"กรี๊ด!!" เสียงกรีดร้องอันแหลมคมดังขึ้นจากด้านนอกประตู ทำลายความเงียบสงบนี้จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายดังขึ้น"ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้น" “......”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกทำตัวไม่ถูก นางเคลื่อนไหวไปมาแล้วหดตัวไปอยู่ตรงมุมของเตียงทางด้านของเซียวเย่หลันก็ยังไม่สร่างเมานัก เขายกมือขึ้นกุมหน้าผากกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “คงจะเป็นฉางหย่วนป๋อพาคนไปจับตัวข้า ไม่จำเป็นต้องสนใจ" "แต่ข้าฟังดูน้ำเสียงผิดปกติ" เซี่ยเชียนฮวันตั้งใจฟังเมื่อนางรวบรวมสติขึ้นมาได้แล้วก็รู้สึกว่าเรื่องราวดูเหมือนจะมีขั้นตอนใดผิดพลาดเกิดขึ้น"เมื่อครู่ เหตุใดเจ้าจึงมาที่ห้องของข้าแห่งนี้?" นางเอ่ยถามเซียวเย่หลันเต็มไปด้วยอารมณ์ความต้องการ แต่ถูกนางผลักไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงตอบอย่างไม่เต็มใจนักว่า "ข้าคิดว่าที่นี่ไม่มีใคร" "แต่เมื่อเจ้าผลักประตูเข้ามาก็รู้ว่าข้างในมีคน ซ้ำยังยืนกรานจะเข้ามาให้ได้" "ข้าได้กลิ่นหอมของยาจากตัวเจ้า" "จมูกเจ้าดียิ่งนัก" "......" เซียวเย่หลันหรี่ตาลง ท่าทีดูหงุดหงิดใจเขาไม่อยากตอบนางไม่อยากให้สตรีคนนี้รู้ว่าเขาจำกลิ่นจากร่างกายของนางได้เซี่ยเชียนฮวันครุ่นคิดเล็ก
เซี่ยเชียนฮวันรีบวิ่งไปที่ริมหน้าต่าง แต่ก็ไม่ทันที่จะจับอีกฝ่ายเอาไว้ได้นางได้ยินเสียงเพียง "ตุ๊บ" ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างหล่นลงมาจากร่างของคนผู้นั้น เซี่ยเชียนฮวันหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นปิ่นหยกขาวลายดอกเหมยเป็นของของซูอวี้เออร์เป็นนางจริงด้วย!ซูอวี้เออร์มีสหายคนสนิทมากมายอยู่ในหอเทียนเซียง นางคงจะรู้แผนการของฉางหย่วนป๋อล่วงหน้า จึงได้แอบเข้ามาที่หอเทียนเซียง ก่อนจะนำหลิวหรูซวี่ไปวางไว้บนเตียงของคนขับรถม้า ส่วนนางเองจะเข้ามาแทนที่ร่วมเสพสมอารมณ์กามกับเซียวเย่หลันหากตอนนี้สามารถวิ่งตามซูอวี้เออร์ไปได้ ก็จะมีหลักฐานมัดตัวแน่นหนาต่อให้เซียวเย่หลันโง่เขลาสักเพียงใดก็คงมองนิสัยอันชั่วร้ายของนางออกจนได้"เขาใกล้จะตายแล้ว!"ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนของฝูงชนดังมาจากด้านนอกเซี่ยเชียนฮวันอดไม่ได้ที่จะลังเลหากนางวิ่งตามซูอวี้เออร์ไป แล้วใครจะไปช่วยหลิวหรูซวี่กับคนขับรถม้าเล่าสองชีวิตเชียวเซี่ยเชียนฮวันกำมือเล็กน้อย นางละความพยายามจะวิ่งไล่ตามซูอวี้เออร์ หันหลังกลับไปที่ห้องของหลิวหรูซวี่"เจ้าคิดจะทำสิ่งใด อย่าเข้ามา!" บ่าวรับใช้ของฉางหย่วนป๋อเข้ามารั้งเซี่ยเชียนฮวันไว้ด้ว
"เจ้าเป็นสตรีกลับแต่งกายเป็นชายมาที่นี่ ข้าก็รู้สึกประหลาดมากพอแล้ว บัดนี้เจ้ายังจงใจดึงดูดให้ทุกคนมาดูความน่าอับอายของซวี่เออร์ เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าคงจะกลัวว่าตนไม่ได้รับความโปรดปราน กลัวว่าหากซวี่เออร์แต่งเข้าไปในจวนอ๋องแล้วจะมีผลกระทบต่อตำแหน่งของเจ้าสินะ!" น้าเซี่ยกล่าวขึ้นอย่างมีเหตุมีผลราวกับว่านางและหลิวหรูซวี่คือเหยื่อที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นแผนการของเซี่ยเชียนฮวันผู้คนที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูอดไม่ได้ที่จะมองมาทางเซี่ยเชียนฮวันพวกเขารู้สึกว่าฉางหย่วนป๋อกล่าวได้สมเหตุสมผลสตรีคนหนึ่ง จู่ๆ จะปลอมตัวเป็นชายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้เพื่อเหตุใด?อีกอย่างจ้านอ๋องไม่ชื่นชอบพระชายาผู้นี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้ดีเมื่อน้าเซี่ยตะโกนออกมาแล้ว นางก็ร่ำไห้ปาดน้ำตา "เจ้าคงจะซื้อตัวคนขับรถม้าผู้นี้แน่ และสั่งให้เขาหลอกล่อซวี่เออร์มาที่นี่ ซวี่เออร์ผู้น่าสงสารของแม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ เพราะความอิจฉาริษยาของคนอื่น..." สตรีในหอนางโลมและแขกที่มาที่นี่ล้วนพากันวิพากษ์วิจารณ์"เป็นแผนของพระชายาจ้านอ๋องจริงหรือ" “จู่ๆ นางก็ปรากฏตัวขึ้นที่หอเทียนเซียง
"เจ้าได้ยินเสียงข้าหรือไม่? ตั้งสติอดทนเข้าไว้ เจ้าอย่าเพิ่งหลับ ข้าจะหาวิธีล้างพิษแก่เจ้าให้เร็วที่สุด”เซี่ยเชียนฮวันเข้าไปจับมือของหลิวหรูซวี่เอาไว้นางหยิบเข็มเงินออกมาเมื่อครู่ที่นางตั้งใจฝังเข็มก็เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของพิษ แต่เมื่อถูกน้าเซี่ยเข้ามาขัดขวางและสร้างเรื่องจึงทำให้พิษซึมเข้าไปในหัวใจตามหลอดเลือด ตอนนี้สิ่งที่นางทำได้ก็คือพยายามให้หัวใจของหลิวหรูซวี่เต้นต่อไปเท่าที่จะทำได้"อย่าได้กลัว อาจจะเจ็บสักเล็กน้อย เจ้าอดทนเข้าไว้" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเบาๆ จากนั้นหลิวหรูซวี่ก็จับมือของเซี่ยเชียนฮวันจ้องมองไปที่นาง แววตาเบิกกว้าง ริมฝีปากซีดเผือด ขยับเล็กน้อย“ท่านพี่...ข้า ข้ามีเรื่อง...จะบอกเจ้า...""มีอะไรรอให้เจ้าหายดีก่อนค่อยพูด" เซี่ยเชียนฮวันช่างมีความอดทนยิ่งนัก นางเกลี้ยกล่อมหลิวหรูซวี่เหมือนกับกล่อมเด็กน้อยแม้ว่าตอนก่อนหน้านี้หลิวหรูซวี่จะมีท่าทีไม่ดีต่อนางนัก อีกทั้งต้องการตำแหน่งพระชายาของนาง แต่ตอนนี้หลิวหรูซวี่คือผู้ป่วยในสายตาของหมอ ผู้ป่วยไม่มีใครดีหรือชั่วนี่คือหลักการขั้นพื้นฐานในการประกอบวิชาชีพหมอที่ต้องเคารพ"ท่านพี่..." หลิวหรูซวี่รู
เมื่ออาทิตย์ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า"นายท่าน พระชายาอ๋องเดินทางมาเจ้าค่ะ!" อวิ๋นซีรีบวิ่งเข้ามารายงานในห้องซูอวี้เออร์นั่งอยู่ตรงหน้ากระจกสีทองแดง นางกำลังเลือกสีผึ้งทาปากอยู่ แล้วยิ้มเยาะเมื่อได้ยิน"เมื่อวานนี้นางเพิ่งสูญเสียลูกพี่ลูกน้องไปคนหนึ่ง อัปมงคลยิ่งนัก อย่านำสิ่งชั่วร้ายมาปนเปื้อนข้า บอกนางไปว่าข้าไม่สบาย ไม่อาจพบแขกได้ ไว้ค่อยมาวันหลัง" "เจ้าค่ะ" อวิ๋นซีออกไปรายงานคำพูดของซูอวี้เออร์ให้กับเซี่ยเชียนฮวันฟังเซี่ยเชียนฮวันรู้ดีว่าซูอวี้เออร์คงไม่อยากเจอตน จึงหัวเราะด้วยความเยือกเย็นว่า “ทักษะด้านการแพทย์ของข้าสูงส่ง ให้ข้าดูอาการนางเถอะ" เมื่อกล่าวจบนางก็เดินตรงเข้าไปข้างใน อวิ๋นซีตกตะลึงแล้วรีบเข้าไปรั้งเอาไว้ "พระชายาอ๋องช้าก่อนเถิด บัดนี้คุณหนูซูไม่จำเป็นต้องให้ดูอาการ นางเพียงอยากพักผ่อน สักเล็กน้อย" "เจ้ารู้ว่าข้าคือพระชายาอ๋อง? และในจวนอ๋องแห่งนี้ข้าจึงจะเป็นนาย นางเป็นเพียงแค่อนุภรรยาผู้ต่ำต้อยซึ่งมาอาศัยอยู่ด้วย ในเมื่อข้าเดินทางมาที่นี่ ต่อให้นางป่วยก็ต้องออกมาต้อนรับข้า" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงดังลั่น ตั้งใจให้ซูอวี้เออร์ที่อยู่ในห้องได้ยินอวิ
“ซูอวี้เออร์ เจ้าทำให้ผู้คนมากมายต้องถึงแก่ความตาย เจ้าไม่คิดว่ากรรมจะตามสนองบ้างหรือ" เซี่ยเชียนฮวันอดไม่ได้ นางประกำมือแน่นจนกระทั่งปิ่นในมือปักเข้าไปที่ผิวหนังของนาง เลือดสีแดงไหลรินออกมา แต่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อยตอนที่นางเก็บปิ่นหยกขาวลายดอกเหมยเล่มนี้ได้ นางอยู่เพียงแค่ลำพัง ข้างกายไม่มีพยานสักคนเดียว ดังนั้นนางจึงไม่อาจทำอะไรซูอวี้เออร์ได้ตอนนี้นางทำได้เพียงเฝ้าดูสตรีผู้นี้เสแสร้งแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา“ท่านพี่ ในฐานะพระชายาอ๋อง อย่าลืมระวังคำพูดคำจาของตนด้วย ข้าไม่ได้ทำร้ายผู้ใด คนเหล่านั้นชีวิตสั้นเอง พวกเขาถูกกำหนดว่าต้องตายตั้งแต่อายุไขเท่านั้น" ซูอวี้เออร์ยกมือขึ้นลูบคลำผมของตนแววตาแสดงถึงความไม่ใส่ใจดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันดูเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิมชีวิตคนถึงสองสามคนในสายตาของซูอวี้เออร์หาได้สำคัญ"เสี่ยวตง จับนางเอาไว้” เซี่ยเชียนฮวันออกคำสั่ง"พวกเจ้าคิดทำสิ่งใด ปล่อย ข้าสั่งให้ปล่อย!" ซูอวี้เออร์ไม่ทันระวังจึงถูกเสี่ยวตงจับตัวเอาไว้ นางดิ้นรนจนสุดชีวิตเซี่ยเชียนฮวันมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "แต่ข้าไม่อาจทนดูการกระทำอันชั่ว
“ข้าคิดอย่างไรกับคนแซ่เฟิงสำคัญหรือ ตอนนี้ที่สำคัญกว่าก็คือมีคนแอบวางแผนอันต่ำต้อยและใช้ชีวิตผู้คนตั้งหลายชีวิตในการบรรลุผล ส่วนเจ้าได้แต่ตาบอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง" เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงตาอันเย็นชาคู่นั้น ซึ่งดูดื้อรั้นอย่างไร้เหตุผล"พอได้แล้ว!" ด้วยความโมโห เซียวเย่หลันปัดมือเซี่ยเชียนฮวันที่ค้างอยู่กลางอากาศปิ่นหยกขาวที่เปื้อนเลือดในมือของเซี่ยเชียนฮวันประเด็นไปตกอยู่ในสวนดอกไม้ มันถูกดินโคลนห่อหุ้มหลักฐานเพียงชิ้นเดียว บัดนี้ก็หายไปแล้วเซี่ยเชียนฮวันนำมือกลับมาช้าๆ นางยิ้มตรงมุมปาก รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นเล็กน้อย “ข้าบอกกับเจ้าแล้ว เมื่อวานนี้แม้เจ้าจะช่วยข้า แต่วันนี้เจ้าจะห้ามข้า”เมื่อได้ยินประโยคนี้เซียวเย่หลันก็ชะงักลงเล็กน้อยไม่รอให้เขาได้ครุ่นคิดไปมากกว่านั้น ซูอวี้เออร์น้ำตานองหน้าเอ่ยขึ้นว่า "ท่านพี่โกรธแค้นข้าจากก้นบึ้งของหัวใจ ข้าเข้าใจดี แต่ข้าไม่เคยคิดร้ายกับผู้ใด ข้าปฏิบัติดีกับทุกคนเสมอมา ไม่เคยคิดจะทำสิ่งใดที่ผิดขัดต่อคุณธรรม!”ประโยคนี้ของนางทำให้เซียวเย่หลันนึกถึงค่ำคืนที่ซูอวี้เออร์ช่วยชีวิตเขาเอาไว้หากนางไม่ใช
เซียวเย่หลันได้รับบาดเจ็บ? ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันได้ยินข่าวนี้ นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ใบหน้าไม่ได้ซับซ้อนไปเท่าไร ท้ายที่สุดแล้วนางก็สงบลงดังเดิม"เขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร" เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถามเบาๆ "ฮ่องเต้ทรงขว้างหินฝนหมึกมายังศีรษะของท่านอ๋องจนแตกพ่ะย่ะค่ะ" เย่ซิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรายงานตามความเป็นจริงเซี่ยเชียนฮวันกระตุกมุมปากเล็กน้อยแล้วหัวเราะว่า "ในที่สุดฮ่องเต้ก็ไม่อาจทนกับนิสัยเช่นนั้นของเขาได้" "ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้" เย่ซิ่นรู้สึกเขินอาย"แล้วเพราะอะไรเล่า?""ทูลเหนียงเหนียงตามจริง วันนี้หลังจากเสร็จสิ้นงานประชุมแล้ว ฮ่องเต้ได้เรียกองค์ชายทั้งหลายเข้าไปยังห้องทรงพระอักษร จากนั้นรับสั่งให้พวกเขารายงานการทำงานแต่ละคนออกมา แต่การจัดการกองทหารชื่อเลี่ยนของท่านอ๋องเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก ประกอบกับเรื่องราวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในหอเทียนเซียง จึงทำให้ในราชสำนักมีเรื่องวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง" เย่ซิ่นอธิบายพลางแอบเงยหน้าขึ้นมองดูท่าทางของเซี่ยเชียนฮวันเป็นจริงอย่างที่เขาคิดเอาไว้ท่าทางของเซี่ยเชียนฮวันแม้จะดูสงบ แต่มือของนา