"หมิงเฟยเหมือนคนเสียสติอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่ว่านางทำสิ่งใด ก่อนหน้านี้ข้าคงตามใจนางมากเกินไป”ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างเย็นชาเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างเฉยเมย "แม้ว่าหมิงเฟยจะดูเสียสติ แต่นางไม่เข้าร่วมแก่งแย่งตำแหน่งในวังหลัง ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุผลจะทำร้ายฮองเฮา เสด็จพ่อทรงพระปรีชา จะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร” ประโยคสนทนาระหว่างสองพ่อลูก ทำให้คนรอบข้างถึงกับเหงื่อตกจ้านอ๋องก็คือจ้านอ๋อง มีเพียงเขาเท่านั้นที่กล้ากล่าวกับฮ่องเต้ด้วยท่าทีอย่างอันแสนเฉยเมยและเฉียบแหลม"นางไม่มีเหตุใดจะทำร้ายฮองเฮาหรือ? เหอะๆ เสด็จแม่ของเจ้ารู้สึกโกรธเกลียดแค้นข้ามาเนิ่นนานแล้ว แต่นางทำอะไรข้าไม่ได้ จึงได้เลือกลงมือกับฮองเฮา!”ฮ่องเต้โมโหยิ่งนักทำเอาเสียผู้คนที่อยู่รอบข้างหวาดกลัวจนคุกเข่าลง ด้วยเกรงว่าโอรสสวรรค์จะพิโรธขึ้นมาแล้วมีผู้คนนับไม่ถ้วนต้องสิ้นสุดชีวิตลงในวันนี้ทางด้านของเซียวเย่หลันยังคงสงบนิ่ง "เสด็จพ่อโปรดสงบอารมณ์ก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ จากเรือนเจียวชวนมาถึงวังเฟิงหลิงค่อนข้างไกลทีเดียว ผู้ที่วางยาพิษใส่สุรา คาดว่าคงไม่ใช่เสด็จแม่เพียงลำพัง"“เจ้าควรอธิษฐานให้เรื่องนี้ไม่เกี่
สีหน้าของทุกคนมองไปยังฮ่องเต้ด้วยความหวาดกลัว พวกเขาแทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจหมิงเฟยยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้เหนือความคาดหมายของทุกคน"หมิงเฟย ตามปกติแล้วที่เจ้าสร้างปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ข้าก็ได้แต่หลับตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด ปล่อยให้เจ้ากระทำไปตามอำเภอใจ ในวันนี้เจ้ากลับกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ วางยาพิษได้แม้แต่กับฮองเฮา ในอนาคตเจ้าของลงมือกับข้าสินะ?"ฮ่องเต้ไม่ได้โมโหอย่างที่ทุกคนคิด เขาตรัสถามหมิงเฟยด้วยท่าทีอันใจเย็นแต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นทุกคนก็ยิ่งหวาดกลัวหมิงเฟยเงยหน้าขึ้น มองไปยังฮองเฮาซึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยความเฉยเมยเช่นกัน "อาจเป็นเพราะฮองเฮาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจนเกินไป เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็ทนไม่ได้ ทำเอาเสียทุกคนต้องเดือดร้อนตื่นตระหนกตกใจ""บังอาจ!” ฮ่องเต้ทรงตะโกนขึ้น "เจ้ากล้าเรียกสิ่งนี้ว่าเรื่องเล็กน้อย?""ข้าเพียงใช้องุ่นเน่าเล็กน้อยมาทำเป็นสุรา เมื่อดื่มเข้าไปอย่างมากก็ท้องเสียเพียงไม่กี่ครั้ง เหตุใดถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ?"หมิงเฟยดูดื้อรั้น แววตาแห่งความสงสัยปรากฏขึ้นเมื่อเซี่ยเชียนฮวันเห็นท่าทีอันแข็งแกร่งของหมิงเฟย ชั่วพริบตานั้นนางรู้สึกว่าช่างคล้ายกับตน
"ครุ่นคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยตอบ”ในที่สุดเซียวเย่หลันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปบีบข้อมือของเซี่ยเชียนฮวันไว้แน่นเซี่ยเชียนฮวันถูกเขาบีบเช่นนั้นจนรู้สึกเจ็บแต่นางยังคงเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าบอกแล้วว่ามีพิษ""เจ้า เจ้าโกหก! สุรานี้ข้ากลั่นเองกับมือ จะมีพิษได้อย่างไร? เป็นเพราะเจ้าโกรธเกลียดแค้นข้าจึงต้องการใส่ร้ายข้าใช่หรือไม่!” หมิงเฟยขาดการควบคุมตนเองอีกครั้งนางไม่สนใจสิ่งใดแล้ววิ่งตรงเข้าไปทางเซี่ยเชียนฮวันด้วยใบหน้าอันดุร้าย"จับนาง "ฮ่องเต้ส่งสายตา องครักษ์รอบข้างตระหนักได้ทันทีจึงเข้าไปจับนางเอาไว้"ข้าไม่ได้วางยาพิษ ข้าไม่ได้เป็นคนทำ!" หมิงเฟยพยายามดิ้นรน"หมิงเฟยเหนียงเหนียง ได้โปรดนำถอนพิษให้พวกเราเถอะ ก่อนหน้านี้หากมีสิ่งใดที่เสด็จแม่ทำให้ท่านต้องขุ่นเคืองใจได้โปรดกล่าวออกมา ทูลต่อเสด็จพ่อก็ย่อมได้ เหตุใดจึงต้องเอาชีวิตนาง!"องค์รัชทายาทร้อนรนใจยิ่งนัก เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหมิงเฟยแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้สตรีผู้เสียสติคนนี้มาก จึงเดินกลับมาที่เดิมแววตาของหมิงเฟยเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง "ข้าไม่มียาพิษ! หากฮองเฮาถูกวางยาพิษจริง ผู้ที่กระทำคือค
เหล่าทหารองค์รักษ์จับหมิงเฟยเอาไว้ และเตรียมจะพาตัวออกไปตามรับสั่งเสียงสถบด่าของหมิงเฟยยังคงดังก้องอยู่ในห้องโถงอย่างต่อเนื่อง“เจ้ามันดาวไม้กวาด นางกีบเท้าน้อย เพื่อที่จะแก้แค้นข้าเจ้าก็กล้ากุเรื่องโกหกขึ้นมา โกหกหน้าซื่อตาใส! ข้าจะสาปแช่งเจ้า ขอให้ปากยาวๆ ของเจ้าเป็นแผลพุพอง ขอให้ไม่ตายดี และอย่าได้ผุดได้เกิดไปชั่วชีวิต!”คำพูดอาฆาตแค้นที่หลุดออกมาจากปากของหมิงเฟยแต่ละคำ ล้วนทิ่มแทงใจคน ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างมุ่งเป้ามาที่เซี่ยเชียนฮวันหากไม่มีใครรั้งนางเอาไว้ เกรงว่านางคงจะพุ่งเข้าไปทำร้ายเซี่ยเชียนฮวันในทันทีเซี่ยเชียนฮวันไม่อยากได้ยินคำพูดเหล่านั้นแต่น่าเสียดาย ที่มนุษย์ไม่มีความสามารถปิดการรับรู้ของตาและหูได้นางจึงต้องทนฟังคำสาปแช่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดของหมิงเฟย“เชียนฮวัน เจ้าอย่าเก็บคำพูดของหมิงเฟยใส่ใจเลยนะ คำพูดเหล่านั้นล้วนไร้สาระ”หลังหมิงเฟิงออกไปแล้ว พระชายาองค์รัชทายาทซึ่งอยู่ข้างๆ เซี่ยเชียนฮวันก็ลดเสียงลงเพื่อปลอบใจนางเซี่ยเชียนฮวันมิกล่าวสิ่งใด เพียงเงยหน้าส่งยิ้มจางๆ ให้พระชายาองค์รัชทายาท“เจ้า...เฮ้อ”พระชายาองค์รัชทายาทนึกสงสารสถานการณ์ของเซี่ยเชียนฮวัน
เซียวเย่หลันกลับถึงจวนจ้านอ๋องด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่บึ้งตึงเขานั่งอยู่คนเดียวในห้องโถงโดยไม่มีแสงเทียน มีเพียงแสงจันทร์กระจ่างอันเย็นยะเยือกที่ส่องลงมาที่เขา ราวกับเทพอสูรที่นั่งอยู่ในความมืดมิดซูอวี้เออร์ที่ทราบข่าวจึงเดินเข้ามาหา“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงกลับมาเพียงลำพัง? พี่สาวล่ะ?” นางลองถามหยั่งเชิง“นางพักอยู่ในวัง”เซียวเย่หลันตอบอย่างเย็นชาความจริงซูอวี้เออร์ทราบข่าวว่า หมิงเฟยถูกคุมขังที่สำนักคุมประพฤติ ซึ่งเซี่ยเชียนฮวันหนุนคลื่นลมให้สูงขึ้น ด้วยการยืนอยู่ข้างฮองเฮา แล้วทำเรื่อง “ผดุงความยุติธรรม แม้นต้องสังหารญาติพี่น้อง”นางแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วถามต่อ “หรือว่าในวังมีเรื่องเกิดขึ้น? เนื่องจากทักษะทางการแพทย์ของพี่สาวนั้นดีมาก จึงเรียกนางเข้าวังโดยด่วน เดาว่าคงเป็นเจ้านายสูงศักดิ์ที่เจ็บป่วย”“ฮองเฮาทรงไม่สบาย”เซียวเย่หลันนวดหัวคิ้ว“เดิมทีเป็นฮองเฮาที่ทรงป่วย” ซูอวี้เออร์ทำเสียงตกใจ “ทรงพระอาการหนักมากเลยหรือ? พี่สาวถึงกลับบ้านไม่ได้”“เป็นเช่นนั้น”เซียวเย่หลันตอบส่งๆเขาไม่บอกซูอวี้เออร์ทุกอย่าง ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวคำสั่งห้ามของฝ่าบาทหรือสิ่งอื่นใด แต่เป็นเพรา
วันรุ่งขึ้นข่าวที่ฮองเฮาทรงประชวรหนักได้แพร่สะพัดไปทั่ว ราชสำนักถึงกับสั่นสะเทือน หลังจากว่าราชการเสร็จ เหล่าเชื้อพระวงศ์และพระญาติต่างก็มาที่วังเฟิงหลิงเพื่อเยี่ยมเยียนมีเพียงเซียวเย่หลันเท่านั้นที่ไม่อยู่เขาหยิบไวน์ขวดเล็กในวันนั้นจากมือหมอหลวงไปด้วย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังที่พำนักของท่านหญิงหยวนหลี่จวนกานชินอ๋องยี่สิบห้าปีก่อน กานชินอ๋องล้มเหลวในการแย่งชิงราชบัลลังก์ นับแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ถูกคุมขังอยู่ในจวนอ๋อง และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาชั่วชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ ฮ่องเต้ทรงเห็นว่ากานชินอ๋องไร้ทายาทน้อมส่งในวาระสุดท้าย จึงอนุญาตให้เขารับบุตรธิดาของประชาชนมาเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่มีเมตตาของโอรสสวรรค์ท่านหญิงหยวนหลี่เป็นแม่นางน้อยที่กานชินอ๋องเลือกให้เป็นบุตรบุญธรรมในตอนแรก คนนอกก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกานชินอ๋องถึงเลือกบุตรสาวแทนที่จะเป็นบุตรชายแต่หลังจากที่เซียวเย่หลันตรวจสอบที่มาที่ไปของท่านหญิงหยวนหลี่อย่างละเอียด เขาก็เข้าใจว่าทำไมกานชินอ๋องถึงเลือกนางประตูจวนค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าช้าเซียวเย่หลันถือไวน์ขวดเล็กตรงเข้าไปหาท่านหญิงหยวนหลี่ โดยไม่ค
“เจ้าแน่ใจหรือว่าในเหล้าไม่มียาพิษ?”เซียวเย่หลันพลันสีหน้ามืดมนท่านหญิงหยวนหลี่ผลักขวดไวน์กลับ ส่ายหัวแล้วพูด “หากมีหมอกล่าวว่าในเหล้านี้มียาพิษ คาดว่าคงวินิจฉัยผิดแล้ว”“นางไม่ได้วินิจฉัยผิด แต่นางตั้งใจ”เซียวเย่หลันกำหมัดช้าช้าเซี่ย เชียน ฮวันเจ้าทรยศต่อความเชื่อใจของข้ามีที่มีต่อเจ้า“ฝ่าบาททรงพูดว่านาง หรือว่า...”ท่านหญิงหยวนหลี่มองเซียวเย่หลันตาเขม็ง แล้วถามขึ้นมาอีกครั้งแต่เซียวเย่หลันไม่ตอบ เขากล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเย็นชา หยิบขวดไวน์บนกู่ฉินแล้วหมุนตัวจากไปรอจนร่างเขาหายไปจากสวน สาวใช้ข้างกายจึงพูดเสียงแผ่วว่า “ท่านหญิง หายากที่จ้านอ๋องจะเสด็จมาสักครั้ง ใยจึงปล่อยให้เขาจากไปเร็วเช่นนี้?”“ไม่เป็นไร ในอนาคตยังมีโอกาสได้พบกันอีกเสมอ”ท่านหญิงหยวนหลี่หลุบสายตา แล้วเริ่มดีดฉินขึ้นมาใหม่ บทเพลงชาวประมงเมามายร้องขับขานยามสนธยาดังกึกก้องภายในสวนแต่บางจังหวะเสียงฉินกลับยุ่งเหยิงเล็กน้อยดูเหมือนการปรากฏตัวของเซียวเย่หลัน จะรบกวนจิตใจที่สงบนิ่งของนางขณะเดียวกันณ.วังเฟิงหลิง เหล่าองค์ชายที่ยืนอยู่แถวแรก ต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง“ไม่คิดว่าหมิงเฟยจะมีอุบายที่โ
“ในเมื่อองค์หญิงแปดพูดเช่นนี้ งั้นข้าจะหยุดช่วย แต่องค์หญิงแปดต้องจำไว้ว่าจะต้องหาหมอมารักษาฮองเฮาให้ได้ภายในสองสามวัน มิฉะนั้นจะสายเกินไป”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างเย็นชานางเดินไปยืนตรงปลายแถวข้างองค์ชายเก้า สองมือไพล่หลังไม่มองใคร“เจ้า! ในเมื่อเสด็จพ่อทรงมีรับสั่ง เจ้าจะขัดคำสั่งได้อย่างไร?”เซียวหมิงเซียนไม่คิดว่าเซี่ยเชียนฮวันจะวางมือเพียงเพราะนางพูดไม่กี่คำ จึงกระทืบเท้าด้วยความโมโหเซี่ยเชียนฮวันหันหน้าไปที่นอกห้องโถง “องค์หญิงแปดคิดว่าข้าไร้ประโยชน์ แล้วข้าจะกล้าแสดงทักษะเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองได้อย่างไร”“เซี่ยเชียนฮวัน เจ้ากล้าเกินไปแล้ว!”ดวงตาเม็ดซิ่งของเซียวหมิงเซียนถลึงมองอย่างเกรี้ยวกราดนางอายุยังน้อย อีกทั้งพระมารดายังเป็นสนมคนโปรด คำพูดคำจาหรือการกระทำล้วนไม่เคยมีขอบเขตแต่ครั้งนี้ที่นางพูดให้เซี่ยเชียนฮวันต้องอับอาย กลับทำให้คนอื่นๆ พากันขมวดคิ้ว เผยแววตาละเอียดอ่อน ในใจคิดว่า อีกเดี๋ยวองค์หญิงแปดคงจะถูกฮ่องเต้ตำหนิอย่างแน่นอนแต่ที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงคือ ไม่ทันทีที่ฮ่องเต้จะเอ่ยปากพูด องค์ชายรองกลับเป็นคนแรกที่ดุน้องสาวด้วยใบหน้าอึมครึม!“กลับไปซุ่ยผิงซวนซะ อ