“ซูอวี้เออร์ เจ้าทำให้ผู้คนมากมายต้องถึงแก่ความตาย เจ้าไม่คิดว่ากรรมจะตามสนองบ้างหรือ" เซี่ยเชียนฮวันอดไม่ได้ นางประกำมือแน่นจนกระทั่งปิ่นในมือปักเข้าไปที่ผิวหนังของนาง เลือดสีแดงไหลรินออกมา แต่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อยตอนที่นางเก็บปิ่นหยกขาวลายดอกเหมยเล่มนี้ได้ นางอยู่เพียงแค่ลำพัง ข้างกายไม่มีพยานสักคนเดียว ดังนั้นนางจึงไม่อาจทำอะไรซูอวี้เออร์ได้ตอนนี้นางทำได้เพียงเฝ้าดูสตรีผู้นี้เสแสร้งแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา“ท่านพี่ ในฐานะพระชายาอ๋อง อย่าลืมระวังคำพูดคำจาของตนด้วย ข้าไม่ได้ทำร้ายผู้ใด คนเหล่านั้นชีวิตสั้นเอง พวกเขาถูกกำหนดว่าต้องตายตั้งแต่อายุไขเท่านั้น" ซูอวี้เออร์ยกมือขึ้นลูบคลำผมของตนแววตาแสดงถึงความไม่ใส่ใจดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันดูเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิมชีวิตคนถึงสองสามคนในสายตาของซูอวี้เออร์หาได้สำคัญ"เสี่ยวตง จับนางเอาไว้” เซี่ยเชียนฮวันออกคำสั่ง"พวกเจ้าคิดทำสิ่งใด ปล่อย ข้าสั่งให้ปล่อย!" ซูอวี้เออร์ไม่ทันระวังจึงถูกเสี่ยวตงจับตัวเอาไว้ นางดิ้นรนจนสุดชีวิตเซี่ยเชียนฮวันมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "แต่ข้าไม่อาจทนดูการกระทำอันชั่ว
“ข้าคิดอย่างไรกับคนแซ่เฟิงสำคัญหรือ ตอนนี้ที่สำคัญกว่าก็คือมีคนแอบวางแผนอันต่ำต้อยและใช้ชีวิตผู้คนตั้งหลายชีวิตในการบรรลุผล ส่วนเจ้าได้แต่ตาบอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง" เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงตาอันเย็นชาคู่นั้น ซึ่งดูดื้อรั้นอย่างไร้เหตุผล"พอได้แล้ว!" ด้วยความโมโห เซียวเย่หลันปัดมือเซี่ยเชียนฮวันที่ค้างอยู่กลางอากาศปิ่นหยกขาวที่เปื้อนเลือดในมือของเซี่ยเชียนฮวันประเด็นไปตกอยู่ในสวนดอกไม้ มันถูกดินโคลนห่อหุ้มหลักฐานเพียงชิ้นเดียว บัดนี้ก็หายไปแล้วเซี่ยเชียนฮวันนำมือกลับมาช้าๆ นางยิ้มตรงมุมปาก รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นเล็กน้อย “ข้าบอกกับเจ้าแล้ว เมื่อวานนี้แม้เจ้าจะช่วยข้า แต่วันนี้เจ้าจะห้ามข้า”เมื่อได้ยินประโยคนี้เซียวเย่หลันก็ชะงักลงเล็กน้อยไม่รอให้เขาได้ครุ่นคิดไปมากกว่านั้น ซูอวี้เออร์น้ำตานองหน้าเอ่ยขึ้นว่า "ท่านพี่โกรธแค้นข้าจากก้นบึ้งของหัวใจ ข้าเข้าใจดี แต่ข้าไม่เคยคิดร้ายกับผู้ใด ข้าปฏิบัติดีกับทุกคนเสมอมา ไม่เคยคิดจะทำสิ่งใดที่ผิดขัดต่อคุณธรรม!”ประโยคนี้ของนางทำให้เซียวเย่หลันนึกถึงค่ำคืนที่ซูอวี้เออร์ช่วยชีวิตเขาเอาไว้หากนางไม่ใช
เซียวเย่หลันได้รับบาดเจ็บ? ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันได้ยินข่าวนี้ นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ใบหน้าไม่ได้ซับซ้อนไปเท่าไร ท้ายที่สุดแล้วนางก็สงบลงดังเดิม"เขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร" เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถามเบาๆ "ฮ่องเต้ทรงขว้างหินฝนหมึกมายังศีรษะของท่านอ๋องจนแตกพ่ะย่ะค่ะ" เย่ซิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรายงานตามความเป็นจริงเซี่ยเชียนฮวันกระตุกมุมปากเล็กน้อยแล้วหัวเราะว่า "ในที่สุดฮ่องเต้ก็ไม่อาจทนกับนิสัยเช่นนั้นของเขาได้" "ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้" เย่ซิ่นรู้สึกเขินอาย"แล้วเพราะอะไรเล่า?""ทูลเหนียงเหนียงตามจริง วันนี้หลังจากเสร็จสิ้นงานประชุมแล้ว ฮ่องเต้ได้เรียกองค์ชายทั้งหลายเข้าไปยังห้องทรงพระอักษร จากนั้นรับสั่งให้พวกเขารายงานการทำงานแต่ละคนออกมา แต่การจัดการกองทหารชื่อเลี่ยนของท่านอ๋องเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก ประกอบกับเรื่องราวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในหอเทียนเซียง จึงทำให้ในราชสำนักมีเรื่องวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง" เย่ซิ่นอธิบายพลางแอบเงยหน้าขึ้นมองดูท่าทางของเซี่ยเชียนฮวันเป็นจริงอย่างที่เขาคิดเอาไว้ท่าทางของเซี่ยเชียนฮวันแม้จะดูสงบ แต่มือของนา
ที่หน้าประตูใหญ่เย่ซิ่นเดินทางจากไปอย่างเศร้าใจ เขาบังเอิญเจอเข้ากับเซียวเย่หลันซึ่งใบหน้าเศร้าหมองและถูกจับได้พอดี"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมมาหาเสี่ยวตง..." เย่ซิ่นรีบโค้งกายคารวะแล้วรีบหาข้ออ้างที่ตนแอบมาพบเซี่ยเชียนฮวันเซียวเย่หลันเพียงเหลือบตามองเขาเบาๆ "ถูกไล่ออกมาเร็วเพียงนี้เชียว ไร้ประโยชน์" "ข้าน้อยไร้ความสามารถ”เย่ซิ่นโค้งกายด้วยความนอบน้อมเขาไม่อาจปกปิดความคิดต่อเซียวเย่หลันได้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใดมาก เซียวเย่หลันก็รู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องให้แก่เซี่ยเชียนฮวันรับทราบเซียวเย่หลันเดินผลักประตูเข้าไปทั้งที่ศีรษะยังคงอาบเลือด เซี่ยเชียนฮวันจึงรีบเก็บรายชื่อเหล่านั้นลง"ท่านอ๋องเดินทางมาเพคะ!" เสี่ยวตงกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจแต่เซี่ยเชียนฮวันกลับก้มหน้ากล่าวเพียงว่า “อืม” เบาๆ ท่าทางเหม่อลอยไม่ได้โต้ตอบสิ่งใดนักความคิดของนางยังจดจ่ออยู่ที่ข่าวรายงานในมือตอนนี้นางกำลังวิเคราะห์ว่าใครกันที่เป็นเจ้าของหอเทียนเซียงเขากับชายสวมหน้ากากที่เคยเจอในตอนนั้นเป็นพวกเดียวกันหรือไม่? หรืออาจเป็นศัตรูกันก็ได้?"เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดหรือ?" น้ำเสีย
"สลับกันหรือ?" แววตาของเซียวเย่หลันมองมาอย่างเข้มงวด และจ้องไปที่เซี่ยเชียนฮวันไม่กะพริบตอนที่เขาใช้กฎของทหารจัดการลงโทษอย่างรุนแรงโดยไร้ความเมตตา ผู้คนมากมายโน้มน้าวให้เขาหยุด หลังจากนั้นเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยแต่เขาไม่สนใจเลยและคิดจะจัดการกับพวกที่นินทาเขาลับหลังด้วยสตรีคนนี้ต้องการเกลี้ยกล่อมเขาเช่นเดียวกับพวกคนเหล่านั้นหรือ"คำสั่งทหารนั้นหนักแน่นเช่นภูเขา เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าข้าทำสิ่งใดผิดไป” เซียวเย่หลันกล่าวเซี่ยเชียนฮวันกลับมานั่งลงตรงหน้าของเขา “คำสั่งของทหารนั้นหนักแน่นก็จริง แต่เจ้าก็ควรจะแสดงความมีน้ำใจด้วย หากมีแต่พลังอำนาจแต่ไร้น้ำใจ ต่อให้พวกเขายอมฟังคำสั่งเจ้าเพียงผิวเผิน ในใจก็จะจดจำและขุ่นเคือง ไม่ได้จงรักภักดีต่อเจ้าอย่างแท้จริง" เซียวเย่หลันยังคงนิ่งเงียบ"อีกอย่าง เจ้าควรลงโทษบุตรชายของอู่อันโหวที่ยุยงจนเกิดปัญหา พวกเขาต่างหากคือผู้สร้างเรื่อง" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นต่อไปประโยคนี้ทำให้เซียวเย่หลันมองเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปไม่น้อยเขานิ่งเงียบแล้วกล่าวว่า "ข้าเองก็เคยคิดที่จะสังหารพวกที่ต่อต้านข้า แต่ทำเช่นนั้นมีแต่จะทำให้อู่อันโหวไม่พึง
ตอนนี้บาดแผลที่หน้าผากของเขาได้รับการจัดการแล้วเรื่องราวต่างๆ ก็หารือเรียบร้อยหากเซียวเย่หลันยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ก็คงชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเดินทางมาที่นี่เพียงเพราะต้องการเจอหน้าเซี่ยเชียนฮวันและไม่อยากจากไป"ทางที่ดี เจ้าอย่าทำเรื่องนี้ให้ผิดพลาด มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้าร้ายแรงยิ่งกว่าการกักบริเวณ" ในใจของเซียวเย่หลันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาทิ้งประโยคท้ายนี้ไว้แล้วสะบัดแขนเดินหนีแต่เซี่ยเชียนฮวันไม่สนใจกับคำพูดของเขาเหล่านั้นหลังจากที่ชายหนุ่มเดินทางจากไปแล้ว เซี่ยเชียนฮวันก็เรียกเสี่ยวตงเข้ามาแล้วกำชับว่า "เจ้าไปสืบหาข้อมูลให้ข้าสักหน่อย เรื่องสถานการณ์ในจวนอู่อันโหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างอู่อันโหวและบุตรชายของเขาทั้งหลาย" บรรดาบ่าวรับใช้มักจะมีข้อมูลเหล่านี้ไว้ในมือเสมอเรื่องบางเรื่อง พวกเขาจะบอกให้กับคนในสถานะเดียวกันรู้เท่านั้น หากนายไปเอ่ยถามด้วยตนเองคงไม่ได้ข้อมูลที่ถูกต้องมาจนกระทั่งเวลากลางดึกเสี่ยวตงเดินทางกลับมารายงานต่อเซี่ยเชียนฮวันว่า "บ่าวได้ไปสอบถามข้อมูลชัดเจนแล้วเพคะ อู่อันโหวมีบุตรชาย 3 คนที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่พวกเขาล้
"กองทหารชื่อเลี่ยนได้ถูกส่งไปให้ท่านอ๋องน้อยตามพระราชโองการแล้ว กระหม่อมเองอายุมาก เปรียบเสมือนกับหมาแก่ที่ไร้ประโยชน์ จะให้คำแนะนำแก่ท่านได้อย่างไร!”น้ำเสียงของอู่อันโหวดูแข็งกระด้าง ไม่มีที่ว่างไว้ให้เข้าแทรกแซงเลยทางด้านเซียวเย่หลัน เขาไม่ใช่คนช่างพูดจึงได้แต่นั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นทำให้สถานการณ์ดูน่าอึดอัด โชคดีเหลือเกินที่เซี่ยเชียนฮวันเดินออกมาจัดการสถานการณ์ได้พอดี นางยิ้มขึ้นกล่าวว่า "สุราและอาหารจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วท่านโหวเชิญทางนี้เถิด" "เหอะๆ ในครานั้นที่ข้าเอาชนะสงครามหนานจาวกลับมา ฮ่องเต้ได้จัดงานเลี้ยงให้ข้า 3 วัน 3 คืน ของสิ่งใดบ้างเล่าที่ข้าไม่เคยลิ้มลอง..." อู่อันโหวพึมพำออกมาผู้คนเมื่ออายุมากขึ้นพวกเขามักจะคอยหวนระลึกถึงเรื่องเก่าๆ เขาหยิบยกเรื่องราวก่อนหน้าของตนออกมาดูถูกเหยียดหยามสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องด้านข้าง สีหน้าของอู่อันโหวก็เปลี่ยนไปทันที!"นี่คือกลิ่นอะไร ช่างเปรี้ยวยิ่งนัก" เซียวเย่หลันขมวดคิ้วเขามองไปยังอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยใบหน้าไม่รู้สึกพึงพอใจเซี่ยเชียนฮวันกล่าวว่าจะลงมือทำอาหารด้วยตนเองเพื่อต้อนรับอู่
“อะไรนะเจ้าคะ?..."ซูอวี้เออร์ตกตะลึงนางคิดไม่ถึงว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ อู่อันโหวจะพูดกับตน!เป็นไปได้อย่างไรกัน?ต้องเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นแน่ๆ!ซูอวี้เออร์ทำสีหน้าน่าสงสารแล้วกระซิบเบาๆ ว่า "สมุนไพรถ้วยนี้ ข้าน้อยต้มอยู่นานถึง 10 ชั่วโมง ประกอบไปด้วยกระดูกกว้าง ดอกถั่งเช่าและโสม เป็นอาหารบำรุงสำหรับผู้สูงวัยที่ดียิ่งนัก ข้าน้อยจัดเตรียมไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ”เซียวเย่หลันได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเห็นด้วยกับคำพูดของซูอวี้เออร์และรับรู้ถึงความตั้งใจของนางแต่ทว่า อู่อันโหวกลับไม่สนใจ!สีหน้าของชายชราโมโหราวกับถูกใครทำให้ขุ่นเคืองใจมาช้านาน “แม้ข้าจะอายุมากแล้ว แต่สุขภาพร่างกายก็ยังแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องคอยดื่มสมุนไพรบำรุงร่างกายดั่งคนป่วย! สมุนไพรนี้เจ้าเก็บเอาไว้ให้ผู้แก่ชราหรือพิกลพิการดื่มเถิด!"เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูอวี้เออร์จึงเข้าใจว่านางเอาอกเอาใจผิดจุดเสียแล้ว! อู่อันโหวไม่ชื่นชอบให้คนอื่นปฏิบัติต่อตนเหมือนว่าเขาแก่ชรา!นางจึงรีบเก็บสมุนไพรถ้วยนั้นแล้วกล่าวขอโทษ "ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ครุ่นคิดให้รอบคอบ ข้าน้อยจะไปทำให้ใหม่บัดเดี๋ยวนี้""เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับมาอ
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา