าคงเป็นคนป่วยที่นางเคยรักษาทิ้งของขวัญไว้ให้ แต่พอได้ฟั
“ตอนที่ไปล่าสัตว์ ข้าจับสายลับชาวซีเหลียงได้สองคน ตอนนี้พวกเขาลี้ภัยกับข้า และนี่คือสิ่งที่พวกเขามอบให้”เซียวเย่หลันรู้สึกปวดหัวจนนวดหว่างคิ้วซูอวี้เออร์กล่าวอย่างประหลาดใจ “เป็นไปได้ไหมว่า รายชื่อบนกระดาษล้วนเกี่ยวข้องกับชาวซีเหลียง?”“ใช่แล้ว”เซียวเย่หลันพยักหน้ารายชื่อเหล่านี้ไม่ใช่ขุนนางที่มีอำนาจ แต่เมื่อนำมารวมกันแล้ว กลับมีน้ำหนักอยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนขององค์รัชทายาท หากเขานำรายชื่อเหล่านี้ไปมอบให้กับฮ่องเต้ เกรงว่าราชสำนักคงถึงคราวสั่นสะเทือน ถึงตอนนั้นคงมีบางคนฉวยโอกาสเล่นงานองค์รัชทายาท และอาจจะมีคนยุยงฮ่องเต้ได้ ซูอวี้เออร์พูดอย่างกังวลใจว่า “ท่านอ๋อง เรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ท่านควรจะมอบรายชื่อพวกนี้ให้ฝ่าบาทโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นถ้าหากข่าวนี้รั่วไหลออกไป อาจจะมีบางคนที่อยากปิดปาก และลงมือทำบางอย่างขึ้น”“วางใจเถอะ ไม่มีใครสามารถปิดปากข้าได้” เซียวเย่หลันหัวเราะเบาเบา ก่อนตบหลังมือซูอวี้เออร์ “เจ้าอยู่ข้างกายข้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”“ในเมื่อท่านอ๋องพูดเช่นนี้ อวี้เออร์ก็ไม่กังวลแล้ว” ซูอวี้เออร์กล่าวเสียงอ่อนโยน“ข้าต้องไปสอบปาก
วันนี้ เซี่ยเชียนฮวันเชิญฮูหยินอันติ้งโหวมาที่จวนจ้านอ๋อง เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของฮูหยินอันติ้งโหว เซี่ยเชียนฮวันก็รู้ว่า ช่วงเวลาที่นางจากเมืองหลวงไปนั้น มารดาของนางคงเป็นห่วงทุกเช้าค่ำ และกังวลว่าเมื่อนางอยู่บนภูเขาจื่อเสียจะกินไม่อิ่ม สวมเสื้อผ้าไม่อบอุ่น“ท่านแม่ ที่ผ่านมาลำบากท่านแล้ว”เซี่ยเชียนฮวันจับมือฮูหยินอันติ้งโหว กล่าวเสียงเบาฮูหยินอันติ้งโหวถอนหายใจ “ข้าลำบากที่ไหนกัน? เป็นเจ้ามากกว่า ตั้งแต่เด็กจนโตเคยลำบากเสียที่ไหน แต่จู่ๆ ก็ถูกส่งไปสวดมนต์ขอพรที่ภูเขาอันห่างไกลนั่น ทั้งที่ยังตั้งครรภ์อยู่ มันทําให้ข้ากังวลจริงๆ”“อันที่จริงได้ไปสถานที่แบบนั้นก็ได้มีโอกาสออกกำลังกายเป็นครั้งคราวเหมือนกัน ซึ่งมันดีต่อสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์! ท่านดูข้าสิ ตอนนี้เอวข้าไม่เจ็บแล้ว แถมมือยังแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าข้าก็จะคลอดลูกแล้ว โอกาสที่จะคลอดลูกยากก็ลดลง” เซี่ยเชียนฮวันยิ้มพลางพับแขนเสื้อขึ้น แสดงแขนขาวสะอาดให้มารดาดูฮูหยินอันติ้งโหวโบกมืออย่างจนใจ แต่ก็ทำให้นางคลายความกังวลลงไปมาก “เอาล่ะๆ พูดอะไรโง่ๆ เช่นนั้น เจ้าจะต้องคลอดลูกได้อย่างราบรื
ถึงแม้อันติ้งโหวจะเอาเรื่องที่ซูอวี้เออร์ที่เป็นอนุภรรยาแต่กลับไม่ยอมคารวะ รายงานต่อฮ่องเต้ แต่ซูอวี้เออร์ก็เชื่อว่าเซียวเย่หลันจะปกป้องนางอย่างแน่นอนเพียงแต่ เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงเพียงใด ถ้าหากเซียวเย่หลันกับฮ่องเต้ขัดแย้งกันเพราะเรื่องนี้ นางก็อาจจะสูญเสียพระคุณที่มีไป ถึงตอนนั้นแม้ว่านางจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปีนขึ้นไปหาเซียวเย่หลัน และเข้าสู่จวนจ้านอ๋องอีกครั้ง แต่ทว่าก็คงไม่มีความหมายอะไร...ซูอวี้เออร์กัดฟันแน่น หลังจากใคร่ครวญอยู่สักพัก นางก็ทำได้เพียงอดทนต่อการยั่วโมโหของเซี่ยเชียนฮวัน นางโค้งกายคำนับ “อวี้เออร์คารวะพระชายา”“คารวะมารดาข้าด้วยน้ำชาสิ”เซี่ยเชียนฮวันวางแก้วชาลงบนโต๊ะ กวักมือเรียกเสี่ยวตง ให้นำชาร้อนๆ แก้วใหม่เข้ามาซูอวี้เออร์พลันตะลึง “เหตุใดข้าถึงต้อง...”“ข้าเคยบอกแล้วว่า เจ้าเป็นอนุภรรยา ส่วนข้าคือนายหญิง มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าควรจะรับใช้ข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรับใช้มารดาข้า”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวตัดบทตอนนั้นเอง เสี่ยวตงก็ส่งชาร้อนให้ซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบแก้วชาขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”เซียวเย่หลันเห็นมือของซูอวี้เออร์เป็นรอยแดง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาซูอวี้เออร์แสดงสีหน้าเสียใจ กล่าวเสียงสะอื้นว่า “วันนี้ฮูหยินอันติ้งโหวมาเยือน พระชายาก็ยืนกรานให้ข้าคุกเข่ายกชาคารวะมารดานาง มอบชาร้อนที่ปริ่มแก้วให้ข้า ตอนที่ข้าคุกเข่า ชาร้อนนั่นก็หกออกมา มือทั้งสองข้างของข้าจึงพองเช่นนี้”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”เซียวเย่หลันขมวดคิ้วแน่นคิดไม่ถึงเลยว่า พอผู้หญิงคนนี้กลับมา ก็กล้าหาเรื่องให้เขาทันที“พระชายาบอกว่าข้าเป็นเพียงอนุ ไร้ชื่อไร้ฐานะ ควรคุกเข่ารับใช้นางกับมารดา มิฉะนั้นจะให้อันติ้งโหวเขียนหนังสือถวายฝ่าบาท” ซูอวี้เออร์น้ำตาไหลออกมาเซียวเย่หลันจับมือนางอย่างอ่อนโยน “เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ใคร”“แต่พวกนางพูดถูก ในจวนนี้ ท้ายที่สุดแล้วข้าก็เป็นแค่คนต่ำต้อย ไม่ว่าภายนอกจะดูรุ่งเรืองอย่างไร แต่สถานะของข้าก็เหนือกว่าสาวใช้เล็กน้อย”ซูอวี้เออร์ถอนหายใจเบาๆ ในคำพูด ล้วนแฝงความนัยนางอยากได้ตำแหน่งพระชายารองแม้จะดีไม่เท่าตำแหน่งพระชายาของเซี่ยเชียนฮวัน แต่ตราบใดที่เป็นพระชายารอง ก็เท่ากับว่านางมีชื่อเสียงอย่างแท้จริงหลังจากกลับไปที่เรือนจิ่นซิ่ว
“ที่แท้ก็ออกหน้าเพื่อซูอวี้เออร์”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียดสี ขณะคัดแยกสมุนไพรในมือต่อและถือโอกาส ผลักตำราเจ็ดเล่มหมอผีบนโต๊ะไปไว้ด้านข้าง ปล่อยให้สมุนไพรปิดทับมัน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นเซียวเย่หลันเดินไปที่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น และเอื้อมมือไปจับข้อมือนางไว้แน่น “อวี้เออร์เป็นผู้มีพระคุณของข้า นางไม่เคยคุกเข่าต่อหน้าข้า เจ้ากล้าให้นางคุกเข่าให้มารดาเจ้าได้อย่างไร ซ้ำยังทำน้ำร้อนลวกมือนางอีก!”เซี่ยเชียนฮวันเบะปาก ก่อนจะปล่อยสมุนไพรในมือออก แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา“ข้าอยากถามท่านอ๋องว่าท่านรู้หรือไม่ ว่าตอนที่ข้าไปภูเขาจื่อเสีย ท่านพ่อท่านแม่เคยมาขอเข้าพบท่านที่จวนจ้านอ๋องอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่เคยเห็นท่านแม้แต่ครั้งเดียว”เซียวเย่หลันดวงตาเย็นชา “ถ้าไม่พอใจข้า ก็มาลงที่ข้า ไม่ใช่ไปแก้แค้นอวี้เออร์ผู้บริสุทธิ์”“ผู้บริสุทธิ์”เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะ และยิ้มอย่างเย็นชานางมองผู้ชายคนนี้ซึ่งเข้าข้างผู้อื่นอยู่เรื่อยแล้วกล่าวว่า “พูดแบบนี้แสดงว่า ที่ซูอวี้เออร์ขวางท่านพ่อท่านแม่ข้า พูดจาเย็นชาใส่หน้าพ่อแม่ข้าที่หน้าประตูจวน สร้างความอับอายให้กับพวกท่าน ทำให้แม่ข้าเป็นโรคซึมเศร้า ทั
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา