ณ จวนอัครมหาเสนาบดีองค์ชายรองและพระชายาอ๋องของเขาหลี่จิ้งหย่า รวมถึงอัครมหาเสนาบดีหลี่กำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือ ท่าทีของทั้งสามคนดูไม่น่ามองนัก บรรยากาศเคร่งขรึมน่าอึดอัดวันนี้ในการประชุมราชสำนัก “เหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงเข้าข้างเจ้าเจ็ดเล่า ทั้งยังสนับสนุนข้อเสนอแนะของเขา?" องค์ชายรองเอ่ยถามขึ้นด้วยความเย็นชาอัครมหาเสนาบดีหลี่ส่งเสียงหึๆ ออกมา "องค์ชายรู้หรือไม่ว่าในเวลาเช่นนี้หากออกมาขัดขวาง จะทำให้อู่อันโหวเอนเอียงไปทางจ้านอ๋อง เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ผู้อื่นและลดอำนาจของตน!”"แล้วจะให้เจ้าเจ็ดได้ใจเช่นนี้หรือ? เขากุมอำนาจทหารไว้ในมือมากมายเหลือเกิน! ในอนาคตหากเขาเกิดความคิดอื่นขึ้นมา พวกเราจะปราบปรามเขาได้อย่างไร!"องค์ชายรองหันกลับมามองด้วยความโกรธอัครมหาเสนาบดีหลี่ไม่ได้สนใจเขา เพียงพูดประชดประชันว่า "องค์ชายอย่าได้ลืมไปเล่า บัดนี้ท่านยังไม่ได้ขึ้นเป็นรัชทายาท หาได้มีความจำเป็นต้องมากังวลเรื่องอำนาจทางทหาร!""ดี! ท่านอัครมหาเสนาบดีหลี่กล่าวได้ดียิ่งนัก!"องค์ชายรองโมโหเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่อยากทะเลาะกับอัครมหาเสนาบดีหลี่จนมองหน้ากันไม่ติด เนื่องจากตระกูลหลี่
คนในวังเหล่านี้ชอบพูดค้างไว้ครึ่งประโยคหรือไง...เซี่ยเชียนฮวันจึงทำได้เพียงร่วมเดินทางไปกับเขาด้วยความอดทน แสงเป็นท่าทีเย่อหยิ่งสูงส่งแล้วกระซิบถามว่า "กงกงมีเรื่องใดให้กล่าวมาตามตรงเถิด ข้าจะไม่กล่าวโทษเจ้าหรอก และจะไม่บอกกับผู้อื่นให้รู้ว่าเรื่องนี้ท่านเป็นคนบอกข้า"ขันทีทำสีหน้าลังเล แต่เมื่อได้รับสัญญาจากเซี่ยเชียนฮวันเช่นนี้ เขาจึงกล่าวต่อไปว่า"พระชายาองค์ชายรองยังกล่าวอีกว่า ในฐานะลูกสะใภ้ ท่านไม่เคยเดินทางไปเข้าพบแม่สามีเลย หมิงเฟยเหนียงเหนียงรู้สึกเหงา จึงทำได้เพียงเรียกนางให้เข้าไปแทน"เซี่ยเชียนฮวันได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นทันที "ที่แท้นางยังตำหนิข้าด้วยหรือ "คำพูดเหล่านี้ เมื่อเผยแพร่ออกไปคนอื่นคงจะตราหน้าว่านางเป็นคนอกตัญญู ชั่วพริบตาเดียวอาจสร้างรอยร้าวระหว่างนางและเซียวเย่หลันได้ด้วยช่างเถอะ เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจชีวิตสมรสระหว่างตนกับเซียวเย่หลันนัก"ในวันนี้เหนียงเหนียงเดินทางเข้าวังมาแล้ว จะหาเวลาเข้าไปเยี่ยมเยียนหมิงเฟยหน่อยหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เป็นที่นินทาของผู้อื่น" ขันทีผู้นั้นเอ่ยแนะนำทุกครั้งที่เซี่ยเชียนฮวันเดินทางมาพระราชวัง นางไม่เคยวางท่ากับคนในรา
รถม้ามาถึงค่ายทหารอย่างทุลักทุเลเดิมทีเซี่ยเชียนฮวันต้องการจะลงไปดูเหล่าพี่น้องทหารผู้หล่อเหลากำยำของต้าเซี่ยว่าจะแข็งแกร่งอย่างไรน่าเสียดาย บัดนี้นางนั่งอยู่ในรถม้าราวกับนักโทษ ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ไม่อาจไปไหนได้ทั้งสิ้นเซียวเย่หลันจับศีรษะของนางกล่าวว่า"เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ อย่าลงจากรถม้า " ชายหนุ่มกำชับด้วยความเย็นชา"นี่ อย่างน้อยเจ้าก็ควรเอาผ้าปิดตาของข้าออก ไม่อย่างนั้นหากมีใครมาลักพาตัวเข้าไป ข้าคงจะไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นเช่นไร" เซี่ยเชียนฮวันพูดไม่ออกเซียวเย่หลันโต้กลับประโยคร้องขอนี้ของนาง "นี่คือค่ายทหารของข้า ไม่มีโจรหรือผู้ร้ายทั้งสิ้น""จะรับประกันได้อย่างไรเล่า...นี่? เซียวเย่หลัน เจ้ายังอยู่หรือไม่?"เมื่อเซียวเย่หลันกระโดดลงจากรถม้าไปแล้วจึงไม่มีใครตอบคำถามของเซี่ยเชียนฮวันอีกนางทำอะไรไม่ได้เลยแต่เมื่อคิดดูแล้ว นี่คือยุคสมัยที่สามีต้องได้รับความเคารพจากภรรยา ส่วนภรรยาต้องมีหลักสามเชื่อฟังสี่จรรยา เสมือนกับหุ่นเชิดที่ถูกควบคุม สามีว่าอย่างไรก็ต้องทำตามนั้นบัดนี้นางถูกมัดอยู่ในรถม้า ขาทั้งสองข้างไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ดวงตาก็มองไม่เห็น ดูเหมือนกับสตรีที่แต
"ท่านพี่ทหารทั้งหลายล้อเล่นหรืออย่างไร ในป่าเขาเช่นนี้จะมีสุรา?”เซี่ยเชียนฮวันพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากชายสองคนนี้แต่เรี่ยวแรงของพวกเขามากเหลือเกิน เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง เซี่ยเชียนฮวันไม่อาจดิ้นจนหลุดได้ส่วนลูกชายคนรองของอู่อันโหวเว่ยจงผิง ยืนหัวเราะแหะๆ อยู่ด้านข้าง "พวกเราจะเลี้ยงสุราอย่างอื่นให้เจ้าดื่ม เจ้าลองดูหรือไม่?" สีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันเคร่งขรึมลง "ทางที่ดี พวกเจ้าอย่าได้กระทำบุ่มบ่าม ระวังจุดจบของผลที่กระทำ!"เมื่อสิ้นเสียงลง ชายทั้งหลายก็พากันหัวเราะออกมา!"นี่แม่สาวน้อย ทำท่าทีดุกันกับพวกเราหรือ?""ไม่เลวนี่ ข้าชื่นชอบแบบนี้ สนุกดี!" พวกเขาหัวเราะพางลากเซี่ยเชียนฮวันเข้าไปในกระท่อมเล็กๆ อันทรุดโทรม ซึ่งถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาก็เป็นลูกชายของท่านโหว ต่อให้มีตัณหาเข้ามาครอบงำก็คงจะควบคุมตนเองได้อยู่บ้าง นางพอมีโอกาสถ่วงเวลาคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่ต่างอะไรกับอันธพาลข้างถนน เริ่มลงไม้ลงมือโดยตรง!"เว่ยหย่งเซิ่ง เว่ยจงผิง การกระทำของพวกเจ้าต่ำช้ายิ่งนัก ไม่กลัวว่าจะถูกอู่อันโหวรู้เข้าหรือ?" เซี่ยเชียนฮวันจ้องไปที่พวก
"พระชายาจ้านอ๋อง?"ประโยคนี้ทำให้พวกเขาหยุดยั้งได้จริงๆ เว่ยหย่งเซิ่งและคนอื่นๆ หยุดการกระทำลงชั่วคราว พวกเขาหันมาสบตากัน ผ่านไปสักพักก็พากันหัวเราะเยาะเสียงดัง"หากเจ้าคือพระชายาอ๋อง เช่นนั้นข้าก็คงเป็นฮ่องเต้!"เว่ยจงผิงหัวเราะจนแทบหายใจไม่ทันพรรคพวกของเขาก็หัวเราะขึ้นเช่นกัน "แม่นางเอ๋ย เจ้ามีสมองหรือไม่! กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้มาหลอกพวกเรา?""หึๆ ต่อให้เจ้าเป็นพระชายาจ้านอ๋องแล้วอย่างไร? ความสามารถของจ้านอ๋องเทียบกับค่าไม่ได้แม้แต่น้อย!"เว่ยหย่งเซิ่งกล่าวขึ้นด้วยท่าทีภาคภูมิใจ เขาใช้มืออันอ้วนท้วมจับใบหน้าของเซี่ยเชียนฮวันเอาไว้ไม่ใช่ว่าเขากล้าดูถูกเซียวเย่หลัน แต่เพราะเขาไม่เชื่อคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันต่างหาก คิดว่านางกำลังโกหกเพื่อให้พวกเขาตกใจกลัวและปล่อยนางไปเมื่อเห็นว่าใบหน้าอันน่าเกลียดน่าชังของชายหนุ่มกำลังจะใกล้เข้ามา เซี่ยเชียนฮวันก็รีบหันหน้าหนีสุดชีวิตแทบจะอาเจียนหน้าตาของชายหนุ่มมีข้อเปรียบเทียบจริงๆ!หากไม่นำมาเปรียบเทียบกันนางคงไม่รู้ ว่าที่แท้หน้าตาของเซียวเย่หลันก็พอดูได้"อย่าได้อายไปแม่นางน้อยคนสวย"เว่ยหย่งเซิ่งหัวเราะแล้วบีบคางนางเอาไว้ส
"ฉึก!ลูกศรนั้นปักเข้าที่ขาด้านในของเว่ยจงผิง เขาร้องโหยหวนแล้วล้มลงสู่พื้นคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา พวกเขามองไปยังเว่ยจงผิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายคร่ำครวญอยู่บนพื้นปฏิกิริยาแรกของเว่ยหย่งเซิ่งนั่นก็คือ ใครกันยิงธนูได้แม่นเช่นนี้?"ปฏิกิริยาต่อมาก็คือรู้สึกโมโหแล้วหันไปตะคอกว่า "บังอาจยิ่งนัก! ใครกันกล้าทำร้ายน้องชายข้า รู้หรือไม่ว่าข้าคือบุตรชายของ..."จากนั้นเขาก็หุบปากลงท่ามกลางความตกใจเนื่องจากผู้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือบิดาของเขา อู่อันโหวผู้เต็มไปด้วยความรู้สึกโมโห ณ บัดนี้ผู้ที่อยู่ข้างกายอู่อันโหวคือเซียวเย่หลันจ้านอ๋องขี่ม้าสีเลือดอย่างสง่างาม เขาสวมชุดคลุมสีดำลายเมฆ ในมือถือคันธนูขนาดใหญ่ทำจากทองคำดำ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง"ท่านพ่อ ทะ ท่านอ๋อง..."รอจนกระทั่งเซียวเย่หลันและอู่อันโหวควบม้ามาตรงหน้า เว่ยหย่งเซิ่งจึงเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักความคิดของโซ่วโหวแล่นขึ้นมาทันที รีบยกมือขึ้นคารวะรายงานว่า "ทูลท่านอ๋อง ท่านโหว เราพบสตรีผู้น่าสงสัยอยู่ในค่ายและกำลังสงสัยว่านางเป็นสายลับหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องการจับมาสอบสวน คาดไม่ถึงว่าแม่นางผู้นี้จะกล้าข
"เมื่อครู่เจ้ายังสงสัยว่าข้าเป็นสายลับหรือไม่ เหตุใดจู่ๆ จึงบอกว่าข้าหลงทางเล่า ต้องการจะส่งข้าเท่านั้น?"ดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันหันกลับมามองไปยังเว่ยหย่งเซิ่งที่กำลังอยู่ในอาการสับสนเว่ยหย่งเซิ่งแทบจะร่ำไห้ "ท่านพ่อ ท่านต้องเชื่อข้า ต่อให้ข้าใจกล้าหาญเพียงไร ข้าก็ไม่กล้าจะทำร้ายพระชายาจ้านอ๋องขอรับ!"แน่นอน ตามปกติแล้วเขามักจะมาหาเรื่องที่ค่ายทหารอยู่เสมอแต่เขาเพียงใช้วิชาอันสกปรกเล็กน้อย เขาจะกล้าหาเรื่องกับจ้านอ๋อง ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ได้อย่างไร? อู่อันโหวถอนหายใจออกมา ใบหน้าดูลังเลเล็กน้อยเมื่อเซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ว่าอู่อันโหวรู้สึกลังเล จึงรู้ว่าชายชราผู้นี้กำลังชั่งใจ ถึงสองพี่น้องตระกูลเว่ยจะค่อนข้างบ้ากาม แต่ก็เป็นลูกชายของเขาตอนที่พวกเขาเดินทางมา เซี่ยเชียนฮวันเพียงแค่ถูกล้อมเอาไว้ ไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาจงใจจะกระทำการมิดีมิร้ายจึงเปิดโอกาสให้เว่ยหย่งเซิ่งแก้ตัวได้นางเสียสละตนเองมากมายขนาดนี้ หากจะไม่ให้สองพี่น้องได้รับบทเรียนบ้าง นางจะยินยอมได้อย่างไรเซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองขมวดคิ้วขึ้น แสร้งทำท่าทีโมโหและน้อยเนื้อต่ำใจ นางดึงชายเสื้อของเซียวเย่หลันแ
เว่ยหย่งเซิ่งและเว่ยจงผิงรีบเข้ามาเอ่ยปัดความผิดอีกทั้งกล่าวเติมฟืนเติมไฟว่า “ยามปกติจ้านอ๋องก็ไม่ชอบพวกเขาอยู่เป็นเดิมทุน ปฏิบัติกับผู้ใดล้วนไร้ความอดทน”ฮ่องเต้ทรงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ไม่ได้แสดงสีหน้าใดออกมักเมื่อพวกเขากล่าวจบ ฮ่องเต้ก็หันไปทางเซียวเย่หลันและเซี่ยเชียนฮวัน ตรัสขึ้นช้าๆ "พวกเจ้ามีอะไรอยากพูดหรือไม่?"เซียวเย่หลันกล่าวขึ้นด้วยความเย็นชา "ลูกเพียงเห็นว่ามีคนจะทำร้ายพระชายาอ๋องจากที่ไกลๆ จึงได้ยิงธนูไปเพื่อขัดขวาง ก็เพียงเท่านั้น ""เจ้ากระทำการโดยบุ่มบ่ามมาโดยตลอด"ฮ่องเต้เยือกเย็นลงเล็กน้อยโอรสคนนี้ของเขามีประวัติก่อนหน้ามากมายเหลือเกินเมื่อได้ยินคำฟ้องร้องของสองพี่น้องตระกูลเว่ย ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอพระทัยเซียวเย่หลันอยู่เล็กน้อยส่ายพระพักตร์จับจ้องมาที่เซี่ยเชียนฮวัน "เจ้าเป็นสตรี เข้าไปร่อนเร่ในค่ายทหารเพียงลำพัง มองไปช่างน่าสงสัย ว่ากันว่าคนไม่รู้ไม่ผิดบัดนี้เจ้าเจ็ดได้ทำให้เขาขาเจ็บไปข้างหนึ่ง เจ้ายินดีจะอภัยต่อการกระทำของพวกเขาหรือไม่”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากเล็กน้อยฮ่องเต้ต้องการสร้างสันติภาพจริงๆ ด้วยหากเรื่องจบลงเพียงเท่านี้ สองพี่น้องตระกูล
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา