ที่หน้าประตูใหญ่เย่ซิ่นเดินทางจากไปอย่างเศร้าใจ เขาบังเอิญเจอเข้ากับเซียวเย่หลันซึ่งใบหน้าเศร้าหมองและถูกจับได้พอดี"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมมาหาเสี่ยวตง..." เย่ซิ่นรีบโค้งกายคารวะแล้วรีบหาข้ออ้างที่ตนแอบมาพบเซี่ยเชียนฮวันเซียวเย่หลันเพียงเหลือบตามองเขาเบาๆ "ถูกไล่ออกมาเร็วเพียงนี้เชียว ไร้ประโยชน์" "ข้าน้อยไร้ความสามารถ”เย่ซิ่นโค้งกายด้วยความนอบน้อมเขาไม่อาจปกปิดความคิดต่อเซียวเย่หลันได้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใดมาก เซียวเย่หลันก็รู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องให้แก่เซี่ยเชียนฮวันรับทราบเซียวเย่หลันเดินผลักประตูเข้าไปทั้งที่ศีรษะยังคงอาบเลือด เซี่ยเชียนฮวันจึงรีบเก็บรายชื่อเหล่านั้นลง"ท่านอ๋องเดินทางมาเพคะ!" เสี่ยวตงกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจแต่เซี่ยเชียนฮวันกลับก้มหน้ากล่าวเพียงว่า “อืม” เบาๆ ท่าทางเหม่อลอยไม่ได้โต้ตอบสิ่งใดนักความคิดของนางยังจดจ่ออยู่ที่ข่าวรายงานในมือตอนนี้นางกำลังวิเคราะห์ว่าใครกันที่เป็นเจ้าของหอเทียนเซียงเขากับชายสวมหน้ากากที่เคยเจอในตอนนั้นเป็นพวกเดียวกันหรือไม่? หรืออาจเป็นศัตรูกันก็ได้?"เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดหรือ?" น้ำเสีย
"สลับกันหรือ?" แววตาของเซียวเย่หลันมองมาอย่างเข้มงวด และจ้องไปที่เซี่ยเชียนฮวันไม่กะพริบตอนที่เขาใช้กฎของทหารจัดการลงโทษอย่างรุนแรงโดยไร้ความเมตตา ผู้คนมากมายโน้มน้าวให้เขาหยุด หลังจากนั้นเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยแต่เขาไม่สนใจเลยและคิดจะจัดการกับพวกที่นินทาเขาลับหลังด้วยสตรีคนนี้ต้องการเกลี้ยกล่อมเขาเช่นเดียวกับพวกคนเหล่านั้นหรือ"คำสั่งทหารนั้นหนักแน่นเช่นภูเขา เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าข้าทำสิ่งใดผิดไป” เซียวเย่หลันกล่าวเซี่ยเชียนฮวันกลับมานั่งลงตรงหน้าของเขา “คำสั่งของทหารนั้นหนักแน่นก็จริง แต่เจ้าก็ควรจะแสดงความมีน้ำใจด้วย หากมีแต่พลังอำนาจแต่ไร้น้ำใจ ต่อให้พวกเขายอมฟังคำสั่งเจ้าเพียงผิวเผิน ในใจก็จะจดจำและขุ่นเคือง ไม่ได้จงรักภักดีต่อเจ้าอย่างแท้จริง" เซียวเย่หลันยังคงนิ่งเงียบ"อีกอย่าง เจ้าควรลงโทษบุตรชายของอู่อันโหวที่ยุยงจนเกิดปัญหา พวกเขาต่างหากคือผู้สร้างเรื่อง" เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขึ้นต่อไปประโยคนี้ทำให้เซียวเย่หลันมองเซี่ยเชียนฮวันเปลี่ยนไปไม่น้อยเขานิ่งเงียบแล้วกล่าวว่า "ข้าเองก็เคยคิดที่จะสังหารพวกที่ต่อต้านข้า แต่ทำเช่นนั้นมีแต่จะทำให้อู่อันโหวไม่พึง
ตอนนี้บาดแผลที่หน้าผากของเขาได้รับการจัดการแล้วเรื่องราวต่างๆ ก็หารือเรียบร้อยหากเซียวเย่หลันยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ก็คงชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเดินทางมาที่นี่เพียงเพราะต้องการเจอหน้าเซี่ยเชียนฮวันและไม่อยากจากไป"ทางที่ดี เจ้าอย่าทำเรื่องนี้ให้ผิดพลาด มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้าร้ายแรงยิ่งกว่าการกักบริเวณ" ในใจของเซียวเย่หลันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาทิ้งประโยคท้ายนี้ไว้แล้วสะบัดแขนเดินหนีแต่เซี่ยเชียนฮวันไม่สนใจกับคำพูดของเขาเหล่านั้นหลังจากที่ชายหนุ่มเดินทางจากไปแล้ว เซี่ยเชียนฮวันก็เรียกเสี่ยวตงเข้ามาแล้วกำชับว่า "เจ้าไปสืบหาข้อมูลให้ข้าสักหน่อย เรื่องสถานการณ์ในจวนอู่อันโหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างอู่อันโหวและบุตรชายของเขาทั้งหลาย" บรรดาบ่าวรับใช้มักจะมีข้อมูลเหล่านี้ไว้ในมือเสมอเรื่องบางเรื่อง พวกเขาจะบอกให้กับคนในสถานะเดียวกันรู้เท่านั้น หากนายไปเอ่ยถามด้วยตนเองคงไม่ได้ข้อมูลที่ถูกต้องมาจนกระทั่งเวลากลางดึกเสี่ยวตงเดินทางกลับมารายงานต่อเซี่ยเชียนฮวันว่า "บ่าวได้ไปสอบถามข้อมูลชัดเจนแล้วเพคะ อู่อันโหวมีบุตรชาย 3 คนที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่พวกเขาล้
"กองทหารชื่อเลี่ยนได้ถูกส่งไปให้ท่านอ๋องน้อยตามพระราชโองการแล้ว กระหม่อมเองอายุมาก เปรียบเสมือนกับหมาแก่ที่ไร้ประโยชน์ จะให้คำแนะนำแก่ท่านได้อย่างไร!”น้ำเสียงของอู่อันโหวดูแข็งกระด้าง ไม่มีที่ว่างไว้ให้เข้าแทรกแซงเลยทางด้านเซียวเย่หลัน เขาไม่ใช่คนช่างพูดจึงได้แต่นั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นทำให้สถานการณ์ดูน่าอึดอัด โชคดีเหลือเกินที่เซี่ยเชียนฮวันเดินออกมาจัดการสถานการณ์ได้พอดี นางยิ้มขึ้นกล่าวว่า "สุราและอาหารจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วท่านโหวเชิญทางนี้เถิด" "เหอะๆ ในครานั้นที่ข้าเอาชนะสงครามหนานจาวกลับมา ฮ่องเต้ได้จัดงานเลี้ยงให้ข้า 3 วัน 3 คืน ของสิ่งใดบ้างเล่าที่ข้าไม่เคยลิ้มลอง..." อู่อันโหวพึมพำออกมาผู้คนเมื่ออายุมากขึ้นพวกเขามักจะคอยหวนระลึกถึงเรื่องเก่าๆ เขาหยิบยกเรื่องราวก่อนหน้าของตนออกมาดูถูกเหยียดหยามสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องด้านข้าง สีหน้าของอู่อันโหวก็เปลี่ยนไปทันที!"นี่คือกลิ่นอะไร ช่างเปรี้ยวยิ่งนัก" เซียวเย่หลันขมวดคิ้วเขามองไปยังอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยใบหน้าไม่รู้สึกพึงพอใจเซี่ยเชียนฮวันกล่าวว่าจะลงมือทำอาหารด้วยตนเองเพื่อต้อนรับอู่
“อะไรนะเจ้าคะ?..."ซูอวี้เออร์ตกตะลึงนางคิดไม่ถึงว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ อู่อันโหวจะพูดกับตน!เป็นไปได้อย่างไรกัน?ต้องเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นแน่ๆ!ซูอวี้เออร์ทำสีหน้าน่าสงสารแล้วกระซิบเบาๆ ว่า "สมุนไพรถ้วยนี้ ข้าน้อยต้มอยู่นานถึง 10 ชั่วโมง ประกอบไปด้วยกระดูกกว้าง ดอกถั่งเช่าและโสม เป็นอาหารบำรุงสำหรับผู้สูงวัยที่ดียิ่งนัก ข้าน้อยจัดเตรียมไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ”เซียวเย่หลันได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเห็นด้วยกับคำพูดของซูอวี้เออร์และรับรู้ถึงความตั้งใจของนางแต่ทว่า อู่อันโหวกลับไม่สนใจ!สีหน้าของชายชราโมโหราวกับถูกใครทำให้ขุ่นเคืองใจมาช้านาน “แม้ข้าจะอายุมากแล้ว แต่สุขภาพร่างกายก็ยังแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องคอยดื่มสมุนไพรบำรุงร่างกายดั่งคนป่วย! สมุนไพรนี้เจ้าเก็บเอาไว้ให้ผู้แก่ชราหรือพิกลพิการดื่มเถิด!"เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูอวี้เออร์จึงเข้าใจว่านางเอาอกเอาใจผิดจุดเสียแล้ว! อู่อันโหวไม่ชื่นชอบให้คนอื่นปฏิบัติต่อตนเหมือนว่าเขาแก่ชรา!นางจึงรีบเก็บสมุนไพรถ้วยนั้นแล้วกล่าวขอโทษ "ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ครุ่นคิดให้รอบคอบ ข้าน้อยจะไปทำให้ใหม่บัดเดี๋ยวนี้""เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับมาอ
เซียวเย่หลัน เซี่ยเชียนฮวันและอู่อันโหวทั้งสามคนนั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันอย่างมีความสุขมีเพียงซูอวี้เออร์เท่านั้นที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางดูเป็นส่วนเกินในเวลานี้ เซียวเย่หลันกำลังฉวยโอกาสขณะที่อู่อันโหวรู้สึกมีความสุขสนทนาเรื่องกองทหารชื่อเลี่ยน ดังนั้นจึงไม่มีกระจิตกระใจไปสนใจซูอวี้เออร์ต่อให้ซูอวี้เออร์อยากจะเข้าไปออดอ้อน ก็หาช่องว่างแทรกตัวไม่ได้ท้ายที่สุดแล้ว เซี่ยเชียนฮวันจึงมองไปที่นางเอ่ยถามกึ่งยิ้มว่า "แม่นางซู มานั่งร่วมรับประทานด้วยกันหรือไม่?""ในเมื่อพระชายาอ๋องเอ่ยปากเอง อวี้เออร์ก็คงไม่ปฏิเสธ"ซูอวี้เออร์รีบเข้ามาทันทีจากนั้นสีหน้าของอู่อันโหวก็ดูมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่พอใจกับการกระทำนี้เซียวเย่หลันตระหนักได้ดังนั้นจึงหันไปกล่าวกับซูอวี้เออร์ว่า "เจ้ากลับไปกินอาหารตามลำพังก่อน คืนนี้ข้าจะไปหา""...เพคะ" ซูอวี้เออร์กัดฟันพูดบัดนี้นางอับอายขายหน้ายิ่งนัก จากไปอย่างหดหู่ คอตกเหมือนไก่ชนที่พ่ายแพ้ และไม่กล้าทำท่าทีหยิ่งผยองเหมือนตอนแรกอู่อันโหวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ในฐานะผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านอ๋องน้อย ข้าขอเตือนเจ้าว่าในเรือนยิ่งมีสตรีมากยิ่งวุ
"เอ่อ ข้า..."เซียวเย่หลันเป็นคนไม่ชอบโกหก แต่เมื่อถูกอู่อันโหวเอ่ยถามเช่นนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีโชคดีที่เซี่ยเชียนฮวันเข้ามาแก้สถานการณ์ไว้ได้"ท่านโหวเป็นผู้มีประสบการณ์อยู่ในกองทัพนานหลายสิบปี หากไม่มีท่าน หนานจาวจะยอมส่งส่วยแก่เราทุกปีได้อย่างไร?""ท่านอ๋องของเรา แม้จะเป็นที่น่าเกรงขามในสงครามซีเหลียง แต่ถึงกระนั้นประสบการณ์ของเขาก็ไม่เท่าท่าน การฝึกทหาร กลยุทธ์การโจมตีและป้องกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องขอคำแนะนำจากท่าน ดังนั้นจึงเหมาะสมยิ่งนักหากท่านจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝึกทหาร"เมื่อถูกเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชมยกยอเช่นนี้ อู่อันโหวก็รู้สึกสดชื่นยิ้มแย้ม หัวเราะแล้วพยักหน้าเขาโบกมือขึ้นกล่าวว่า "ขอบใจท่านอ๋องยิ่งนักที่ให้ความสำคัญกับคนชราเช่นข้า การอุทิศตนช่วยเหลือประเทศและต้าเซี่ยเป็นหน้าที่ของขุนนางที่ควรกระทำอยู่แล้ว เพียงแค่ฮ่องเต้และท่านอ๋องกล่าวมาประโยคเดียว ตัวข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน""เช่นนั้นข้าขอดื่มแสดงความยินดีกับท่านโหว"เซียวเย่หลันทำได้เพียงยกแก้วขึ้นตามน้ำจากนั้นอู่อันโหวก็เปลี่ยนทัศนคติไปจากเมื่อครู่ เขาร่วมกินดื่มกับเซียวเย่หลันอย่างมีความสุขทั้งสองด
ณ จวนอัครมหาเสนาบดีองค์ชายรองและพระชายาอ๋องของเขาหลี่จิ้งหย่า รวมถึงอัครมหาเสนาบดีหลี่กำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือ ท่าทีของทั้งสามคนดูไม่น่ามองนัก บรรยากาศเคร่งขรึมน่าอึดอัดวันนี้ในการประชุมราชสำนัก “เหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงเข้าข้างเจ้าเจ็ดเล่า ทั้งยังสนับสนุนข้อเสนอแนะของเขา?" องค์ชายรองเอ่ยถามขึ้นด้วยความเย็นชาอัครมหาเสนาบดีหลี่ส่งเสียงหึๆ ออกมา "องค์ชายรู้หรือไม่ว่าในเวลาเช่นนี้หากออกมาขัดขวาง จะทำให้อู่อันโหวเอนเอียงไปทางจ้านอ๋อง เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ผู้อื่นและลดอำนาจของตน!”"แล้วจะให้เจ้าเจ็ดได้ใจเช่นนี้หรือ? เขากุมอำนาจทหารไว้ในมือมากมายเหลือเกิน! ในอนาคตหากเขาเกิดความคิดอื่นขึ้นมา พวกเราจะปราบปรามเขาได้อย่างไร!"องค์ชายรองหันกลับมามองด้วยความโกรธอัครมหาเสนาบดีหลี่ไม่ได้สนใจเขา เพียงพูดประชดประชันว่า "องค์ชายอย่าได้ลืมไปเล่า บัดนี้ท่านยังไม่ได้ขึ้นเป็นรัชทายาท หาได้มีความจำเป็นต้องมากังวลเรื่องอำนาจทางทหาร!""ดี! ท่านอัครมหาเสนาบดีหลี่กล่าวได้ดียิ่งนัก!"องค์ชายรองโมโหเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่อยากทะเลาะกับอัครมหาเสนาบดีหลี่จนมองหน้ากันไม่ติด เนื่องจากตระกูลหลี่