“เซียวเย่หลัน ทำไมท่านถึงมาที่นี่”เซี่ยเชียนฮวันจำเป็นต้องเงยหน้าสบตาอันดุร้ายและเย็นชาคู่นั้นความโกรธของเขารุนแรงกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัดความเย็นชาที่หนาวถึงกระดูก และแววตาชิงชังขยะแขยงคู่นั้น มันทำให้เซี่ยเชียนฮวันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงค่ำคืนอันแสนเจ็บปวดกับเซียวเย่หลันเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาบนฝ่ามือนาง“รักษาฮองเฮาซะ”ในที่สุดเซียวเย่หลันก็ปล่อยเซี่ยเชียนฮวัน จากนั้นก็ผลักนางไปทางตั่งนอนอย่างไม่ปราณีเซี่ยเชียนฮวันลูบคอพลางไอออกมา นางตอบกลับเสียงแหบพร่าว่า “ไม่ใช่ว่าข้าก็รักษาฮองเฮามาตลอดหรือ? ท่านคิดว่าข้าอยู่ที่นี่เพื่ออะไร?”“ไม่จำเป็นต้องหลอกข้าอีกต่อไป”เซียวเย่หลันจ้องมองนาง ก่อนจะพูดออกมาทีละคำเขามองนางราวกับมองคนทรยศเซี่ยเชียนฮวันพลันชะงัก หรือว่านอกจากชายสวมหน้ากากแล้ว แม้แต่เซียวเย่หลันก็มองนางออกไม่ เป็นไปไม่ได้เซียวเย่หลันไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิง กระทั่งท่าทางเสแสร้งของซูอวี้เออร์ก็ยังมองไม่ออก เป็นไปไม่ได้ที่จะพบเบาะแสจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนางยิ่งไปกว่านั้น...ก็ดังที่ชายสวมหน้ากากกล่าว เซียวเย่หลันไม่รู้จักนาง เขาไม่สนใจนางด้วยซ้ำ“ท่านพูด
ทั้งสองมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในห้วงภวังค์ของตัวเองสุดท้ายเซียวเย่หลันก็เป็นคนพูดก่อน “เจ้าโทษว่าข้าไม่เชื่อใจเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าทำ เจ้าเคยบอกข้าอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากแน่นเป็นเพราะนางไม่ยอมพูดกับเขาตรงๆ อย่างนั้นหรือ?เห็นได้ชัดว่าเขามีอคติกับนางก่อน ไม่ว่านางจะพูดอะไรหรือทำอะไร เขาก็เชื่อผู้อื่นมากกว่าเสมอในกรณีนี้ ทำไมนางต้องพาตัวเองไปโดนเขาเย็นชาใส่ เสียแรงเปล่าเซี่ยเชียนฮวันไม่อยากอธิบายเยอะ จึงพูดตอบไปว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะรักษาฮองเฮา เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะรักษานางก่อนหมิงเฟยจะกลับมา”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหมิงเฟยจะกลับมาจากสำนักคุมประพฤติ”เซียวเย่หลันขมวดคิ้วเซี่ยเชียนฮวันกำลังจะอ้าปากพูด แต่จู่ๆ เซียวเย่หลันก็สีหน้าเปลี่ยนไป และยื่นมือมาปิดปากนาง!“อย่าพูด มีคนอยู่นอกหน้าต่าง”วรยุทธ์ของเขาสูงมาก หลังผ่านการฝึกฝนจากในสนามรบ ประสาทหูของเขาจึงเหนือกว่าคนทั่วไปเขายังไวต่อการเคลื่อนไหวในบริเวณใกล้ตัวเซี่ยเชียนฮวันไม่พูด เพียงแต่ยกมือซ้ายขึ้นมา แล้วทำท่าทำทางชี้ไปทางฉากกั้นหลังตั่งหงส์เซียวเย่หลันอุ้มนางขึ้นมา แล้วทะยานไปด้านหลังเ
หลังจากมหาเสนาบดีหลี่ทราบเรื่องนี้ เขาก็ดุนางกับองค์ชายรองยกใหญ่หลี่จิ้งหย่ารู้จักบิดาของนางดีเกินไปหากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขที่ดี นางจะกลายเป็นบุตรสาวที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลหลี่ และความฝันที่จะกลายเป็นฮองเฮาในอนาคตก็จะพังทลายด้วยเช่นกันนางจึงรีบขอยาแก้พิษหญ้าฝรั่นจากที่ปรึกษา แล้วตามหาเกอมามาที่ถูกวางตัวเป็นสายลับในวังของตระกูลหลี่ตั้งแต่ช่วงแรกๆ จากนั้นก็ลอบเข้ามาในวังเพื่อป้อนยาแก้พิษให้กับฮองเฮา เพื่อกอบกู้สถานการณ์เกอมามาคุ้นเคยกับการเห็นคลื่นลมมานักต่อนักแล้ว จึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “หากป่วยเพียงไม่กี่วันก็ไม่มีใครสืบค้นหรอก แต่การวางยาพิษฮองเฮามิใช่เรื่องเล็กน้อย ฝ่าบาทจะต้องสืบสวนจนถึงที่สุด ตอนนี้พระชายาจะต้องปกป้องตัวเองให้ดี ที่ปรึกษาคนนั้นต้องตาย คนของเรือนเจียวชวนก็ต้องตาย จากนั้นพวกเราก็หาทางโยนความผิดให้พระสนมหมิง”“ดูเหมือนนี่จะเป็นทางเดียว...”หลี่จิ้งหย่าถอนหายใจเดิมทีนางกับเซียวเย่หลันเป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็ก ใจจริงก็ไม่อยากให้สนมหมิงต้องตายเลยอย่างไรก็ตามคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต ทางออกของปัญหานี้ มีแค่เสียสละหมิงเฟยเพื่อปกป้องตัวเองทันใดนั้นทั้งส
เซี่ยเชียนฮวันนั่งข้างฮองเฮาและจับชีพจรให้นางขณะเดียวกันก็ไม่ลืมปรายตามองจากหางตา เพื่อไม่พลาดการแสดงดีดีตรงหน้านางซึ่งเป็นพระชายาที่แท้จริงยังอยู่ที่นี่หลี่จิ้งหย่าบอกว่าจะแต่งงานกับเซียวเย่หลันต่อหน้านาง นี่มันน่าสนใจมากอย่างไรก็ตาม หากสามารถใช้งานพระชายาขององค์ชายองค์อื่นได้ ย่อมเป็นประโยชน์ไม่น้อย ขึ้นอยู่กับว่าเซียวเย่หลันจะคิดเช่นไร“พี่เย่หลัน หัวใจของข้า ร่างกายของข้า สามารถเป็นของท่านได้...”หลี่จิ้งหย่ากัดปากตัวเองแล้วกระซิบพูดในฐานะผู้หญิง นางหมดหนทางแล้วจริงๆ ถึงได้กล่าวเช่นนี้ออกมาแต่ไม่คาดคิดว่าสีหน้าของเซียวเย่หลันจะไร้ซึ่งความรู้สึก ใบหน้าของเขาไม่วี่แววสงสารหรือเห็นอกเห็นใจเลยสักนิด เขากล่าวเสียงราบเรียบ “เจ้าอยากเป็นฮองเฮา แต่ข้าไม่อาจเติมเต็มความปรารถของเจ้าได้”หลี่จิ้งหย่าชะงัก “หรือว่าท่านไม่ต้องการแย่งชิงบัลลังก์งั้นหรือ?”“ข้าอยากถามด้วยว่า เหตุใดพวกเจ้าแต่ละคนถึงอยากให้ข้าขึ้นครองบัลลังก์”เซียวเย่หลันยื่นมือออกไปผลักหลี่จิ้งหย่าแต่ทว่าหลี่จิ้งหย่ากอดแน่นเกินไป จึงไม่อาจผลักออกไปได้ง่ายๆเขาเหลือบมองกลับไปโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเห็นผู้หญิงคนน
ระหว่างทางกลับจากวังเซี่ยเชียนฮวันกำลังคิดหาข้ออ้างกลับบ้านแม่ และใช้เวลาอยู่ที่จวนอันติ้งโหวสักพัก จนกว่าพระสนมหมิงจะกลับวัง“ยังเจ็บอยู่ไหม”จู่ๆ เซียวเย่หลันก็เปิดปากถามอย่างเย็นชาเซี่ยเชียนฮวันกำลังคิดอะไรบางอย่าง จึงตอบสนองช้าไปครู่หนึ่ง “หือ?”“คอนะ”“ไม่หรอก ข้าชินกับการกระทำของท่านแล้ว”เซี่ยเชียนฮวันนึกขึ้นได้ว่าเซียวเย่หลันเพิ่งจะบีบคอของนางไป และยังผลักนางไปที่ตั่งเตียง เพื่อบีบให้นางรักษาฮองเฮาน้ำเสียงของนางจึงเย็นชาเล็กน้อยเซียวเย่หลันหลับตาและพูดว่า “เจ้าไม่บอกข้าให้ชัดเจน”“ท่านตำหนิข้าเรื่องนี้หรือ? ข้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ข้าราชบริพารหรือว่าทาสของท่าน ที่ต้องคอยรายงานท่านทุกเรื่อง”เซี่ยเชียนฮวันระงับความโกรธและกล่าวโต้แย้งได้ฟังความดื้อรั้นของนาง คลื่นความเย็นชาก็แผ่ออกมาจากร่างของเซียวเย่หลัน“ในเมื่อเจ้าเป็นพระชายาของข้า ก็เท่ากับเป็นข้าราชบริพารของข้า หากเจ้าไม่พอใจก็กลับจวนอันติ้งโหวของเจ้าไป”“ไม่ต้องกังวล สักวันข้าจะกลับไปในไม่ช้า”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากนางรู้ว่า เซียวเย่หลันต้องการกำจัดนางและเด็กในครรภ์ของนางโดยเร็วแต่นางทนมานานมากแล้ว ถ้าไม่
“ไม่มีพี่น้องของข้าคนไหนที่เป็นคนโง่”น้ำเสียงแผ่วเบาดุจสายลมพัดผ่านของชายผู้นั้นลอยเข้าหูเซี่ยเชียนฮวัน ทำให้ใจนางพลันกระตุกนั่นเป็นความจริงชายสวมหน้ากากตระหนักถึงความจริงเกี่ยวกับอาการป่วยของฮองเฮา จากข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ที่นางหลุดเผยออกมาโชคดีที่มีเพียงชายสวมหน้ากากเท่านั้นที่สังเกตเห็นถึงข้อบกพร่องนี้นอกจากนี้เขายังช่วยเก็บความลับให้นาง และไม่คิดไปบอกใครในขณะที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังครุ่นคิด เซียวเย่หลันก็บอกให้รถม้าหยุด“จวนจ้านอ๋องต้องไปอีกเส้นทางหนึ่ง แต่ตอนนี้ข้าต้องไปรับสนมหมิงที่สำนักคุมประพฤติ เจ้าต้องขี่ม้ากลับจวนเอง”กล่าวจบ เขาก็ยกม่านขึ้นแล้วลงจากรถม้าเซี่ยเชียนฮวันไม่ต้องการพบสนมหมิงตอนกลางดึกอยู่แล้ว นางจึงก้มตัวแล้วลงจากรถม้า ขณะมองหาบางอย่างมาเป็นแท่นเหยียบ ก็เห็นเรียวแขนอันผอมบางที่มีข้อต่ออย่างชัดเจนยื่นมาตรงหน้าหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เซี่ยเชียนฮวันก็วางมือบนใจกลางฝ่ามือของเซียวเย่หลันเบาๆเซียวเย่หลันอุ้มนางขึ้นไปบนหลังม้า“เย่ซิ่น คุ้มครองพระชายากลับจวน” เขาสั่ง“ขอรับ”เย่ซิ่นดึงบังเหียนขึ้นอันที่จริง ตอนอยู่ข้างนอกพระชายาได้รับความคุ้มค
“ที่แท้ก็เป็นเหอกงกง”เซี่ยเชียนฮวันได้ยินว่ากงกงจากในวังอัญเชิญราชโองการมา จึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อมารับราชโองการที่ลานด้านหน้าเหอกงกงโค้งคํานับด้วยรอยยิ้ม “ความจริงแล้วพระชายาสามารถทานอาหารเช้าก่อนได้ บ่าวเฒ่าสามารถอยู่ที่นี่ได้อีกสักพัก”“ทำเช่นนั้นได้อย่างไร กงกงเดินทางจากวังมาไกล คงจะเหนื่อยมาก”เซี่ยเชียนฮวันพูดจาสุภาพ ขณะกวาดสายตามองผู้คนรอบกายเซียวเย่หลันยืนเกียจคร้านอยู่เงียบๆ ข้างนางแสงแดดส่องลงมาตามชายคา สะท้อนโครงหน้าที่เคร่งขรึมของเขา ทำให้กลิ่นอายอันชั่วร้ายที่มีมาแต่กำเนิดราวกับอ่อนแอลง และดูสุขุมเยือกเย็นขึ้นเขาเหมือนจะสังเกตเห็นถึงการจ้องมองของเซี่ยเชียนฮวัน จึงหันหน้ามา แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ ดูมีสมาธิเป็นพิเศษทันใดนั้น เซี่ยเชียนฮวันก็พลันตะลึงงันขึ้นมาบางครั้งนางกับเซียวเย่หลันก็เกลียดชังกัน เอือมระอาซึ่งกันและกัน แต่ในบางครั้งต่างฝ่ายต่างก็ยื่นมือมาช่วยเหลือกัน และเดินมาถึงจุดนี้ได้ในฐานะสามีภรรยาในนามโดยไม่รู้ตัว...“อะแฮ่ม”ซูอวี้เออร์กระแอมไอเล็กน้อยเพื่อขัดจังหวะความคิดของเซี่ยเชียนฮวันนางเปิดปาก ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวกระตุ้นว่า “พร
เซียวเย่หลันหน้าเปลี่ยนสี เขายื่นมือออกไปประคองได้ทันเวลา “อวี้เออร์ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”“ข้า...ข้าเวียนหัวมาก...หนาว”ซูอวี้เออร์ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเซียวเย่หลันด้วยใบหน้าอ่อนแอ ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด ราวกับว่าอาการเจ็บป่วยบางอย่างประทุขึ้นมา“ยาเจ้าล่ะ?” เซียวเย่หลันถาม“อยู่ใน...ห้อง...”ซูอวี้เออร์ทำราวกับว่าแม้แต่การออกเสียงก็ยังลำบากเซียวเย่หลันเห็นนางเป็นเช่นนั้น ก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ในตอนแรกนางเป็นคณิกาที่มีความสามารถอันน่าทึ่ง แต่เพราะช่วยชีวิตเขาจึงกลายมาเป็นเช่นนี้ ร่างกายอ่อนแอเป็นระยะๆ ทำให้ไม่อาจหวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์เช่นอดีตได้เส้นเลือดบนหลังมือชายคนนั้นพลันนูนขึ้น ข้อต่อส่งเสียงดัง ‘กึกกึก’ เขาเงยหน้ามองเซี่ยเชียนฮวันด้วยความสิ้นหวัง และใช้น้ำเสียงเชิงออกคำสั่งว่า “เจ้าช่วยดูอวี้เออร์ที”“มีอะไรให้ดูล่ะ”เซี่ยเชียนฮวันพูดไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงงึมงำเบาๆตอนนี้นางจับชีพจรของซูอวี้เออร์ ตรวจกี่ครั้งก็ไม่พบปัญหา แต่พูดออกไปแล้วเซียวเย่หลันจะเชื่อหรือไม่?คาดไม่ถึงว่า คำพูดของนางจะทำให้เซียวเย่หลันโมโหยิ่งขึ้น เขาดึงนางเข้ามา“เจ้าประคองอวี้เออร์เข้าไปในห้