วันรุ่งขึ้นข่าวที่ฮองเฮาทรงประชวรหนักได้แพร่สะพัดไปทั่ว ราชสำนักถึงกับสั่นสะเทือน หลังจากว่าราชการเสร็จ เหล่าเชื้อพระวงศ์และพระญาติต่างก็มาที่วังเฟิงหลิงเพื่อเยี่ยมเยียนมีเพียงเซียวเย่หลันเท่านั้นที่ไม่อยู่เขาหยิบไวน์ขวดเล็กในวันนั้นจากมือหมอหลวงไปด้วย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังที่พำนักของท่านหญิงหยวนหลี่จวนกานชินอ๋องยี่สิบห้าปีก่อน กานชินอ๋องล้มเหลวในการแย่งชิงราชบัลลังก์ นับแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ถูกคุมขังอยู่ในจวนอ๋อง และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาชั่วชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ ฮ่องเต้ทรงเห็นว่ากานชินอ๋องไร้ทายาทน้อมส่งในวาระสุดท้าย จึงอนุญาตให้เขารับบุตรธิดาของประชาชนมาเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่มีเมตตาของโอรสสวรรค์ท่านหญิงหยวนหลี่เป็นแม่นางน้อยที่กานชินอ๋องเลือกให้เป็นบุตรบุญธรรมในตอนแรก คนนอกก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกานชินอ๋องถึงเลือกบุตรสาวแทนที่จะเป็นบุตรชายแต่หลังจากที่เซียวเย่หลันตรวจสอบที่มาที่ไปของท่านหญิงหยวนหลี่อย่างละเอียด เขาก็เข้าใจว่าทำไมกานชินอ๋องถึงเลือกนางประตูจวนค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าช้าเซียวเย่หลันถือไวน์ขวดเล็กตรงเข้าไปหาท่านหญิงหยวนหลี่ โดยไม่ค
“เจ้าแน่ใจหรือว่าในเหล้าไม่มียาพิษ?”เซียวเย่หลันพลันสีหน้ามืดมนท่านหญิงหยวนหลี่ผลักขวดไวน์กลับ ส่ายหัวแล้วพูด “หากมีหมอกล่าวว่าในเหล้านี้มียาพิษ คาดว่าคงวินิจฉัยผิดแล้ว”“นางไม่ได้วินิจฉัยผิด แต่นางตั้งใจ”เซียวเย่หลันกำหมัดช้าช้าเซี่ย เชียน ฮวันเจ้าทรยศต่อความเชื่อใจของข้ามีที่มีต่อเจ้า“ฝ่าบาททรงพูดว่านาง หรือว่า...”ท่านหญิงหยวนหลี่มองเซียวเย่หลันตาเขม็ง แล้วถามขึ้นมาอีกครั้งแต่เซียวเย่หลันไม่ตอบ เขากล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเย็นชา หยิบขวดไวน์บนกู่ฉินแล้วหมุนตัวจากไปรอจนร่างเขาหายไปจากสวน สาวใช้ข้างกายจึงพูดเสียงแผ่วว่า “ท่านหญิง หายากที่จ้านอ๋องจะเสด็จมาสักครั้ง ใยจึงปล่อยให้เขาจากไปเร็วเช่นนี้?”“ไม่เป็นไร ในอนาคตยังมีโอกาสได้พบกันอีกเสมอ”ท่านหญิงหยวนหลี่หลุบสายตา แล้วเริ่มดีดฉินขึ้นมาใหม่ บทเพลงชาวประมงเมามายร้องขับขานยามสนธยาดังกึกก้องภายในสวนแต่บางจังหวะเสียงฉินกลับยุ่งเหยิงเล็กน้อยดูเหมือนการปรากฏตัวของเซียวเย่หลัน จะรบกวนจิตใจที่สงบนิ่งของนางขณะเดียวกันณ.วังเฟิงหลิง เหล่าองค์ชายที่ยืนอยู่แถวแรก ต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง“ไม่คิดว่าหมิงเฟยจะมีอุบายที่โ
“ในเมื่อองค์หญิงแปดพูดเช่นนี้ งั้นข้าจะหยุดช่วย แต่องค์หญิงแปดต้องจำไว้ว่าจะต้องหาหมอมารักษาฮองเฮาให้ได้ภายในสองสามวัน มิฉะนั้นจะสายเกินไป”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างเย็นชานางเดินไปยืนตรงปลายแถวข้างองค์ชายเก้า สองมือไพล่หลังไม่มองใคร“เจ้า! ในเมื่อเสด็จพ่อทรงมีรับสั่ง เจ้าจะขัดคำสั่งได้อย่างไร?”เซียวหมิงเซียนไม่คิดว่าเซี่ยเชียนฮวันจะวางมือเพียงเพราะนางพูดไม่กี่คำ จึงกระทืบเท้าด้วยความโมโหเซี่ยเชียนฮวันหันหน้าไปที่นอกห้องโถง “องค์หญิงแปดคิดว่าข้าไร้ประโยชน์ แล้วข้าจะกล้าแสดงทักษะเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองได้อย่างไร”“เซี่ยเชียนฮวัน เจ้ากล้าเกินไปแล้ว!”ดวงตาเม็ดซิ่งของเซียวหมิงเซียนถลึงมองอย่างเกรี้ยวกราดนางอายุยังน้อย อีกทั้งพระมารดายังเป็นสนมคนโปรด คำพูดคำจาหรือการกระทำล้วนไม่เคยมีขอบเขตแต่ครั้งนี้ที่นางพูดให้เซี่ยเชียนฮวันต้องอับอาย กลับทำให้คนอื่นๆ พากันขมวดคิ้ว เผยแววตาละเอียดอ่อน ในใจคิดว่า อีกเดี๋ยวองค์หญิงแปดคงจะถูกฮ่องเต้ตำหนิอย่างแน่นอนแต่ที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงคือ ไม่ทันทีที่ฮ่องเต้จะเอ่ยปากพูด องค์ชายรองกลับเป็นคนแรกที่ดุน้องสาวด้วยใบหน้าอึมครึม!“กลับไปซุ่ยผิงซวนซะ อ
เซี่ยเชียนฮวันเกร็งร่าง แล้วหันไปทางหินจำลองอย่างช้าช้าน่าเสียดายที่นางเห็นร่างที่ซ่อนอยู่หลังหินจำลองไม่ชัด!“เป็นท่าน”นางกล่าวอย่างเย็นชาชายที่ยืนอยู่หลังหินจำลองหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล ข้าก็ไม่กล้าทำอะไรเจ้าในวังหลวงแห่งนี้หรอก”“วันนี้มีเพียงไม่กี่คนที่มาเยี่ยมฮองเฮา ท่านไม่กลัวว่าข้าจะเดาออกหรือว่าท่านเป็นใคร?”เซี่ยเชียนฮวันนึกถึงคนที่เพิ่งพบในวังเฟิงหลิงอย่างรวดเร็วนอกจากองค์ชายแล้ว ก็ยังมีชินอ๋องสองสามคนอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น?ชายสวมหน้ากากไม่สนใจ เขาหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “การที่ข้ากล้าปรากฏตัว นั่นก็หมายความว่าข้ามั่นใจพอสมควร ว่าเจ้าเดาตัวตนของข้ามิออก”นั่นเป็นความจริงเซี่ยเชียนฮวันได้แต่ถอนหายใจ “ท่านต้องการอะไร?”ทันทีที่ถาม นางก็เพิ่งสังเกตว่าด้านข้างหินจำลองนั้นมีสระน้ำขนาดเล็กอยู่ถ้าหากเดินไปตรงขอบสระ บางทีนางอาจจะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของชายสวมหน้ากากผ่านเงาสะท้อนบนน้ำก็ได้“เวลานี้ฮองเฮาทรงประชวรหนัก ข้าไม่มีเวลามาคุยเล่นกับท่านหรอก”เซี่ยเชียนฮวันพูดเบี่ยงเบนความสนใจของชายสวมหน้ากาก ขณะเดินไปทางสระน้ำอย่างช้าๆชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่หลังหินจำลองกล
“ปล่อยข้านะ คนที่ดีแต่ข่มเหงรังแกผู้หญิง จะนับว่าเป็นผู้ชายที่ดีได้อย่างไร”เซี่ยเชียนฮวันงอนิ้วอย่างเงียบๆนางซ่อนเข็มเงินไว้ในแขนเสื้อขอแค่หาโอกาสตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง นางก็สามารถโต้คืนชายผู้นี้ได้ และเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขาแต่ไม่คาดว่าชายสวมหน้ากากเหมือนจะสังเกตเห็นถึงความตั้งใจของนาง มือหนึ่งกดศีรษะนาง อีกมือก็จับสองมือนางไพล่ไปด้านหลัง ทำให้นางขยับตัวไม่ได้!“ข้ามิได้รังแกเจ้า แค่อยากจะเตือนเจ้าเท่านั้น” ชายสวมหน้ากากยิ้ม“ไปซะ ข้ารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ ไม่ต้องให้ท่านมาเตือน!”เซี่ยเชียนฮวันนึกแค้นใจที่ไม่อาจเงยหน้าจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาดุดันได้ชายสวมหน้ากากโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูนาง “ข้าบอกแล้ว ข้ารู้จักเจ้าดีกว่าเซียวเย่หลัน เจ้าจะไม่โกหกโดยไม่มีเหตุผล หรือถ้าทำก็จะมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น”“ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของท่าน”“ช่างเป็นสาวน้อยที่ไม่รู้จักเห็นใจผู้อื่นเลย...” ชายสวมหน้ากากถอนหายใจ “เซียวเย่หลันเข้าใจเจตนาดีของเจ้าหรือไม่?”เซี่ยเชียนฮวันไม่ตอบหน้าผากของนางถูกกดแนบตรงหัวใจของชายคนนั้น นางได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ช้าแต่ทรงพลังของเขา ทันใดนั้นดวงตาท
“เซียวเย่หลัน ทำไมท่านถึงมาที่นี่”เซี่ยเชียนฮวันจำเป็นต้องเงยหน้าสบตาอันดุร้ายและเย็นชาคู่นั้นความโกรธของเขารุนแรงกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัดความเย็นชาที่หนาวถึงกระดูก และแววตาชิงชังขยะแขยงคู่นั้น มันทำให้เซี่ยเชียนฮวันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงค่ำคืนอันแสนเจ็บปวดกับเซียวเย่หลันเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาบนฝ่ามือนาง“รักษาฮองเฮาซะ”ในที่สุดเซียวเย่หลันก็ปล่อยเซี่ยเชียนฮวัน จากนั้นก็ผลักนางไปทางตั่งนอนอย่างไม่ปราณีเซี่ยเชียนฮวันลูบคอพลางไอออกมา นางตอบกลับเสียงแหบพร่าว่า “ไม่ใช่ว่าข้าก็รักษาฮองเฮามาตลอดหรือ? ท่านคิดว่าข้าอยู่ที่นี่เพื่ออะไร?”“ไม่จำเป็นต้องหลอกข้าอีกต่อไป”เซียวเย่หลันจ้องมองนาง ก่อนจะพูดออกมาทีละคำเขามองนางราวกับมองคนทรยศเซี่ยเชียนฮวันพลันชะงัก หรือว่านอกจากชายสวมหน้ากากแล้ว แม้แต่เซียวเย่หลันก็มองนางออกไม่ เป็นไปไม่ได้เซียวเย่หลันไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิง กระทั่งท่าทางเสแสร้งของซูอวี้เออร์ก็ยังมองไม่ออก เป็นไปไม่ได้ที่จะพบเบาะแสจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนางยิ่งไปกว่านั้น...ก็ดังที่ชายสวมหน้ากากกล่าว เซียวเย่หลันไม่รู้จักนาง เขาไม่สนใจนางด้วยซ้ำ“ท่านพูด
ทั้งสองมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในห้วงภวังค์ของตัวเองสุดท้ายเซียวเย่หลันก็เป็นคนพูดก่อน “เจ้าโทษว่าข้าไม่เชื่อใจเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าทำ เจ้าเคยบอกข้าอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากแน่นเป็นเพราะนางไม่ยอมพูดกับเขาตรงๆ อย่างนั้นหรือ?เห็นได้ชัดว่าเขามีอคติกับนางก่อน ไม่ว่านางจะพูดอะไรหรือทำอะไร เขาก็เชื่อผู้อื่นมากกว่าเสมอในกรณีนี้ ทำไมนางต้องพาตัวเองไปโดนเขาเย็นชาใส่ เสียแรงเปล่าเซี่ยเชียนฮวันไม่อยากอธิบายเยอะ จึงพูดตอบไปว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะรักษาฮองเฮา เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะรักษานางก่อนหมิงเฟยจะกลับมา”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหมิงเฟยจะกลับมาจากสำนักคุมประพฤติ”เซียวเย่หลันขมวดคิ้วเซี่ยเชียนฮวันกำลังจะอ้าปากพูด แต่จู่ๆ เซียวเย่หลันก็สีหน้าเปลี่ยนไป และยื่นมือมาปิดปากนาง!“อย่าพูด มีคนอยู่นอกหน้าต่าง”วรยุทธ์ของเขาสูงมาก หลังผ่านการฝึกฝนจากในสนามรบ ประสาทหูของเขาจึงเหนือกว่าคนทั่วไปเขายังไวต่อการเคลื่อนไหวในบริเวณใกล้ตัวเซี่ยเชียนฮวันไม่พูด เพียงแต่ยกมือซ้ายขึ้นมา แล้วทำท่าทำทางชี้ไปทางฉากกั้นหลังตั่งหงส์เซียวเย่หลันอุ้มนางขึ้นมา แล้วทะยานไปด้านหลังเ
หลังจากมหาเสนาบดีหลี่ทราบเรื่องนี้ เขาก็ดุนางกับองค์ชายรองยกใหญ่หลี่จิ้งหย่ารู้จักบิดาของนางดีเกินไปหากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขที่ดี นางจะกลายเป็นบุตรสาวที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลหลี่ และความฝันที่จะกลายเป็นฮองเฮาในอนาคตก็จะพังทลายด้วยเช่นกันนางจึงรีบขอยาแก้พิษหญ้าฝรั่นจากที่ปรึกษา แล้วตามหาเกอมามาที่ถูกวางตัวเป็นสายลับในวังของตระกูลหลี่ตั้งแต่ช่วงแรกๆ จากนั้นก็ลอบเข้ามาในวังเพื่อป้อนยาแก้พิษให้กับฮองเฮา เพื่อกอบกู้สถานการณ์เกอมามาคุ้นเคยกับการเห็นคลื่นลมมานักต่อนักแล้ว จึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “หากป่วยเพียงไม่กี่วันก็ไม่มีใครสืบค้นหรอก แต่การวางยาพิษฮองเฮามิใช่เรื่องเล็กน้อย ฝ่าบาทจะต้องสืบสวนจนถึงที่สุด ตอนนี้พระชายาจะต้องปกป้องตัวเองให้ดี ที่ปรึกษาคนนั้นต้องตาย คนของเรือนเจียวชวนก็ต้องตาย จากนั้นพวกเราก็หาทางโยนความผิดให้พระสนมหมิง”“ดูเหมือนนี่จะเป็นทางเดียว...”หลี่จิ้งหย่าถอนหายใจเดิมทีนางกับเซียวเย่หลันเป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็ก ใจจริงก็ไม่อยากให้สนมหมิงต้องตายเลยอย่างไรก็ตามคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต ทางออกของปัญหานี้ มีแค่เสียสละหมิงเฟยเพื่อปกป้องตัวเองทันใดนั้นทั้งส
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา