คนในวังเหล่านี้ชอบพูดค้างไว้ครึ่งประโยคหรือไง...เซี่ยเชียนฮวันจึงทำได้เพียงร่วมเดินทางไปกับเขาด้วยความอดทน แสงเป็นท่าทีเย่อหยิ่งสูงส่งแล้วกระซิบถามว่า "กงกงมีเรื่องใดให้กล่าวมาตามตรงเถิด ข้าจะไม่กล่าวโทษเจ้าหรอก และจะไม่บอกกับผู้อื่นให้รู้ว่าเรื่องนี้ท่านเป็นคนบอกข้า"ขันทีทำสีหน้าลังเล แต่เมื่อได้รับสัญญาจากเซี่ยเชียนฮวันเช่นนี้ เขาจึงกล่าวต่อไปว่า"พระชายาองค์ชายรองยังกล่าวอีกว่า ในฐานะลูกสะใภ้ ท่านไม่เคยเดินทางไปเข้าพบแม่สามีเลย หมิงเฟยเหนียงเหนียงรู้สึกเหงา จึงทำได้เพียงเรียกนางให้เข้าไปแทน"เซี่ยเชียนฮวันได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นทันที "ที่แท้นางยังตำหนิข้าด้วยหรือ "คำพูดเหล่านี้ เมื่อเผยแพร่ออกไปคนอื่นคงจะตราหน้าว่านางเป็นคนอกตัญญู ชั่วพริบตาเดียวอาจสร้างรอยร้าวระหว่างนางและเซียวเย่หลันได้ด้วยช่างเถอะ เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจชีวิตสมรสระหว่างตนกับเซียวเย่หลันนัก"ในวันนี้เหนียงเหนียงเดินทางเข้าวังมาแล้ว จะหาเวลาเข้าไปเยี่ยมเยียนหมิงเฟยหน่อยหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เป็นที่นินทาของผู้อื่น" ขันทีผู้นั้นเอ่ยแนะนำทุกครั้งที่เซี่ยเชียนฮวันเดินทางมาพระราชวัง นางไม่เคยวางท่ากับคนในรา
รถม้ามาถึงค่ายทหารอย่างทุลักทุเลเดิมทีเซี่ยเชียนฮวันต้องการจะลงไปดูเหล่าพี่น้องทหารผู้หล่อเหลากำยำของต้าเซี่ยว่าจะแข็งแกร่งอย่างไรน่าเสียดาย บัดนี้นางนั่งอยู่ในรถม้าราวกับนักโทษ ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ไม่อาจไปไหนได้ทั้งสิ้นเซียวเย่หลันจับศีรษะของนางกล่าวว่า"เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ อย่าลงจากรถม้า " ชายหนุ่มกำชับด้วยความเย็นชา"นี่ อย่างน้อยเจ้าก็ควรเอาผ้าปิดตาของข้าออก ไม่อย่างนั้นหากมีใครมาลักพาตัวเข้าไป ข้าคงจะไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นเช่นไร" เซี่ยเชียนฮวันพูดไม่ออกเซียวเย่หลันโต้กลับประโยคร้องขอนี้ของนาง "นี่คือค่ายทหารของข้า ไม่มีโจรหรือผู้ร้ายทั้งสิ้น""จะรับประกันได้อย่างไรเล่า...นี่? เซียวเย่หลัน เจ้ายังอยู่หรือไม่?"เมื่อเซียวเย่หลันกระโดดลงจากรถม้าไปแล้วจึงไม่มีใครตอบคำถามของเซี่ยเชียนฮวันอีกนางทำอะไรไม่ได้เลยแต่เมื่อคิดดูแล้ว นี่คือยุคสมัยที่สามีต้องได้รับความเคารพจากภรรยา ส่วนภรรยาต้องมีหลักสามเชื่อฟังสี่จรรยา เสมือนกับหุ่นเชิดที่ถูกควบคุม สามีว่าอย่างไรก็ต้องทำตามนั้นบัดนี้นางถูกมัดอยู่ในรถม้า ขาทั้งสองข้างไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ดวงตาก็มองไม่เห็น ดูเหมือนกับสตรีที่แต
"ท่านพี่ทหารทั้งหลายล้อเล่นหรืออย่างไร ในป่าเขาเช่นนี้จะมีสุรา?”เซี่ยเชียนฮวันพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากชายสองคนนี้แต่เรี่ยวแรงของพวกเขามากเหลือเกิน เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง เซี่ยเชียนฮวันไม่อาจดิ้นจนหลุดได้ส่วนลูกชายคนรองของอู่อันโหวเว่ยจงผิง ยืนหัวเราะแหะๆ อยู่ด้านข้าง "พวกเราจะเลี้ยงสุราอย่างอื่นให้เจ้าดื่ม เจ้าลองดูหรือไม่?" สีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันเคร่งขรึมลง "ทางที่ดี พวกเจ้าอย่าได้กระทำบุ่มบ่าม ระวังจุดจบของผลที่กระทำ!"เมื่อสิ้นเสียงลง ชายทั้งหลายก็พากันหัวเราะออกมา!"นี่แม่สาวน้อย ทำท่าทีดุกันกับพวกเราหรือ?""ไม่เลวนี่ ข้าชื่นชอบแบบนี้ สนุกดี!" พวกเขาหัวเราะพางลากเซี่ยเชียนฮวันเข้าไปในกระท่อมเล็กๆ อันทรุดโทรม ซึ่งถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาก็เป็นลูกชายของท่านโหว ต่อให้มีตัณหาเข้ามาครอบงำก็คงจะควบคุมตนเองได้อยู่บ้าง นางพอมีโอกาสถ่วงเวลาคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่ต่างอะไรกับอันธพาลข้างถนน เริ่มลงไม้ลงมือโดยตรง!"เว่ยหย่งเซิ่ง เว่ยจงผิง การกระทำของพวกเจ้าต่ำช้ายิ่งนัก ไม่กลัวว่าจะถูกอู่อันโหวรู้เข้าหรือ?" เซี่ยเชียนฮวันจ้องไปที่พวก
"พระชายาจ้านอ๋อง?"ประโยคนี้ทำให้พวกเขาหยุดยั้งได้จริงๆ เว่ยหย่งเซิ่งและคนอื่นๆ หยุดการกระทำลงชั่วคราว พวกเขาหันมาสบตากัน ผ่านไปสักพักก็พากันหัวเราะเยาะเสียงดัง"หากเจ้าคือพระชายาอ๋อง เช่นนั้นข้าก็คงเป็นฮ่องเต้!"เว่ยจงผิงหัวเราะจนแทบหายใจไม่ทันพรรคพวกของเขาก็หัวเราะขึ้นเช่นกัน "แม่นางเอ๋ย เจ้ามีสมองหรือไม่! กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้มาหลอกพวกเรา?""หึๆ ต่อให้เจ้าเป็นพระชายาจ้านอ๋องแล้วอย่างไร? ความสามารถของจ้านอ๋องเทียบกับค่าไม่ได้แม้แต่น้อย!"เว่ยหย่งเซิ่งกล่าวขึ้นด้วยท่าทีภาคภูมิใจ เขาใช้มืออันอ้วนท้วมจับใบหน้าของเซี่ยเชียนฮวันเอาไว้ไม่ใช่ว่าเขากล้าดูถูกเซียวเย่หลัน แต่เพราะเขาไม่เชื่อคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันต่างหาก คิดว่านางกำลังโกหกเพื่อให้พวกเขาตกใจกลัวและปล่อยนางไปเมื่อเห็นว่าใบหน้าอันน่าเกลียดน่าชังของชายหนุ่มกำลังจะใกล้เข้ามา เซี่ยเชียนฮวันก็รีบหันหน้าหนีสุดชีวิตแทบจะอาเจียนหน้าตาของชายหนุ่มมีข้อเปรียบเทียบจริงๆ!หากไม่นำมาเปรียบเทียบกันนางคงไม่รู้ ว่าที่แท้หน้าตาของเซียวเย่หลันก็พอดูได้"อย่าได้อายไปแม่นางน้อยคนสวย"เว่ยหย่งเซิ่งหัวเราะแล้วบีบคางนางเอาไว้ส
"ฉึก!ลูกศรนั้นปักเข้าที่ขาด้านในของเว่ยจงผิง เขาร้องโหยหวนแล้วล้มลงสู่พื้นคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา พวกเขามองไปยังเว่ยจงผิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายคร่ำครวญอยู่บนพื้นปฏิกิริยาแรกของเว่ยหย่งเซิ่งนั่นก็คือ ใครกันยิงธนูได้แม่นเช่นนี้?"ปฏิกิริยาต่อมาก็คือรู้สึกโมโหแล้วหันไปตะคอกว่า "บังอาจยิ่งนัก! ใครกันกล้าทำร้ายน้องชายข้า รู้หรือไม่ว่าข้าคือบุตรชายของ..."จากนั้นเขาก็หุบปากลงท่ามกลางความตกใจเนื่องจากผู้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือบิดาของเขา อู่อันโหวผู้เต็มไปด้วยความรู้สึกโมโห ณ บัดนี้ผู้ที่อยู่ข้างกายอู่อันโหวคือเซียวเย่หลันจ้านอ๋องขี่ม้าสีเลือดอย่างสง่างาม เขาสวมชุดคลุมสีดำลายเมฆ ในมือถือคันธนูขนาดใหญ่ทำจากทองคำดำ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง"ท่านพ่อ ทะ ท่านอ๋อง..."รอจนกระทั่งเซียวเย่หลันและอู่อันโหวควบม้ามาตรงหน้า เว่ยหย่งเซิ่งจึงเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักความคิดของโซ่วโหวแล่นขึ้นมาทันที รีบยกมือขึ้นคารวะรายงานว่า "ทูลท่านอ๋อง ท่านโหว เราพบสตรีผู้น่าสงสัยอยู่ในค่ายและกำลังสงสัยว่านางเป็นสายลับหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องการจับมาสอบสวน คาดไม่ถึงว่าแม่นางผู้นี้จะกล้าข
"เมื่อครู่เจ้ายังสงสัยว่าข้าเป็นสายลับหรือไม่ เหตุใดจู่ๆ จึงบอกว่าข้าหลงทางเล่า ต้องการจะส่งข้าเท่านั้น?"ดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันหันกลับมามองไปยังเว่ยหย่งเซิ่งที่กำลังอยู่ในอาการสับสนเว่ยหย่งเซิ่งแทบจะร่ำไห้ "ท่านพ่อ ท่านต้องเชื่อข้า ต่อให้ข้าใจกล้าหาญเพียงไร ข้าก็ไม่กล้าจะทำร้ายพระชายาจ้านอ๋องขอรับ!"แน่นอน ตามปกติแล้วเขามักจะมาหาเรื่องที่ค่ายทหารอยู่เสมอแต่เขาเพียงใช้วิชาอันสกปรกเล็กน้อย เขาจะกล้าหาเรื่องกับจ้านอ๋อง ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ได้อย่างไร? อู่อันโหวถอนหายใจออกมา ใบหน้าดูลังเลเล็กน้อยเมื่อเซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ว่าอู่อันโหวรู้สึกลังเล จึงรู้ว่าชายชราผู้นี้กำลังชั่งใจ ถึงสองพี่น้องตระกูลเว่ยจะค่อนข้างบ้ากาม แต่ก็เป็นลูกชายของเขาตอนที่พวกเขาเดินทางมา เซี่ยเชียนฮวันเพียงแค่ถูกล้อมเอาไว้ ไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาจงใจจะกระทำการมิดีมิร้ายจึงเปิดโอกาสให้เว่ยหย่งเซิ่งแก้ตัวได้นางเสียสละตนเองมากมายขนาดนี้ หากจะไม่ให้สองพี่น้องได้รับบทเรียนบ้าง นางจะยินยอมได้อย่างไรเซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองขมวดคิ้วขึ้น แสร้งทำท่าทีโมโหและน้อยเนื้อต่ำใจ นางดึงชายเสื้อของเซียวเย่หลันแ
เว่ยหย่งเซิ่งและเว่ยจงผิงรีบเข้ามาเอ่ยปัดความผิดอีกทั้งกล่าวเติมฟืนเติมไฟว่า “ยามปกติจ้านอ๋องก็ไม่ชอบพวกเขาอยู่เป็นเดิมทุน ปฏิบัติกับผู้ใดล้วนไร้ความอดทน”ฮ่องเต้ทรงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ไม่ได้แสดงสีหน้าใดออกมักเมื่อพวกเขากล่าวจบ ฮ่องเต้ก็หันไปทางเซียวเย่หลันและเซี่ยเชียนฮวัน ตรัสขึ้นช้าๆ "พวกเจ้ามีอะไรอยากพูดหรือไม่?"เซียวเย่หลันกล่าวขึ้นด้วยความเย็นชา "ลูกเพียงเห็นว่ามีคนจะทำร้ายพระชายาอ๋องจากที่ไกลๆ จึงได้ยิงธนูไปเพื่อขัดขวาง ก็เพียงเท่านั้น ""เจ้ากระทำการโดยบุ่มบ่ามมาโดยตลอด"ฮ่องเต้เยือกเย็นลงเล็กน้อยโอรสคนนี้ของเขามีประวัติก่อนหน้ามากมายเหลือเกินเมื่อได้ยินคำฟ้องร้องของสองพี่น้องตระกูลเว่ย ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอพระทัยเซียวเย่หลันอยู่เล็กน้อยส่ายพระพักตร์จับจ้องมาที่เซี่ยเชียนฮวัน "เจ้าเป็นสตรี เข้าไปร่อนเร่ในค่ายทหารเพียงลำพัง มองไปช่างน่าสงสัย ว่ากันว่าคนไม่รู้ไม่ผิดบัดนี้เจ้าเจ็ดได้ทำให้เขาขาเจ็บไปข้างหนึ่ง เจ้ายินดีจะอภัยต่อการกระทำของพวกเขาหรือไม่”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากเล็กน้อยฮ่องเต้ต้องการสร้างสันติภาพจริงๆ ด้วยหากเรื่องจบลงเพียงเท่านี้ สองพี่น้องตระกูล
กงกงทั้งสองที่คอยรับใช้ฮ่องเต้อยู่ซ้ายขวาก็หน้าเขียวหน้าเหลืองไม่กล้าเอ่ยคำใดมีเพียงเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้นที่เผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อยการที่นางจงใจพาสองพี่น้องตระกูลเว่ยเข้ามาในพระราชวังหลวง ก็เพราะต้องการให้เป็นเช่นนี้คำบางคำจะสร้างความเสียหายได้มากสุดก็ต่อเมื่อทูลต่อหน้าฮ่องเต้เท่านั้นอู่อันโหวโมโหสุดขีด เขาเข้าไปเตะบุตรชาย "ไอ้ลูกอกตัญญู! พวกเจ้าสร้างหายนะครั้งใหญ่ขึ้นให้แล้ว และยังกล้าโกหกบ่ายเบี่ยงความผิด ต้องการที่จะทรยศฮ่องเต้หรือ?!"ประโยคนี้เมื่อได้ยินไปถึงหูของฮ่องเต้ อย่าว่าแต่เว่ยจงผิงเลย ทั้งจวนอู่อันโหวก็อาจต้องได้รับผลกระทบด้วย!ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงหลักฐานที่พวกเขาตั้งใจจะทำร้ายพระชายาจ้านอ๋องแม้ว่าไทเฮาจะไม่ค่อยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกเท่าไรนัก แต่ก็รักและทะนุถนอมพระชายาจ้านอ๋องเป็นอย่างยิ่ง คงจะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่"ท่านพ่อ ลูกผิดไปแล้ว ลูกไม่ได้ตั้งใจ..."เว่ยจงผิงเอ่ยร้องขอความเมตตาอู่อันโหวโมโหเสียจนเข้าไปกระทืบ "นี่ขนาดไม่ตั้งใจ หากพวกเจ้าตั้งใจกระทำแล้วผลออกมาจะเป็นอย่างไรเล่า!"ชั่วพริบตาเดียวสองพี่น้องตระกูลเว่ยก็ถูกกระทืบจนช้ำเลือดกงกงที่อย