"พระชายาจ้านอ๋อง?"ประโยคนี้ทำให้พวกเขาหยุดยั้งได้จริงๆ เว่ยหย่งเซิ่งและคนอื่นๆ หยุดการกระทำลงชั่วคราว พวกเขาหันมาสบตากัน ผ่านไปสักพักก็พากันหัวเราะเยาะเสียงดัง"หากเจ้าคือพระชายาอ๋อง เช่นนั้นข้าก็คงเป็นฮ่องเต้!"เว่ยจงผิงหัวเราะจนแทบหายใจไม่ทันพรรคพวกของเขาก็หัวเราะขึ้นเช่นกัน "แม่นางเอ๋ย เจ้ามีสมองหรือไม่! กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้มาหลอกพวกเรา?""หึๆ ต่อให้เจ้าเป็นพระชายาจ้านอ๋องแล้วอย่างไร? ความสามารถของจ้านอ๋องเทียบกับค่าไม่ได้แม้แต่น้อย!"เว่ยหย่งเซิ่งกล่าวขึ้นด้วยท่าทีภาคภูมิใจ เขาใช้มืออันอ้วนท้วมจับใบหน้าของเซี่ยเชียนฮวันเอาไว้ไม่ใช่ว่าเขากล้าดูถูกเซียวเย่หลัน แต่เพราะเขาไม่เชื่อคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันต่างหาก คิดว่านางกำลังโกหกเพื่อให้พวกเขาตกใจกลัวและปล่อยนางไปเมื่อเห็นว่าใบหน้าอันน่าเกลียดน่าชังของชายหนุ่มกำลังจะใกล้เข้ามา เซี่ยเชียนฮวันก็รีบหันหน้าหนีสุดชีวิตแทบจะอาเจียนหน้าตาของชายหนุ่มมีข้อเปรียบเทียบจริงๆ!หากไม่นำมาเปรียบเทียบกันนางคงไม่รู้ ว่าที่แท้หน้าตาของเซียวเย่หลันก็พอดูได้"อย่าได้อายไปแม่นางน้อยคนสวย"เว่ยหย่งเซิ่งหัวเราะแล้วบีบคางนางเอาไว้ส
"ฉึก!ลูกศรนั้นปักเข้าที่ขาด้านในของเว่ยจงผิง เขาร้องโหยหวนแล้วล้มลงสู่พื้นคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา พวกเขามองไปยังเว่ยจงผิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายคร่ำครวญอยู่บนพื้นปฏิกิริยาแรกของเว่ยหย่งเซิ่งนั่นก็คือ ใครกันยิงธนูได้แม่นเช่นนี้?"ปฏิกิริยาต่อมาก็คือรู้สึกโมโหแล้วหันไปตะคอกว่า "บังอาจยิ่งนัก! ใครกันกล้าทำร้ายน้องชายข้า รู้หรือไม่ว่าข้าคือบุตรชายของ..."จากนั้นเขาก็หุบปากลงท่ามกลางความตกใจเนื่องจากผู้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือบิดาของเขา อู่อันโหวผู้เต็มไปด้วยความรู้สึกโมโห ณ บัดนี้ผู้ที่อยู่ข้างกายอู่อันโหวคือเซียวเย่หลันจ้านอ๋องขี่ม้าสีเลือดอย่างสง่างาม เขาสวมชุดคลุมสีดำลายเมฆ ในมือถือคันธนูขนาดใหญ่ทำจากทองคำดำ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง"ท่านพ่อ ทะ ท่านอ๋อง..."รอจนกระทั่งเซียวเย่หลันและอู่อันโหวควบม้ามาตรงหน้า เว่ยหย่งเซิ่งจึงเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักความคิดของโซ่วโหวแล่นขึ้นมาทันที รีบยกมือขึ้นคารวะรายงานว่า "ทูลท่านอ๋อง ท่านโหว เราพบสตรีผู้น่าสงสัยอยู่ในค่ายและกำลังสงสัยว่านางเป็นสายลับหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องการจับมาสอบสวน คาดไม่ถึงว่าแม่นางผู้นี้จะกล้าข
"เมื่อครู่เจ้ายังสงสัยว่าข้าเป็นสายลับหรือไม่ เหตุใดจู่ๆ จึงบอกว่าข้าหลงทางเล่า ต้องการจะส่งข้าเท่านั้น?"ดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันหันกลับมามองไปยังเว่ยหย่งเซิ่งที่กำลังอยู่ในอาการสับสนเว่ยหย่งเซิ่งแทบจะร่ำไห้ "ท่านพ่อ ท่านต้องเชื่อข้า ต่อให้ข้าใจกล้าหาญเพียงไร ข้าก็ไม่กล้าจะทำร้ายพระชายาจ้านอ๋องขอรับ!"แน่นอน ตามปกติแล้วเขามักจะมาหาเรื่องที่ค่ายทหารอยู่เสมอแต่เขาเพียงใช้วิชาอันสกปรกเล็กน้อย เขาจะกล้าหาเรื่องกับจ้านอ๋อง ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ได้อย่างไร? อู่อันโหวถอนหายใจออกมา ใบหน้าดูลังเลเล็กน้อยเมื่อเซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ว่าอู่อันโหวรู้สึกลังเล จึงรู้ว่าชายชราผู้นี้กำลังชั่งใจ ถึงสองพี่น้องตระกูลเว่ยจะค่อนข้างบ้ากาม แต่ก็เป็นลูกชายของเขาตอนที่พวกเขาเดินทางมา เซี่ยเชียนฮวันเพียงแค่ถูกล้อมเอาไว้ ไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาจงใจจะกระทำการมิดีมิร้ายจึงเปิดโอกาสให้เว่ยหย่งเซิ่งแก้ตัวได้นางเสียสละตนเองมากมายขนาดนี้ หากจะไม่ให้สองพี่น้องได้รับบทเรียนบ้าง นางจะยินยอมได้อย่างไรเซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองขมวดคิ้วขึ้น แสร้งทำท่าทีโมโหและน้อยเนื้อต่ำใจ นางดึงชายเสื้อของเซียวเย่หลันแ
เว่ยหย่งเซิ่งและเว่ยจงผิงรีบเข้ามาเอ่ยปัดความผิดอีกทั้งกล่าวเติมฟืนเติมไฟว่า “ยามปกติจ้านอ๋องก็ไม่ชอบพวกเขาอยู่เป็นเดิมทุน ปฏิบัติกับผู้ใดล้วนไร้ความอดทน”ฮ่องเต้ทรงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ไม่ได้แสดงสีหน้าใดออกมักเมื่อพวกเขากล่าวจบ ฮ่องเต้ก็หันไปทางเซียวเย่หลันและเซี่ยเชียนฮวัน ตรัสขึ้นช้าๆ "พวกเจ้ามีอะไรอยากพูดหรือไม่?"เซียวเย่หลันกล่าวขึ้นด้วยความเย็นชา "ลูกเพียงเห็นว่ามีคนจะทำร้ายพระชายาอ๋องจากที่ไกลๆ จึงได้ยิงธนูไปเพื่อขัดขวาง ก็เพียงเท่านั้น ""เจ้ากระทำการโดยบุ่มบ่ามมาโดยตลอด"ฮ่องเต้เยือกเย็นลงเล็กน้อยโอรสคนนี้ของเขามีประวัติก่อนหน้ามากมายเหลือเกินเมื่อได้ยินคำฟ้องร้องของสองพี่น้องตระกูลเว่ย ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอพระทัยเซียวเย่หลันอยู่เล็กน้อยส่ายพระพักตร์จับจ้องมาที่เซี่ยเชียนฮวัน "เจ้าเป็นสตรี เข้าไปร่อนเร่ในค่ายทหารเพียงลำพัง มองไปช่างน่าสงสัย ว่ากันว่าคนไม่รู้ไม่ผิดบัดนี้เจ้าเจ็ดได้ทำให้เขาขาเจ็บไปข้างหนึ่ง เจ้ายินดีจะอภัยต่อการกระทำของพวกเขาหรือไม่”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากเล็กน้อยฮ่องเต้ต้องการสร้างสันติภาพจริงๆ ด้วยหากเรื่องจบลงเพียงเท่านี้ สองพี่น้องตระกูล
กงกงทั้งสองที่คอยรับใช้ฮ่องเต้อยู่ซ้ายขวาก็หน้าเขียวหน้าเหลืองไม่กล้าเอ่ยคำใดมีเพียงเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้นที่เผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อยการที่นางจงใจพาสองพี่น้องตระกูลเว่ยเข้ามาในพระราชวังหลวง ก็เพราะต้องการให้เป็นเช่นนี้คำบางคำจะสร้างความเสียหายได้มากสุดก็ต่อเมื่อทูลต่อหน้าฮ่องเต้เท่านั้นอู่อันโหวโมโหสุดขีด เขาเข้าไปเตะบุตรชาย "ไอ้ลูกอกตัญญู! พวกเจ้าสร้างหายนะครั้งใหญ่ขึ้นให้แล้ว และยังกล้าโกหกบ่ายเบี่ยงความผิด ต้องการที่จะทรยศฮ่องเต้หรือ?!"ประโยคนี้เมื่อได้ยินไปถึงหูของฮ่องเต้ อย่าว่าแต่เว่ยจงผิงเลย ทั้งจวนอู่อันโหวก็อาจต้องได้รับผลกระทบด้วย!ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงหลักฐานที่พวกเขาตั้งใจจะทำร้ายพระชายาจ้านอ๋องแม้ว่าไทเฮาจะไม่ค่อยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกเท่าไรนัก แต่ก็รักและทะนุถนอมพระชายาจ้านอ๋องเป็นอย่างยิ่ง คงจะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่"ท่านพ่อ ลูกผิดไปแล้ว ลูกไม่ได้ตั้งใจ..."เว่ยจงผิงเอ่ยร้องขอความเมตตาอู่อันโหวโมโหเสียจนเข้าไปกระทืบ "นี่ขนาดไม่ตั้งใจ หากพวกเจ้าตั้งใจกระทำแล้วผลออกมาจะเป็นอย่างไรเล่า!"ชั่วพริบตาเดียวสองพี่น้องตระกูลเว่ยก็ถูกกระทืบจนช้ำเลือดกงกงที่อย
"ลูกเข้าใจเพคะ"เซี่ยเชียนฮวันกล่าวอย่างมีเหตุมีผล ก่อนจะเข้าไปคุกเข่าคารวะและใช้ศีรษะคำนับฮ่องเต้อยู่หลายหน เหอกงกงผู้ดูแลใหญ่เห็นดังนั้นก็ต้องตกตะลึงแม่นางผู้นี้มีความสามารถยอดเยี่ยมนักจากประสบการณ์ที่เหอกงกงอยู่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้มาเนิ่นนานหลายปี ผู้ที่มักแก้ตัวอยู่เสมอท้ายที่สุดแล้วมีแต่จะทำให้ฮ่องเต้ทรงโกรธมากขึ้น สู้ยอมรับออกมาโดยตรงเสียดีกว่าฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเซี่ยเชียนฮวันยอมรับความผิดอย่างตรงไปตรงมา สายพระเนตรก็เผยถึงรอยยิ้มแต่สีพระพักตร์ยังคงเคร่งขรึมจริงจัง "สตรีควรให้ความสำคัญกับชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของตน จากนี้อย่าได้ให้เจ้าเจ็ดมากระทำตามอำเภอใจ""ลูกเข้าใจแล้ว...เพคะ..."จู่ๆ เซี่ยเชียนฮวันก็รู้สึกจุกเจ็บในท้องอย่างแรง!ความเจ็บนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้นางสีหน้าซีดเผือดไม่อาจส่งท่าคุกเข่าได้อีกต่อไป นางล้มลงกับพื้นเอามือกุมท้อง"เจ้าเป็นอะไร?"เซียวเย่หลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบเข้าไปพยุงนางเดิมทีคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันเพียงแค่แสดงละครออกมา จวบจนกระทั่งนางหน้าซีดเซียว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาจึงเปลี่ยนสีเช่นกันฮ่องเต้ประทับอยู่บนพระที่น
"ดื่มเสีย"ไม่รู้ว่าเซียวเย่หลันไปที่ห้องครัวหลวงด้วยตนเองหรือไม่ แต่เขาได้เดินถือรังนกมาถ้วยหนึ่งแล้ววางลงตรงหน้าเซี่ยเชียนฮวันขันทีน้อยเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อยืนยันอีกครั้งนี่คือท่านอ๋อง ราชาแห่งสงครามจริงหรือ?จากที่พวกเขารู้จักเซียวเย่หลันมา อย่าว่าแต่สตรีตัวเล็กๆ คนเดียวเลย ต่อให้เป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันประชวรนอนอยู่ที่เตียง เขาก็ไม่เคยดูแลใส่ใจถึงเพียงนี้เซี่ยเชียนฮวันยกถ้วยรังนกขึ้นแล้วดื่มลงไปอย่างคล่องแคล่ว"ในเมื่อเสด็จพ่อเสด็จไปพักผ่อนแล้ว พวกเราก็ควรกลับกันสักที"หลังจากที่นางดื่มหมดก็กลืนลงคอแล้วลงจากเตียงด้วยท่าทีอันกระฉับกระเฉงเดิมทีเซียวเย่หลันตั้งใจจะเข้าไปพยุงนางเอาไว้ ปรากฏว่ามือที่แข็งแกร่งของเขาต้องชะงักลงกลางอากาศ แล้วชักมือกลับมาโดยไม่ให้ใครสนใจเห็น"ไปสิ" เซี่ยเชียนฮวันหันมาดึงแขนเสื้อเซียวเย่หลันเซียวเย่หลันส่งเสียงเหอะๆ ออกมาในลำคอ ราวกับว่านางเป็นสิ่งของสกปรก ก่อนจะสะบัดมือนางออกเดินตรงไปด้านนอกห้องโถงระหว่างเดินทางออกจากพระราชวัง เซียวเย่หลันทำสีหน้าเย็นชา ไม่กล่าวสิ่งใดกับเซี่ยเชียนฮวันสักคำสีหน้าท่าทางของเซียวเย่หลันตอน
บางทีอาจเพราะเหนื่อยมากจนเกินไปเซี่ยเชียนฮวันพักผ่อนอยู่ในเรือนเป็นเวลาหลายวันทีเดียว นางมุ่งเน้นไปที่อาหารและบำรุงเลือด ไม่ได้ออกจากประตูจวนแม้แต่ก้าวเดียวแต่พี่ชายของนางเซี่ยเหยียนเดินทางมาดูนางจากคำพูดของเซี่ยเหยียน เซี่ยเชียนฮวันจึงได้รู้ว่าอู่อันโหวได้ขึ้นเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนกองทหารชื่อเลี่ยนแล้ว และจากความช่วยเหลือของเขา ทำให้สามารถรวบรวมกองทหารชื่อเลี่ยนไปได้อย่างราบรื่นแน่นอนว่าเป็นเพราะไม่มีสองพี่น้องตระกูลเว่ยคอยเข้ามาขัดขวาง จึงทำให้ทหารเหล่านั้นจงรักภักดีมากขึ้นเมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องใดแล้ว เซียวเย่หลันจึงได้จัดการกับทหารเหล่านั้นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสองพี่น้องตระกูลเว่ยส่งเสริมทหารผู้ซื่อสัตย์ต่อตนและเริ่มสร้างกองกำลังใหม่หลังจากที่อู่อันโหวเห็นวิธีจัดการกับเหล่าทหารของเซียวเย่หลันแล้ว ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่า การมอบกองทัพทหารให้แก่เซียวเย่หลันดูแลต่อเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว และเนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากเดินทางไปร้องขอบุตรสาวของตนกลับคืน ด้วยความโมโหเขาจึงได้ตัดสัมพันธ์กับลูกชายทั้งหลายและนี่คือปัญหาเซี่ยเหยียนบ่นออกมาว่า "อู่อันโหวตาเฒ่านั่นเดิ