"ดื่มเสีย"ไม่รู้ว่าเซียวเย่หลันไปที่ห้องครัวหลวงด้วยตนเองหรือไม่ แต่เขาได้เดินถือรังนกมาถ้วยหนึ่งแล้ววางลงตรงหน้าเซี่ยเชียนฮวันขันทีน้อยเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อยืนยันอีกครั้งนี่คือท่านอ๋อง ราชาแห่งสงครามจริงหรือ?จากที่พวกเขารู้จักเซียวเย่หลันมา อย่าว่าแต่สตรีตัวเล็กๆ คนเดียวเลย ต่อให้เป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันประชวรนอนอยู่ที่เตียง เขาก็ไม่เคยดูแลใส่ใจถึงเพียงนี้เซี่ยเชียนฮวันยกถ้วยรังนกขึ้นแล้วดื่มลงไปอย่างคล่องแคล่ว"ในเมื่อเสด็จพ่อเสด็จไปพักผ่อนแล้ว พวกเราก็ควรกลับกันสักที"หลังจากที่นางดื่มหมดก็กลืนลงคอแล้วลงจากเตียงด้วยท่าทีอันกระฉับกระเฉงเดิมทีเซียวเย่หลันตั้งใจจะเข้าไปพยุงนางเอาไว้ ปรากฏว่ามือที่แข็งแกร่งของเขาต้องชะงักลงกลางอากาศ แล้วชักมือกลับมาโดยไม่ให้ใครสนใจเห็น"ไปสิ" เซี่ยเชียนฮวันหันมาดึงแขนเสื้อเซียวเย่หลันเซียวเย่หลันส่งเสียงเหอะๆ ออกมาในลำคอ ราวกับว่านางเป็นสิ่งของสกปรก ก่อนจะสะบัดมือนางออกเดินตรงไปด้านนอกห้องโถงระหว่างเดินทางออกจากพระราชวัง เซียวเย่หลันทำสีหน้าเย็นชา ไม่กล่าวสิ่งใดกับเซี่ยเชียนฮวันสักคำสีหน้าท่าทางของเซียวเย่หลันตอน
บางทีอาจเพราะเหนื่อยมากจนเกินไปเซี่ยเชียนฮวันพักผ่อนอยู่ในเรือนเป็นเวลาหลายวันทีเดียว นางมุ่งเน้นไปที่อาหารและบำรุงเลือด ไม่ได้ออกจากประตูจวนแม้แต่ก้าวเดียวแต่พี่ชายของนางเซี่ยเหยียนเดินทางมาดูนางจากคำพูดของเซี่ยเหยียน เซี่ยเชียนฮวันจึงได้รู้ว่าอู่อันโหวได้ขึ้นเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนกองทหารชื่อเลี่ยนแล้ว และจากความช่วยเหลือของเขา ทำให้สามารถรวบรวมกองทหารชื่อเลี่ยนไปได้อย่างราบรื่นแน่นอนว่าเป็นเพราะไม่มีสองพี่น้องตระกูลเว่ยคอยเข้ามาขัดขวาง จึงทำให้ทหารเหล่านั้นจงรักภักดีมากขึ้นเมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องใดแล้ว เซียวเย่หลันจึงได้จัดการกับทหารเหล่านั้นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสองพี่น้องตระกูลเว่ยส่งเสริมทหารผู้ซื่อสัตย์ต่อตนและเริ่มสร้างกองกำลังใหม่หลังจากที่อู่อันโหวเห็นวิธีจัดการกับเหล่าทหารของเซียวเย่หลันแล้ว ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่า การมอบกองทัพทหารให้แก่เซียวเย่หลันดูแลต่อเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว และเนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากเดินทางไปร้องขอบุตรสาวของตนกลับคืน ด้วยความโมโหเขาจึงได้ตัดสัมพันธ์กับลูกชายทั้งหลายและนี่คือปัญหาเซี่ยเหยียนบ่นออกมาว่า "อู่อันโหวตาเฒ่านั่นเดิ
ที่ประตูจวนจ้านอ๋องซูอวี้เออร์ยืนรออยู่ที่ประตู เมื่อเห็นรถม้าของเซี่ยเชียนฮวันและเซียวเย่หลันขับเคลื่อนไกลออกไปแล้ว นางจึงสวมหมวกแล้วรีบออกจากจวนนางหลีกเลี่ยงไปในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านเดินเข้าซอยไปยังอาคารเล็กๆ ที่ไม่โดดเด่นในตลาดในอาคารนั้นมีถ้ำซ่อนอยู่ศาลาชายคาทรงแปดเหลี่ยมลักษณะเหมือนกระดานหมากรุกที่มีสีขาวดำสลับกันอยู่ ต้นไม้เขียวชอุ่ม แม้สง่างามแต่ก็ดูเคร่งขรึมซูอวี้เออร์สวมหมวกปิดบังใบหน้า เดินมาที่ศาลาแล้วทักทายกับชายที่นั่งอยู่อย่างผ่อนคลายอารมณ์โดยมีผ้าปิดบังใบหน้าไว้ "คารวะคุณชายโม่เฉิน"ผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณชายโม่เฉิน ก็คือเจ้าของหอเทียนเซียงซึ่งทุกคนเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนเขาเปิดพัดออกเบาๆ "เจ้าเดินทางมาหาข้าในวันนี้เพราะเรื่องของพระชายาจ้านอ๋องหรือ?"“อวี้เออร์เห็นว่าไม่ได้เจอคุณชายมาหลายวันแล้ว ข้าน้อยคิดถึง...""หยุดใช้กลอุบายอันน่ารำคาญของเจ้าเสีย ข้าไม่ใช่เซียวเย่หลันที่จะโง่เง่าใช้เงินซื้อความรัก”"...เจ้าค่ะ"ซูอวี้เออร์เม้มริมฝีปากโดยไม่พึงพอใจนักนางจึงได้เล่าเรื่องราวออกมาให้เขาฟัง ไม่สิแท้จริงแล้วควรจะกล่าวว่า นางเล่าเรื่องของเซี่ยเ
ภายในวังเฟิ่งหลิงหมอหลวงนั่งคุกเข่าเป็นสองแถวอยู่ข้างเตียงของไทเฮา ต่างพากันก้มหน้า เหงื่อเย็นไหลย้อยจวบจนกระทั่งพวกเขาเห็นร่างของเซี่ยเชียนฮวันปรากฏขึ้น จึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก"เจ้าเจ็ด มากันแล้วหรือ" ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ข้างเตียงเงยหน้ามององค์รัชทายาทเห็นเซี่ยเชียนฮวันเดินทางเข้ามา ก็ได้เข้าไปต้อนรับด้วยสีหน้าเป็นกังวล "หมอหลวงกล่าวว่าเสด็จแม่ถูกวางยาพิษพวกเขาไร้วิธีขจัดพิษได้ ในตอนนี้พวกเราคงต้องฝากความหวังไว้ที่เจ้า น้องสะใภ้!"“องค์รัชทายาทเพคะ หม่อมฉันจะพยายามให้เต็มที่”จู่ๆ เซี่ยเชียนฮวันก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลการให้การรักษาเชื้อพระวงศ์แตกต่างกับรักษาชาวบ้านทั่วไป หากมีอะไรผิดพลาดล่ะก็ คำว่า “เราพยายามเต็มที่แล้ว" ก็ไม่สามารถจัดการปัญหาได้ จะมัวแต่พูดมากไม่ได้เซี่ยเชียนฮวันรีบเดินตรงเข้าไปที่เตียงนางพบว่ามีผู้คนมากมาย แม้อาจจะไม่ได้มองมายังนางทุกคน แต่หัวใจของพวกเขาจับจ้องมาที่นางนอกจากองค์รัชทายาท พระชายาและเซียวเย่หลันแล้ว ไม่มีเชื้อพระวงศ์คนอื่นอยู่ที่นั่นด้วย เหล่าหมอหลวงจึงค่อยๆ ทยอยออกไปเพราะอะไรกัน...“เมื่อคืนนี้ฮองเฮาดื่มสุราองุ่นไปสองแก้วแล
"หมิงเฟยเหมือนคนเสียสติอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่ว่านางทำสิ่งใด ก่อนหน้านี้ข้าคงตามใจนางมากเกินไป”ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างเย็นชาเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างเฉยเมย "แม้ว่าหมิงเฟยจะดูเสียสติ แต่นางไม่เข้าร่วมแก่งแย่งตำแหน่งในวังหลัง ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุผลจะทำร้ายฮองเฮา เสด็จพ่อทรงพระปรีชา จะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร” ประโยคสนทนาระหว่างสองพ่อลูก ทำให้คนรอบข้างถึงกับเหงื่อตกจ้านอ๋องก็คือจ้านอ๋อง มีเพียงเขาเท่านั้นที่กล้ากล่าวกับฮ่องเต้ด้วยท่าทีอย่างอันแสนเฉยเมยและเฉียบแหลม"นางไม่มีเหตุใดจะทำร้ายฮองเฮาหรือ? เหอะๆ เสด็จแม่ของเจ้ารู้สึกโกรธเกลียดแค้นข้ามาเนิ่นนานแล้ว แต่นางทำอะไรข้าไม่ได้ จึงได้เลือกลงมือกับฮองเฮา!”ฮ่องเต้โมโหยิ่งนักทำเอาเสียผู้คนที่อยู่รอบข้างหวาดกลัวจนคุกเข่าลง ด้วยเกรงว่าโอรสสวรรค์จะพิโรธขึ้นมาแล้วมีผู้คนนับไม่ถ้วนต้องสิ้นสุดชีวิตลงในวันนี้ทางด้านของเซียวเย่หลันยังคงสงบนิ่ง "เสด็จพ่อโปรดสงบอารมณ์ก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ จากเรือนเจียวชวนมาถึงวังเฟิงหลิงค่อนข้างไกลทีเดียว ผู้ที่วางยาพิษใส่สุรา คาดว่าคงไม่ใช่เสด็จแม่เพียงลำพัง"“เจ้าควรอธิษฐานให้เรื่องนี้ไม่เกี่
สีหน้าของทุกคนมองไปยังฮ่องเต้ด้วยความหวาดกลัว พวกเขาแทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจหมิงเฟยยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้เหนือความคาดหมายของทุกคน"หมิงเฟย ตามปกติแล้วที่เจ้าสร้างปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ข้าก็ได้แต่หลับตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด ปล่อยให้เจ้ากระทำไปตามอำเภอใจ ในวันนี้เจ้ากลับกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ วางยาพิษได้แม้แต่กับฮองเฮา ในอนาคตเจ้าของลงมือกับข้าสินะ?"ฮ่องเต้ไม่ได้โมโหอย่างที่ทุกคนคิด เขาตรัสถามหมิงเฟยด้วยท่าทีอันใจเย็นแต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นทุกคนก็ยิ่งหวาดกลัวหมิงเฟยเงยหน้าขึ้น มองไปยังฮองเฮาซึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยความเฉยเมยเช่นกัน "อาจเป็นเพราะฮองเฮาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจนเกินไป เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็ทนไม่ได้ ทำเอาเสียทุกคนต้องเดือดร้อนตื่นตระหนกตกใจ""บังอาจ!” ฮ่องเต้ทรงตะโกนขึ้น "เจ้ากล้าเรียกสิ่งนี้ว่าเรื่องเล็กน้อย?""ข้าเพียงใช้องุ่นเน่าเล็กน้อยมาทำเป็นสุรา เมื่อดื่มเข้าไปอย่างมากก็ท้องเสียเพียงไม่กี่ครั้ง เหตุใดถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ?"หมิงเฟยดูดื้อรั้น แววตาแห่งความสงสัยปรากฏขึ้นเมื่อเซี่ยเชียนฮวันเห็นท่าทีอันแข็งแกร่งของหมิงเฟย ชั่วพริบตานั้นนางรู้สึกว่าช่างคล้ายกับตน
"ครุ่นคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยตอบ”ในที่สุดเซียวเย่หลันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปบีบข้อมือของเซี่ยเชียนฮวันไว้แน่นเซี่ยเชียนฮวันถูกเขาบีบเช่นนั้นจนรู้สึกเจ็บแต่นางยังคงเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าบอกแล้วว่ามีพิษ""เจ้า เจ้าโกหก! สุรานี้ข้ากลั่นเองกับมือ จะมีพิษได้อย่างไร? เป็นเพราะเจ้าโกรธเกลียดแค้นข้าจึงต้องการใส่ร้ายข้าใช่หรือไม่!” หมิงเฟยขาดการควบคุมตนเองอีกครั้งนางไม่สนใจสิ่งใดแล้ววิ่งตรงเข้าไปทางเซี่ยเชียนฮวันด้วยใบหน้าอันดุร้าย"จับนาง "ฮ่องเต้ส่งสายตา องครักษ์รอบข้างตระหนักได้ทันทีจึงเข้าไปจับนางเอาไว้"ข้าไม่ได้วางยาพิษ ข้าไม่ได้เป็นคนทำ!" หมิงเฟยพยายามดิ้นรน"หมิงเฟยเหนียงเหนียง ได้โปรดนำถอนพิษให้พวกเราเถอะ ก่อนหน้านี้หากมีสิ่งใดที่เสด็จแม่ทำให้ท่านต้องขุ่นเคืองใจได้โปรดกล่าวออกมา ทูลต่อเสด็จพ่อก็ย่อมได้ เหตุใดจึงต้องเอาชีวิตนาง!"องค์รัชทายาทร้อนรนใจยิ่งนัก เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหมิงเฟยแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้สตรีผู้เสียสติคนนี้มาก จึงเดินกลับมาที่เดิมแววตาของหมิงเฟยเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง "ข้าไม่มียาพิษ! หากฮองเฮาถูกวางยาพิษจริง ผู้ที่กระทำคือค
เหล่าทหารองค์รักษ์จับหมิงเฟยเอาไว้ และเตรียมจะพาตัวออกไปตามรับสั่งเสียงสถบด่าของหมิงเฟยยังคงดังก้องอยู่ในห้องโถงอย่างต่อเนื่อง“เจ้ามันดาวไม้กวาด นางกีบเท้าน้อย เพื่อที่จะแก้แค้นข้าเจ้าก็กล้ากุเรื่องโกหกขึ้นมา โกหกหน้าซื่อตาใส! ข้าจะสาปแช่งเจ้า ขอให้ปากยาวๆ ของเจ้าเป็นแผลพุพอง ขอให้ไม่ตายดี และอย่าได้ผุดได้เกิดไปชั่วชีวิต!”คำพูดอาฆาตแค้นที่หลุดออกมาจากปากของหมิงเฟยแต่ละคำ ล้วนทิ่มแทงใจคน ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างมุ่งเป้ามาที่เซี่ยเชียนฮวันหากไม่มีใครรั้งนางเอาไว้ เกรงว่านางคงจะพุ่งเข้าไปทำร้ายเซี่ยเชียนฮวันในทันทีเซี่ยเชียนฮวันไม่อยากได้ยินคำพูดเหล่านั้นแต่น่าเสียดาย ที่มนุษย์ไม่มีความสามารถปิดการรับรู้ของตาและหูได้นางจึงต้องทนฟังคำสาปแช่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดของหมิงเฟย“เชียนฮวัน เจ้าอย่าเก็บคำพูดของหมิงเฟยใส่ใจเลยนะ คำพูดเหล่านั้นล้วนไร้สาระ”หลังหมิงเฟิงออกไปแล้ว พระชายาองค์รัชทายาทซึ่งอยู่ข้างๆ เซี่ยเชียนฮวันก็ลดเสียงลงเพื่อปลอบใจนางเซี่ยเชียนฮวันมิกล่าวสิ่งใด เพียงเงยหน้าส่งยิ้มจางๆ ให้พระชายาองค์รัชทายาท“เจ้า...เฮ้อ”พระชายาองค์รัชทายาทนึกสงสารสถานการณ์ของเซี่ยเชียนฮวัน
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา